บทเรียนราคาแพงของสัตวแพทย์ ที่ต้องรับเคสกลางคืนช่วงใกล้เวลาเคอร์ฟิว ด่านตรวจกระทุ่มแบน สมุทรสาคร จับติดคุก 1 คืน ศาลสั่งปรับ 4,000 หลังรักษาแมวถูกหมาจรจัดกัดตาถลน ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่บ่าย และกำลังจะขับรถกลับบ้าน น้อยใจถูกเจ้าหน้าที่มอง “ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์” ชาวเน็ตลุกเป็นไฟแห่ติดแฮชแท็ก #saveหมอบอย พบเจ้าตัวพยายามจบดรามา ยอมรับก็มีส่วนผิด
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า บรรดาชาวเน็ตต่างติดแฮชแท็ก #Saveหมอบอย เพื่อให้กำลังใจและร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายสัตวแพทย์ ธนู ลิมปพัฒนวณิชย์ เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์สายใยรัก ตำบลตลาดกระทุ่มแบน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร หลังจากที่ถูกตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จับกุมในข้อหาฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อคืนวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา และศาลจังหวัดสมุทรสาครพิพากษาปรับ 4,000 บาท เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีการออกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น
ในช่วงที่ถูกจับกุม พบว่าเฟซบุ๊ก “ธนู ลิมปพัฒนวณิชย์” โพสต์ข้อความระบุว่า “ติดคุกครั้งแรกในชีวิต น่าทุเรศตัวเองสิ้นดี” ข้อความต่อมาระบุว่า “ถ้ามีสัตว์ป่วยฉุกเฉินในเวลาที่ใกล้จะเคอร์ฟิวแล้ว สมมติว่าคุณเป็นหมอ คุณจะกล้าปฏิเสธการรักษาได้ลงคอไหม ผมเลยต้องนอนคุก” และอีกข้อความระบุว่า “เพิ่งทราบจริงๆ ว่า สัตวแพทย์ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์” ทำเอาชาวเน็ตต่างแสดงความเห็นใจและโจมตีว่าตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน และฝ่ายปกครองไม่ให้ความเป็นธรรม
จากคำบอกเล่าของ นายสัตวแพทย์ ธนู ที่ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ระบุว่า ก่อนถูกจับกุมมีเคสด่วนต้องไปรักษาแมวที่ถูกสุนัขจรจัดกัดจนลูกตาถลนออกมา เมื่อเวลา 21.00 น. กว่าจะรักษาเสร็จก็เกือบเวลา 22.00 น. ต่อมาตนยังไม่ได้รับประทานอาหารตั้งแต่บ่าย เพราะต้องรักษาสัตว์ จึงขับรถมาร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารก่อนกลับเข้าที่พักข้างโรงพยาบาลสัตว์ พอเข้าที่พักเสร็จได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงฟุตบอล หลังจากนั้นจึงขับรถจะกลับบ้าน แต่เมื่อเลยเวลาเคอร์ฟิวแล้วกลับเจอด่านเมื่อเวลา 22.15 น. สุดท้ายถูกตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จับกุม
เวลา 23.00 น. ตำรวจ สน.กระทุ่มแบน นำตัวนายสัตวแพทย์ ธนู กักขังทันที นอนไม่หลับ ข้าวไม่ได้กิน น้ำไม่ได้ดื่ม ดื่มแต่น้ำก๊อกจากห้องขัง กระทั่งเวลา 03.00 น. แฟนสาวมาประกันตัวโดยต้องเตรียมหลักทรัพย์ 40,000 บาท กระทั่งเวลา 13.00 น. ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน นำตัวนายสัตวแพทย์ ธนู ขึ้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร ศาลพิพากษาปรับ 4,000 บาท หลังเกิดเหตุเพื่อนได้โทร.มาแซวว่าเป็นคนแรกของวงการสัตวแพทย์ที่ติดคุก ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ ซึ่งตอนที่ไปเจอด่านตัวเองก็บอกว่าเป็นหมอเหมือนกัน ปรากฏว่าทางด่านตรวจกล่าวว่า “สัตวแทพย์ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์” จึงถามว่าวิชาชีพสัตวแพทย์มีเกียรติหรือไม่ ยอมรับว่า เสียใจที่วิชาชีพของตนถูกมองว่าไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์
“ผมยอมติดคุก ผมก็รู้ว่า พ.ร.ก.มันรุนแรง แม้จะเจอทุกวัน แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เพราะว่าบางทีผมก็รับเคสกลางคืนมา ก็จะกลับบ้านตอน 3 ทุ่ม ข้าวก็ไม่ได้กิน เขามาขอความช่วยเหลือ แล้วแมวตาถลนออกมา ผมก็ต้องทำการรักษา เราเป็นหมอ แต่ว่าเขาไม่ได้มองเราเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ผมนอยด์ตรงนี้มากกว่า ผมเสียใจครับ ที่ถูกมองวิชาชีพผมปฏิเสธเป็นบุคลากรทางการแพทย์” นายสัตวแพทย์ ธนู ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี พร้อมกับร่ำไห้ออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 23.27 น. เฟซบุ๊ก “ธนู ลิมปพัฒนวณิชย์” โพสต์ข้อความอีกครั้งหนึ่งว่า “ผมต้องกราบขอโทษเจ้าหน้าที่ชุดฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทุกๆ ฝ่าย ที่เค้าปฏิบัติหน้าที่กันอย่างหนัก จึงเกิดเรื่องกระแสดรามาในโลกโซเชียลฯ เกิดกระแสสังคม จากการระบายความรู้สึกผ่านพื้นที่ส่วนตัวทั้งหมดสามโพสต์ และทำการลบโพสต์ไปแล้วหลังโพสต์ได้ไม่นาน รวมทั้งเมื่อการให้สัมภาษณ์ในข่าวอมรินทร์แบบลืมตั้งสติคิดให้ดี อันเนื่องมาจากความเครียด ความง่วง ความกดดัน ความหิว ความผิดหวัง จากเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น จึงส่งผลกระทบวงกว้างในแง่ลบต่อเจ้าหน้าที่ทุกส่วนทุกฝ่าย ที่พวกเค้าปฏิบัติหน้าที่กันอย่างหนัก ผมจึงอยากกราบขอโทษและขอร้องให้หยุดแชร์หยุดด่ากันในเพจต่างๆ ด้วยนะครับ เพราะผมเองก็มีส่วนผิดในฐานการละเลยคำสั่งเคอร์ฟิวเป็นหนที่สองติดต่อกันสองวันซ้อน และไม่ได้ทำเอกสารแจงกับเจ้าหน้าที่ที่บอกให้ทำอย่างถูกต้องตามระเบียบตามกฎหมาย ซึ่งผมเองก็รับโทษในห้องขังเป็นเวลา 3 ชั่วโมง รวมทั้งต้องขึ้นศาลเพื่อสารภาพความผิดทุกข้อกล่าวหาและเสียค่าปรับแล้วในวันนี้ สุดท้ายนี้ผมจึงได้ตระหนักถึงเหตุผลของทางหน่วยงาน ว่า เค้าทำเพื่อสุขภาพของพวกเราส่วนรวม ปลูกจิตสำนึก ให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เป็น Case Study ที่ดีในมุมของสัตวแพทย์ ว่าเราเองก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์ มีศักดิ์ศรีในวิชาชีพเช่นเดียวกับทุกๆ อาชีพ และจะหาทางออกร่วมกันเพื่อสวัสดิภาพของสัตว์ในสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ต่อไป พวกเราจะต้องสู้ไปด้วยกันแล้วผ่านมันไปได้ให้ได้”
ข้อความดังกล่าวทำเอาชาวเน็ตกังขาว่า ข้อความดังกล่าวถูกบังคับให้โพสต์หรือไม่ แต่เจ้าตัวคอมเมนต์ว่า “ไม่นะครับ ผมอยากจบเรื่องราวด้วยตนเองครับ อาจเข้าใจกันผิดๆ กันไปบ้างก็ต้องขอโทษในสิ่งที่ผมผิด”