นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นำคณะผู้บริหารของ ศธ.ออกรายการพิเศษที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เพื่อชี้แจงและตอบคำถามนักเรียนและผู้ปกครองเกี่ยวกับนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ให้เกิดความเข้าใจก่อนจะเปิดเทอม โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ผู้ปกครองมีเสียงตอบรับกลับมาที่ ศธ.ไปในทางที่ดี ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนมากเป็นปัญหาทางปฎิบัติที่พบว่าเป็นการเริ่มต้นครั้งแรก ก็จะเตรียมตอบคำถามไว้ และเตรียมทีมติดตามประเมินผลการแก้ปัญหาหลังโครงการดำเนินแล้วเช่น การจัดซื้อชุดนักเรียน จะแยกชุดนักเรียน 1 ชุด หรือชุดลูกเสืออีก 1 ชุดได้หรือไม่ เริ่มรับเงินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากจัดรายงานที่ส่วนกลางแล้ว ศธ.จะจัดเวทีเรียนฟรีสัญจรไปตามต่างจังหวัดให้ทั่วประเทศก่อนถึงเปิดเทอม เรื่องความโปร่งใสโครงการเรียนฟรีนี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ศธ.ไม่ได้นำเงินมาใช้ แต่เป็นการจัดสรรเงินไปตามโควต้าผ่านไปตามโรงเรียน ผ่านผู้ปกครองถึงเด็ก นำใบเสร็จไปแจ้งหลักฐาน นอกจากนั้นเป็นการส่งเงินไปอุดหนุนค่าพัฒนากิจกรรมผู้เรียน จึงไม่น่าเกิดปัญหาทุจริตหรือโกงแต่อย่างใด ถ้าพ่อแม่เอาสิทธิมาสวมเพื่อรับเงินเรียนฟรีเป็นเรื่องในครอบครัวที่ตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเหมือนกัน
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ไม่เห็นด้วยกับการรับตรงเพิ่มขึ้นของมหาวิทยาลัย เนื่องจากระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาเข้าสถาบันอุดมศึกษา(แอดมิชชั่นกลาง) เป็นข้อตกลงร่วมกันของ 26 มหาวิทยาลัย ในการกำหนดเกณฑ์การรับนิสิตนักศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในภาพรวม ส่วนตัวเห็นว่าหากรับตรงเพิ่มขึ้นจะทำให้เด็กเดือดร้อน ต้องวิ่งสอบหลายสนาม ดังนั้นมหาวิทยาลัยควรต้องคุยกันถึงเกณฑ์ที่ยอมรับกันได้และยึดประโยชน์ที่จะเกิดกับเด็กเป็นหลัก ไม่ใช่ต้องวิ่งรอกไล่สอบทุกสนาม
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ศธ.ไม่ได้นำเงินมาใช้ แต่เป็นการจัดสรรเงินไปตามโควต้าผ่านไปตามโรงเรียน ผ่านผู้ปกครองถึงเด็ก นำใบเสร็จไปแจ้งหลักฐาน นอกจากนั้นเป็นการส่งเงินไปอุดหนุนค่าพัฒนากิจกรรมผู้เรียน จึงไม่น่าเกิดปัญหาทุจริตหรือโกงแต่อย่างใด ถ้าพ่อแม่เอาสิทธิมาสวมเพื่อรับเงินเรียนฟรีเป็นเรื่องในครอบครัวที่ตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเหมือนกัน
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ไม่เห็นด้วยกับการรับตรงเพิ่มขึ้นของมหาวิทยาลัย เนื่องจากระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาเข้าสถาบันอุดมศึกษา(แอดมิชชั่นกลาง) เป็นข้อตกลงร่วมกันของ 26 มหาวิทยาลัย ในการกำหนดเกณฑ์การรับนิสิตนักศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในภาพรวม ส่วนตัวเห็นว่าหากรับตรงเพิ่มขึ้นจะทำให้เด็กเดือดร้อน ต้องวิ่งสอบหลายสนาม ดังนั้นมหาวิทยาลัยควรต้องคุยกันถึงเกณฑ์ที่ยอมรับกันได้และยึดประโยชน์ที่จะเกิดกับเด็กเป็นหลัก ไม่ใช่ต้องวิ่งรอกไล่สอบทุกสนาม