สุรินทร์ - “พล.ต.กนก” ผบ.กองกำลังสุรนารี ยืนทหารไทย-กัมพูชายังติดต่อมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ชี้ปัญหาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารขอให้เป็นเรื่องระดับรัฐบาล 2 ประเทศ เผยการสร้างประตูเหล็กเข้า-ออกปราสาทพระวิหารเป็นข้อผิดพลาดที่กระทำกันไปเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยไม่คิดถึงปัญหาภายหน้าทำให้ไทยเสียหายเรื่องเขตแดนและมีชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาตั้งร้านค้าชุมนุม ระบุทหารพร้อมปกป้องแผ่นดินไทย หากรัฐบาลและ ผบ.ทบ.สั่งการเช่นใดพร้อมปฏิบัติทันที
วันนี้ ( 2 ก.ค.) เวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี ถนนสุรินทร์-ปราสาท ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรินารี (ผบ.กกล.สุรนารี) ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงประเด็นปัญหาการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ในฐานะกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 มีภารกิจในการป้องกันประเทศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ อ.น้ำยืน จ.อุบราชธานี -ศรีสะเกษ-สุรินทร์- อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์
พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กกล.สุรนารี กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์พื้นที่ตามแนวชายแดนที่กกล.สุรนารีรับผิดชอบยังปกติ โดยเฉพาะที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เขาพระวิหาร ด้าน อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ ทหารไทยและกัมพูชายังมีการติดต่อสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และได้มีการพูดคุยกับผู้นำทหารกัมพูชาว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น กรณีการที่ทางการกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก นั้นทหารจะไม่เข้าไปยุงเกี่ยว ขอให้เป็นหน้าที่ของทางรัฐบาล ที่จะเจรจาตกลงกันในเงื่อนไขต่างๆ แต่ทางฝ่ายทหารยังคงมีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สร้างความสงบสุขบริเวณพื้นที่ชายแดนร่วมกัน
ส่วนเรื่องการปักปันเขตแดนนั้น ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนทั้ง 2 ประเทศ เป็นผู้ปฎิบัติเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า บริเวณทางเข้าปราสาทพระวิหารที่มีการสร้างประตูเหล็กกั้นไว้และทางกัมพูชาได้สั่งปิดอยู่ในขณะนี้ นั้น เป็นข้อผิดพลาดของฝ่ายไทยซึ่งเป็นการกระทำลงไปโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาในภายหลัง ซึ่งประตูเหล็กนี้เป็นประตูเปิด-ปิดและล็อคกุญแจได้ โดยเดิมทีนั้นเป็นนโยบายร่วมกันของทางการกัมพูชากับจังหวัดศรีสะเกษ ในการร่วมกันพัฒนาพื้นที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยให้แต่ละฝ่ายสร้างประตูเข้า-ออก ซึ่งต่อมาฝ่ายกัมพูชา ได้ทำลายประตูฝั่งตัวเองทิ้งไป และมาใช้ประตูร่วมกันกับฝ่ายไทย
“ปัจจุบันประตูเหล็กนี้เป็นปัญหา ทำให้เห็นว่าเขตแดนไทยอยู่ที่ตรงจุดประตูเหล็กนี้ และมีครอบครัวทหารกัมพูชา ประมาณกว่า 200 คน เข้ามาตั้งร้านค้าชุมนุมอยู่บริเวณทางขึ้นบันไดปราสาทพระวิหารซึ่งนั้นก็คือเขตแดนไทยที่มีการพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ และขณะนี้ประชาชนชาวกัมพูชาเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ลงไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านโกมุย ซึ่งเป็นหมู่บ้านด้านหลังปราสาทพระวิหาร ในเขตประเทศกัมพูชา” พล.ต.กนก กล่าว
พล.ต.กนก กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นทางกัมพูชายังได้สร้างเส้นทางลัดเลาะขึ้นมาในเขตพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องเขตแดน ที่บริเวณช่องตาเฒ่า ติดกับเขาพระวิหาร ซึ่งทางเราได้แจ้งให้ทางการกัมพูชาหยุดก่อสร้างไปแล้ว
ส่วนเส้นทางที่การกัมพูชาสร้างขึ้นมาตามแนวเทือกเขาพระวิหาร ในฝั่งกัมพูชา ขึ้นมาจากทางด้านฝั่งบ้านโกมุย เราก็ไม่เข้าไปยุ่ง แต่หากเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องเขตแดนทหารก็จะแจ้งให้ฝ่ายกัมพูชาได้ทราบและหยุดก่อสร้าง ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ต้องเป็นระดับรัฐบาลที่จะทำการเจรจาและแก้ไขทหารจะไม่ใช้กำลังเข้าไปแก้ปัญหาเพราะหากใช้กำลังทหารเข้าไปผลักดันแก้ไขปัญหาก็จะเป็นปัญหาใหญ่โต แต่หากรัฐบาลและ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการเรื่องนี้มาอย่างใดทหารพร้อมปฎิบัติทันที
ในส่วนกรณีกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ที่เดินทางมาชุมนุมเรียกร้องทวงคืนพระวิหาร ตลอดทั้งมณฑลบูรพา ให้เป็นของไทย อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในขณะนี้นั้น ทหารได้เข้าไปเจรจาทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง และผลที่ตามมาจะแก้ไขยากขึ้นไปอีก ซึ่งผู้ชุมนุมเองก็เข้าใจและทหารให้การดูแลผู้ชุมเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้มือที่ 3 มาสร้างสถานการณ์รุนแรงขึ้นได้
“ขอยืนยันว่าทหารพร้อมปกป้องแผ่นดินไทย เพียงแต่ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ให้เป็นการเจรจาสร้างความเข้าใจในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล หากรัฐบาลสั่งการมาอย่างใดทหารพร้อมปฎิบัติทันที” พล.ต.กนก กล่าว