“สมเกียรติ” แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีกลางบึงพลาญชัย เมืองร้อยเอ็ด ปลุกคนอีสาน ร่วมคาราวานพันธมิตรฯลุยปราศรัยอุดรธานีและขอนแก่น กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ แนะ “รัฐบาลมาร์ค” ต้องล้างกลไกผู้ว่าฯ รัฐตำรวจ ทาสระบอบทักษิณ แฉเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะต้องสะสาง ย้ำอีกไม่นานเมื่อคนอีสานเข้าใจความจริงการเมืองใหม่เกิดขึ้นแน่นอน
รายงานบรรยากาศเวทีปราศรัยที่บึงพลาญชัย กลางเมืองร้อยเอ็ด หลังจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดร้อยเอ็ด สามารถยึดเวทีคืนจากคนเสื้อแดงได้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา บรรดาศิลปินของพันธมิตรฯ ได้ทยอยร้องเพลงปลุกใจโดยมีแกนนำสลับขึ้นเวทีปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง
จนถึงเวลาของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในเวลาประมาณ 22.45 น.ได้ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางเสียงปรบมือเป็นกำลังใจให้กับบรรดาแกนนำที่ร่วมปราศรัยคึกคักท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็น
นายสมเกียรติ กล่าวว่า เท่าที่ลงพื้นที่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะล่าสุดที่มาเปิดเวทีร่วมกับพันธมิตรฯ ร้อยเอ็ด พบว่ากลไกที่หยั่งรากลึกในระบอบทักษิณ ยังคงฝั่งแน่นในภาคอีสาน ดังจะเห็นจากพฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือแม้แต่นายตำรวจ ทำให้เห็นว่าอิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยหนีคุก ยังคงมีอยู่มีความมั่นคงในภูมิภาคแห่งนี้ ที่พิสูจน์ได้จากการที่กลุ่มม็อบเสื้อแดงได้เข้ามาสร้างปัญหาให้กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯจังหวัดร้อยเอ็ดที่ยังพบเห็นระบบการสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณยังมีอยู่ และพร้อมที่จะกลับมารับใช้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งนักการเมืองในภาคอีสานก็ยังสมยอมและพร้อมที่จะเป็นเครื่องมือให้กับระบอบทักษิณ อยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีความพยายามในการเตรียมการที่จะเป็นฐานการเมืองที่เตรียมตัวที่จะฟื้นคืนชีพให้กับระบอบทักษิณที่พันธมิตรฯ สามารถจับได้และรู้ทัน
“ความต้องการที่แท้จริงของพันธมิตรฯ จึงไม่ต้องการที่จะให้มีพื้นที่ให้กับระบอบทักษิณ ดังจะพบได้จากความพยายามของพี่น้องพันธมิตรฯทั่วภาคอีสาน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองมีความพยายามที่จะนำทาง นำความรู้ไปยังพี่น้องประชาชน แต่ก็ต้องมาถูกปิดกั้นด้วยระบอบสวามิภักดิ์ต่อระบอบทักษิณแต่พันธมิตรฯ ก็สามารถเปิดเวทีขึ้นมาจนได้ถึงแม้จะมีปัญหาในการต่อรองและยื้อเวลามานานถึง 2 ชั่วโมง”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ความเลวร้ายของระบอบทักษิณในรอบ 5 ปีที่ผ่านมากับปัญหาความยากจนที่ดำรงอยู่ในภาคอีสาน กับปัญหาของนักการเมืองที่ปล้นชาติที่อยู่ในระบอบทักษิณ ทำให้ภูมิภาคนี้ (ภาคอีสาน) ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ดังนั้น จากปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรที่จะต้องสร้างกลไกใหม่ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดและกลไกตำรวจให้อยู่ในอำนาจรัฐ แปลความได้ว่าจะต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจในระดับภูมิภาคจะต้องอยู่ในอำนาจของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้ทางตำรวจหรือทางจังหวัดสามารถที่จะแข็งข้อต่อรัฐบาลอีกทั้งยังปล่อยให้เกิดปัญหาที่ไม่เกิดความสงบสุขภายในประเทศ
“เพราะในขณะนี้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด และ ตำรวจ กลายเป็นกลไกเดียวที่จะสามารถเป็นเครื่องมือให้กับระบอบทักษิณได้ รัฐบาลจึงควรที่จะต้องกล้าตัดสินใจในการปฏิรูป กลไกของตำรวจและปฏิรูปกลไกของอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพราะหากรัฐบาลไม่ยอมแก้ไขปัญหานี้ การแก้ไขปัญหาให้ตรงถึงระดับภูมิภาคก็จะล่าช้าและไม่ก้าวไปไหน”
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอยืนยันว่า ในการร่วมสร้างการเมืองใหม่ พันธมิตรฯ จะยังคงเดินหน้าในการเปิดพื้นที่ในภาคอีสานต่อไป โดยกำหนดที่จะเปิดเวทีในรูปแบบคาราวานพันธมิตรฯ ใหญ่ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ จ.อุดรธานีและวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ จ.ขอนแก่น เพราะบทพิสูจน์จากความอหิงสา ในเวที จ.ร้อยเอ็ด ที่สามารถยึดเวทีคืนและเปิดเวทีปราศรัยได้ นั่นก็คือความสำเร็จของพันธมิตรฯทุกคน
“เกี่ยวกับการสร้างการเมืองใหม่ หรือการเปิดเวทีแต่ละครั้งสิ่งที่ต้องการฝากถึงพี่น้องพันธมิตรฯ ภาคอีสานทุกจังหวัด ควรที่จะต้องมีการวางแผนให้รัดกุมโดยเฉพาะการประสานความร่วมมือกับเพื่อนพันธมิตรฯในหลายๆ จังหวัดและควรอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการจัดแบบกลุ่มก้อน
ในขณะเดียวกันก็จะต้องวางแผนร่วมกับพันธมิตรฯ ส่วนกลาง และควรที่จะต้องจัดให้มีเวทีปราศรัยให้ได้ในทุกจังหวัดของภาคอีสานที่ควรจะเกิดคาราวานพันธมิตรฯ ในลักษณะของการหมุนเวียนให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน และขอให้พี่น้องพันธมิตรฯ มีกำลังใจและมั่นใจในการสร้างการเมืองใหม่ร่วมกัน” นายสมเกียรติ กล่าวในที่สุด