ร.ร.บุรีรัมย์ทำเรียนฟรีฉาวโฉ่อีก! ผู้ปกครองร้องมัดมือชกยัดชุด นร.

บุรีรัมย์ - โรงเรียนบุรีรัมย์ทำนโยบายเรียนฟรี 15 ปีรัฐบาลฉาวโฉ่ ผู้ปกครองหอบชุดนักเรียนร้องสื่อ จี้จังหวัดฯ-สพท. ตรวจสอบโรงเรียนไม่จ่ายเงินสด แต่ให้ใบรายการระบุยอดเงินบังคับซื้อชุดนักเรียนผูกขาดร้านเดียว เชื่อไม่โปร่งใส ขณะที่ ผอ.โรงเรียน ยอมรับไม่จ่ายเงินสดแต่ให้ใบแลกซื้อสินค้าเพื่อนำใบเสร็จส่งคืนโรงเรียน ยันไม่ทุจริ ตและฮั้วกับร้านค้า พร้อมทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง

วานนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. นายสังวาลย์ เพ็งสอน อายุ 36 ปี ผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่ง โรงเรียนบ้านกระทุ่ม ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นประถมศึกษา ได้หอบชุดนักเรียน มาร้องเรียนกับสื่อมวลชน เรียกร้องให้ทางจังหวัดบุรีรัมย์ และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) บุรีรัมย์ เขต 4 เข้าไปตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการจ่ายเงินในโครงการเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาล ให้กับผู้ปกครองเพื่อนำไปซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

โดยเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้นัดให้ผู้ปกครองทุกคนไปรวมกันที่โรงเรียน เพื่อรับเงินในโครงการเรียนฟรี แต่ทางโรงเรียนไม่ยอมจ่ายเป็นเงินสด กลับให้ใบรายการแบบเรียน 9 รายการ ที่ระบุยอดเงินที่ต้องซื้อในวงเงิน 360 บาท ให้กับผู้ปกครองทั้งโรงเรียน 231 คน

จากนั้นให้ไปเข้าคิวซื้อชุดนักเรียนกับร้าน “วินัยภรณ์” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลสตึก เพียงร้านเดียวที่ทางโรงเรียนให้นำชุดนักเรียนเข้ามาขายภายในโรงเรียน อีกทั้งหากทางร้านไม่ได้นำสิ่งของที่ผู้ปกครองต้องการมาครบ ก็จะยัดเหยียดสิ่งของอื่นแทน เช่น รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า เพื่อให้เต็มวงเงินที่รัฐบาลกำหนด แล้วออกใบเสร็จคืนให้โรงเรียนภายในวันเดียว ทำให้ผู้ปกครองไม่พอใจ เชื่อว่าทางโรงเรียนกระทำผิดเงื่อนไข หรืออาจจะมีการฮั้วกันกับเจ้าของร้าน เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการบังคับให้ผู้ปกครองซื้อชุดนักเรียนกับร้านที่รู้เห็นและเอื้อประโยชน์กับทางโรงเรียน ขณะที่ผู้ปกครองหลายรายไม่กล้าออกมาทักท้วง เนื่องจากเกรงว่า บุตรหลานจะถูกทางโรงเรียนกลั่นแกล้ง

นายสังวาลย์ กล่าวต่อว่า ตนต้องการซื้อชุดลูกเสือให้กับลูกชาย แต่มีเพียงเสื้อ กางเกง ไม่มีหมวก ทางร้านจึงได้ยัดเหยียดเสื้อนักเรียนกับถุงเท้าให้เต็มวงเงิน 360 บาท แล้วออกใบเสร็จให้ ทำให้ตนไม่พอใจเพราะสิ่งของที่ได้ไม่ตรงกับความต้องการ ซึ่งตนต้องการเงินนำไปเลือกซื้อเองมากกว่า แต่เมื่อตนกับผู้ปกครองอีกหลายคน ไปทักท้วงว่าทำไมไม่จ่ายเป็นเงินสด ให้ผู้ปกครองไปเลือกซื้อเอง ทำให้ครูไม่พอใจได้ว่ากล่าวดูหมิ่นให้เสียหาย และมีครูบางคนได้ควักเงินในกระเป๋าของตัวเองมาจำนวน 1,000 บาท แล้วยื่นให้ตนพร้อมพูดประชดว่า “ถ้าอยากได้เงินมากก็เอาเงินนี้ไปเลย”

ตนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะโรงเรียนอื่นในเขตตำบลเดียวกัน ก็จ่ายเป็นเงินสดให้ผู้ปกครองไปเลือกซื้อเอง จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ว่าการจ่ายเงินเรียนฟรีของทางโรงเรียนไม่มีความเป็นธรรม ไม่โปร่งใส และไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง จึงเรียกร้องให้จังหวัดฯ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งเข้ามาตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ปกครองดังกล่าวด้วย

ด้าน นางบังอร เพ็งสอน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 ม.4 บ.กระทุ่ม อ.สตึก ผู้ปกครองอีกราย กล่าวว่า ตนเองก็มีลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ป.2 โรงเรียนบ้านกระทุ่ม 1 คน ซึ่งก็ได้รับใบรายการจากทางโรงเรียน เพื่อนำไปแลกซื้อชุดนักเรียนกับร้านวินัยภรณ์ ที่ทางโรงเรียนให้นำมาขายในโรงเรียนเช่นกัน โดยในใบรายการระบุให้สามารถแลกชุดนักเรียนได้ 2 ชุด ถุงเท้า 2 คู่ แต่ลูกสาวมีชุดนักเรียนของปีที่แล้วเพียงพอสำหรับสวมใส่ ตนจึงต้องการรองเท้าให้ลูกสาว แต่ทางร้านอ้างว่าสินค้าหมดต้องนำไปแลกอยู่ที่ร้านในเขตเทศบาลสตึก ซึ่งห่างจากหมู่บ้านเกือบ 20 กิโลเมตร แต่ก็ต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อนำชุดนักเรียนไปแลกกับรองเท้า

นางบังอร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่ทางโรงเรียนจะมีการแจกใบรายการให้ผู้ปกครองนำไปแลกซื้อชุดนักเรียนนั้น ทางโรงเรียนได้มีการประชุมกับตัวแทนผู้ปกครองแล้ว ซึ่งบางส่วนเห็นด้วยเพราะไม่อยากยุ่งยาก และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่บางส่วนไม่เห็นด้วยเพราะต้องการได้เงินสดไปเลือกซื้อตามร้านที่ตนเองต้องการมากกว่า

ส่วนตนเองก็ไม่อยากมีปัญหากับทางโรงเรียน จึงยอมรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ก็ไม่พอใจอยู่บ้างที่ตอนแรกทางโรงเรียน บอกว่าจะมีร้านมาขายชุดนักเรียน 3 ร้าน แต่กลับมีเพียงร้านเดียวไม่มีโอกาสได้เลือก

ขณะที่นายสุนันท์ จันทร์เพชร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกระทุ่ม กล่าวชี้แจงว่า ทางโรงเรียนมีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ร่วมกับภาคี 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนครู ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการนักเรียน ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจัดซื้อชุดนักเรียนของผู้ปกครอง โดยให้หาร้านค้ามารับซื้อที่โรงเรียน ในราคาย่อมเยาว์ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ปกครอง ซึ่งโรงเรียนได้ติดต่อร้านค้าในอำเภอสตึก 3 ร้าน แต่พอถึงวันจริง กลับมาเพียง 1 ร้าน

“ยอมรับว่าในวันที่นัดผู้ปกครองมานั้น ไม่ได้มีการจ่ายเงินสดให้กับผู้ปกครองเป็นรายบุคคลแต่อย่างใด เพราะติดขัดในเรื่องของเวลาซึ่งเป็นช่วงบ่าย หากรอไปเบิกเงินมาให้ผู้ปกครองเกรงว่าจะไม่ทันเวลา รวมทั้งเกรงว่าจะไม่ได้ใบเสร็จครบตามจำนวน จึงให้ใบรายการแลกซื้อสินค้ากับผู้ปกครอง นำไปแลกซื้อสินค้าแทนเงินสด ระดับอนุบาล 300 บาท ประถมศึกษา 360 บาท ตามรายการสินค้าที่ต้องการ โดยนำใบเสร็จรับเงินส่งคืนโรงเรียนทันที” นายสุนันท์ กล่าว

ทางโรงเรียนยืนยันในความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีการทุจริตแต่อย่างใด ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองอีกครั้งหนึ่ง หากคนใดเห็นว่าสินค้าที่ซื้อไปไม่ตรงตามความต้องการ สามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับทางร้านได้ตลอดเวลา นายสุนันท์ กล่าวในตอนท้าย