xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” แถลงไม่ยอมรับคำพิพากษา โวยถูกปล้น - “เหล่” ลั่นนายไม่เคยโกงชาติ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
“ทักษิณ” ออกแถลงการณ์ผ่าน “นพเหล่” กลับลำไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล ปลุกสาวกคนเสื้อแดงขึ้นสู้กับความอยุติธรรมในประเทศ ขณะที่ “นพดล” ยอมรับทีมทนายอยู่ระหว่างศึกษาประเด็นยื่นเนื่องฟ้องศาลโลก พร้อมอุทธรณ์คำสั่งศาลฏีกา อ้างเฉยคำพิพากษาไร้เหตุผล ยันนายใหญ่ไม่เสียดายเงิน แต่เจ็บปวดถูกตัดสิน ยังมีหน้ามาพูด!! ไม่เคยโกงชาติ เล็งแจกเอกสารบิดเบือนคำสั่งศาลนับแสนแจกประชาชน แขวะ “กรณ์” ขมีขมันล้างท้องพระคลังรอ 46,373 ล้าน



วันนี้ (27 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้อ่านแถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า ไม่ยอมรับการคำพิพากษาเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งเสมือนหนึ่งตนถูกปล้น และขอให้ประชาชนที่ให้การสนับสนุน ยึดสันติ และเรียกร้องประชาธิปไตย อย่าทำอะไรให้ตนเอง อย่าต่อสู้เพื่อตนเอง แต่ขอให้คิดว่าเป็นความอยุติธรรมของประเทศ และเรียกร้องประชาชนต่อสู้เพื่อแก้ไขความอยุติธรรมในประเทศ แทนการที่จะมาต่อสู้เพื่อตนเอง

นายนพดลแถลงต่อว่า ตอนนี้ทีมทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ศึกษาประเด็นของคำตัดสินยึดทรัพย์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. โดยแนวโน้มคงจะดำเนินการแสวงหาความยุติธรรมต่อไป ไม่ว่าจะเป็นตามกรอบกฎหมายในไทยหรือในโลกนี้ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันไม่ได้รับความเป็นธรรมในคำตัดสิน เพราะคำตัดสินไม่มีเหตุผลในบางเรื่อง เช่น ทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวทั้งหมด หรือหุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น หลังจากที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ศาลไม่ได้คำนึงถึงการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นตามการเติบโตของตลาดหรือตาม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่น เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ หุ้นราคา 100 บาท แล้วขายในปี 49 ในราคาหุ้นละ 150 บาท ศาลได้พิจารณาหรือไม่ว่ามูลค่าหุ้นที่ขึ้นตามตลาดนั้นขึ้นกี่บาทจึงไปยึดทั้งหมด

“สมมติว่าทั้ง 5 มาตรการเอื้อประโยชน์ให้ 30 บาท ถ้าหุ้นขึ้นเป็น 150 บาท แล้วมี 20 บาทที่ขึ้นตามตลาดหลักทรัพย์ การยึด 20 บาทถือว่าชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เราไม่เห็นด้วย นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเห็นว่ามาตรการทั้ง 5 ดำเนินการตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ สำหรับเรื่องการแปลงสัมปทานก็การใช้อำนาจโดยชอบ มีกฎหมาย คือ พ.ร.ก.และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ชาติ เราจึงไม่เห็นด้วยว่า 5 มาตรการเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างที่เราจะหยิบยกต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ส่วนจะต่อสู้ในเวทีใดคงจะมีความชัดเจนจากทีมทนายในไม่ช้า” นายนพดลกล่าว

นายนพดลกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความรู้สึกหรือเสียดายที่ถูกอายึดหรือถูกยึดทรัพย์ แต่ความรู้สึกของครอบครัวคือความเจ็บปวดที่ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากทุ่มเททำงานและสร้างความมั่งคงให้แก่ประเทศชาติ สร้างความกินดีอยู่ดีให้ประชาชน นี้คือสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณได้รับเป็นผลตอบแทน ความยุติธรรมไม่ได้วัดเป็นจำนวนเงินที่ถูกยึดไป แม้เป็นเงินจำนวน 1 บาท ถ้าไม่เป็นธรรมก็คือไม่เป็นธรรม ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเรื่องของจำนวนเงิน แต่เป็นเรื่องของหลักการ ที่จะต้องพิสูจน์ต่อไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยโกงประเทศชาติ หรือบริหารประเทศเพื่อให้ครอบครัวได้ประโยชน์ของตนเอง

นายนพดลกล่าวว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณฝากมาคือ พี่น้องคนที่รู้สึกโกรธแค้น ผิดหวัง เจ็บปวด กับคำตัดสิน ไม่ต้องทำอะไรที่จะเป็นการเข้าทางรัฐบาลที่จะอ้างเหตุปราบปราม ไม่ต้องใช้ความรุนแรง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ห่วงตัวเองและครอบครัว แต่เป็นห่วงว่าเราจะอยู่กันอย่างไรในอนาคต ถ้าบ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตยและความไม่เป็นธรรม ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ นายนพดลตอบว่ามีแนวโน้มเช่นนั้น ที่ยังไม่พูดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทีมทนายขอศึกษาคำวินิจฉัยของศาลและข้อกฎหมายต่างๆอยู่ และทีมทนายความจะแถลงการณ์ออกมาคาดว่าเป็นภายในวันที่ 28 ก.พ.หรือไม่เกิน 1-2 วันนี้ ทั้งนี้ เบื้องต้นขอดำเนินการในส่วนของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศก่อน เพราะมีหลายประเด็นที่จะพิจารณาเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ วันนี้มีแนวโน้มที่จะทำ เพราะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทีมทนายความจะให้คำตอบในเรื่องนี้และจะแถลงการณ์ในทุกประเด็นคำวินิจฉัยที่ออกมา พร้อมทำเอกสารนับแสนชุดแจกประชาชน เพื่อทำความเข้าใจให้สังคมและประชาชนได้ทราบ ทั้งนี้ทีมทนายความได้ประชุมกันพรุ่งนี้อาจมีแถลงของทีมทนายความ และแจกให้ประชานทราบ และ 1-2 น่าจะมีความคืบหน้า เรื่องนี้ไม่ใช่หนังเรื่องสั้น ยังไม่จบ แต่เป็นละครเรื่องยาว

“ถ้าหากจะอุทธรณ์ช่องทางตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ 2550 เปิดช่องให้ทางเดียว คือยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 30 วัน แต่ประเทศไทยเป็นภาคีต่ออนุสัญญาที่บอกว่าการตัดสินต้องมีมากกว่า 1 ศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา จริงอยู่ที่กฎหมายปัจจุบันทำได้แค่ศาลฎีกา ถือว่าอยู่ในศาลเดียวกันอยู่ ก็ยังดีกว่ารัฐธรรมนูญ 2540 ที่ระบุว่าศาลฎีกาตัดสินแล้วถึงที่สุด แต่รัฐธรรมนูญ 2550 มีกระบวนการอยู่ใน 2 ชั้น เพียงแต่อยู่ในศาลฎีกา เราจึงต้องใช้สิทธิภายในประเทศก่อน” นายนพดลกล่าว

เมื่อถามว่า การฟ้องร้องต่อศาลโลกทั้งที่เป็นคดีส่วนตัว นายนพดลกล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง อาจไม่เข้าใจเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ มีการศึกษาอย่างรอบคอบพอสมควร เมื่อถึงเวลาจะบอกว่าดำเนินการหรือไม่ ต้องรอฟังจากพ.ต.ท.ทักษิณและทีมทนาย เราได้ศึกษาไว้ และเป็นแนวทางหนึ่ง เบื้องต้นถ้าจะดำเนินคดีไปถึงศาลโลกจะต้องดำเนินการในส่วนท้องถิ่นคือภายใน ประเทศก่อน คือ มีแนวโน้มไปในแนวที่จะอุทธรณ์คดีภายใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ะให้ทีมทนายเป็นคนแถลง ส่วนของคดีอาญาที่ต้องรับโทษนั้น คำพิพากษาให้ไปยึดให้ ครบ 4.6 หมื่นล้านบาท แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาการบังคับคดีอาจ ทุเลาลง ส่วนคดีอาญา พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จ ในการโอนให้ลูก ศาลตัดสินว่าเป็นนอมินี จะกระทบกับการแสดงเจตนา เมื่อใครต้องการทำนิติกรรม เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของการทำนิติกรรมศาลจะไม่เข้าไปก้าวล่วงตรงนั้น ซึ่งเราไม่เห็นด้วยและไม่เป็นธรรม จะหยิบยกให้พิจารณาคดีต่อไป

เมื่อถามว่า กรณีที่กรมสรรพากรอายัดทรัพย์ที่ไม่ได้ถูกยึดเพื่อรอเก็บค่าภาษีค้าชำระกรณีเลี่ยงภาษีของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา นายนพดลกล่าวว่า นายกรณ์ จาติกวาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รอขมีขมันเหลือเกินที่จะล้างท้องพระคลังไว้ ซึ่งการจะยึดหรืออายัดทรัพย์บอกว่าเป็นของพ่อ แต่พอเก็บภาษีก็บอกเป็นของลูก ตรงนี้เป็นความเหลื่อมล้ำกันอยู่ ซึ่งเราเป็นฝ่ายที่บริสุทธิ์ใจและทำถูกต้อง ส่วนใครจะกล่าวหา เรายืนยันครอบครัวร่ำรวยมาด้วยความสุจริต ส่วนใครจะใช้ประโยชน์จากคำพิพากษาเราพร้อมต่อสู้ และทีมทนายพร้อมปกป้อง

นายนพดลกล่าวต่อว่า การตัดสินคดีระบบศาลไทยใช้เสียข้างมากเป็นหลัก แต่ไม่รู้ว่าเสียงที่ตัดสินเป็นอย่างไร แต่เป็นการดีที่จะรูประเด็นว่าศาลตัดสินเสียงข้างมาเท่าไหร่ในแต่ละประเด็น อย่างน้อยประชาชนจะได้ทราบว่าเสียงข้างมากข้างน้อยมีเท่าไหร่ แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถไปเพิกถอนคำพิพากษาได้ ถ้าคำตัดสินออกมา 5 ต่อ 4 ก็จะต่างจาก 8 ต่อ 1 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำประเด็นรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549ไปฟ้องศาลโลกหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่าทุกอย่างร้อยเป็นเรื่องเดียวกันตั้งแต่ต้น ในข้อต่อสู้ของทีมทนายความไม่ยอมรับการยึดอำนาจ ไม่ยอมรับการแต่งตั้ง คตส. ถือว่าไม่เป็นธรรมกับหลักนิติธรรม หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อทางนิติธรรมต้นน้ำไม่ชอบ สิ่งที่มาปลายน้ำก็ไม่ชอบ ความยุติธรรมต้องการเกิดขึ้น เช่น แต่งตั้งนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคตส. ที่เคยออกหนังสือโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณมาตัดสินคดี ก็ต้องตัดสินในทางตรงกันข้ามอยู่แล้ว คงไม่ตัดสินเป็นบวกต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ นายแก้วสรร มีความชัดเจนเป็นปฏิปักษ์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ยังไม่เป็นธรรม เราจะต่อสู้ในทุกคดี ที่ไม่ใช่คดีปกติ แต่มีกลิ่นอายทางการเมืองอยู่มากที่เกิดขึ้นหลังยึดอำนาจ และผู้ยึดอำนาจกระเหี้ยนกระหือรือที่จะยึดอำนาจจึงทำการยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ

“เรื่องนี้ไม่ใช่หนังเรื่องสั้น แต่เป็นละครชีวิตยาว และยังไม่จบ ดังคำภาษอังกฤษที่ว่า it not over until is over คือ มันยังไม่จบจนกว่ามันจะจบ วันนี้มันยังไม่จบ เพราะความยุติธรรมยังไม่ได้รับ จึงต้องแสวงหาต่อไป” นายนพดลกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้ที่จะถอดถอนองค์คณะ 9 ท่าน นายนพดลกล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความยังไม่ได้เตรียมถึงขั้นนั้น ต้องให้ทีมทนายความไปศึกษาก่อนว่าจะสามารถถอดถอนในช่วงทางใดได้ เพราะหากมีการถอดถอนจะต้องพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น