ASTVผู้จัดการรายวัน-40 ส.ว. ยื่น ป.ป.ช. เร่งสอบคดี "ทักษิณ" ชี้อาจผิดรธน. ระบุ “แม้ว” ยื่นบัญชี 15 ครั้งซุกหุ้นชินคอร์ปทุกครั้ง รับบางกรณีหมดอายุความ แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ ส่วนที่ค้างคาอีก 3 คดี ไม่มีกำหนด แต่จะทำเร็วที่สุด ขณะที่เอ็กซิมแบงก์ชง “กรณ์” 3 ทางเลือกฟันคดีปล่อยกู้พม่า
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. และนายวิรัช พานิชย์พงษ์ ส.ว.สรรหา เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีนายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับเรื่อง
นายสมชาย กล่าวว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำวินิจฉัยคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณกว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ซึ่งเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 263 รวมทั้งเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือตามกฎหมายอื่นหรือทุจริตต่อหน้าที่ มีความผิดตามมาตรา 275 ของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้เพื่อให้มีการไต่สวนการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวหรือไม่ จึงขอยื่นคำร้องเพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการไต่สวน โดยให้ความสำคัญเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างไรก็ตามเพื่อให้ความสำคัญและเกิดความเป็นธรรมกับคู่กรณี และเพื่อสรุปเรื่องเสนอไปยังศาลฎีกาฯ วินิจฉัยโดยเร็ว
ด้าน น.ส.รสนา กล่าวว่า สาเหตุที่วุฒิสภาต้องดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ พาดพิงและมีนักการเมือง ข้าราชการ เกี่ยวพันหลายกรณี จึงเห็นว่าควรขยายต่อในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการขยายผลตรวจสอบคดีต่อเนื่องอีกจำนวน 4 คดี ที่ยังค้างอยู่ชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. อาทิ การแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เติมเงินล่วงหน้า หรือพรี-เพด (Pre-paid) การแก้ไขสัญญาดาวเทียมไอพีสตาร์ ที่ทำให้หน่วยงานรัฐได้รับความเสียหาย
เมื่อถามว่าการรุกตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเป็นการรุมกินโต๊ะ น.ส.รสนา กล่าวว่า อย่าไปมองว่าเป็นการรุมกินโต๊ะ เพราะเรื่องทุกอย่างต้องดำเนินการตามหลักฐาน อีกทั้งวุฒิสภาก็มีความเป็นอิสระ ตรวจสอบทุกเรื่องตามข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามอยากขอฝากไปยังข้าราชการ หากมีข้อมูลการทุจริตขอให้ส่งข้อมูลให้ ส.ว.ดำเนินการด้วย เพราะกรณีการทุจริตยาของกระทรวงสาธารณสุขที่ตนพบพิรุธนั้นก็เป็นเพราะข้าราชการส่งข้อมูลมาให้
**"ป.ป.ช." ยันมีอำนาจสอบ
นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช. มีอำนาจในการสอบสวนเรื่องดังกล่าวที่รับช่วงต่อจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ( คตส.) ซึ่งเบื้องต้น ป.ป.ช. ได้รับข้อมูลรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จรวมทั้งหมด 9 ครั้ง ระหว่างปี 2544-2549 ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังประสานเพื่อขอคำพิพากษาจากศาลฯ โดยจะนำคำพิพากษามาพิจารณาเทียบเคียง ซึ่งหาก ป.ป.ช. พบว่ามีมูลความผิด ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องมาแก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
** “ทักษิณ” แจ้งบัญชี15 ครั้ง “ไม่มีหุ้นชินฯ”
นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า ในเบื้องต้นคณะอนุฯได้ตรวจสอบพบว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด 15 ครั้ง ตั้งแต่รับตำแหน่งส.ส. 2 ครั้ง เป็นรัฐมนตรี 1 ครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง โดยทั้ง 15 ครั้ง ไม่มีการแจ้งว่าถือครองหุ้นชินคอร์ป แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าแจ้งบัญชีเท็จ ต้องนำรายละเอียดจากคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์มาก่อน เพราะต้องเป็นหลักฐานที่จะนำเข้าไปในสำนวน ตอนนี้ไปด่วนสรุปไม่ได้ ต้องให้ข้อมูลสมบูรณ์ก่อน แต่ถึงยังไม่ได้คำพิพากษาคณะอนุฯก็เตรียมการเรื่องอื่นเอาไว้ เพราะมีรายละเอียดอย่างอื่นที่ต้องดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ตาม นายภักดี ยอมรับว่าการแจ้งบัญชีทรัพย์สินทั้ง 15 ครั้งนี้ มีหลายครั้งที่หมดอายุความไปแล้ว เพราะคดีนี้มีโทษอาญา 6 เดือน จึงมีอายุความ 5 ปี ดังนั้นในการแจ้งบัญชีทรัพย์ในสมัยที่เป็นนายกฯสมัยแรกนั้นหมดอายุความไปแล้ว จะทำได้ก็ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในอายุความ
“หากได้ข้อมูลคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็สรุปได้เลยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ถูกร้องมาแจ้งความอีก เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้โอกาสในการชี้แจงอย่างเต็มที่แล้ว”นายภักดี กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อไม่แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ปก็ถือว่าแจ้งบัญชีเป็นเท็จแล้วใช่หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ในการทำงานต้องดูรายละเอียดทุกอย่างเพื่อนำสู่สำนวนได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆฟังข่าวเอาแล้วสรุปได้เลยว่าแจ้งเท็จ อย่างนี้ทำไม่ได้ ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเพื่อจะเสนอที่ประชุมใหญ่ให้ได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ ส่วนคดีอื่นๆยังตอบไม่ได้ว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเมื่อไหร่แต่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า จะชี้แจงเพราะสังคมตั้งคำถามว่าคดีต่างๆที่ท่านทำยังไม่คืบหน้า นายภักดี กล่าวว่า ดำเนินการไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยทำอย่างเร็วที่สุด ที่ทำมาไม่ใช่ว่าทำมาตอนมีคำพิพากษา แต่ทำมาก่อนแล้วตั้งแต่ได้รับการโอนเรื่องจาก คตส.โดยจะไม่ทำงานตามกระแสแต่จะทำตามหลักการ
**ลิ่วล้อ “แม้ว” ยื่นถอด 2 ผู้พิพาก
นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัตน์แห่งประเทศไทยและเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือเพื่อถอดถอน 2 ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่ง ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
นายพิชา กล่าวว่า สืบเนื่องจากคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ซึ่งมีผู้พิพากษาในองค์คณะจำนวน 2 คน ประกอบด้วย นายกำพล ภู่แสวง นายพงษ์เทพ ศิริพงศ์กานนท์ มีพฤติการณ์ของการปฏิบัติหน้าที่ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงได้ยื่นเรื่องเพื่อขอถอดถอนบุคคลทั้ง2 ออกจากตำแหน่ง โดยตนจะเตรียมล่าชื่อประชาชนจำนวน2 หมื่นรายช่อขึ้นไป ก่อนจะนำมามอบให้วุฒิสภาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่นายประสพสุข กล่าวภายหลังการยื่นเรื่องดังกล่าวว่า เป็นการยื่นเพื่อแสดงเจตจำนงค์เพื่อจะขอยื่นถอดถอนเท่านั้น ยังไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด
เอ็กซิมแบงก์ชง “กรณ์” 3 ทางเลือก
นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์กล่าวว่า ตามเงื่อนไขการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลพม่ามติครม.ในตอนนั้นได้กำหนดวงเงินชดเชยความเสียหายดอกเบี้ยวงเงิน 300 ล้านบาทแล้วและในอีก 2 ปีข้างหน้าไม่จำเป็นต้องเพิ่มวงเงินชดเชยแต่อย่างใดเนื่องจากเอ็กซิมแบงก์สามารถสร้างรายได้ที่ครอบคลุมวงเงินส่วนนี้ได้
“ระยะเวลาการชำระเงินกู้ของรัฐบาลพม่าอีก 5 ปีที่เหลือเอ็กซิมได้เสนอ 3 แนวทางให้รมว.คลังตัดสินในแล้ว ส่วนการดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างตีความเอกสารคำพิพากษาซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วตามคำสั่งของรมว.คลัง” นายอภิชัยกล่าว
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. และนายวิรัช พานิชย์พงษ์ ส.ว.สรรหา เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีนายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับเรื่อง
นายสมชาย กล่าวว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำวินิจฉัยคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณกว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ซึ่งเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 263 รวมทั้งเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือตามกฎหมายอื่นหรือทุจริตต่อหน้าที่ มีความผิดตามมาตรา 275 ของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้เพื่อให้มีการไต่สวนการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวหรือไม่ จึงขอยื่นคำร้องเพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการไต่สวน โดยให้ความสำคัญเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างไรก็ตามเพื่อให้ความสำคัญและเกิดความเป็นธรรมกับคู่กรณี และเพื่อสรุปเรื่องเสนอไปยังศาลฎีกาฯ วินิจฉัยโดยเร็ว
ด้าน น.ส.รสนา กล่าวว่า สาเหตุที่วุฒิสภาต้องดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ พาดพิงและมีนักการเมือง ข้าราชการ เกี่ยวพันหลายกรณี จึงเห็นว่าควรขยายต่อในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการขยายผลตรวจสอบคดีต่อเนื่องอีกจำนวน 4 คดี ที่ยังค้างอยู่ชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. อาทิ การแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เติมเงินล่วงหน้า หรือพรี-เพด (Pre-paid) การแก้ไขสัญญาดาวเทียมไอพีสตาร์ ที่ทำให้หน่วยงานรัฐได้รับความเสียหาย
เมื่อถามว่าการรุกตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเป็นการรุมกินโต๊ะ น.ส.รสนา กล่าวว่า อย่าไปมองว่าเป็นการรุมกินโต๊ะ เพราะเรื่องทุกอย่างต้องดำเนินการตามหลักฐาน อีกทั้งวุฒิสภาก็มีความเป็นอิสระ ตรวจสอบทุกเรื่องตามข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามอยากขอฝากไปยังข้าราชการ หากมีข้อมูลการทุจริตขอให้ส่งข้อมูลให้ ส.ว.ดำเนินการด้วย เพราะกรณีการทุจริตยาของกระทรวงสาธารณสุขที่ตนพบพิรุธนั้นก็เป็นเพราะข้าราชการส่งข้อมูลมาให้
**"ป.ป.ช." ยันมีอำนาจสอบ
นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช. มีอำนาจในการสอบสวนเรื่องดังกล่าวที่รับช่วงต่อจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ( คตส.) ซึ่งเบื้องต้น ป.ป.ช. ได้รับข้อมูลรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จรวมทั้งหมด 9 ครั้ง ระหว่างปี 2544-2549 ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังประสานเพื่อขอคำพิพากษาจากศาลฯ โดยจะนำคำพิพากษามาพิจารณาเทียบเคียง ซึ่งหาก ป.ป.ช. พบว่ามีมูลความผิด ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องมาแก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
** “ทักษิณ” แจ้งบัญชี15 ครั้ง “ไม่มีหุ้นชินฯ”
นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า ในเบื้องต้นคณะอนุฯได้ตรวจสอบพบว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด 15 ครั้ง ตั้งแต่รับตำแหน่งส.ส. 2 ครั้ง เป็นรัฐมนตรี 1 ครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง โดยทั้ง 15 ครั้ง ไม่มีการแจ้งว่าถือครองหุ้นชินคอร์ป แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าแจ้งบัญชีเท็จ ต้องนำรายละเอียดจากคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์มาก่อน เพราะต้องเป็นหลักฐานที่จะนำเข้าไปในสำนวน ตอนนี้ไปด่วนสรุปไม่ได้ ต้องให้ข้อมูลสมบูรณ์ก่อน แต่ถึงยังไม่ได้คำพิพากษาคณะอนุฯก็เตรียมการเรื่องอื่นเอาไว้ เพราะมีรายละเอียดอย่างอื่นที่ต้องดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ตาม นายภักดี ยอมรับว่าการแจ้งบัญชีทรัพย์สินทั้ง 15 ครั้งนี้ มีหลายครั้งที่หมดอายุความไปแล้ว เพราะคดีนี้มีโทษอาญา 6 เดือน จึงมีอายุความ 5 ปี ดังนั้นในการแจ้งบัญชีทรัพย์ในสมัยที่เป็นนายกฯสมัยแรกนั้นหมดอายุความไปแล้ว จะทำได้ก็ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในอายุความ
“หากได้ข้อมูลคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็สรุปได้เลยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ถูกร้องมาแจ้งความอีก เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้โอกาสในการชี้แจงอย่างเต็มที่แล้ว”นายภักดี กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อไม่แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ปก็ถือว่าแจ้งบัญชีเป็นเท็จแล้วใช่หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ในการทำงานต้องดูรายละเอียดทุกอย่างเพื่อนำสู่สำนวนได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆฟังข่าวเอาแล้วสรุปได้เลยว่าแจ้งเท็จ อย่างนี้ทำไม่ได้ ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเพื่อจะเสนอที่ประชุมใหญ่ให้ได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ ส่วนคดีอื่นๆยังตอบไม่ได้ว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมเมื่อไหร่แต่จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า จะชี้แจงเพราะสังคมตั้งคำถามว่าคดีต่างๆที่ท่านทำยังไม่คืบหน้า นายภักดี กล่าวว่า ดำเนินการไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยทำอย่างเร็วที่สุด ที่ทำมาไม่ใช่ว่าทำมาตอนมีคำพิพากษา แต่ทำมาก่อนแล้วตั้งแต่ได้รับการโอนเรื่องจาก คตส.โดยจะไม่ทำงานตามกระแสแต่จะทำตามหลักการ
**ลิ่วล้อ “แม้ว” ยื่นถอด 2 ผู้พิพาก
นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัตน์แห่งประเทศไทยและเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือเพื่อถอดถอน 2 ผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่ง ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา
นายพิชา กล่าวว่า สืบเนื่องจากคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ซึ่งมีผู้พิพากษาในองค์คณะจำนวน 2 คน ประกอบด้วย นายกำพล ภู่แสวง นายพงษ์เทพ ศิริพงศ์กานนท์ มีพฤติการณ์ของการปฏิบัติหน้าที่ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงได้ยื่นเรื่องเพื่อขอถอดถอนบุคคลทั้ง2 ออกจากตำแหน่ง โดยตนจะเตรียมล่าชื่อประชาชนจำนวน2 หมื่นรายช่อขึ้นไป ก่อนจะนำมามอบให้วุฒิสภาพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่นายประสพสุข กล่าวภายหลังการยื่นเรื่องดังกล่าวว่า เป็นการยื่นเพื่อแสดงเจตจำนงค์เพื่อจะขอยื่นถอดถอนเท่านั้น ยังไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด
เอ็กซิมแบงก์ชง “กรณ์” 3 ทางเลือก
นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์กล่าวว่า ตามเงื่อนไขการปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลพม่ามติครม.ในตอนนั้นได้กำหนดวงเงินชดเชยความเสียหายดอกเบี้ยวงเงิน 300 ล้านบาทแล้วและในอีก 2 ปีข้างหน้าไม่จำเป็นต้องเพิ่มวงเงินชดเชยแต่อย่างใดเนื่องจากเอ็กซิมแบงก์สามารถสร้างรายได้ที่ครอบคลุมวงเงินส่วนนี้ได้
“ระยะเวลาการชำระเงินกู้ของรัฐบาลพม่าอีก 5 ปีที่เหลือเอ็กซิมได้เสนอ 3 แนวทางให้รมว.คลังตัดสินในแล้ว ส่วนการดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างตีความเอกสารคำพิพากษาซึ่งจะดำเนินการโดยเร็วตามคำสั่งของรมว.คลัง” นายอภิชัยกล่าว
