xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” สั่งทุกหน่วยงานศึกษาคำพิพากษาก่อนฟ้องต่อ แนะครม.ดูคดีเป็นแบบอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“มาร์ค” สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคดียึดทรัพย์ไปศึกษาคำพิพากษาก่อนส่งฟ้องแพ่ง-อาญาต่อ ให้อัยการช่วยสรุป ยังไม่ตั้งกรอบเวลาดำเนินการ ย้ำเป็นเรื่องรักษาประโยชน์แผ่นดิน แนะครม.ดูคดีเป็นแบบอย่าง ดูก่อน “ทักษิณ” ฟ้องศาลไหน ปัดรัฐไล่ล่า

วันนี้ (2 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายหลังศาลฎีกาพิพากษายึดทรัพย์ว่า ตนได้ปรารภในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สืบเนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีประเด็นในคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ ที่ในคำพิพากษามีคำวินิจฉัยที่มีข้อยุติเกี่ยวกับปัญหาที่ส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ ฉะนั้น ทุกหน่วยงานจะต้องไปศึกษาคำพิพากษานั้นเพื่อจะได้มีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมครม.มีมติขอให้ทางอัยการช่วยสรุปประเด็นต่างๆมาอีกทางหนึ่ง ฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องที่มีการปรารภในที่ประชุมครม.มีมติ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ รับไปปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกรอบเวลาหรือไม่ว่าจะส่งกลับมาได้เมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงกรอบเวลา เพราะแต่ละหน่วยงานเข้าใจว่าความซับซ้อนของเรื่องคงจะต่างกัน แต่ได้ย้ำไปแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน และคนที่มาดำรงตำแหน่งตรงนี้มีหน้าที่ปกป้องประโยชน์ตรงนี้ ฉะนั้นไม่สามารถที่จะไปละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อถามว่า ในคำพิพากษามีการระบุถึงตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ด้วยจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง นายกฯ กล่าวว่า มีทั้ง 2 ส่วน ทางแพ่ง และอาญา ซึ่งต้องดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ที่เป็นข้อยุติตามคำวินิจฉัย และข้อกฎหมาย ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องระบบพรีเพดได้คุยกับไอซีทีไว้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องแก้สัญญาตรงนั้น บังเอิญมีคณะกรรมการที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีอยู่ และตอนนี้เหลือเวลาอีก 1 เดือนที่จะรายงานกลับมา เมื่อถามต่อว่า การพิจารณาที่อาจต้องแก้สัญญาบางส่วน ซึ่งอาจจะกระทบภาคธุรกิจมีการดูตรงนี้ประกอบไปด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องดูสถานะของสัญญาณต่างๆ เพราะกรณีการลดส่วนแบ่งรายได้ มันเคยมีเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว อย่างที่บอกคือมีคณะกรรมการ

เมื่อถามว่า กรณีคำพิพากษาของศาลฎีกาจะสามารถเป็นบรรทัดฐานต่อการฟ้องในเรื่องอื่นๆ ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คำว่าบรรทัดฐานคงเป็นเรื่องของศาล แต่ตนเป็นฝ่ายบริหาร เมื่อศาลฟังได้เป็นข้อยุติว่าเกิดเรื่องต่างๆ อย่างนี้ และมีความเสียหายหน่วยงานที่เป็นความรับผิดชอบในเรื่องความเสียหายโดยตรง ก็ต้องมีการดำเนินการ เมื่อถามย้ำว่า เป็นการฟ้องใหม่ใช่ไหม นายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นคนละคดีกันอยู่แล้ว เพราะคดีที่ตัดสินไป เป็นเพียงคดีเรื่องการยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน และการวินิจฉัยว่า ตกเป็นของแผ่นดินเท่าไร ศาลก็ชี้ว่า ทรัพย์สินนั้นได้มาโดยชอบหรือไม่ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ จะเห็นได้ว่า วันนั้นที่ศาลแจกแจงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐสูงกว่าการวินิจฉัยให้ ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ฉะนั้นเป็นคนละประเด็นกัน แต่ความเสียหายทีเกิดขึ้นกับรัฐ หน่วยงานของรัฐต้องเป็นผู้ติดตาม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างที่คดีความยังไม่จบยังสามารถอายัดบางส่วนไว้ก่อนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในชั้นนี้ต้องรอเวลา 30 วัน ว่าจะมีการอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร เมื่อถามต่อว่า ในที่ประชุมครม.มีการพิจารณาเรื่องนี้ว่าเป็นอุทาหรณ์ของนักการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเพียงแต่พูดสั้นๆ ว่าถ้าอ่านคำพิพากษาของศาลจะพบว่า พวกเราซึ่งเป็น ครม.มีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไร ฉะนั้น ต้องตระหนักว่าหากเกิดปัญหาความเสียหายใดๆ หรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องใดๆ เรามีหน้าที่ที่จะต้องดูแล โดยเฉพาะตัวตนชัดเจนที่สุดว่ามีหน้าที่ในการที่จะต้องดูแลเกือบทุกส่วนในฐาน ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร

เมื่อถามว่า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ชี้แจงหรือไม่เรื่องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ระบุว่าจะร้อง ป.ป.ช.ให้สอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ระบุว่าอาจจะมีการซุกหุ้นเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่า ไมได้มีการสอบถามในที่ประชุม ครม.แต่ตนได้เห็นข่าวก็สอบถามท่าน ก็บอกว่า พร้อมที่จะไปชี้แจงในกรณีที่ถูกร้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างไรที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะนำเรื่องการยึด ทรัพย์ไปฟ้องศาลโลก นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าไปฟ้องที่ไหน อย่างไร ฟ้องได้หรือไม่ เมื่อถามต่อว่า จะมีการชี้แจงต่อสังคมเพิ่มเติมอย่างไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า สิ่งที่รัฐกำลังทำต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องการไล่ล่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนได้ย้ำไปทั้งในเรื่องนี้ และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัย และการบริหารสถานการณ์ในขณะนี้ ได้ย้ำกับ ครม.ว่า เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้เป็นคู่กรณี หรือคู่ต่อสู้อะไรกับใครทั้งสิ้น หน้าที่ของรัฐบาลในเรื่องของสถานการณ์คือ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ในเรื่องคดีความคือการรักษาประโยชน์แผ่นดิน ไม่ใช่เรื่องไปต่อสู้อะไรกับใคร ฉะนั้นขอให้ทุกคนยึดแนวทางนี้ และแนวทางนี้จะเป็นแนวทางเดียวที่จะเป็นภูมิคุ้มกัน และป้องกันให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในทุกตำแหน่ง ในการที่จะตอบคำถามในอนาคตต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น