นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการ แก้ปัญหาผู้อพยพกลุ่มโรฮิงญา จากพม่ามายังประเทศไทยว่า ได้คุยกับ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แล้วทราบว่า ตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามา โดยหลักการที่รัฐบาลต้องทำคือ ดึง ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ เข้ามาร่วมในกรอบของ 4 ฝ่าย คือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ บังคลาเทศ อินเดีย และไทย เพื่อหารือในการแก้ปัญหาต้นทางเพราะไทยถือเป็นปลายทางของปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรอบการหารือ 4 ฝ่ายจะเห็นเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องอยู่ที่ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ด้วย ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ จะขอประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอพบกลุ่มโรฮิงยา ในไทย แต่ตนได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ ตนเชื่อว่าวันนี้คงได้รับหนังสือแล้ว เนื่องจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเดินทางกลับจากกัมพูชาแล้ว
ส่วนที่สำนักข่าว CNN นำบทสัมภาษณ์การทารุณชาวโรฮิงยาของทางการไทย ออกเผยแพร่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นการไปสอบถามบุคคลเพียงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอยู่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและผู้ปฏิบัติกำลังชี้แจงนานาชาติอยู่ ซึ่งก็มีหลักฐานและภาพจำนวนหนึ่งที่เห็นว่าไทยปฏิบัติอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าควรจะมีดำเนินการชี้แจงอย่างรวดเร็วหรือไม่ เนื่องจากกระทบภาพลักษณ์ของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรทำอย่างรวดเร็ว ส่วนการให้เจ้าหน้าที่ ไปตรวจสอบพื้นที่ว่ามีกลุ่มโรฮิงญาอพยพจริงหรือไม่นั้น มีการพูดคุยกันอยู่ ส่วนควรจะเจรจากับทางพม่าหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าคนของเราเองจะต้องจัดการในกระบวนการภายใน โดยเฉพาะการนำกลุ่มโรฮิงญาเข้ามา ซึ่งยอมรับว่ามีกระบวนการค้า มนุษย์ ซึ่งกำลังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ สำหรับแนวทางการปฏิบัตินโยบายชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องเคารพในหลักสิทธิมนุษยธรรมและมนุษยชน
เราต้องชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจถึงปัญหาชางโรฮิงยา ผมคิดว่าถ้าดึงต่างประเทศ และยูเอ็นเอชซีอาร์ มายังได้เห็นซ่าแท้จริงแล้วสาเหตุของปัญหาอยู่ตรงไหน อย่างไร จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สูงสุดเดินทางไปพม่า จะมีการขอให้ทางพม่ามีส่วนช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อะไรที่ช่วยในการความสัมพันธ์ทวิภาคี คิดว่า พล.อ.ทรงกิตติ ก็ดำเนินการอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ในเมื่อภาพของกองทัพในสายตานานาชาติขณะนี้ไม่ดีเท่าไหร่ นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาในยุคปัจจุบัน เมื่อมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติงานด้านความั่นคงหลายครั้ง กระทบสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ มีความเข้าใจกันดี กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่ายุคสมัยนี้การทำงาน เป็นอย่างไร และพล.อ.อนุพงษ์ยืนยันมาตลอด ว่าหากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องดูแล ว่าคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายละเมิดกฎหมาย จะต้องถูกลงโทษ
ส่วนจะทำอย่างไรให้เกิดสมดุลระหว่างความมั่นคงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น นายอภสิทธิ์ กล่าวว่าต้องหาแนวปฏิบัติที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่าย เราคงยืนยันว่า คงไม่สามารถปล่อยให้การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มากระทบต่อความมั่นคงของเราได้ ทั้งนี้เรายินดีหากมีวิธีการที่มีประสิทธิภาพในกรแก้ปัญหานี้ หากยูเอ็นเอชซีอาร์ช่วยเราที่ต้นทางจะดีมาก
นายก ษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวกองทัพเรือกระทำรารุณผู้อพยพชาวโรฮิงญาว่า สื่อต่างประเทศจะรายงานข่าวหรือนำเสนอข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอย่างไรก็เป็นเรื่องสื่อต่างประเทศ เพราะรัฐบาลโดยเฉพาะกองทัพเรือได้ชี้แจงและทำความเข้าใจไปแล้วว่าไทยได้ปฏิบัติต่อผู้อพยพชาวโรฮิงญาตามหลักสิทธิมนุษยชน
ส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ ได้ออกแถลงการณ์ขอเข้าพบทางการไทยเพื่อสอบถาม ข้อเท็จจริงนานร่วมสัปดาห์แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้คำตอบรัฐบาลไทย นายกษิต กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จทั้งหมด หาก ยูเอ็นเอชซีอาร์ พร้อมวันไหนก็สามารถที่จะเข้าพบเพื่อหารือได้ในวันนั้น รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว จะมาพบวันไหนก็ขอให้บอกมาไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรอบการหารือ 4 ฝ่ายจะเห็นเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องอยู่ที่ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ด้วย ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ จะขอประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอพบกลุ่มโรฮิงยา ในไทย แต่ตนได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ ตนเชื่อว่าวันนี้คงได้รับหนังสือแล้ว เนื่องจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเดินทางกลับจากกัมพูชาแล้ว
ส่วนที่สำนักข่าว CNN นำบทสัมภาษณ์การทารุณชาวโรฮิงยาของทางการไทย ออกเผยแพร่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นการไปสอบถามบุคคลเพียงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอยู่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและผู้ปฏิบัติกำลังชี้แจงนานาชาติอยู่ ซึ่งก็มีหลักฐานและภาพจำนวนหนึ่งที่เห็นว่าไทยปฏิบัติอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าควรจะมีดำเนินการชี้แจงอย่างรวดเร็วหรือไม่ เนื่องจากกระทบภาพลักษณ์ของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรทำอย่างรวดเร็ว ส่วนการให้เจ้าหน้าที่ ไปตรวจสอบพื้นที่ว่ามีกลุ่มโรฮิงญาอพยพจริงหรือไม่นั้น มีการพูดคุยกันอยู่ ส่วนควรจะเจรจากับทางพม่าหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าคนของเราเองจะต้องจัดการในกระบวนการภายใน โดยเฉพาะการนำกลุ่มโรฮิงญาเข้ามา ซึ่งยอมรับว่ามีกระบวนการค้า มนุษย์ ซึ่งกำลังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ สำหรับแนวทางการปฏิบัตินโยบายชัดเจนอยู่แล้ว ว่าต้องเคารพในหลักสิทธิมนุษยธรรมและมนุษยชน
เราต้องชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจถึงปัญหาชางโรฮิงยา ผมคิดว่าถ้าดึงต่างประเทศ และยูเอ็นเอชซีอาร์ มายังได้เห็นซ่าแท้จริงแล้วสาเหตุของปัญหาอยู่ตรงไหน อย่างไร จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สูงสุดเดินทางไปพม่า จะมีการขอให้ทางพม่ามีส่วนช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อะไรที่ช่วยในการความสัมพันธ์ทวิภาคี คิดว่า พล.อ.ทรงกิตติ ก็ดำเนินการอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ในเมื่อภาพของกองทัพในสายตานานาชาติขณะนี้ไม่ดีเท่าไหร่ นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาในยุคปัจจุบัน เมื่อมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติงานด้านความั่นคงหลายครั้ง กระทบสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ มีความเข้าใจกันดี กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่ายุคสมัยนี้การทำงาน เป็นอย่างไร และพล.อ.อนุพงษ์ยืนยันมาตลอด ว่าหากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องดูแล ว่าคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายละเมิดกฎหมาย จะต้องถูกลงโทษ
ส่วนจะทำอย่างไรให้เกิดสมดุลระหว่างความมั่นคงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น นายอภสิทธิ์ กล่าวว่าต้องหาแนวปฏิบัติที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่าย เราคงยืนยันว่า คงไม่สามารถปล่อยให้การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มากระทบต่อความมั่นคงของเราได้ ทั้งนี้เรายินดีหากมีวิธีการที่มีประสิทธิภาพในกรแก้ปัญหานี้ หากยูเอ็นเอชซีอาร์ช่วยเราที่ต้นทางจะดีมาก
นายก ษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวกองทัพเรือกระทำรารุณผู้อพยพชาวโรฮิงญาว่า สื่อต่างประเทศจะรายงานข่าวหรือนำเสนอข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอย่างไรก็เป็นเรื่องสื่อต่างประเทศ เพราะรัฐบาลโดยเฉพาะกองทัพเรือได้ชี้แจงและทำความเข้าใจไปแล้วว่าไทยได้ปฏิบัติต่อผู้อพยพชาวโรฮิงญาตามหลักสิทธิมนุษยชน
ส่วนที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ ได้ออกแถลงการณ์ขอเข้าพบทางการไทยเพื่อสอบถาม ข้อเท็จจริงนานร่วมสัปดาห์แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้คำตอบรัฐบาลไทย นายกษิต กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จทั้งหมด หาก ยูเอ็นเอชซีอาร์ พร้อมวันไหนก็สามารถที่จะเข้าพบเพื่อหารือได้ในวันนั้น รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว จะมาพบวันไหนก็ขอให้บอกมาไม่มีปัญหา