“พิภพ ธงไชย” จี้ รัฐบาลลูกกรอกใช้ช่องเขมรยื่นเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก พลิกฟื้นคดีทวงสิทธิ์คืนให้กับคนไทย แฉ คณะกรรมการยูเนสโกสัญชาติคนฝรั่งเศส หวังฮุบดินแดนอดีตเมืองอาณานิคม เปิดทางเอื้อเขมรเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 20.50 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อย้ำถึงสิทธิครอบครองปราสาทพระวิหารของประเทศไทย ว่า รัฐบาลจะต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง และไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก และในโอกาสที่ยูเนสโกยกเรื่องนี้ขึ้นมา ไทยก็น่าควรใช้โอกาสนี้ทบทวนเรื่องราว ตั้งแต่คำพิพากษา ข้อโต้แย้ง และต้องไม่ยอมรับให้รัฐบาลกัมพูชายื่นเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว หรือแม้กระทั่งยื่นร่วมกันทั้งสองฝ่ายก็ต้องไม่ทำ
ทั้งนี้ นายพิภพ ยังกล่าวตำหนิท่าทีของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ยอมรับไทยเสียปราสาทเขาพระวิหารไปนานแล้ว ทั้งๆ ที่รัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้สงวนสิทธิ์ยอมรับคำพิพากษาของศาลโลกไว้ รัฐบาลต้องถอย ไม่ยอมรับ ระดมนักกฎหมาย นักวิชาการ หาช่องทางพลิกฟื้นคดีขึ้นมาอีก โดยเฉพาะคำโต้แย้งที่ไม่หมดอายุความสามารถยกขึ้นมาเมื่อใดก็ได้
“เราต้องยืนยัน และไม่สนับสนุนให้เขมรยื่นเสนอเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียว เรากำลังการยอมรับโดยอัตโนมัติ จะทำให้เราเสียสิทธิ์และดินแดน จนไม่สามารถเรียกคืนได้ ทั้งที่ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องยาก หากจะพลิกโอกาสให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายไทย” นายพิภพ กล่าว
นอกจากนี้ นายพิภพ ยังตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นกลางของคณะกรรมการและนักวิชาการยูเนสโก คณะกรรมการส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส ลึกๆ ก็ยังอยากดูแลประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคม ดังนั้น ความเห็นของคนพวกนี้จึงโอนเอียงเข้าข้างไปกับรัฐบาลกัมพูชา ยืนยันใช้แผนที่ฝรั่งเศสเป็นหลัก ถ้าความไม่เป็นกลางของคณะกรรมการชุดนี้ถูกเปิดเผย เชื่อว่า ประเทศไทยจะได้ประโยชน์และความเป็นธรรม
ดังนั้น เมื่อพบความไม่เป็นกลาง รัฐบาลต้องยืนยันว่า เราจะถือปราสาทเขาพระวิหารเป็นของไทย ต้องยึดข้อโต้แย้งของรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ทักท้วงสิทธิ์ที่ไทยควรพึ่งได้รับ คณะกรรมการของยูเนสโกชุดนี้ไม่ได้หวังดีต่อไทย ดังนั้น รัฐบาลต้องยันไว้ ไม่ใช่ไปลงนามทำให้เราเสียสิทธิ์ แต่หากยันไม่ได้ก็ต้องออกไป เปิดทางให้รัฐบาลใหม่เข้ามายันแทน
ในช่วงท้าง นายพิภพ ยังกล่าวถึงจุดมุ่งหมายเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ว่า การเมืองใหม่จะต้องไม่เป็นการเมืองที่นำพาประเทศไปสู่สังคมวัตถุนิยม ทำให้คนหลงระบบทุนนิยมที่ไม่เป็นธรรม ต้องเปิดพื้นที่สำหรับคนที่ไม่ต้องการมีวิถีชีวิตแบบทุนนิยม ต้องเป็นพื้นที่ของเศรษฐกิจพอเพียง รัฐบาลจะต้องปกป้องคุ้มครองไม่ให้ทุนนิยมมาทำร้ายพื้นที่ของเศรษฐกิจพอเพียง ขณะเดียวกัน การเมืองใหม่ไม่ได้เปลี่ยนระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เป็นการเปลี่ยนเนื้อแท้ ต้องไม่มีนักการเมืองเลวทรามอย่างทุกวันนี้