“อภิสิทธิ์” หวังเคลียร์ปัญหา “โรฮิงยา” เตรียมดึงยูเอ็นถกร่วมบังกลาเทศ-อินเดีย ชี้ไทยถือเป็นปลายทางปัญหา ปัด CNN เสนอภาพข่าวแค่คนกลุ่มเดียว ปล่อยหน้าที่ให้ “บัวแก้ว” แจงทั่วโลก ไม่หวั่นภาพกองทัพต่อสายตาชาวโลก มองเรื่องธรรมดา เชื่อประชาชนตื่นตัวด้านสิทธิมนุษยชน ยัน “อนุพงษ์” เข้าใจกันดี ลั่นยอมไม่ให้พวกหลบหนีเข้าเมืองกระทบความมั่นคง
วันนี้ (27 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ปัญหากลุ่มโรฮิงยาที่ลักลอบเข้าประเทศไทยว่า ขณะนี้กำลังจะคุยกับกระทรวงการต่างประเทศว่า การดึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ เข้ามาในกรอบของ 4 ฝ่าย คือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ บังกลาเทศ อินเดีย และไทย เพื่อหารือในการแก้ปัญหาต้นทาง เพราะไทยถือเป็นปลายทางของปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการนำภาพกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮิงยาเผยแพร่ผ่านทางสำนักข่าว CNN ออกมาอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงเป็นการไปสอบถามบุคคลเพียงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันอยู่ ส่วนหน้าที่ในการชี้แจงต่อนานาชาตินั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ปฏิบัติกำลังชี้แจงอยู่ ขณะเดียวกัน มีหลักฐานและภาพจำนวนหนึ่งที่เห็นว่าไทยปฏิบัติอย่างไร
เมื่อถามว่า กรอบการหารือ 4 ฝ่ายจะเห็นเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องอยู่ที่ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ด้วย เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วมีกระแสข่าวว่าทางยูเอ็นเอชซีอาร์ประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอพบกลุ่มโรฮิงยาในไทย ซึ่งได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่ายังไม่ได้รับหนังสือ ตนเชื่อว่าวันนี้คงได้รับหนังสือแล้ว เนื่องจากนายกษิตเดินทางกลับจากกัมพูชา
เมื่อถามว่าควรจะมีการดำเนินการชี้แจงอย่างรวดเร็วหรือไม่ เนื่องจากกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรทำอย่างรวดเร็ว ส่วนการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพื้นที่ว่ามีกลุ่มโรฮิงยาอพยพจริงหรือไม่นั้น มีการพูดคุยกันอยู่ ส่วนการเจรจากับทางพม่าหรือไม่นั้น คนของเราเองจะต้องจัดการในกระบวนการภายใน โดยเฉพาะการนำกลุ่มโรฮิงยาเข้ามา สำหรับแนวทางการปฏิบัตินโยบายชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องเคารพในหลักสิทธิมนุษยธรรมและมนุษยชน เมื่อถามย้ำว่า เป็นขบวนการค้ามนุษย์ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่าใช่ เรามีข้อมูลต้นตออยู่ กำลังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการติดตาม
ต่อข้อถามที่ว่าจะทำอย่างไรให้นานาชาติเข้าใจประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องชี้แจงคิดว่าหากเราดึงต่างประเทศ และยูเอ็นเอชซีอาร์ ชี้แจงจะได้เห็นว่า แท้จริงแล้วสาเหตุของปัญหาอยู่ตรงไหน อย่างไร จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น เมื่อถามว่าจะสอบถามไปยังฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้สอบถามไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ความมั่นคงกำลังตรวจสอบอยู่
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปพม่าจะมีการขอให้ทางพม่ามีส่วนช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างไรบ้างนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อะไรที่ช่วยในการความสัมพันธ์ทวิภาคี พล.อ.ทรงกิตติ ก็ดำเนินการอยู่แล้ว เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ในเมื่อภาพของกองทัพในสายตานานาชาติขณะนี้ไม่ดีเท่าไหร่ นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดาในยุคปัจจุบัน เมื่อมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติงานด้านความั่นคงหลายครั้ง กระทบสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ มีความเข้าใจกันดี กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ว่ายุคสมัยในการทำงานเป็นอย่างไร และพล.อ.อนุพงษ์ยืนยันมาตลอด ว่าหากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องดูแลว่าคนเหล่านั้นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายละเมิดกฎหมาย จะต้องถูกลงโทษ
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้เกิดสมดุลระหว่างความมั่นคงและการละเมิดสิทธิมนุษยชน นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องหาแนวปฏิบัติที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่าย เราคงยืนยันว่าคงไม่สามารถปล่อยให้การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มากระทบต่อความมั่นคงของเราได้ ทั้งนี้ เรายินดีหากมีวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหานี้ หากยูเอ็นเอชซีอาร์ช่วยเราที่ต้นทางจะดีมาก