xs
xsm
sm
md
lg

พิษเศรษฐกิจทำธุรกิจป้ายโฆษณาอุบลฯ รายได้หด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุบลราชธานี- อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานต่อเนื่อง จากปัจจัยน้ำมันแพง กระทบธุรกิจป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เมืองอุบลฯรายได้หด เหตุลูกค้ารัดเข็มขัดลดระยะเวลาเช่า ขณะที่บางส่วนเลี่ยงไปใช้ป้ายเล็กแทน แต่ผู้ประกอบการยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายค่าดูแลโครงสร้างเช่นเดิม ด้านอดีตผู้รับเหมารายย่อยที่หันมาเอาดีขายโครงไก่ย่าง ยังถูกพิษเศรษฐกิจตามหลอกหลอนไม่หยุด เมื่อโครงไก่ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญพุ่งขึ้นอีก 300% จี้รัฐบาล “สมัคร” เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานี รายงานสภาพเศรษฐกิจ ที่เกิดภาวะเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมสูงถึง 7.6% จากที่มีการประมาณการณ์ของรัฐบาลไม่เกิน 5.5% ทำให้ภาวะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนสูงขึ้น กระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนทุกภาคส่วน และยังมีผลต่อผลการประกอบการให้เช่าพื้นที่ป้ายโฆษณาสินค้าขนาดใหญ่ที่ติดตั้งตามถนนสายสำคัญของตัวจังหวัดอุบลราชธานีด้วย

ผู้ให้เช่าพื้นที่ป้ายโฆษณารายหนึ่ง ระบุว่า ต้นทุนการทำโครงสร้างป้ายโฆษณาที่เป็นโครงเหล็กขนาด 15 X 20 เมตรมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาทเศษต่อป้าย ยังไม่รวมค่าเช่าที่ใช้ติดตั้ง เพราะมีอัตราค่าเช่าที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ แต่ผลการประกอบการตั้งแต่ต้นปี 2551 มานั้น ลูกค้าลดเช่าพื้นที่โฆษณาลงมาก

สาเหตุเพราะน้ำมันที่ปรับราคาสูงมาก ทำให้ลูกค้าเช่าพื้นที่โฆษณาประเมินกำลังซื้อของประชาชนต่ำลง ทำให้การโฆษณาสินค้าจะประสบความสำเร็จต่ำกว่าปกติ จึงลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ลงจากที่เคยเช่าพื้นที่ติดตั้งโฆษณาสินค้านานครั้งละ 3-6 เดือน เหลือเพียง 1-2 เดือน ทำให้ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ป้ายโฆษณาเริ่มได้รับผลกระทบดังกล่าว

ผู้ประกอบการให้เช่าพื้นที่ป้ายโฆษณา ยังกล่าวต่อว่า ลูกค้าบางส่วน หันไปใช้วิธีเช่าพื้นที่โฆษณากับป้ายขนาดเล็กที่ติดตั้งในพื้นที่ชุมนุมชนในตัวเมือง ซึ่งติดตั้งตามมุมถนนบนตัวอาคารที่เห็นได้ชัดเจน เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายดีกว่า รวมทั้งมีราคาค่าเช่าถูกกว่าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่กว่าเท่าตัว

นอกจากธุรกิจป้ายโฆษณาขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ลดลงจำนวนมากแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ซ่อมแซมมีราคาสูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการต้องดูแลความมั่นคงแข็งแรงของป้ายให้อยู่ในสภาพดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายในฤดูมรสุม ซึ่งมีลมพายุพัดแรงด้วย

ด้าน นายสมาน บังศรี ผู้จำหน่ายโครงไก่ย่างข้างโรงเรียนเทศบาลมิตรภาพที่ 5 อ.วารินชำราบ ซึ่งเป็นผู้รับเหมารายย่อยและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ จึงหันมาประกอบอาชีพ ย่างโครงไก่ จำหน่ายให้เด็กนักเรียนว่า เดิมมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างต่อเติมซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนทั่วไป แต่หลังสภาพเศรษฐกิจผลักให้ราคาสินค้าในหมวดอุปกรณ์ก่อสร้างอาทิ เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ หิน ทราย สูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10-15% ประชาชนที่ต้องการซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเรือน ชะลอการใช้จ่าย กระทบกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย เพราะอัตราการจ้างงานน้อยลงมาก

นายสมาน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ไม่มีการจ้างงาน และไม่มีรายได้นานติดต่อกันหลายเดือน จึงผันตัวเองมาประกอบอาชีพย่างโครงไก่ขายให้เด็กนักเรียนและประชาชนทั่วไป แต่ก็ได้รับผลกระทบอีกครั้งจากวัตถุดิบโครงไก่ปรับราคาขึ้นเช่นกัน

เดิมเคยเมื่อเริ่มรับโครงไก่ขนาด 10 กิโลกรัมราคาถุงละ 50-70 บาทเท่านั้น แต่ปัจจุบันราคาโครงไก่ราคาขายพุ่งสูงถึงถุงละ 200-230 บาท ทำให้ต้องขึ้นราคาขายจากเดิมไม้ละ 3 บาทเป็น 5 บาท และเมื่อราคาโครงไก่ย่างมีราคาแพงขึ้น ลูกค้าก็ลดการบริโภค จึงเหลือรายได้จากการขายโครงไก่ วันละไม่ถึงสองร้อยบาท

“ถ้ารัฐบาลยังปล่อยให้สภาพเศรษฐกิจเป็นไปอย่างนี้ คนที่ไม่มีรายได้ประจำ จะได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้ประชาชนก่อนคิดไปทำเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เมื่อเทียบกับปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจที่คนทั้งประเทศ กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้” นายสนาม กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น