xs
xsm
sm
md
lg

ยูเอ็นเอชซีอาร์จวกไทยจัดฉากแหล่งท่องเที่ยวกะเหรี่ยงคอยาวไม่ต่างจาก “สวนสัตว์มนุษย์”!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บีบีซี – ยูเอ็นเอชซีอาร์ออกโรงประณามไทยกักขังกะเหรี่ยงคอยาวไว้ใน “สวนสัตว์มนุษย์” เพื่อประโยชน์ทางการท่องเที่ยว พร้อมขู่กำลังหารือมาตรการตอบโต้ทางการไทยด้วยการบอยคอตการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต

คิตตี แมคคินซีย์ โฆษกประจำภูมิภาคของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) กล่าวว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์กำลังหารือถึงความจำเป็นในการบอยคอตการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธที่จะอนุญาตให้กลุ่มกะเหรี่ยงคอยาว 20 คน เดินทางลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 แม้ว่าจะมีคำยืนยันที่จะรับกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวเข้าไปลี้ภัยในฟินแลนด์และนิวซีแลนด์แล้วก็ตาม

“เราไม่เข้าใจว่า เหตุใดประเทศไทยจึงไม่อนุญาตให้กะเหรี่ยงคอยาวทั้ง 20 คนเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งข้อสงสัยในการกักขังกลุ่มกะเหรี่ยงไว้ในประเทศ ก็คือ การที่กะเหรี่ยงกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของท้องถิ่นนั่นเอง” โฆษกประจำภูมิภาคของยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุ

แมคคินซีย์ กล่าวด้วยว่า ทางการไทยได้ปฏิบัติต่อกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวแตกต่างจากกะเหรี่ยงกลุ่มอื่น ขณะที่เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้อพยพชาวพม่ากว่า 20,000 คน กลับได้รับอนุญาตให้สามารถลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 ได้

“ทางการไทยกักขังกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ไม่ต่างจากสวนสัตว์มนุษย์ ซึ่งทางแก้ปัญหาก็คือ การห้ามนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวอีก” แมคคินซีย์ กล่าว

นอกจากนี้ บีบีซี ยังได้สัมภาษณ์เซมเบอร์ หญิงสาวชาวกะเหรี่ยง วัย 23 ปี ซึ่งกล่าวว่า เธอสวมห่วงทองเหลืองที่คอมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และได้อพยพจากพม่าพร้อมครอบครัวเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อ 18 ปีที่แล้ว

ขณะที่ มูเพา แม่ของเซมเบอร์ กล่าวว่า อย่างน้อยพวกเธอก็ปลอดภัย และหาเงินได้จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวแห่งนี้

ทั้งนี้ ในปี 2005 ยูเอ็นเอชซีอาร์ได้เริ่มยื่นข้อเสนอลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 ให้กับผู้อพยพชาวพม่าหลายพันคน ซึ่งลี้ภัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งผู้อพยพจำนวนมากยินยอมรับข้อเสนอดังกล่าว รวมถึงครอบครัวของเซมเบอร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทางการไทยกลับปฏิเสธที่จะลงนามในเอกสารลี้ภัยให้กับครอบครัวของเธอและกะเหรี่ยงคอยาวอีก 19 คน

ด้าน วชิระ โชติรสเศรณี ปลัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบค่ายผู้ลี้ภัยในพื้นที่ดังกล่าว อธิบายว่า ความจริงแล้วกะเหรี่ยงคอยาวกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้อพยพลี้ภัย เพราะตามกฎแล้วผู้อพยพต้องอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย แต่กะเหรี่ยงกลุ่มนี้เป็นผู้อพยพทางเศรษฐกิจ ซึ่งเลือกที่จะอาศัยอยู่นอกค่ายผู้ลี้ภัย และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของท้องถิ่นแต่อย่างใด

บีบีซี รายงานด้วยว่า เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่การเดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดกับชายแดนพม่า ถูกใช้เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมประเทศไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวมีส่วนในการช่วยเพิ่มรายได้ให้กับกะเหรี่ยงคอยาวและครอบครัว ซึ่งทั้งหมดอพยพจากพม่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น