นักวิชาการประวัติศาสตร์ แนะ “ปองพล” แสดงสปิริตขอลาออกจากตำแหน่ง คกก.มรดกโลก หากที่ประชุมยังดึงดันผ่านปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เชื่อ คกก.จะต้องหันมาฟังเหตุผลฝ่ายไทยมากขึ้น
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์อิสระ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ว่า ขอให้คณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เพราะทราบว่าตอนนี้แผนพัฒนาบริเวณมรดกโลกเขาพระวิหารได้ถูกจัดทำเรียบร้อยแล้ว และเสนอไปยังคณะกรรมการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2008 ที่ผ่านมา แต่ตรงนี้เราไม่รู้ รัฐบาลไทยกลับไปบอกว่ายังไม่มี เมื่อประกาศแล้วถึงจะมาทำแผน ตนอยากบอกว่าแผนนี้มันมีอยู่แล้ว รวมทั้งคนที่จะให้กู้เงินก็พร้อมแล้ว เทคนิคในการบูรณะเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าเราจะไปทำพร้อมเขา แต่เราจะไปเป็นลูกไล่เขา
“ผมอยากเสนอให้คุณปองพล อดิเรกสาร ในฐานะประธานคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปอยู่ในห้องประชุม ถ้าหากมีการพิจารณาเรื่องนี้แล้วปรากฏว่าสิ่งที่ประชุมจะเห็นด้วยขอให้คุณปองพลแสดงสปิริตในฐานะเป็นคนไทยคนหนึ่งขอลาออก ขอลาออกจากที่ประชุมเลยว่าเรื่องนี้คนไทยไม่เห็นด้วย และถ้าคณะกรรมการดึงดันที่จะผ่านให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา คุณปองพล ก็ถอนมรดกโลกของตัวเองออกไปอีก 5 แห่งด้วย เพื่อเป็นการแซงซั่น และวิธีนี้จะทำให้ทั้ง 21 ประเทศจะหันมาฟังคุณปองพลว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเทคนิควิธีการ อันนี้จะใช้ได้ผล เพราะว่าเขาจะต้องรับทราบปัญหา เพราะประธานคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมมรดกโลกครั้งที่แล้วที่ประเทศนิวซีแลนด์ได้ทำหนังสือมาถึงกัมพูชาว่า ขอ 2 เรื่อง คือ แผนพัฒนา เพราะเรื่องได้เตรียมไว้หมดแล้ว พร้อมที่จะให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว และขอให้ฝ่ายไทยลงนามรับรองในการใช้พื้นที่ก็ได้ ซึ่งเขาทำสำเร็จแล้วทั้งสองประเด็น เขาส่งแผนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ต้องรีบส่งเพราะแผนมันไปแล้ว แต่คำยินยอมของไทยยังไม่ไป มันเลยต้องรีบ แต่เรื่องผลประโยชน์ผมไม่ทราบ แต่ตอนนี้มันยากที่จะแก้ไขปัญหาภายในประเทศเรา มันต้องไปถึงเวทีโลกแล้ว”
เมื่อถามว่า ถ้าต้องถอนจริงมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร นายเทพมนตรี กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่ามรดกโลกของไทยเป็นมรดกโลกอยู่แล้ว ที่ไม่จำเป็นต้องใช้โลโก้ของยูเนสโก้มาการันตี ถ้าใช้โลโก้ของยูเนสโก้มีข้อดีในด้านการท่องเที่ยวว่าได้รับความเห็นชอบจากชาวโลกว่าเป็นมรดกโลก แต่ในทางปฎิบัติเราไม่มีวิธีการจัดการกับมรดกโลกของเราให้ดีพอ ยังมีปัญหาอยู่เยอะมาก และเราต้องเสียค่าสมาชิกด้วยปีละประมาณเกือบ 10 ล้าน เรามี 5 ที่ ล่าสุดเราได้ คือ เขาใหญ่ในปี 2005 ตรงจุดนี้ตนมองว่า เรามีมาตรการตรงนี้ที่จะสามารถหันมาฟังเรา ส่วนจะให้เราออกหรือไม่ยังมีเงื่อนไขในการออกอีก ไม่ใช่ลาออกแล้วเขาจะให้ออก ดังนั้น วิธีที่จะแก้ปัญหาได้คือให้เขาชะลอ เพราะตอนนี้ครึ่งหนึ่งของที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเป็นฝ่ายกัมพูชาหมดแล้ว เพราะครึ่งหนึ่งในนั้นมีผลประโยชน์ในแง่การอนุรักษ์ การบูรณะหมด
เมื่อถามว่า การไปเรียกร้องให้ทางกัมพูชาชะลอเรื่องนี้ก็ไม่มีผลอะไร นายเทพมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะมันผ่านขั้นตอนนั้นไปแล้ว มันไปสู่ที่ประชุมที่ประเทศแคนาดาแล้ว อย่างไรก็ตามตนจะไปยื่นหนังสือที่เป็นคำสั่งศาลปกครองที่สถานทูตกัมพูชาด้วย
