“ชีวิตเราไม่ได้จบลงแค่วันห่วยๆ วันนั้น” เปิดหมดใจ “ข้างกาย” สาวเจ้าของธุรกิจเช่าสินสอดคนดัง แม้เบื้องหน้าจะถูกมองว่าเป็นมีชีวิตสุดเพอร์เฟกต์ แต่ใครจะรู้ว่าเธอมีอดีตอันโหดร้าย “ถูกข่มขืนตั้งแต่อายุ 4 ขวบจนถึง 17 ปีจากชาย 16 คน" กุมความลับไว้ในใจถึง 15 ปี แต่วันนี้ตัดสินใจเล่าและพร้อมอยู่ข้างกายเหยื่อทุกคน วอนสังคมเปลี่ยนความคิด อย่าโยนความผิดให้เหยื่อ!
เกือบทั้งหมดของผู้ร้าย มาจากคนใกล้ตัว
“กายไม่เคยคิดว่าวันนึงจะออกมาพูดด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่ากายมาถึงจุดที่คิดว่าประสบความสำเร็จในชีวิต มีความมั่นคงในจิตใจ กายคิดว่ามันเป็นเรื่องนึงที่สำคัญต่อสังคมที่ควรจะมีใครออกมาพูดบ้าง ตั้งแต่ที่กายตกเป็นเหยื่อครั้งแรกตอน 4 ขวบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีใครออกมาเรียกร้องอย่างจริงจังซะที กายไม่ใช่แค่เล่า แต่ต้องการให้มันเป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องที่กายมาเล่าให้ฟังว่า ‘ฉันเคยถูกข่มขืนมานะ’ มันไร้ประโยชน์”
กลายเป็นประเด็นสุดช็อกโซเชียลฯ เมื่อ “ข้างกาย เอรียาสกุล” หรือ “กาย” สาวสวยวัย 30 ปี ผู้มีชื่อเสียงจากการเป็นเจ้าของธุรกิจให้เช่าสินสอด รวมถึงการเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวในอดีตของตนเอง ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “KhangGuy - ผู้หญิงที่ชื่อ ข้างกาย” ว่าเธอนั้น เคยเป็นเหยื่อจากการคุกคามทางเพศตั้งแต่อายุได้เพียง 4 ขวบ และตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนจากชายถึง 16 คน!
ในวันนี้ ข้างกาย มีความเข้มแข็งในจิตใจมากพอ เธอพร้อมเปิดใจกับทีมข่าว MGR Live ถึงประสบการณ์สุดเลวร้ายในอดีต ที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งต้องพบเจอ แบบหมดเปลือก!
ข้างกายในวัย 4 ขวบ
“ครั้งแรกที่กายโดนล่วงละเมิดทางเพศประมาณอายุ 4 ขวบ พ่อแม่ไปสังสรรค์ที่บ้านของเพื่อนบ้าน เขาก็จะเอาเราไป เพราะว่าตัวเราเป็นเด็ก อยู่บ้านเองไม่ได้ ต้องติดตามพ่อแม่ไป เขาก็จะเอากายกับน้องไปไว้ในห้องของลูกชายเจ้าของบ้าน แล้วกายก็โดนล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เข้าใจว่าคืออะไร เขาบอกว่าเขาเล่นกับเรา แต่เราไม่สนุก เวลากายมาพูดให้แม่ฟัง แม่ก็บอกไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นกับพี่เขาก็ได้
ตั้งแต่ 4 ขวบยันอายุ 18 มีผู้ชาย 16 คนที่พยายามล่วงละเมิดทางเพศกาย ในนั้นมีอยู่คนเดียวที่เป็นคนแปลกหน้า นอกนั้นเป็นคนที่รู้จัก เป็นคนที่สนิท ไม่ว่าจะสนิทกับตัวกายเองหรือสนิทกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ของกายรักกายดีค่ะ แต่ว่าเขาปล่อยปละละเลยกายจนถึงจุดที่กายเป็นเหยื่อของเพื่อนบ้าน“
ด้วยความไร้เดียงสาของเด็กหญิงตัวน้อย ทำให้เธอกลายเป็น “เป้านิ่ง” ของเหล่าสัตว์ในคราบมนุษย์ที่หื่นกระหาย เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา เธอถูกย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากคนที่อยู่แวดล้อม หรือแม้กระทั่งญาติของตนเอง
“หลังจากนั้นตอนอายุ 6-7 ขวบ มีเป็นน้องของแม่เมามาแล้วเอากายไปนั่งตัก แล้วก็ขยำทั่วร่างกาย ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าตรงนั้นของสงวนนะ เราก็ให้เขาทำแต่ไม่ชอบ ก็เลยผลักออกแล้ววิ่งหนี หลังจากนั้นก็พยายามไม่ใกล้กับน้าคนนี้อีกเลย ถึงแม้ว่าบ้านจะอยู่ติดกัน
ถัดมาก็เป็นพี่ชายของพ่อวันรวมญาติ ผู้ใหญ่เขาก็จะสังสรรค์กัน พวกเด็กๆ ก็จะหลับกันอยู่ข้างบน ลุงเขาก็มานอนห้องเดียวกัน มันก็นอนด้วยกันได้ถ้าไม่พยายามจะจูบ ในหัวกายตอนนั้นคืออีกแล้วเหรอ กายกรี๊ดออกมาแล้วก็ร้องไห้ พี่เลยตื่นถามว่าเป็นอะไร ก็บอกไม่ถูก ตัวเราเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แล้วก็สื่อสารไม่ได้ นี่คือปัญหาของเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
บางคนมองแต่หน้าไม่รู้ใจจริงๆ นะคะ พ่อแม่ของกายเขาก็คิดว่าเพื่อนเขาดี ฐานะดี ความคิดดี คำพูดคำจาดี แต่ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังเขามันมีอีกด้าน คนทุกคนมี 2 ด้านเสมอ อันนี้คือสิ่งที่กายเรียนรู้มาจากประสบการณ์ในชีวิตของกายเอง ภัยมันอยู่ใกล้มาก กายก็เลยอยากจะเป็นกระบอกเสียงบอกให้ครอบครัวระวังลูกในวัยนี้ เขาจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มันอยู่ที่การเลี้ยงดูปลูกฝังมาตั้งแต่สถานบันครอบครัว
เวลากายคิดย้อนกลับไปทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เพราะพ่อแม่ไม่เคยสอนกายว่าต้องบอกแบบนี้ ถ้ากายรู้กายบอกไปแล้ว ถามว่าวันนี้กายยังรักพ่อรักแม่กายมั้ย กายยังรักอยู่ กายส่งเสียเลี้ยงดู เพียงแต่ว่าถ้าพูดถึงหลักความเป็นจริงทางด้านสังคม ด้านมนุษยธรรม เป็นความผิดของพ่อแม่ เพราะว่าคุณปล่อยปละละเลย”
ผิดที่ ผิดเวลา ไว้ใจผิดคน
“ช่วงวัยที่ไม่ได้เป็นเป้านิ่ง อะไรที่ทำให้กายเป็นเหยื่อก็คือ เอาตามจริงเลย กายไม่ได้คิดว่าตัวเองขี้เหร่ แต่รูปร่างหน้าตาเราดึงดูดเพศตรงข้าม และด้วยความที่เราเป็นคนเฟรนด์ลี่ วันนึงมันดันไปเฟรนด์ลี่กับคนที่มันต้องการข่มขืนเรา และไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา”
อาจเปรียบหญิงสาวได้กับดอกไม้แรกแย้ม ที่ดึงดูดเหล่าแมลงให้เข้ามาดอมดม เช่นเดียวกับข้างกายในวัย 14 ปี หลังจากพ่อและแม่ของเธอแยกทางกัน เธอก็ถูกส่งมาให้อาศัยอยู่กับย่า ณ ชนบทห่างไกลของ จ.น่าน สาวน้อยถือได้ว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งในหมู่บ้าน และนี่เป็นอีกครั้ง ที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องเผชิญกับเรื่องราวสุดเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น!
“เราเป็นเด็กในชนบท จ.น่าน เกือบติดชายแดน ไม่มีสิ่งล่อแหลม ไม่มีห้าง ไม่มีร้านเหล้า ตอนกายอายุ 14 วันนั้นเป็นวันเกิดของเพื่อนในกลุ่มเป็นผู้หญิงทั้งหมด ไปเที่ยวน้ำตก กายเป็นเด็กบ้านแตก เขาก็โยนกันไปโยนกันมา สุดท้ายมาอยู่กับย่า กายรู้สึกว่าไม่อยากทำตัวเองเป็นปัญหา เลยกลับบ้านก่อน 5 โมงเย็นทุกวัน
วันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อน พอจะ 5 โมง เรายังอยู่น้ำตกกันอยู่เลย กายก็ชวนเพื่อนกลับบ้านแต่เขาก็ไม่กลับ กายกลับไม่ได้เพราะติดรถเพื่อนคนนี้ไป วันนั้นแฟนของเขาไปด้วย ทีนี้ก็มีเพื่อนของแฟนเพื่อนไปด้วย เขากำลังจะกลับบ้านพอดี ซึ่งเป็นพี่รู้จักกันในโรงเรียน เขาก็โอเคเดี๋ยวไปส่ง ทางกลับบ้านพอดี เพราะมันไม่ได้ไกลบ้าน แค่ 7 กิโลจากน้ำตก
ระหว่างทาง มันจอดรถอยู่ริมถนนเปลี่ยว พอมองหน้ามันปุ๊บ มันลากแขนไปข้างทางแล้วข่มขืนกายตรงนั้น นานประมาณ 2 ชั่วโมง โดยที่มีรถผ่านไปผ่านมา กายไม่ได้แต่งตัวล่อแหลม ใส่กางเกงวอร์มขายาว เสื้อกันหนาวแขนยาวของโรงเรียน ไม่มีใครเมาเพราะเราไม่ได้กินดื่มกัน ระหว่างนั้นมันก็มีโทรศัพท์ทางบ้านกายโทร.ตาม แต่รับไม่ได้เพราะมันโยนทิ้ง พยายามสู้แล้ว สู้ไม่ไหวจริงๆ ดีที่มันไม่ทำร้ายร่างกาย มันแค่พยายามจะข่มขืน
พอมันเสร็จจนมันพอใจ มันบอกจะกลับไปส่งบ้าน กายจำเป็นต้องกลับกับมัน ถ้าอยู่ตรงนี้ใครจะมารับ ถ้าโบกรถแล้วโดนคนข่มขืนอีก โทร.หาที่บ้านไม่ได้ มันเอาโทรศัพท์ทิ้งไปไหนก็ไม่รู้ คิดแค่ว่ากลัวที่บ้านด่า สิ่งที่จะช่วยให้กายสามารถรอดพ้นที่จะโดนย่าดุด่า คือให้มันไปส่งบ้านเพื่อนผู้หญิง แล้วก็ให้เพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งเราที่บ้าน อ้างว่าทำรายงาน”
ทว่า… เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะหลังจากที่จำเป็นต้องติดรถของรุ่นพี่ที่เพิ่งข่มขืนเพื่อกลับบ้าน ในเวลาต่อมา เธอยังถูกรุ่นพี่อีก 3 รุมโทรม เท่ากับว่าในคืนนั้น เธอกลายเป็นเหยื่อรุ่นพี่เดนนรกทั้งหมด 4 คนในคืนเดียว …
“ระหว่างทางกายเจอลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนผู้หญิงที่กำลังจะไปหา เหมือนแสงสว่าง เจอคนที่จะช่วย เลยบอกให้มันจอด มันจอดปุ๊บมันไปเลยค่ะ กายก็วิ่งไปหาพี่คนนั้น ร้องห่มร้องไห้ พี่ก็ถามว่าไปโดนอะไรมา ก็เลยบอกว่าไอ้นั่นมันข่มขืน พาไปส่งบ้านหน่อย ปรากฏว่ามันไม่เอาไปส่ง มันลากหนูลงไปใต้สะพานพร้อมกับเพื่อนมันอีก 2 คน มันก็ข่มขืนหนูอย่างนั้นตั้งแต่ 2 ทุ่มยัน 5 ทุ่ม
กรี๊ดก็แล้ว อะไรก็แล้ว มันไม่ยอมหยุด มันเป็นเหมือนสัตว์ที่ไม่เคยได้ หนูไม่รู้เลยว่าวันนั้นมันเป็นวันอะไร แต่ว่ามันเหี้ยกับหนูสุดๆ จริงๆ แล้วก็สติแตกด้วย กรี๊ดสลบไปหลายรอบ ตื่นขึ้นมาก็ยังเจอมันข่มขืนอยู่อย่างนั้น เสร็จแล้วเอาไปส่งที่บ้านเพื่อน คนพวกนี้ไม่กลัวเพราะมันรู้ว่าเราจะไม่พูด กว่ากายจะได้กลับบ้านไปหาเพื่อน 5 ทุ่มแล้ว ไม่รู้จะพูดยังไงให้ย่าฟัง คืนนั้นเลยอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่บ้านหลังนั้น
เพื่อนในกลุ่มรู้หมด แต่ไม่ได้บอกครอบครัว มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายค่ะ สังคมของเรามันเอาความอับอายยัดเยียดให้เหยื่อ กายคิดว่าถ้ากายขอความช่วยเหลือไป มันอาจจะตอกย้ำเราไปยันตาย เราคนเดียวไม่พอ ตอกย้ำครอบครัวอีก และสมัยนั้นครอบครัวชนบท เสียตัวให้ใครแล้วเขาบังคับแต่งงานเลยนะ ผู้ชาย 4 คนนี้ กายไม่อยากได้เป็นผัวซักคน สิ่งที่เราทำก็คือปิดไว้ ไม่อยากให้ใครรู้ ไม่อยากให้ใครพูดถึง ไม่อยากเอาเรื่องด้วย เพราะมันอับอายถึงต้นตระกูล”
ฝันร้ายจบลงเมื่อตอนอายุ 17 ปี
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่ใช่ฝันร้ายครั้งสุดท้ายที่เธอต้องเจอ หากแต่ยังเกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้ง รวมมีผู้ร้ายทั้งหมด 16 คน ในจำนวนนี้มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่เป็นคนแปลกหน้า และแล้วฝันร้ายมาจบลงตอนที่เธออายุได้ 17 ปี
“พวกรุ่นพี่ที่มันได้กายมันเอาไปพูดกันในโรงเรียน ตอนแรกอายมาก ไม่อยากไปโรงเรียนแต่จำเป็นต้องไป มันไม่พูดว่ามันข่มขืนเรา แต่มันพูดว่าได้เราแล้ว แล้วไม่ใช่แค่นั้น คนที่ไม่ได้เรามันก็พูดด้วย เหมือนเป็นเทรนด์ ได้กายทุกคนในโรงเรียน จนมันเกินไปแล้ว เลยคิดว่าช่างแม่ง อยากจะพูดพูดไป สิ่งที่ต้องทำคือโฟกัสกับการเรียนให้จบเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น พอจบ ม.3 กายก็ย้ายที่เรียน ผู้ร้ายคนสุดท้ายตอนที่กายเรียนอยู่ ปวช.ที่ 2 อายุ 17
มันเลวร้ายมากเลย ในความคิดตอนนั้น อยากหายไปจากโลกนี้แต่ไม่กล้าฆ่าตัวเอง มันรู้สึกหมดสิ้น ไร้ค่า กายรับตัวเองไม่ได้ ไม่มองกระจกด้วยซ้ำ ถามว่าฟื้นฟูตัวเองยังไง กายพยายามไม่อยู่คนเดียว ใช้วิธีการอยู่กับหมากับแมว ไปห้องสมุดอ่านหนังสือ ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองไม่ว่าง เป็นสถานการณ์ที่ต้องผ่านไปให้ได้ ถ้าแคร์คนมากไปก็ต้องตายไปแล้ว กายว่ากายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วนะ กายเป็นคนที่เข้มแข็งจากข้างในตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว”
10 คนเป็นผู้ร้ายที่ข่มขืนแล้วสอดใส่ 6 คนเป็นผู้ร้ายที่กระทำอนาจาร กายเคยมีคำถามให้ตัวเองเหมือนกันทำไมต้องเป็นเรา ตอนเด็กกายเป็นเป้านิ่งมาก กายไปอยู่ผิดที่ ผิดเวลา แล้วก็ไว้ใจคนผิด เป็นคนรอบตัวหมดเลย อย่างน้าชาย คิดมั้ยว่าวันนึงเขาอยากจะล้วงเรา มันคิดไม่ออก แต่พอมันจะทำมันก็ทำ”
เมื่อให้เหยื่อสาวรายนี้ มองย้อนกลับไปถึงอดีต ว่าเสียใจหรือไม่ที่ตอนนั้นเห็นความอายใหญ่กว่าเรื่องอื่น และเลือกที่จะไม่บอกครอบครัว เธอกล่าวว่าไม่เสียใจ เพราะหากบอกไปเหตุการณ์อาจเลวร้ายกว่าเดิมก็ได้
“ตัวกายเองไม่ได้เสียใจ เพราะถึงย้อนกลับไปบอกครอบครัว มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี แล้วมันจะยิ่งทำร้ายเรามากขึ้นไปอีก เพราะกายอาจจะได้เห็นสีหน้าท่าทางของครอบครัว ‘เป็นเพราะมึง ครอบครัวถึงต้องอับอาย’ ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล และอะไรอีกมากมาย
ตอนนั้นทำไมไม่แจ้งความ 1.อาย 2.ไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อน และสิ่งต่อไปที่มันจะเกิดขึ้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เราด้วยความเป็นเด็ก และระยะห่างในครอบครัวมีเยอะมาก กายไม่สนิทใจจะคุยให้ใครฟัง ไม่ได้สนิทใจกับใครที่จะขอความช่วยเหลือ
กายเข้าใจเลยนะเหยื่อที่โดนกระทำแล้วไม่พูดไม่บอก เกิดจากหลายสาเหตุ ระยะห่างของครอบครัว เรื่องเงินเรื่องทอง ความอับอายที่กำลังจะเกิดขึ้น กายไม่แน่ใจเลยว่าจะไม่มีใครเข้าข้างกายตอนนั้น นี่คือความรู้สึกของเหยื่อจริงๆ คนสมัยนั้นเขาปลูกฝังเราให้รักนวลสงวนตัว ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร แล้วก็ถ้าเสียตัวให้ผู้ชายคนไหนจะมีตำหนิ กายไม่อยากให้ทุกคนมองกายว่าเป็นคนที่มีตำหนิ เลยปิดบังไว้เพื่อที่ว่าเราสามารถใช้ชีวิตอย่างคนบริสุทธิ์ได้ต่อไป”
เสนอโทษ หากข่มขืนต้องเซ็กซ์เสื่อม! “ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนนึง การข่มขืนแล้วประหารไม่ใช่ทางออก เพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางเกิดขึ้น คนทุกคนสามารถกลับตัวกลับใจได้ เป็นคนดีของสังคมได้ เรื่องเซ็กซ์ก็เหมือนกัน คุณทำพลาด 1 ครั้ง คุณยังใช้ชีวิตต่อได้นะ เพียงแต่ว่าไร้ซึ่งความต้องการทางเพศ นี่สิคือสิ่งที่ผู้ร้ายมันกลัว กายคิดว่าถ้ามันมีการรณรงค์และมีเสียงมากพอ มันน่าจะเป็นไปได้ เพราะว่าสมัยนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวไกลมากไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ก็ฉี่ได้ปกติแต่ว่าไม่แข็งแล้ว แค่นั้นเองที่เราต้องการ เมื่อคุณมาทำกับฉัน แล้วคุณได้สิ่งนั้นกลับไป คุณไม่สามารถไปทำกับใครได้อีก มันเป็นสิ่งที่กายคิดว่ายุติธรรมดี ถ้าวันนี้กฎหมายมันเข้มข้นมากพอ อาชญากรรมมันจะลดลงไปทันที การประหารมันเป็นอะไรที่เราจินตนาการ แต่อันนี้เกิดขึ้นจริงได้ ฉีดเข้าไปค่ะ เป็นการลงโทษที่เห็นผลสำหรับตัวกาย มากกว่าเอาคนพวกนี้ไปยัดอยู่ในคุก พอออกมาก็ไปข่มขืนต่ออีก คดีนี้ติดคุกไม่นาน แล้วยิ่งไปอยู่ในกลุ่มพวกนั้นไม่มีผู้หญิงเลย ไม่ได้ปลดปล่อย หื่นกว่าเดิม ส่วนเรื่องที่ว่าถ้ามีเซ็กซ์ทอยถูกกฎหมายจะช่วยให้คดีข่มขืนน้อยลงมั้ย กายว่ามันเป็นส่วนนึงค่ะ เอาจริงๆ กายก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมต้องเซ็กซ์ทอยในประเทศไทยต้องผิดกฎหมายด้วย มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้อาชญากรรมตรงนี้มันลดลงได้เลยนะ อย่างเช่นผู้ชายมีความต้องการทางเพศมาก ก็สั่งมาสิเซ็กซ์ทอยแล้วเอามาช่วยตัวเองที่บ้าน มันก็ไม่ได้ไปทำร้ายใคร มันอาจจะไม่ได้เหมือนการมีเซ็กซ์จริงๆ แต่มันก็ช่วยได้ ทุกวันนี้ถามว่ากายใช้มั้ย กายก็ใช้ อายกันทำไมเหรอ เวลาไปข่มขืนคนนั้นคนนี้ทำไมไม่อาย แล้วการขายเซ็กซ์ทอยมันไม่ควรเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มันทำร้ายใครตรงไหน มันควรจะถูกกฎหมายได้แล้วค่ะ หลายคนในประเทศไทย ปากคุณก็บอกว่าไม่เอาๆ แต่จริงๆ คุณอาจจะมีอยู่ในบ้าน มือถือสากปากถือศีลกันไปทำไม เอาเป็นเรื่องจริงได้แล้วค่ะ อย่าเป็นสังคมหัวโบราณ ดูเมืองนอกเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว” |
ทัศนคติที่แย่ ทำร้ายเหยื่อไม่ต่างกับคนร้าย!
ไม่เพียงแค่เรื่องราวของตนเองเท่านั้น ข้างกายยังสะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย เกี่ยวกับเรื่องของเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศ ในอีกหลายมิติหลายแง่มุม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เธอตัดสินใจนำอดีตที่เก็บงำไว้กับตนเองมาตลอด 15 ปี ออกมาเปิดเผยสู่สาธารณะ เพื่อหวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์แก่สังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“ก่อนหน้านี้กายทำคลิปเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาล ด้านการใช้ชีวิต การทำธุรกิจ แต่กายก็ยังไม่เคยคิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเอาตัวเองมาแฉทำไม แต่ที่กายออกมาพูดคือ กายอยากมีลูกผู้หญิง และอยากให้สังคมของลูกในอนาคตปลอดภัยมากกว่านี้ เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนอดีตได้ แต่ถ้าตอนนี้กายเริ่มทำอะไรซักอย่าง มันจะเริ่มปรับเปลี่ยนไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะฉะนั้นกายคิดว่ามันต้องถึงเวลาแล้วที่จะมีใครออกมาพูดอะไรอย่างนี้บ้าง
มีเหยื่อเยอะมากจริงๆ 90 เปอร์เซ็นต์ของเด็ก ช่วงอายุ 3 - 9 ขวบ ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เจอคืออะไร แต่ว่าไม่ชอบ อย่างตัวกายเองกายเคยตกเป็นเหยื่ออยู่อย่างนั้น เพราะว่าความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเราไม่ได้แน่นแฟ้นมากพอ ที่ว่าเราจะสามารถพูดให้พ่อแม่ฟังได้ว่า ‘ไอ้นั่นมันทำหนูนะ’”
ตอนนี้ที่กายออกมาให้ข้อคิดพ่อแม่ที่มีลูกเล็กในปัจจุบัน ให้สอนลูกยังไงให้รู้ว่านี่คือการถูกล่วงละเมิดทางเพศ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญมาก สอนไปเลย ‘ลูกครับ ลูกคะ อันนี้จู๋ จิ๋ม ก้น หน้าอก ถ้ามีใครมาจับหรือแตะต้องอะไรใน 4 อย่างนี้ ให้บอกพ่อบอกแม่ทันที ถ้ามีใครก็ตามที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่มาเล่นตรงนี้ ต้องบอกทันที’
อีกอย่างที่คุณต้องสอนลูกก็คือ ถ้ามีใครมาบอกลูกว่า ‘อย่าไปบอกพ่อบอกแม่นะ’ คนที่พูดประโยคนี้ได้คือคนที่ไม่ดี เพราะถ้าเป็นคนดี เขาจะไม่มีความลับ เด็กเป็นผ้าขาวค่ะ เราป้อนอะไรก็ได้ เพียงแต่ว่าเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้น
ตอนที่กายอายุ 4 ขวบมีคนทำแบบนี้กับกายเป็นลุงตรงข้ามบ้าน เขาบอกว่าห้ามบอกพ่อบอกแม่นะ กายก็ไม่บอก มันกลายเป็นว่าเราเชื่อผู้ร้าย จนเราโตแล้วถึงเข้าใจ กายไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเด็กในยุคปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว หมายถึงว่าตั้งแต่ยุคนี้ต่อไปมันต้องหมดไปได้แล้ว พ่อแม่ควรจะระวังมากกว่านี้ อันนี้คือสิ่งที่กายทำออกมา 1 คลิป “4 อย่างที่ไม่ควรจับ 1 อย่างที่ไม่ควรเชื่อ ที่ต้องสอนลูก” อันนี้สำหรับการปกป้องเด็กในความคิดของกาย”
ไม่เพียงแค่สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรสอนลูกเท่านั้น อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ทัศนคติของบางคนในสังคมต่อเหยื่อจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ เพราะหลายต่อหลายเหตุการณ์ กลับกลายเป็นว่า เหยื่อถูกมองเป็นคนผิดเสียเอง
“ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน มีคลิปของนักร้องหญิงชื่อดังถูกปล่อยในโลกออนไลน์ กำลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟน เป็นการแอบถ่ายจริงจัง กายได้ไปเห็นมาเพราะคนพยายามอวดกันว่าฉันมี กายเห็นแล้วหดหู่มาก มีคนที่สงสารนะแต่ว่าขอดูหน่อย บางคนก็จะบอก ไม่เห็นเหรอแอบตั้งกล้องอยู่ ปล่อยให้หลุดออกมาได้ยังไง
อีกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวกายเอง ข่าวภาคค่ำพูดถึงผู้หญิงคนนึงที่ออกไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้ามืดที่สวนสาธารณะแล้วถูกข่มขืน ครอบครัวกายที่ดูอยู่ไม่ได้โทษผู้ร้ายเลยนะ เขาโทษผู้หญิงว่าไม่ใช่เวลาที่จะไปวิ่ง เป็นเวลาที่ควรจะอยู่บ้าน ทัศนคติของสังคมมันเป็นแบบนี้ เขาจะมองว่าเหยื่อมีส่วนทำให้อาชญากรรมนั้นเกิดขึ้น
เอากรณีง่ายๆ โจรปล้นทอง เวลาเราโดนกระชากทอง เราวิ่งไปแจ้งความ ตำรวจช่วยจับคนร้าย คนร้ายอายมาก เหยื่อไม่มีความอับอาย คนรอบข้างมาช่วยเพื่อให้ได้ทองกลับคืนมา เพื่อที่จะจับคนร้ายยัดเข้าตะราง กลับกัน เคสการถูกข่มขืน เราบอกตำรวจ บอกพ่อบอกแม่ ทำไมต้องเป็นเราที่อาย ทำไมไม่ใช่คนร้ายที่มันต้องอาย มันยิ่งกว่าการปล้นทอง มันคือการฆ่าคนทั้งเป็น แต่สังคมปฏิบัติต่อเหยื่อต่างกัน
สิ่งที่กายอยากให้สังคมปรับเปลี่ยน ก็คือมีพื้นที่ให้เหยื่อออกมาพูดแบบที่ไม่โดนประณามบ้างได้มั้ย ขอความเห็นใจจริงๆ ไม่ใช่เราไปให้ท่า แต่งตัวโป๊หรือไม่โป๊มันไม่เกี่ยวกันเลย มันอยู่ความคิดคนที่ถูกปลูกฝังมาจากครอบครัว สถานศึกษา และสังคม การสอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้ชายก็ไม่ควรข่มเหงผู้หญิงเหมือนกัน ที่กายต่อสู้มา ต้องเป็นผลในอนาคต อย่างน้อยคนในสังคมจะได้รู้แล้วว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร”
ต่างกันยังไง หนุ่มไทย VS สายฝอ แฟนชาวฝรั่งเศส ที่รักและมองข้ามอดีตของเธอ “กายสามารถฟันธงได้เลยว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงไทย ถูกแฟนของตัวเองข่มขืนในครั้งแรก เพราะเท่าที่กายรู้มา มีเพื่อน 10 คน มีคนเดียวที่สมยอมให้แฟน อีก 9 คนถูกแฟนตัวเองข่มขืน ตัวกายเองทั้งชีวิตนี้มีแฟนมา 4 คน โดยเป็นคนไทย 3 คน กายก็ถูกแฟนคนไทยข่มขืนทั้งหมด ไม่ได้สมยอมตอนมีอะไรกันครั้งแรก แฟนคนล่าสุดของกายเป็นชาวฝรั่งเศส อายุ 33 ปี เจอกันโดยบังเอิญตอนที่กายโสดอยู่ เขารู้ค่ะว่ากายเคยผ่านผู้ชายมาขนาดไหน เคยโดนข่มขืน เคยโดนอนาจารมาแล้วกี่คน กายเคยแต่งงานแล้วหย่ากับสามีไปได้ 2 ปีแล้ว กายมีลูกติด กายก็บอกกับเขาตามตรง กะไม่ได้สานสัมพันธ์ เหมือนพูดให้ฟังในวงปาร์ตี้ เพราะว่าเขามีเวลาอยู่ประเทศไทยแค่ 7 วันก่อนจะกลับ ไปๆ มาๆ เขาก็ไม่ได้แคร์อดีตของเรา คนต่างประเทศเขาไม่ได้มองว่าผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายมาเยอะแล้วจะเป็นของเหลือ ผู้ชายไทยส่วนมากเหมือนจะเป็นสุภาพบุรุษนะ แต่จะมองแบบนั้น กายผ่านผู้ชายไทยมา 3 คนที่เป็นแฟนก็ข่มขืนกายทั้งหมด จะมองว่าผู้หญิงที่เคยผ่านมือผู้ชายมามีตำหนิ มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้แล้ว เฮ้ย… มองว่าตัวเองเป็นของเหลือมั่งดิ ก็ผ่านมือคนอื่นมาเหมือนกัน ปี 2020 เวลาได้กัน เลิกไปโม้ว่า ผู้หญิงคนนั้นคนนี้กูได้มาแล้ว ฉันก็ได้เธอเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแกได้ฉันคนเดียว ความเท่าเทียมคือตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนจะแคร์แต่กายไม่แคร์ เพราะวันนี้กายสามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้ ถ้าผู้ชายจะมองว่ากายไร้ค่า กายไม่สน” |
ขอเป็น “เพื่อนข้างกาย” ของทุกคน
“ตอนนี้กายมีหลายบทบาท กายเป็นเจ้าของธุรกิจให้เช่าสินสอดเจ้าแรกในไทยด้วย สามารถเช่าเงินเช่าทองของกายไปวางที่งานแต่งได้ กายเป็นแม่ด้วย จะมองกายว่าเป็นอินฟูเอนเซอร์ก็ได้ มองกายว่าเป็นบล็อกเกอร์ก็ได้ กายเป็นได้หมด แต่ที่กายอยากให้มองเห็นชัดเจนก็คือ กายเป็นเพื่อนค่ะ ถ้าคิดว่าพึ่งพาใครไม่ได้ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ไม่มีใครรับฟัง มานี่เดี๋ยวกายจะฟังเอง”
ก่อนหน้าที่หญิงสาวผู้นี้ จะออกมาเปิดเผยอีกมุมหนึ่งของชีวิต หลายๆ คนอาจจะรู้จักเธอในฐานะเจ้าของธุรกิจเช่าสินสอดรายแรกของประเทศไทยที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก โดยมีให้เช่าทั้งเงินสด ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในพิธีวิวาห์ หรือแม้แต่แขกร่วมงาน เธอก็สามารถหาให้ได้ โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2561
และอีกบทบาทที่สำคัญของข้างกายในตอนนี้ คือการเป็นที่ที่ปรึกษาให้แก่ประสบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “KhangGuy - ผู้หญิงที่ชื่อ ข้างกาย”
สาวเจ้าของธุรกิจเช่าสินสอดเจ้าแรกในไทย
“ลูกเพจบางคนมาคอมเมนท์บอกว่า ถ้ามาเจอเพจกายก่อนก็คงจะไม่พยายามฆ่าตัวตาย คนเราเป็นเหยื่อ เราต้องการพูดให้ใครซักคนฟัง ใครซักคนที่จะไม่ตัดสิน แล้วคนคนนั้นคือกาย เขาไม่สามารถพูดให้เพื่อนเขาฟังได้ ไม่มีที่พึ่ง เขามาเจอกายแล้วเหมือนเจอเพื่อน ลูกเพจกายบอกว่า พี่เป็นแรงบันดาลใจให้หนู วันนึงหนูสามารถเป็นแบบพี่ได้ กายก็ เออ… ถ้าฉันทำเพจตั้งนานมาแล้ว มันคงเป็นอะไรที่ดีกว่านี้ แต่คงย้อนเวลาไม่ได้ กายก็จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด”
การที่เราเจอเรื่องไม่ดีในชีวิต ให้มองซะว่ามันมีสิ่งดีซ่อนอยู่ บางอย่างที่มันซ่อนอยู่ ตัวกายเองโดนข่มขืนมาเยอะมาก กายไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีได้ยังไง แต่วันนี้มันเกิดเรื่องดีขึ้นแล้วมันเลยทำให้กายแข็งแกร่งและระแวดระวังมากขึ้น กายสามารถช่วยผู้หญิงได้อีกหลายคนมากให้บวกและมีชีวิตต่อไปหลังการถูกข่มขืน เห็นมั้ยว่ามันมีสิ่งดีซ่อนอยู่
และอีกอย่าง วันนี้ที่กายเป็นแม่คน กายจะสอนและให้บทเรียนกับผู้ปกครองทั่วประเทศว่าคุณจะสอนลูกคุณแบบไหน ประสบการณ์แย่ๆ ของกาย มันเหมือนจะไม่มีอะไรดี แต่วันนี้มันเปลี่ยนชีวิตใครหลายคน พวกคุณจะได้เอากลับไปคิดและต้องไม่ทำพลาดเหมือนที่พ่อแม่กายทำกับกาย และ กายปกป้องลูกจากอดีตที่มันเคยเกิดขึ้นกับกาย”
นอกจากนี้ ข้างกายยังมีอีกบทบาทคือการเป็นนักเขียน ที่กำลังจะมีผลงานหนังสือชื่อว่า “ฉันเคยเป็นเหยื่อ” บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของตนเอง และมีการพูดถึงเหยื่อในหลายรูปแบบ ทั้งเหยื่อของการถูกข่มขืน เหยื่อของการถูกบูลลี่ในโรงเรียน.เหยื่อของวงจรอุบาททางธุรกิจ และเหยื่อของความรัก โดยหวังให้หนังสือนี้ไปอยู่ทุกโรงเรียน
ตอนนี้เขียนเสร็จไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ จุดประสงค์ของกาย หนังสือนี้ต้องไปอยู่ทุกโรงเรียน แล้ว ผอ.ต้องได้อ่าน เพราะว่า กายพูดเรื่องสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา ที่กายเข้มแข็งได้ขนาดนี้เพราะผ่านเรื่องพวกนั้นมาเยอะมาก แต่ระหว่างทางเดิน กายอยากให้มีคนที่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นที่มันเป็นอย่างนั้น มันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง แล้วถ้าครอบครัวไม่ช่วย คุณครูจะต้องช่วย
อย่างที่เรารู้กัน กลุ่มก่อการร้ายลักพาตัวเด็กอายุ 6-7 ขวบ ไปให้ถือปืน ไปฆ่าคน เด็กพวกนั้นทำไปโดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องผิด เพราะฉะนั้นเด็กวัยนี้ ถ้าเราปลูกฝังอะไรไป เด็กจะเชื่อ ปลูกฝังลงไปค่ะในระบบการศึกษาว่าสิ่งที่ผู้ชายไม่ควรทำ และเป็นที่รับไม่ได้ในสังคม และการเคารพกันจะมีมากขึ้น สิ่งที่เราทำได้ถ้าเราปรับเปลี่ยนตอนนี้ อนาคตข้างหน้าจะมีความเท่าเทียมเกิดขึ้นจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าทำนะคะเด็กๆ”
สาวสุดสตรอง ได้ฝากคำแนะนำไปถึงใครก็ตามที่จมอยู่ในความมืด และยังหาแสงสว่างไม่เจอว่า แม้จะกลับไปแก้ไขเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วไม่ได้ แต่คุณสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้ว่าจะเป็นคนแบบใด
“กายเองเคยอยู่ในมุมมืดช่วงนึง กายพยายามประชดชีวิตตัวเองด้วยการกินเหล้า เที่ยว ไม่อยู่บ้าน ผลาญเงิน แต่พอมารู้จริงๆ มันไม่ใช่สิ่งที่กายต้องการ ชีวิตเรามันจะไม่ได้จบลงแค่วันห่วยๆ วันนั้น มันมีวันข้างหน้า อย่าตัดสินว่าวันนี้คือจุดจบของชีวิต เพียงแต่ว่าช่วงที่คุณกำลังแย่ คุณมองไม่เห็นเพราะว่าจิตมันตก มันหาข้อดีไม่เจอ
เพราะงั้นเวลาคุณรู้สึกสิ้นหวัง คุณถามตัวเองว่าอะไรที่คุณต้องการในชีวิต ทำค่ะ เรื่องอื่นช่างมันมันผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่วันถัดไป อนาคต ต้องการจะเป็นแบบไหน ทำ อย่าจมอยู่กับอดีต ถ้าคุณจมอยู่กับอดีต มันก็จะฝังคุณทั้งเป็น แล้วมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เดินไปข้างหน้าค่ะ ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง แล้ววันนึงมองกลับไปจะรู้ว่า เรื่องแค่นั้นเอง”
เมื่อบทสนทนาดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย ผู้สัมภาษณ์ได้ให้เธอลองนิยามคำว่า “ความสำเร็จ” ในมุมมองของตัวเอง โดยข้างกายมองว่า การมีชีวิตที่มีความสุขได้ เท่ากับประสบความสำเร็จแล้ว
“วันนี้กายมองว่ากายมีความสุข นั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว กายมีความสุขกับตัวเอง กับสิ่งรอบข้าง กายเจอมาหนักขนาดนี้ ทำไมกายยังประสบความสำเร็จได้ ก็เพราะกายไม่เคยดูถูกตัวเอง แล้วกายเชื่อว่ากายจะเป็นผู้หญิงคนนั้นได้ คนที่มีหน้ามีตาทางสังคม เป็นเจ้าของธุรกิจ คนที่มีเสียงในสังคม กายเกิดมาเพื่อที่จะเป็นคนคนนั้น กายไม่ได้เกิดมาเพื่อที่ถูกเอาเปรียบ หรือโดนกระทำย่ำยีแล้วไม่มีปากมีเสียง
ปัจจุบันไม่มีอะไรทำร้ายกายได้แล้วค่ะนอกจากความเจ็บป่วยของลูก ของแม่ ของหมา เวลาคนเราผ่านอะไรที่เจ็บปวด เหมือนมีวัคซีนเพิ่มขึ้น บางคนเจอบางเรื่องที่แบบว่า ท้องฟ้าถล่ม อยู่ไม่ได้ต้องฆ่าตัวตาย กายมองว่ามันเรื่องจิ๊บจ๊อย ถ้าคุณผ่านไปได้ คุณจะแข็งแกร่งกับเรื่องแบบนี้ไปได้อีกระดับนึง การข่มขืนเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่กายเคยเจอมั้ยก็ยังนะ มันมีสิ่งที่แย่กว่านั้นอีก
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้อายุ 30 กายว่ากายเจอคนมาทุกรูปแบบแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรที่สามารถทำให้กายเจ็บปวดได้แล้ว พอมาถึงวันนี้วันที่เรายืนได้ด้วยตัวเองแล้วรู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จ แล้วเราอยากจะบอกเล่าให้คนทั่วไปได้ฟัง การที่คุณมาเห็นข้างกายในวันนี้ มันมีเบื้องหลังหลัง มันมีตะปูตามทาง ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบเลย”
“ข้างกาย” ชื่อนี้มีที่มา “ข้างกาย เอรียาสกุล ชื่อนี้กายเป็นคนตั้งเอง อย่างที่กายบอก กายเกิดมาในครอบครัวที่แตกแยก ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคนที่ถูกรัก รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อข้างกาย เพื่อที่ว่ากายจะได้ไม่โดดเดี่ยว และเหมือนกับว่าถ้าเขาคิดหาอะไรไม่ออก ก็จะมีคนข้างกายอยู่ตรงนี้ มันเป็นชื่อที่มีความหมาย เป็นชื่อ-นามสกุลใหม่หมด พอหย่ากับแฟน ก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลนี้เลย นามสกุลที่ตั้งขึ้นเอง แล้วก็ยังไม่มีใครใช้ เพราะกายรู้ว่ากายกำลังจะทำสิ่งใหม่ที่ครอบครัวไม่น่าจะเห็นด้วย ถ้าเขาไม่อยากจะเป็นส่วนนึงที่ได้รับความอับอาย กายก็จะไม่ให้เขาอับอาย อย่างที่กายบอก คนรอบตัว น้าเอย ลุงเอยที่เคยทำ ถ้าปัจจุบันกายยังใช้นามสกุลพ่ออยู่ พ่อกายอายแน่ๆ ตระกูลกายอายแน่ๆ ว่ามีผู้หญิงคนนี้เกิดขึ้นมาแล้วมาบอกว่าโดนข่มขืน เห็นมั้ยคะว่าคนเป็นเหยื่อลำบากขนาดไหน แสดงตัวตนไม่ได้เลย ไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะสิ่งที่กายกำลังจะปรับเปลี่ยน กายก็หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์จริงๆ” |
สัมภาษณ์โดย : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก “KhangGuy - ผู้หญิงที่ชื่อ ข้างกาย” และ “บริษัทโรแมนทีส ให้เช่าสินสอดวันแต่งงาน โดยคุณข้างกาย - เจ้าแรกในไทย”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **