xs
xsm
sm
md
lg

รวบ 2 นายหน้าค้าโสมแดงจากจีน-ไทย แนะดึง UN-เกาหลีใต้เปิด สนง.รับตรงที่ ชร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงราย – ตำรวจรวบ 2 สามี-ภรรยาชาวเกาหลีใต้ หลังพบร่วมอยู่เบื้องหลังขบวนการนำพา “โสมแดง” จากจีน เข้าไทยผ่านชายแดนเชียงราย ก่อนหาช่องลี้ภัยไปเกาหลีใต้ หรือประเทศที่ 3 ต่อ แลกค่าหัว 130,000 บาท/คน ชี้ได้หลักฐานหนาแน่นขณะ 2 ผู้ต้องหานำพา 11 เกาหลีเหนือขึ้นฝั่งแยกเข้าพักรอก่อนส่งต่อ เผยสถานการณ์ปัญหาโสมแดงลอบเข้าไทยรุนแรงขึ้นไม่หยุด จนถึงขั้นโผล่หน้ากลางชุมชนหนาแน่น หลังรัฐบาลไร้นโยบายที่ชัดเจน แนะดึง UNHCR-สถานทูตเกาหลีใต้เปิดสำนักงานรับภาระโดยตรงที่เชียงราย

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาปัญหาการลักลอบใช้พื้นที่เขตแดนไทยด้าน จ.เชียงราย เป็นช่องทางไปสู่ประเทศของกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการจับกุมตัว 2 ภรรยาชาวเกาหลีใต้ ที่มีพฤติกรรมนำพาช่วยเหลือชาวโสมแดง อพยพออกนอกประเทศโดยผิดกฎหมาย ได้ที่ อ.เชียงแสน

พ.ต.อ.สุรชัย เทียนชัย ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจเชียงแสนได้จับกุมตัวนายโอแซวู อายุ 58 ปี และนางโดบุกยอ อายุ 59 ปี สองสามีภรรยาชาวเกาหลีใต้ พร้อมด้วยผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือ จำนวน 11 คน ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ อ.เชียงแสน เพื่อจะลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม

พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ทางตำรวจสืบทราบอย่างแน่ชัดว่านายโอแซวู และนางโดบุกยอ มีพฤติกรรมช่วยเหลือนำพาคนเกาหลีเหนือจากชายแดนจีนเข้ามายังเขตแดนไทย โดยมีการจัดตั้งองค์กรบางอย่างบังหน้า จึงวางแผนเฝ้าจับกุม กระทั่งพบว่าจะมีการขนชาวเกาหลีเหนือ จำนวน 2 กลุ่มเข้ามาใน อ.เชียงแสน

เมื่อออกสืบสวนพบว่าทั้งสองนายหน้าชาวเกาหลีใต้ได้แบ่งกลุ่มผู้อพยพเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกมี 9 คน มีนางโดบุกยอ นำเข้าพักที่โรงแรมกึ่งเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่ง หน้า อ.เชียงแสน ส่วนอีก 2 คน ได้ถูกนายโอแซวูใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่มารับที่จุดชมวิวบริเวณที่ขายผลไม้หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน

ชี้ชัดได้ว่า นายโอแซวู และภรรยา มีพฤติกรรมในการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชกาอาณาจักรโดยผิดกฎหมายชัดเจน หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีการจะฟ้องร้องตำรวจเชียงแสน กรณีให้ข่าวว่า นายโอแซวู อยู่เบื้องหลังในการค้าส่งคนเกาหลี ทำให้เกิดข้อพิพาทขึ้นมา

เมื่อมีการจับกุมได้พร้อมผู้ต้องหาเช่นนี้แล้ว พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาช่วยเหลือนำพาซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร อันมีโทษตามกฎหมายจำคุกไม่เกิน 5 ปี โดยทางตำรวจไม่อนุญาตให้ประกันตัว รวมทั้งเตรียมเนรเทศออกนอกประเทศไทย เนื่องจากมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเชียงราย

“ขบวนการกลุ่มนี้นับเป็นกลุ่มใหญ่มาก เชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่เชียงรายอีกหลายคน ส่วนคำให้การของผู้ลี้ภัยทั้ง 11 คน ที่บอกว่าได้เสียค่าใช้จ่ายคนละ 130,000 บาท ในการเดินทางจากชายแดนจีนมายังเขตแดนไทยนั้น เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนำพา ที่เรียกเก็บหรืออาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับนายโอแซวู และภรรยาอีกชั้นหนึ่ง”

ด้าน พ.ต.ต.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาการอพยพของชาวเกาหลีเหนือเข้าเชียงราย พบว่าอยู่ในระดับรุนแรง จากการตรวจสอบหลังจากยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการดำเนินการกับชาวเกาหลีเหนือทำให้มีการเร่งอพยพเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนในเชียงรายมากขึ้น โดยเฉพาะย่านชุมชน สถานีขนส่งผู้โดยสาร

เมื่อกลุ่มเป้าหมายเห็นว่าทางการไทยไม่มีการดำเนินการ จึงทำให้มีการอพยพเข้ามาไม่หยุด เป็นภาระต่อเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเลี้ยงดู ค่าเดินทางนำตัวไปส่งเพื่อผลักดัน

การแก้ปัญหาส่วนนี้ จำเป็นต้องหารือกับทางหน่วยเหนือ เพื่อหาทางประสานไปยังข้าหลวงผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ หรือ UNHCR หรือทางสถานทูตเกาหลี ประจำประเทศไทย เข้ามาดำเนินการจัดตั้งสาขาหรือสำนักงานในพื้นที่เชียงราย รองรับกับปัญหาการทะลักของชาวเกาหลีเหนือโดยตรง ไม่ต้องมาเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ไทย ที่ต้องเจียดค่าใช้จ่ายในหน่วยงาน มาดูแลกลุ่มชาวเกาหลีเหนือ อย่างเช่นที่ผ่านมา ให้องค์กรเป้าหมาย เข้ามาเป็นผู้จัดการกับผู้อพยพ ซึ่งมองว่าจะได้ผลดี-ตรงประเด็นกว่า สามารถเจาะลึกถึงเครือข่ายและสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับจังหวัดเชียงราย เป็นเป้าหมายของชาวเกาหลีเหนือที่จะลักลอบเข้ามา เพื่อผ่านต่อไปยัง สาถนทูตเกาหลีใต้ในไทย สร่างปัญหาอย่างมากแก่เจ้าหน้าที่ เพราะสถิติการจับกุมใน 2550 สูงกว่า 300 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจต้องเป็นภาระในการดูแลค่าอาหรระหว่างถูกขังแทนค่าปรับ ทำให้เป็นที่เข็ดขยาดของเจ้าหน้าที่ จนบางหน่วยไม่กล้าจับกุม จึงต้องหาทางดำเนินการกับนายหน้าตัวการใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น