อช.แก่งกระจานยันกรณีดันชนกลุ่มน้อยออกจากพื้นที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ

เพชรบุรี - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพชรบุรี แจงกรณีผลักดันชนกลุ่มน้อยออกจากพื้นที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุอย่างที่เป็นข่าว แต่ทำตามหน้าที่เพื่อปกป้องผืนป่า

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ออกมาชี้แจงกรณีในการผลักดันชนกลุ่มน้อยออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานว่า ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และ 2 มีการเจรจาพูดคุยให้ความเข้าใจกับชนกลุ่มน้อยและรื้อบ้านหรือเพิงพักอาศัยไว้ก่อนโดยไม่มีการเผา ส่วนครั้งที่ 3 จะมีความเข้มงวดมากขึ้นโดยมีการผลักดันชนกลุ่มน้อยออกนอกพื้นที่ และทำการเผาบ้านหลังเก่าที่รื้อไว้เมื่อครั้งที่ 2 ทั้งนี้ หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะทำให้ชนกลุ่มน้อยได้ใจและอพยพเข้ามาอยู่ในพื้นที่มากขึ้น

สำหรับการเผาบ้านมีการเผาจริง แต่เผาในจุดที่มีการรื้อบ้านไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ได้เผาบ้านที่ยังมีคนอาศัยอยู่แต่อย่างใด

นอกจากนี้ หากสำรวจแล้วพบว่าจุดไหนที่พบว่ายังมีการสร้างบ้านอีกก็จะทำการรื้อทิ้งไว้และไปทำการเผาต่อไปในครั้งที่ 4 โดยครั้งที่ 5 และ 6 ที่ได้เข้าไปเป็นการแสดงชี้วัดอย่างหนึ่งที่สามารถสะท้อนภาพให้เห็นว่าบ้านทั้ง 22 หลัง เราได้เจอบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยจริงเพียงแค่ 7 หลังเท่านั้นเอง ส่วนอีก 15 หลังได้มีการอพยพหนีข้ามไปยังฝั่งพม่าแล้ว แสดงว่าเขาเข้าใจและเริ่มรู้แล้วว่าแผ่นดินไทยมีกฎหมายและยังมีส่วนหนึ่งที่เขาไม่สามารถบุกรุกแผ้วถางป่าผืนต้นน้ำลำธารได้

ส่วนภารกิจต่อไปจะต้องดำเนินการต่อไปเพราะต้องการที่จะปกป้องผืนป่า ปกป้องผืนแผ่นดินไทยไว้ โดยเฉพาะความหลากหลายของชีวภาพ สัตว์ป่า และพื้นที่ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า รวมถึงต้นน้ำที่เก็บไว้ให้คนทั้งจังหวัดเพชรบุรีได้ใช้กันกับภาระกิจนี้คงต้องดำเนินต่อไป

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่อุทยานร่วมกับกับเจ้าหน้าที่ทหารทำเกินกว่าเหตุในการผักดันชนกลุ่มน้อยจนจนเกิดพัวพันถึงเรื่อง ฮ.ตกนั้นไม่เกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน เนื่องจากการอพยพผลักดันชนกลุ่มน้อยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยมีการอพยพดำเนินการโดยอุทยานเป็นหลักซึ่งมีการใช้ ฮ.จำนวน 3 ลำของกระทรวงทรัพย์ กระทรวงเกษตรฯ และโครงการชั่งหัวมัน โดยการดำเนินการอพยพชนกลุ่มน้อยเราทำทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ส่วนจุดที่ ฮ.ตกอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่คนละจุดกัน คนละประเด็นกันคนละความหมาย คนละภาระกิจ คนละหน้าที่ โดยภารกิจผลักดันชนกลุ่มน้อยนั้นได้มีการปรับความเข้าใจกันอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งที่เป็นชนกลุ่มน้อยในพื้นที่โป่งลึก-บางกรอย ที่มีการอพยพเข้ามาและมีการจัดสรรที่ดินทำกิน 3-5-7-15 ไร่ และทุกครอบครัวจะมีที่อยู่อาศัยครอบครัวละ 3 งาน ซึ่งทุกคนก็อยู่ตรงนั้นส่วนบางคนกลับไปอยู่ที่เดิมก็มี ซึ่งขณะนี้มีโครงการพระราชดำริพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนบ้านโป่งลึก-บางกรอย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก็จะมีงานที่ส่งเสริมอาชีพให้เขามีเงินมีรายได้เพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้น คนที่ออกมาให้ข่าวว่ามีการรุกรานทำให้ชนกลุ่มน้อยเดือดร้อนจนมีการสาปแช่งจนทำให้ ฮ.ตก ถ้าหากต้องการลงโทษจริงต้องลงโทษอุทยาน และ ฮ.ที่ใช้ในภาระกิจ เพราะฉะนั้นสิ่งพวกนี้หากพูดในภาพรวมว่าภาระกิจที่ ฮ.ตกมันเป็นเรื่องของการปฏิบัติการในภาระกิจนี้มันคนละเรื่องกันกับการผลักดันชนกลุ่มน้อย

อย่างไรก็ตาม การผลักดันชนกลุ่มน้อยเป็นงานของประเทศ ไม่ใช่งานของอุทยานฯ ทุกคนต้องมองในภาพรวมว่าถ้ามีคนบุกรุกผืนป่าทั้งหมดแล้ววางเฉย ปล่อยให้ถูกบุกรุกเป็นไร่เลื่อนลอย และมาโทษเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีการดูแล ตรงนี้ให้กลับไปคิดใหม่ว่า ทางเราทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และมีผลกระทบน้อยที่สุด โดยยึดหลักตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้คนอยู่กับป่าได้ จัดสรรที่ทำกินพัฒนาแปล่งน้ำให้มีความสมบูรณ์