แกนนำ นปช.ลิงโลดวาดฝันชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงไม่น่าเกิน 3-5 วัน โม้ล่วงหน้าคาดคนเป็นล้าน ด้าน ส.ส.ไข่แม้วออกหน้าอำนวยความสะดวกเสื้อแดงเต็มที่ ด้าน กมธ.การเงินฯ ลิ่วล้อเตรียมจัดฉากเรียกอธิบดี-ปลัดคลังแจงเหตุตามล้างตามเช็ดครอบครัว “แม้ว” เอาใจนายใหญ่
วันนี้ (2 มี.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ในที่ประชุมพรรค นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้แจ้งกำหนดการเบื้องต้นของการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มี.ค.ต่อที่ประชุมพรรค โดยนายจตุพรได้แจ้งว่ากลุ่ม นปช.อาจใช้เวลาชุมนุมประมาณ 3-5 วัน ซึ่งที่ประชุมพรรคได้ประเมินร่วมกับนายจตุพรด้วยว่า การชุมนุมครั้งนี้จะมีคนมาร่วมชุมนุมเป็นล้านคน จึงต้องจัดระบบการชุมนุมในการดูแลมวลชนให้ดี ต้องประสานเรื่องความปลอดภัยสถานที่ และการอำนวยความสะดวก ซึ่ง ส.ส.ของพรรคก็เห็นด้วย เพราะมองว่าถึงเวลาที่ ส.ส.ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ดังนั้น เมื่อคนเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวจึงเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่ต้องออกมาช่วยกลุ่ม นปช.บริหารจัดการและดูแลคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคเหนือนั้น จะมีมวลชนเดินทางมาร่วมชุมนุมใน กทม.ประมาณ 4-5 หมื่นคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีคนเสื้อแดงมาลงทะเบียนกับกลุ่ม นปช.ไว้
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เรางอมืองอเท้าต่อไปไม่ได้ เพราะพรรคเราโดนกระทำมาตลอด ตั้งแต่นี้ไปการต่อสู้ในสภาและนอกสภาจะเข้มข้นมากขึ้น และการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นระบบมากกว่าเดือนเมษายน 2552 ส.ส.จะเข้าไปช่วยดูแลเรื่องจิปาถะ เช่น ความเป็นอยู่ อาหารการกิน ห้องส้วม สถานที่พัก จุดนัดพบ และการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.ส.ในพรรคก็ได้ช่วยดูแลในเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสื้อสีแดงที่สกรีนรูป พ.ต.ท.ทักษิณนำไปแจกในพื้นที่ต่างๆ
นายสุรพงษ์ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมาธิการในวันพุธที่ 10 มี.ค.จะนำคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมสรรพากรที่เรียกเก็บภาษีการซื้อและโอนหุ้นจำนวน 12,000 ล้านบาทมาพิจารณาด้วย โดยจะเชิญอธิบดีกระทรวงการคลังและปลัดกระทรวงการคลังมาสอบถามถึงกรณีที่กรมสรรพากรไปอายัดบัญชีทรัพย์สินของบุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าใช้ข้อกฎหมายใด เพราะเมื่อคำตัดสินของศาลฎีกาชี้ว่าเป็นนิติกรรมอำพรางจึงน่าจะเป็นโมฆะ บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งการมาชี้แจงของอธิบดีกระทรวงการคลัง และปลัดกระทรวงการคลังนั้นจะมีการบันทึกอย่างละอียด เพราะถือว่าเป็นข้อกฎหมายและห้ามหลบเลี่ยงการมาชี้แจงเป็นอันขาด เนื่องจากคณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาในประเด็นที่ข้าราชการอาจเข้าข่ายมาตรา 157 ที่ว่าด้วยเรื่องการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของข้าราชการด้วย เพราะตอนนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการว่าเสมือนกับเป็นการตามล้างตามเช็ดครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ
