เชียงราย – แกนนำหางแดงทั้งตัวเล็ก-ตัวใหญ่ เรียงหน้าขึ้นเวทีเชียงราย ทั้งโกหก-สำรากภาษายุคพ่อขุนฯ กันหน้าตาเฉย ยกก้น “พ่อแม้ว” กันสุดฤทธิ์ “อิทธิเดช” ด่าศาล “อ่านหาพ่อ หาแม่ทำไม” ขณะที่ “ไอ้กี้” ส่อหมิ่นศาล-“พายัพ” หนุนนำน้ำมันร่วมชุมนุมล้านลิตร-ยุคนเสื้อแดงนำ “ถุงอึ” ติดรถขว้างตำรวจ ด้าน “ทักษิณ” เบี้ยวโฟนอินเชียงราย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ในการจัดเวทีปราศรัยค่ำวันที่ 6 มี.ค.53 ปลุกระดมคนไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ที่กำหนดจัดขึ้น 14 มี.ค.53 ที่จะถึงนี้ ของกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย บริเวณตลาดเก่าห้วยไคร้ หมู่บ้านห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ของเศรษฐินีคนหนึ่ง โดยมีคนเสื้อแดงในพื้นที่แม่สายและข้างเคียงเข้ารับฟังประมาณ 300 คน และมีแกนนำจาก นปช.ส่วนกลาง เดินทางไปปราศรัยด้วย 2 คน คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายพายัพ ปั้นเกตุ รวมทั้งมี นายอิทธิเดช แก้วหลวง และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมด้วย
ขณะที่มีแกนนำคนเสื้อแดงในเชียงรายหลายคนไปร่วม เช่น นายจิระโชติ อุ่นนะ, นายณรงค์ ทิพย์นวล สองแกนนำจากกลุ่ม นปช.เชียงราย 52, นายอรรถกร กันทะไชย และ นายวีระ ชมภูวิเศษ จากกลุ่มคนเจียงฮายรักประชาธิปไตย, น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม จากกลุ่มชมรมคนรักทักษิณเชียงราย 49 ฯลฯ
เมื่อเริ่มเวทีพิธีกรต่างปราศรัยโจมตีรัฐบาลและระบอบอำมาตย์ รวมทั้งยกย่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษหลบหนีคดีอาญาแผ่นดินเหมือนเดิม และแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้าไปในช่วงดึก ก่อนที่ นายจิระโชติ อุ่นนะ แกนนำกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 จะขึ้นปราศรัยนำร่องด้วยการระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความผิดในคดีความต่างๆ โดยยกตัวอย่างกรณีการซื้อขายที่ดินรัชดา ก็สร้างรายได้เข้ารัฐโดยไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด
แต่ นายจิระโชติ ไม่ได้บอกว่า กรณีนี้ผิดรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 2540 ซึ่งคนเสื้อแดงยกย่อง และปี 2550 ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าไปเป็นคู่สัญญาในการซื้อขายกับภาครัฐ ขณะที่ช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี - ดูแลกองทุนฟื้นฟู ผู้เป็นเจ้าของที่ดินรัชดาพิเศษดังกล่าวด้วย
นายจิระโชติ ยังเหิมถึงขั้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส ว่า มีการประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระบรมวงศานุวงศ์ฝรั่งเศส รวมทั้งโกหกคนเสื้อแดงที่ไปรับฟังว่า ทั่วโลกรู้ปัญหาในประเทศไทยดีและยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเกือบทุกประเทศในโลกไม่ต้อนรับ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าไปได้บางประเทศที่ยากจนเท่านั้น
ต่อมานายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย ได้ขึ้นพูดโดยระบุอย่างไม่มีเหตุผลว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษายุบพรรคไทยรักไทย หลังจากอ่านข้อพิพากษานานกว่า 6-7 ชั่วโมง ยุบเพราะอำนาจมืด พอมาถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ “ไม่รู้อ่านหาพ่อหาแม่อะไร อ่านอยู่นั่น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ยุบพรรคไทยรักไทยขึ้นมาเลย”
นายอิทธิเดช กล่าวโดยไม่สนใจข้อกฎหมายและกล้าโกหกต่อมวลชน ว่า ไม่ได้มีขัอกฎหมายให้ยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็ถูกยึดจนได้
ต่อมา นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำ นปช.ได้ขึ้นปราศรัยโดยใช้คำพูดที่ไม่สุภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อด่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ-รัฐบาลชุดปัจจุบัน เช่น โคตรพ่อโคตรแม่มัน ไอ้เหี้ย ฯลฯ โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์สร้างหนี้ด้วยการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาชดใช้ให้
แต่ นายพายัพ ไม่ได้แจ้งความจริงกับผู้มารับฟังว่ารัฐบาลที่กู้ยืมเงินจากไอเอ็มเอฟครั้งแรกก็คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี-ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ นายพายัพ ยังยกย่อง 3 เกลอหัวขวดว่า เป็นวีรบุรุษ แต่แค่ไปชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลและปิดการจราจรที่กรุงเทพฯ จนวุ่นวายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหากีดขวางทางจราจรเสียแล้ว นอกจากนี้ ยังชื่นชมแนวคิดของนายอริสมันต์เรื่องการนำน้ำมันไปชุมนุมด้วย 1 ล้านลิตร โดยระบุว่า “เป็นสิทธิที่จะนำไปใช้ป้องกันตัว”
นายพายัพ บอกว่า วันที่ 12 มี.ค.นี้ สายเหนือและภาคกลาง 15 จังหวัด เราจะลงสู่ถนนมุ่งสู่กรุงเทพฯ โดยมี อริสมันต์ และตนเป็นแกนนำ
“ขอให้เราเอาถุงขี้ไปด้วยหากว่าเจอด่านตำรวจแล้วตำรวจยึกยักก็เอาถุงออกมา ถ้ามากเรื่องก็ปามันเข้าไปเลย” นายพายัพ กล่าวอย่างบ้านเมืองไร้ขื่อแป ก่อนจะทิ้งท้ายว่า จะมีรถนยนต์เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 5,000 คัน และเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาอีก 3,200 ลำ
ช่วงท้าย นายอริสมันต์ ได้ขึ้นปราศรัยโดยพิธีกร ระบุว่า เป็นวีรบุรุษแห่งเหตุการณ์ที่พัทยา ทั้งๆ ที่เป็นการทำลายประเทศและการประชุมอาเซียนซัมมิตอย่างราบคาบ ซึ่งนายอริสมันต์ ได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวโจมตีตำรวจที่ติดตามดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับคณะตัวเองที่ท่าอากาศยานเชียงราย พร้อมขู่ว่า ตนได้ขึ้นบัญชีรายชื่อตำรวจเอาไว้หมดแล้ว หลังการต่อสู้ครั้งนี้จะกลับมาคิดบัญชีด้วย จึงขอให้ตำรวจที่เห็นด้วยกับการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้ไปลงชื่อเพื่อจะได้รับเงินคนละ 1 ล้านบาท และรอดพ้นจากการถูกคิดบัญชีดังกล่าว
นายอริสมันต์ ขู่อีกว่า ตนเคยมีประสบการณ์โดยมีคนเสื้อแดงล้อมตำรวจที่ติดตามเอาไว้ จากนั้นคนเสื้อแดงได้รุมทำร้ายตำรวจจนซี่โครงหักมาแล้ว
พร้อมกันนั้น ก็เริ่มกลับมาชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการให้ข้อมูลผิดๆ อีก เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำผิด แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดศาลจึงพิพากษายึดทรัพย์ของเขาทั้ง 76,000 ล้านบาท เพราะก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีมีทรัพย์สินกว่า 150,000 ล้านบาท เพราะทำธุรกิจด้านการสื่อสาร
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ กลับไม่ยอมอธิบายว่า เงินที่ได้มาจากธุรกิจสื่อสารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาจากรัฐบาลของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ประธาน รสช.ซึ่งเป็นเผด็จการที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงด้วย รวมทั้งไม่ได้อธิบายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายครั้ง เพียงไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น
แกนนำ นปช.คนนี้ ยังระบุว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็โอนหุ้นให้ลูกๆ แต่ศาลก็ยังมาสั่งยึดอีก จึงสงสัยว่ามีความผิดตรงไหน เหตุใดจึงเข้าประเทศไทยไม่ได้ หัวใจของคนเสื้อแดงจึงแตกสลายเพราะคำพิพากษาของศาล
โดยที่ไม่ได้แจกแจงความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่ได้โอนหุ้นให้ลูก แต่เป็นการขาย โดยใช้ช่องทางกฎหมาย เพื่อไม่ต้องเสียภาษี และทำสัญญาให้ลูก จนเมื่อมีการปันผลหุ้นจากเครือชินคอร์ปบรรดาลูกและญาติที่ขายหุ้นให้จึงค่อยๆ ปันผลกำไรหุ้นโดยแปลงเป็นหนี้ตามตั๋วดังกล่าวให้ จนศาลพิพากษาว่า ซุกหุ้นและขณะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ดำเนินโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้กับชินคอร์ปมาโดยตลอดด้วย
นายอริสมันต์ ยังปราศรัยอย่างเมามันก่อนที่จะยุติการชุมนุม เพราะพิธีกรบนเวทีแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ติดภารกิจไม่สามารถโฟนอินเข้ามายังเวทีได้ ทำให้คนเสื้อแดงสลายตัวในที่สุด
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ ยังจะอยู่ในพื้นที่เชียงรายเพื่อปราศรัยในอีกหลายอำเภอ ปลุกระดมคนไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ให้ได้มากที่สุดต่อไป
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ในการจัดเวทีปราศรัยค่ำวันที่ 6 มี.ค.53 ปลุกระดมคนไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ที่กำหนดจัดขึ้น 14 มี.ค.53 ที่จะถึงนี้ ของกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย บริเวณตลาดเก่าห้วยไคร้ หมู่บ้านห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ของเศรษฐินีคนหนึ่ง โดยมีคนเสื้อแดงในพื้นที่แม่สายและข้างเคียงเข้ารับฟังประมาณ 300 คน และมีแกนนำจาก นปช.ส่วนกลาง เดินทางไปปราศรัยด้วย 2 คน คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายพายัพ ปั้นเกตุ รวมทั้งมี นายอิทธิเดช แก้วหลวง และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมด้วย
ขณะที่มีแกนนำคนเสื้อแดงในเชียงรายหลายคนไปร่วม เช่น นายจิระโชติ อุ่นนะ, นายณรงค์ ทิพย์นวล สองแกนนำจากกลุ่ม นปช.เชียงราย 52, นายอรรถกร กันทะไชย และ นายวีระ ชมภูวิเศษ จากกลุ่มคนเจียงฮายรักประชาธิปไตย, น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม จากกลุ่มชมรมคนรักทักษิณเชียงราย 49 ฯลฯ
เมื่อเริ่มเวทีพิธีกรต่างปราศรัยโจมตีรัฐบาลและระบอบอำมาตย์ รวมทั้งยกย่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษหลบหนีคดีอาญาแผ่นดินเหมือนเดิม และแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้าไปในช่วงดึก ก่อนที่ นายจิระโชติ อุ่นนะ แกนนำกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 จะขึ้นปราศรัยนำร่องด้วยการระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความผิดในคดีความต่างๆ โดยยกตัวอย่างกรณีการซื้อขายที่ดินรัชดา ก็สร้างรายได้เข้ารัฐโดยไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด
แต่ นายจิระโชติ ไม่ได้บอกว่า กรณีนี้ผิดรัฐธรรมนูญทั้งฉบับปี 2540 ซึ่งคนเสื้อแดงยกย่อง และปี 2550 ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าไปเป็นคู่สัญญาในการซื้อขายกับภาครัฐ ขณะที่ช่วงนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี - ดูแลกองทุนฟื้นฟู ผู้เป็นเจ้าของที่ดินรัชดาพิเศษดังกล่าวด้วย
นายจิระโชติ ยังเหิมถึงขั้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส ว่า มีการประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระบรมวงศานุวงศ์ฝรั่งเศส รวมทั้งโกหกคนเสื้อแดงที่ไปรับฟังว่า ทั่วโลกรู้ปัญหาในประเทศไทยดีและยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเกือบทุกประเทศในโลกไม่ต้อนรับ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าไปได้บางประเทศที่ยากจนเท่านั้น
ต่อมานายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เชียงราย ได้ขึ้นพูดโดยระบุอย่างไม่มีเหตุผลว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษายุบพรรคไทยรักไทย หลังจากอ่านข้อพิพากษานานกว่า 6-7 ชั่วโมง ยุบเพราะอำนาจมืด พอมาถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ “ไม่รู้อ่านหาพ่อหาแม่อะไร อ่านอยู่นั่น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ยุบพรรคไทยรักไทยขึ้นมาเลย”
นายอิทธิเดช กล่าวโดยไม่สนใจข้อกฎหมายและกล้าโกหกต่อมวลชน ว่า ไม่ได้มีขัอกฎหมายให้ยึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็ถูกยึดจนได้
ต่อมา นายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำ นปช.ได้ขึ้นปราศรัยโดยใช้คำพูดที่ไม่สุภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อด่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ-รัฐบาลชุดปัจจุบัน เช่น โคตรพ่อโคตรแม่มัน ไอ้เหี้ย ฯลฯ โดยระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์สร้างหนี้ด้วยการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ มาชดใช้ให้
แต่ นายพายัพ ไม่ได้แจ้งความจริงกับผู้มารับฟังว่ารัฐบาลที่กู้ยืมเงินจากไอเอ็มเอฟครั้งแรกก็คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี-ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ นายพายัพ ยังยกย่อง 3 เกลอหัวขวดว่า เป็นวีรบุรุษ แต่แค่ไปชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลและปิดการจราจรที่กรุงเทพฯ จนวุ่นวายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหากีดขวางทางจราจรเสียแล้ว นอกจากนี้ ยังชื่นชมแนวคิดของนายอริสมันต์เรื่องการนำน้ำมันไปชุมนุมด้วย 1 ล้านลิตร โดยระบุว่า “เป็นสิทธิที่จะนำไปใช้ป้องกันตัว”
นายพายัพ บอกว่า วันที่ 12 มี.ค.นี้ สายเหนือและภาคกลาง 15 จังหวัด เราจะลงสู่ถนนมุ่งสู่กรุงเทพฯ โดยมี อริสมันต์ และตนเป็นแกนนำ
“ขอให้เราเอาถุงขี้ไปด้วยหากว่าเจอด่านตำรวจแล้วตำรวจยึกยักก็เอาถุงออกมา ถ้ามากเรื่องก็ปามันเข้าไปเลย” นายพายัพ กล่าวอย่างบ้านเมืองไร้ขื่อแป ก่อนจะทิ้งท้ายว่า จะมีรถนยนต์เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 5,000 คัน และเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาอีก 3,200 ลำ
ช่วงท้าย นายอริสมันต์ ได้ขึ้นปราศรัยโดยพิธีกร ระบุว่า เป็นวีรบุรุษแห่งเหตุการณ์ที่พัทยา ทั้งๆ ที่เป็นการทำลายประเทศและการประชุมอาเซียนซัมมิตอย่างราบคาบ ซึ่งนายอริสมันต์ ได้เริ่มต้นด้วยการกล่าวโจมตีตำรวจที่ติดตามดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับคณะตัวเองที่ท่าอากาศยานเชียงราย พร้อมขู่ว่า ตนได้ขึ้นบัญชีรายชื่อตำรวจเอาไว้หมดแล้ว หลังการต่อสู้ครั้งนี้จะกลับมาคิดบัญชีด้วย จึงขอให้ตำรวจที่เห็นด้วยกับการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.นี้ไปลงชื่อเพื่อจะได้รับเงินคนละ 1 ล้านบาท และรอดพ้นจากการถูกคิดบัญชีดังกล่าว
นายอริสมันต์ ขู่อีกว่า ตนเคยมีประสบการณ์โดยมีคนเสื้อแดงล้อมตำรวจที่ติดตามเอาไว้ จากนั้นคนเสื้อแดงได้รุมทำร้ายตำรวจจนซี่โครงหักมาแล้ว
พร้อมกันนั้น ก็เริ่มกลับมาชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยการให้ข้อมูลผิดๆ อีก เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำผิด แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดศาลจึงพิพากษายึดทรัพย์ของเขาทั้ง 76,000 ล้านบาท เพราะก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีมีทรัพย์สินกว่า 150,000 ล้านบาท เพราะทำธุรกิจด้านการสื่อสาร
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ กลับไม่ยอมอธิบายว่า เงินที่ได้มาจากธุรกิจสื่อสารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มาจากรัฐบาลของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ประธาน รสช.ซึ่งเป็นเผด็จการที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงด้วย รวมทั้งไม่ได้อธิบายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชีทรัพย์สินระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายครั้ง เพียงไม่กี่ร้อยล้านเท่านั้น
แกนนำ นปช.คนนี้ ยังระบุว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็โอนหุ้นให้ลูกๆ แต่ศาลก็ยังมาสั่งยึดอีก จึงสงสัยว่ามีความผิดตรงไหน เหตุใดจึงเข้าประเทศไทยไม่ได้ หัวใจของคนเสื้อแดงจึงแตกสลายเพราะคำพิพากษาของศาล
โดยที่ไม่ได้แจกแจงความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่ได้โอนหุ้นให้ลูก แต่เป็นการขาย โดยใช้ช่องทางกฎหมาย เพื่อไม่ต้องเสียภาษี และทำสัญญาให้ลูก จนเมื่อมีการปันผลหุ้นจากเครือชินคอร์ปบรรดาลูกและญาติที่ขายหุ้นให้จึงค่อยๆ ปันผลกำไรหุ้นโดยแปลงเป็นหนี้ตามตั๋วดังกล่าวให้ จนศาลพิพากษาว่า ซุกหุ้นและขณะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ดำเนินโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้กับชินคอร์ปมาโดยตลอดด้วย
นายอริสมันต์ ยังปราศรัยอย่างเมามันก่อนที่จะยุติการชุมนุม เพราะพิธีกรบนเวทีแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ติดภารกิจไม่สามารถโฟนอินเข้ามายังเวทีได้ ทำให้คนเสื้อแดงสลายตัวในที่สุด
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ ยังจะอยู่ในพื้นที่เชียงรายเพื่อปราศรัยในอีกหลายอำเภอ ปลุกระดมคนไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ให้ได้มากที่สุดต่อไป