“แม่ทัพภาคที่ 1” ประกาศกร้าวไม่ยอมเสียดินแดนเด็ดขาด ชี้ปราสาทพระวิหารถือเป็นบทเรียนแนวชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ยอมรับมีเรื่องการเมืองเข้าแทรก ปฏิเสธเจรจาบัวแก้วเพราะไม่ใช่หน้าที่
วันนี้ (2 ก.ค.) พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า บริเวณเขาพระวิหารอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 แต่พื้นที่ในเขตความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ด้านชายแดนกัมพูชา และมีพื้นที่ทับซ้อน จากการตรวจสอบกับกองกำลังบูรพา และกองกำลังจันทบุรี-ตราด ยังไม่มีปัญหาอะไร ประชาชนตามชายแดนยังสัญจรไปมาและค้าขายตามปกติ ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก
อย่างไรก็ตาม พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งของไทยและกัมพูชาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่มีผลกระทบต่อชายแดน และว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้เกิดความสับสนพอสมควร ต้องการให้ประชาชนแยกแยะให้ออกว่าอะไรเป็นอะไร
“ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ และให้เชื่อมั่นว่าทั้งทหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะทุกคนมีความรักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน โดยเฉพาะหน้าที่สำคัญของทหาร คือการปกป้องรักษาดินแดนของเรา ไม่ให้เสียไปเป็นของใคร เชื่อว่าจะมีทางออกของปัญหาได้” พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อข้อถามว่า การปักปันเขตแดนด้านอื่นจะมีปัญหาเหมือนจุดนี้หรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหา แต่ปัญหาเขตแดนมีมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ทหารมีหน้าที่ในการรักษาเขตแดน ได้เจรจาหารือกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกันมาตลอด โดยใช้ข้อตกลงและสัญญาที่ยึดถือกันว่าพื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ต่างคนต่างถือแผนที่คนละฉบับ ทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่เข้าไปทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ดังกล่าว และไม่ถือว่าเป็นพื้นที่ของใคร
“กรณีที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนให้กับการดำเนินการด้านชายแดนด้านอื่นๆ ต้องทำด้วยความรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แต่ขอให้ทุกคนเคารพในกติกาของบ้านเมือง เคารพกฎหมายที่มีอยู่ และวิเคราะห์จากเหตุผลข้อเท็จจริง ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ในฐานะที่เป็นทหาร ขอยืนยันว่า เราไม่ยอมให้เสียดินแดนโดยเด็ดขาด” พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กองทัพจะประสานกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างไร พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา กองทัพทำในกรอบของกองทัพ ส่วนการปักปันเขตแดน มีคณะทำงานอีกคณะหนึ่งที่ดูแลอยู่ และทุกหน่วยงานประสานกันอย่างใกล้ชิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ง่าย โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเพียงฝ่ายเดียว
ต่อข้อถามว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการอะไรก่อนเดินทางร่วมคณะนายกรัฐมนตรีไปต่างประเทศหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นคำสั่งเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าผู้บัญชาการทหารบกจะอยู่ในประเทศหรือไม่ คือ กองทัพต้องทำหน้าที่ของกองทัพให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการป้องกันชายแดน การรักษาความมั่นคงภายใน เน้นเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ปัญหาแรงงานต่างด้าว การรักษาทรัพยากรธรรมชาตและสิ่งแวดล้อม การช่วยเหลือประชาชนยามประสบภัยพิบัติ ดูแลให้ประชาชนมีความสุขมากที่สุด
