ศูนย์ข่าวศรีราชา-สโมสรศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ประเดิมการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีกในเลคที่สองสุดสวย เมื่อเปิดบ้านเฉือนเอาชนะสโมสรอาร์มี ยูไนเต็ดไปได้อย่างหวุดหวิด จากการยิงประตูชัยของ กองหน้าบราซิลเลี่ยน คริสเตียโน่ โลเปซ ในการประเดิมสนามนัดแรกในสีเสื้อของเดอะบลูมาลินอีกด้วย
ที่สนามหญ้าเทียม ซูซูกิ สเตเดี้ยม เป็นการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก นัดแรกของเลกที่สอง โดยเป็นการพบกันระหว่าง “เดอะบลูมาลิน”ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ทีมอันดับที่ 16 ในชุดสีน้ำเงิน-ขาว พบกับทีม “กงจักรพิฆาต”อาร์มี ยูไนเต็ด ทีมอันดับที่ 9 ในชุดสีดำ ในเกมนี้ “เดอะโอ่ง”ดุสิต เฉลิมแสน ส่ง คริสเตียโน่ โลเปซ กองหน้าชาวบราซิลยืนล่าตาข่ายเป็นนัดแรกคู่กับ อารอน ดาซิลวา ส่วนทีมเยือนต้องขาด อเล็กซานเดอร์ อัลเวส กองหลังตัวเก่งของทีมเนื่องจากติดโทษแบน โดยก่อนการแข่งขันมีการยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาทีอีกด้วย
เริ่มเกมทีมเยือนมีโอกาสจะได้ประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะเตะมุมของ ธาตรี สีหา บอลมาเข้าหัวของ ศิวะเมต ธนูศร โหม่งบอลชนสามเหลี่ยมเด้งมาเข้าทาง เลนโดร โดส ซานโตส โหม่งบอลไปชนเสากระดอนมาเข้ามือ ลูคัส เอเชนีเก้ ผู้รักษาประตูศรีราชาฯรับไว้ได้
อีกนาทีต่อมา ศรีราชาก็เกือบยิงประตูได้เหมือนกัน แต่ วุฒิศักดิ์ มณีสุขยิงบอลข้ามคานออกไปนิดเดียว จนในนาทีที่ 74 กองเชียร์ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ก็ได้เฮกันทั้งสนามเมื่อ จัสติน มูส เปิดลูกเตะมุมมาหน้าประตู บอลมาเข้าทางของ คริสเตียนโน่ โลเปซ ยิงไปติดกัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ผู้รักษาประตูอาร์มี ยูไนเต็ดก่อนจะตามไปซ้ำบอลเข้าประตูไป ให้ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ขึ้นนำ 1-0
จนเวลาที่เหลือนักเตะอาร์มี ยูไนเต็ด จะพยายามบุกเพื่อทำประตูตีเสนมอให้ได้แต่ไม่สำเร็จ จบเกมศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี เฉือนเอาชนะอาร์มี่ ยูไนเต็ดไปได้ 1 -0 เก็บ 3 คะแนนเต็มประเดิมเลคที่ 2 ไปได้อย่างสวยงาม
ทำให้ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี มีคะแนนเพิ่มเป็น 16 คะแนนแซงทีโอที เอสซี ที่มีคะแนนเท่ากัน แต่ประตูได้เสียดีกว่าขยับขึ้นไปอยู่อันดับที่ 15 แทนที่แล้ว
ในช่วงหลังเกมมีเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เมื่อหลังเสียงนกหวีดดังขึ้น เลนโดร ดอส ซานโต๊ส ได้เข้าไปตบหน้า วุฒิศักดิ์ มณีสุข จนทำให้กองเชียร์ศรีราชาฯกว่า 100 คนไม่พอใจตะโกนกดดันให้ เลนโดร ดอส ซานโต๊ส มาขอโทษวุฒิศักดิ์ มณีสุข จนผู้บริหารของทีมอาร์มี ยูไนเต็ด ต้องพา เลนโดร ดอส ซานโต๊ส ออกมาขอโทษยอมรับผิดต่อหน้าแฟนบอลศรีราชาฯ จึงทำให้แฟนบอลยอมสลายตัวไปในที่สุด และหลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้นอีก