xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ท่องเที่ยวลุยทำประวัติกะเหรี่ยงคอยาว สกัดวงจรค้ามนุษย์-โต้ UNHCR

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย ลุยจัดระเบียบทำประวัติ 13 เด็กชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว ที่แหล่งท่องเที่ยวดังกลางเมือง นำร่องครั้งแรกของประเทศ พบต้นกำเนิดในประเทศเพื่อนบ้าน รวบรวมเข้าแฟ้มลับ ใช้ตอบข้อซักถาม UNHCR โต้ข้อหาสวนสัตว์มนุษย์

พ.ต.ต.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ สว.ตำรวจท่องเที่ยว จ.เชียงราย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เข้าตรวจสอบทำประวัติเด็กชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว ที่ศูนย์เรียนรู้เชิงเกษตร ศูนย์รวมหมู่บ้าน 5 ชนเผ่าอาข่า ลาหู่ ปะด่อง กะเหรี่ยงคอยาว ปะหล่อง ตั้งอยู่เลขที่ 262 ม.6 บ้านป่าอ้อ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ตลอดบ่ายวันที่ 25 มี.ค.51 ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจการเข้ามาในราชอาณาจักรของชนกลุ่มน้อย ป้องกันการตั้งเผ่าพันธุ์และการค้ามนุษย์ โดยผิดกฎหมาย

นายอนันต์ เรือนสังข์ ผู้ดูแลกิจการ ได้มอบหมายให้นางสาวพัชริน ปฏิเสน ครูผู้สอนเด็กนักเรียนชนเผ่า นำตัวเด็กชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว (ปะด่อง) 13 คน แบ่งเป็นเด็กชาย 6 คน เด็กหญิง 7 คน อายุระหว่าง 3-9 ขวบ มาเรียงแถวพิมพ์ลายนิ้ว มือทำประวัติโดยละเอียด เนื่องจากเด็กชนเผ่า 13 คนนี้ เป็นเด็กที่เกิดในประเทศพม่า เดินทางมาจากฝั่งตรงข้ามด่านพรมแดน อ.แม่สาย นอกเหนือจากเด็กชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว อีก 10 คน ที่เข้ามาเกิดในประเทศไทย จนได้ขึ้นทะเบียน ท.ร.38 ตามกฎหมายไทย และถูกนำตัวเข้ามาอยู่ในศูนย์แห่งนี้เช่นเดียวกัน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากมีการติดตามนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้เจ้าของกิจการ สั่งปรับเปลี่ยนข้อความในป้ายเชิญชวนนักท่องเที่ยว จากเดิมที่มีการระบุว่าเป็นค่าเข้าชมหัวละ 500 บาท มาเป็นป้ายที่มีการใช้ข้อความเป็นการจ่ายค่าบำรุงสถานที่แทน

พ.ต.ต.พัฒนชัย กล่าวว่า การทำประวัติเด็กชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาวครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นจัดระเบียบการนำชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงคอยาว เข้ามาในประเทศไทย และเป็นการจัดทำประวัติเป็นครั้งแรกในประเทศอีกด้วยจะมีประโยชน์ในการตรวจสอบในรุ่นถัดไป ว่าชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว ซึ่งถูกนำเข้ามาจากต้นทางที่ประเทศพม่า ตรงข้ามด่านชายเชียงราย มีการเคลื่อนไหวอย่างไร จะได้ควบคุมได้อย่างมีทิศทาง และจะได้รวบรวมเข้าแฟ้มข้อมูลให้แน่นหนา สามารถชี้ชัดการอพยพเข้ามาของชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาว ต่อข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ (UNHCR) ให้เข้าใจที่มาที่ไป หลังจากถูกระบุว่าชนเผ่ากะเหรี่ยงคอยาวทั้งหมด ถูกนำเข้ามาแสดงเป็นสวนสัตว์มนุษย์

นายอนันต์ เรือนสังข์ ผู้ดูแลกิจการ กล่าวว่า การจ้างงานที่นี่จะจ้างแบบยกครอบครัว ป้องกันปัญหาอาชญากรรม โดยครอบครัวกะเหรี่ยงทุกคนที่ขออนุญาตนำเข้ามา ล้วนมีรายได้อย่างดี แต่ละคนสมัครใจที่จะอยู่ทำงานเช่นนี้ต่อไป

การที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจทำประวัติชนเผ่า ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อยากให้รวบรวมข้อมูลไว้ที่ตำรวจท่องเที่ยวหน่วยงานเดียว ส่วนหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบก็ให้ไปขอข้อมูลจากตำรวจท่องเที่ยวไม่ต้องมาตรวจสอบหลายครั้ง เพราะทำให้นักท่องเที่ยวแตกตื่นได้ และคิดว่าควรจะสนับสนุนการท่องเที่ยวลักษณะนี้เอาไว้ เพราะเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยเติบโต ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ส่วนเด็กชาวกะเหรี่ยงที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้วกับสำนักทะเบียน ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย ว่าเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายและคนที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน (ท.ร.38) เช่น ด.ญ.มิจัง (ไม่มีนามสุกล) อายุ 12 ปี ชาวกะเหรี่ยงคอยาว กล่าวว่า เข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้ประมาณ 5 ปี และมีอาชีพทอผ้าอยู่ในศูนย์เรียนรู้เชิงเกษตรฯ และได้เรียนหนังสือ ซึ่งมีการให้ครูเข้ามาสอนภาษาไทย อังกฤษ และมีความสุขดี

ส่วน ด.ญ.มูเท่อ อายุ 14 ปี บุตรของ นายจะปรัง และนางมะซาง กล่าวว่า เข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้นาน 5 ปีแล้วเช่นกัน โดยเข้ามาทำงานทอผ้า และมีความสุขดี อยากอยู่ในประเทศไทยต่อไปเพราะมีงานทำ-ปลอดภัย



กำลังโหลดความคิดเห็น