ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยปีนี้ไทยส่งออกข้าวไปแล้วกว่า 8 ล้านตันมากที่สุดเท่าที่เคยส่งออกมา รับเป็นผลมาจากนโยบายประกันราคาของรัฐบาลก่อน พร้อมชี้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล “ปูแดง”ไม่เป็นผลดีเนื่องจากบิดเบือนราคาที่แท้จริง ชี้ส่งผลกระทบหนักแน่ต่อการส่งออกข้าวไทย ทำให้ต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่งเพราะราคาจะพุ่งสูงขึ้นจนสู้ไม่ได้ ระบุสหรัฐฯ ฟันธงแล้วปีหน้าไทยส่งออกข้าวลดลง 2 ล้านตัน หวั่นเวียดนามแซงครองเก้าอี้เบอร์ 1
วันนี้(16 ก.ย.54) ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยร่วมกับสมาคมอาหารเวียดนาม และเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งสองฝ่าย จัดการประชุมความร่วมมือค้าข้าวไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 8 โดยมีประเด็นสำคัญในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การผลิตและการค้าข้าวของโลก ซึ่งในปัจจุบันมีปัจจัยที่เข้ามากระทบกับภาวะตลาดค่อนข้างมาก ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจะได้มีการหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic CommunityหรือAEC)ในปี 2558 ด้วย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การผลิตและการค้าข้าวของทั้งสองฝ่ายในตลาดโลกสร้างความร่วมมือกันในการที่จะเป็นพันธมิตรแทนที่จะเป็นคู่แข่งและจะไม่ตัดราคาขายกันในตลาดโลก ซึ่งจะมีผลให้ราคาข้าวส่งออกดีและช่วยดึงราคาข้าวในประเทศ พร้อมทั้งมีการหารือร่วมกันในการเตรียมความพร้อมรับ AEC ด้วย ซึ่งจะมีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันด้วย
สำหรับสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยตลอดช่วงที่ผ่านมาของปี 2554 นายชูเกียรติ กล่าวว่า ส่งออกไปแล้วประมาณ 8 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ที่ไทยส่งออกมา และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีน่าจะมีจำนวนส่งออกรวมทั้งสิ้น มากถึงราว 11 ล้านตัน โดยการส่งออกข้าวที่มากขึ้นนั้น ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งยอมรับว่า เป็นผลเนื่องมาจากนโยบายประกันราคาข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ทำให้ราคาขายข้าวไม่เป็นการบิดเบือนราคาข้าวในตลาดโลก
ขณะเดียวกันนายชูเกียรติ แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ไม่เป็นผลดีต่อการส่งออกข้าวไทยเลย เนื่องจากเป็นการบิดเบือนราคาข้าวในตลาดโลก ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยจะต้องเพิ่มสูงขึ้นตันละประมาณ 300 เหรียญสหรัฐ จากราคาปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 530 เหรียญสหรัฐ จึงมีความเป็นห่วงว่าในช่วงที่มีการดำเนินนโยบายนี้จะทำให้การส่งออกข้าวไทยลดลง และต้องสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และไม่มีการบิดเบือนราคาที่แท้จริง ซึ่งเวลานี้ทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาที่มีข้อมูลจากทั่วโลกได้มีการประเมินแล้วว่าในปีหน้าการส่งออกข้าวไทยจะลดลงจากในปีนี้ไปร้อยละ 20 หรือประมาณ 2 ล้านตัน
นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวด้วยว่า ด้านหนึ่งยอมรับว่านโยบายการรับจำนำข้าวผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามไม่เห็นด้วยที่มีการบิดเบือนราคาที่แท้จริง เพราะไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนที่จะต้องบริโภคข้าวในราคาที่สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ เป็นห่วงว่าจะทำให้เกษตรกรเปลี่ยนมาปลูกข้าวกันเพิ่มมากขึ้น จนเกินความต้องการบริโภค แล้วส่งผลให้ผลผลิตล้นตลาดและเกิดปัญหาด้านราคาตามมาอีก ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายนี้แล้ว แต่ไม่เป็นผล
“นโยบายรับจำนำข้าวไม่เป็นผลดีต่อการส่งออกข้าวไทยเลย เพราะเป็นการบิดเบือนราคาที่แท้จริงจนทำให้ราคาข้าวส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ มาก ซึ่งจะทำให้ไทยต้องสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดไป แม้ปัจจุบันไทยจะยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก โดยมีเวียดนามเป็นอันดับรองลงมา แต่ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงเช่นกันว่าจะถูกแซงในอนาคต” นายชูเกียรติ กล่าว