xs
xsm
sm
md
lg

ยกคำร้องโอ๊ค-เอม ห้ามคตส.จ้อไม่ได้ อ.แก้วชี้ใครแค้น ให้รอหลัง26ก.พ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลยกคำร้อง “โอ๊ค-เอม” ยื่นปิดปาก คตส.คดียึดทรัพย์ เหตุคำร้องผู้คัดค้านไม่เข้าด้วยองค์ประกอบที่จะให้ศาลออกข้อกำหนดห้าม "นาม" โต้ขอศาลปิดปากไร้สาระ ย้ำกฎหมาย ปปช. " ต้องริบทั้งก้อน" "แก้วสรร" บอกใครแก้แค้น หลังศาลตัดสินค่อยว่ากัน "แม้ว" ยังไม่เลิกรังแกลูก ทวิตปลุกให้สู้ถึงที่สุด

วานนี้ ( 12 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แถลงว่า ภายหลังนายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะทั้ง 9 คน ในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน พิจารณาคำร้องของ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว ในฐานะผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ บุคคลที่เคยเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)ให้ข้อมูลข่าวสารต่อสื่อมวลชนในลักษณะเป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง เพื่อชี้นำสังคมให้เข้าใจผิดต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอันส่งผลต่อภาพลักษณ์บิดาผู้คัดค้านและอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เพื่อมิให้มีการนำไปใช้เป็นข้อมูลในการเผยแพร่แก่ประชาชนให้เข้าใจผิด เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

โดยองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ได้พิจารณาข้อความที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และ นสพ.มติชน แล้วเห็นว่าคำร้องของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.30 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 ม.18 วรรค 2 ที่ศาลจะออกข้อกำหนดใด ๆ เพื่อห้ามมิให้บุคคลตามคำร้องให้ข้อมูลข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทางข้อกฎหมายตามคำขอในคำร้อง จึงให้ยกคำร้อง และแจ้งคำสั่งให้คู่ความทั้งสองทราบ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.52 พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้ คตส.ให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ มีลักษณะคล้ายกับคำร้องของ นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา มาแล้ว โดยองค์คณะผู้พิพากษามีคำสั่งเมื่อวันที่ 13 ส.ค.52 ให้ยกคำร้องโดยให้เหตุผลทำนองเดียวกับคำสั่งในวันนี้

**ยันศาลมืออาชีพไม่หวั่น 26 ก.พ.

นายอนุรักษ์ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลฎีกา ที่มีกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ ว่า ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเข้ามาดูแลตามปกติ ซึ่งศาลเองมีกฎระเบียบในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาลอยู่แล้ว ส่วนประชาชนที่จะมาร่วมสังเกตการณ์คงพอจะทราบข้อปฏิบัติ ว่าต้องอยู่ในความสงบ แต่งกายสุภาพ และไม่พกอาวุธมาเข้ามาซึ่งจะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยจะมีความเข้มข้นเพียงใดขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะประเมินสถานการณ์และจัดเตรียมมาตรการและจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแล ศาลเองคงไม่ไปกำหนด

“องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ก็มีการดูแลตามปกติ ศาลทำงานอย่างมืออาชีพ แต่ละท่านมีประสบการณ์ทำงานมากว่า 30 ปี ผ่านสภาวะการณ์มามากมาย คงไม่หวั่นไหวหรือกังวลในการทำหน้าที่ ”

เมื่อถามว่าหากมีเหตุที่จะทำให้องค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบ 9 คนตามข้อกฎหมายแล้ว จะสามารถตัดสินคดีได้หรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวปฎิเสธที่จะตอบคำถามโดยกล่าวเพียงว่า ไม่สามารถที่จะเข้าไปก้าวล่วงข้อกฎหมายที่องค์คณะจะต้องพิจารณาได้ ตนเองได้รับมอบหมายให้แถลงเกี่ยวกับคำสั่งยกคำร้องเท่านั้น

**ปธ.คตส.โต้เด็กน้อยไร้สาระ

นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส. กล่าวว่า ความเห็นของนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตเลขานุการ คตส.เป็นเพียงการยกตัวอย่างเปรียบเทียบในข้อกฎหมายเชิงวิชาการ เพื่อให้เห็นภาพ และเข้าใจง่าย ในกฎหมายป.ป.ช.ก็ระบุชัด ว่า ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต้องริบทั้งหมด ฉะนั้นคำพูด ทั้งนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา จึงถือเป็นเรื่องไร้สาระ พูดไปคนละเรื่องกันเลย ทั้งนี้อดีตคตส.ทุกคนไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นสิทธิของผู้ร้องที่สามารถดำเนินการได้ และอดีตคตส.ทุกคนก็ยังสามารถให้ข่าวได้ตามปกติ และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นอดีตคตส.คนไหนให้ข่าวพาดพิง ให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย การให้ข่าวของคตส.เป็นเพียงการชี้แจงกระบวนการทำงาน ระบบระเบียบในข้อกฎหมายต่างๆเท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีอคติ หรือไม่ได้ทำตัวเป็นปฎิปักษ์ตามที่ผู้ถูกร้องกล่าวหา

**"แก้วสรร" ชี้เด็กเสียดายสมบัติ

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า การที่ตนออกมาพูดเรื่องคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการชี้แจงเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบต่อคดี ส่วนการที่นายพานทองแท้ ชินวัตร และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร ร้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ คตส.ทุกคนหยุดการให้สัมภาษณ์นั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาต้องต่อสู้ทุกทาง เพราะเงินที่จะถูกยึดก็เป็นเงินจำนวนมาก คงจะเสียดายทรัพย์สมบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ใกล้ถึงเวลาที่ศาลจะตัดสินคดีดังกล่าว ในส่วนของ คตส.ได้รับผลกระทบมีการข่มขู่อะไรหรือไม่ นาย แก้วสรร ตอบว่า อยากถามว่าคนที่จะมาทำอะไรกับ คตส. จะได้ประโยชน์อะไร เพราะตอนนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสินอะไร หากศาลตัดสินแล้วไม่ได้ดั่งใจ จะคิดแค้นหรืออะไรก็ว่ากันอีกที

**แม้ว"ทวิตปลุก"ลูก"สู้จนกว่าได้รับยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่านเว็บบล็อก Twitter.com เป็นภาษาอังกฤษถึง น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนรอง ภายหลังจากน.ส.พินทองทาและนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ได้ยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีในคดียึดทรัพย์ ว่า "Our family has been bullied. We receive very little justice. We will continue to fight for it with hope even it is slim hope" (ครอบครัวของพวกเราถูกระราน พวกเราได้รับความยุติธรรมเพียงน้อยนิด เราต้องต่อสู้เพื่อความหวังของเราต่อไปด แม้จะมีหวังเพียงเล็กน้อยก็ตาม)

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวิตถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนสุดท้อง ว่า "Good spirit! Loof rak we will never give up. We will fight until we receive justice" (สปิริตเยี่ยมมากๆ เราจะไม่ยอมแพ้ จะสู้จนกว่าจะได้ความยุติธรรม)

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ ว่า "ผมขอยืนยันว่าเงิน 76,000 ล้านเกิดจากขายหุ้นที่ครอบครัวมีมาก่อนเข้าการเมืองและเคยแสดงบัญชีทรัพย์สินไว้นานแล้ว ราคาหุ้นก็เป็นไปตามตลาดฯ"
กำลังโหลดความคิดเห็น