ศรีสะเกษ – ชายแดนไทย-กัมพชาเชิงเขาพระวิหาร ตึงเครียด ผู้ชุมนุมชาวไทยรุกคืบย้ายศาลาไทยไปตั้งประชิดเชิงเขาได้อีก 59 เมตร ท่ามกลางการระดมกำลังทหาร-ตร.อปพร.ทั้งชาย-หญิง สกัดกั้น อีกทั้งนำลวดหนามวางกั้นตลอดแนวไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้ชายแดนชุมชนเขมรที่รุกล้ำเขตแดนไทย แกนนำยื่นหนังสือถึง “ผบ.ทบ.”เรียกร้อง 3 ข้อหลักขีดเส้น ให้ผลักดันชาวเขมรออกไปใน 7 วัน ด้านฝ่ายกัมพูชาอพยพเด็ก-ผู้หญิงออกชุมชนเชิงเขาขึ้นไปยังชั้นบนปราสาทพระวิหาร พร้อมตรึงกำลังชายฉกรรจ์และทหารอาวุธครบมือตลอดเวลา
วันนี้ ( 12 ก.ค. ) เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนชาวไทยกลุ่มสภาสหธรรมมิกประชาธิปไตยร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน ,สมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ และเครือข่ายประชาชนคนกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหาร นำโดยนายรณชิต ทุ่มโมง ประธานสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ , นายสมาน ศรีงาม ประธานสภาประชาธิปไตยแห่งชาติ ได้พากันชุมนุมพร้อมเคลื่อนขบวนย้ายศาลาไทยจากจุดเดิมที่บริเวณหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มุ่งหน้าตามถนนไปยังบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อีกประมาณ 59 เมตร
โดยมีกำลัง ตำรวจ ทหารและอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ทั้งชาย-หญิง ของ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)เสาธงชัย มาตั้งด่านสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายไปใกล้เขตแดนเชิงเขาพระวิหาร เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาตั้งชุมชน ร้านค้า อยู่ในบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งศาลาไทยไว้ข้างถนนหลังจากรุกคืบมาได้ 59 เมตร พร้อมทั้งปักธงชาติไว้ที่ศาลาทรงไทยเช่นเดิม เพื่อรอการเคลื่อนย้ายต่อไปยังเชิงเขาพระวิหารเพื่อตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเป็นเขตแดนประเทศไทย และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศว่า ในวันเสาร์ที่ 19 ก.ค.51 จะต้องผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทยที่เชิงเขาพระวิหารให้จงได้
นายรณชิต ทุ่มโมง กล่าวว่า จากการที่สภาสหธรรมมิกประชาธิปไตยได้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีให้ผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทยภายใน 30 วันนั้น ปรากฏว่าระยะเวลาผ่านมา 21 วันแล้ว แต่ทหารในฐานะผู้มีภารกิจหลักในการรักษาอำนาจอธิปไตยกลับไม่ไม่มีการกระทำใดๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการรักษาผืนแผ่นดินไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีทีท่าประหนึ่งว่า สนับสนุนให้ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชารุกเข้ามายึดผืนแผ่นดินไทยไปเรื่อยๆ ซึ่งการนิ่งเฉยเสมือนการให้ท้ายประเทศกัมพูชา และมีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยว่า การเคลื่อนไหวใด ๆ ของประชาชนตามแนวชายแดนให้คำนึงถึงมิตรภาพ เหมือนกับว่า ผบ.ทบ.ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของคนไทยที่ต้องเสียอำนาจอธิปไตยบนแผ่นดินไทย
ด้วยเหตุนี้ในนามของเครือข่ายประชาชนคนกันทรลักษ์พิทักษ์เขาพระวิหาร จึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. ให้ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 13 -21 ก.ค.นี้
2. ต้องนำธงไทยไปปักที่บันไดขั้นที่ 16 นับจากตัวปราสาทพระวิหารลงมา ตามคำตัดสินของศาลโลก และมติคณะรัฐมนตรีไทย ปี 2505 และ 3. ขอให้ตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนให้ชัดเจนภายใน 7 วัน
“หากกองทัพบกไม่สามารถดำเนินการรักษาอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยได้ ก็จะต้องเป็นภารกิจของคนไทยทั้งประเทศมาช่วยกันรักษาอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยที่เขาพระวิหารแห่งนี้ต่อไป” นายรณชิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายรณชิต ได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าว ถึง ผบ.ทบ. ผ่าน พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23
ขณะเดียวกันพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา รอบบริเวณเชิงเขาพระวิหารนั้น ทหารพรานได้นำเอาลวดเหล็กหนามที่ใช้ในสนามรบมาวางเป็นรั้วกั้นตลอดแนว เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปใกล้เขตชุมชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาสร้างบ้านเรือน ร้านค้าอยู่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร
พร้อมกับได้มีกำลังทหารพรานพร้อมอาวุธครบมือคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยและตรวจคุมเข้มอยู่ตรงกลางระหว่างหลังลวดหนามกับบริเวณเชิงเขาพระวิหารหน้าประตูเหล็กทางเข้าประสาทพระวิหาร ที่รัฐบาลกัมพูชา สั่งให้ปิดประตูมาตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทางฝ่ายกัมพูชาได้ทำการอพยพผู้หญิงและเด็กออกจากบริเวณชุมนุมร้านค้าเชิงเขาพระวิหาร ดังกล่าวขึ้นไปอยู่บนบริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 2 ส่วนบริเวณชุมชนเชิงเขาพระวิหารเหลือเพียงกลุ่มชายฉกรรจ์และทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ เพื่อเตรียมต่อต้านการบุกรุกจากกลุ่มผู้ชุมนุมชาวไทยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา