xs
xsm
sm
md
lg

ใจพระ!! หนุ่มมาเลเซียกลับจากญี่ปุ่น-หวั่นแพร่เชื้อโควิด ยอมเดินเท้า 120 กม.กลับบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อลิกซ์สัน มังกุนด็อก หนุ่มชาวมาเลเซียวัย 34 ปี (Photo: ALIXSON AWANDOH/FACEBOOK)
สเตรทไทม์ส - ชาวเน็ตมาเลเซียพากันแชร์เรื่องราวของหนุ่มน้ำใจงาม เพิ่งเดินทางกลับจากญี่ปุ่น แต่กลัวว่าตนเองจะเป็นพาหะแพร่เชื้อโควิด-19 จึงยอมลงทุนเดินเท้า 3 วัน เป็นระยะทาง 120 กิโลเมตร กลับบ้านเกิดในเมืองโกตามารูดู (Kota Marudu) โดยมีสุนัขตัวหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมทาง

อลิกซ์สัน มังกุนด็อก (Alixson Mangundok) วัย 34 ปี เดินทางกลับจากทำงานที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 25 มี.ค. และกลัวว่าตนเองอาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จึงเลือกที่จะไม่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือให้ญาติมารับกลับบ้าน

“หลังจากกลับมาถึงสนามบินโกตาคินาบาลู ผมก็ผ่านด่านตรวจคัดกรองสุขภาพ และถึงแม้เจ้าหน้าที่จะยืนยันว่าผมปกติ ไม่มีอาการป่วยเหมือนคนติดไวรัส แต่ก็ยังขอให้ผมไปตรวจให้ละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลควีนเอลิซาเบธ” เขากล่าว

ญาติของ มังกุนด็อก ช่วยขนกระเป๋าเดินทาง 2 ใบใหญ่กลับบ้านไปก่อน และทิ้งเขาไว้กับกระเป๋าถือใบเดียว เนื่องจากคาดว่าเขาอาจจะถูกสั่งให้ไปเช็กอินที่ศูนย์กักกันโรคของรัฐเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่หลังจากไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณหมอก็อนุญาตให้เขากลับไปกักตัวเองที่บ้านได้

“หมอบอกว่าให้ผมไปกักตัวเองที่บ้าน ดังนั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องเสี่ยง ผมก็เลยตัดสินใจเดินกลับบ้านที่โกตามารูดู เพราะผมคุ้นเคยกับการเดินเท้าหลายๆ วันเป็นระยะทางไกลหลายกิโลเมตร ตั้งแต่สมัยที่ยังออกล่าสัตว์และทำการเกษตร” เขากล่าว

มังกุนด็อก ออกเดินเท้าจากโรงพยาบาลพร้อมกับน้ำดื่ม 2 ขวด เมื่อผ่านไปถึงสุสานแห่งหนึ่งก็มีสุนัขจรจัดโผล่มา และมันได้เดินตามเขาไปตลอดทาง ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไร และยังตั้งชื่อให้มันว่า “ฮาจิโกะ” ตามชื่อของสุนัขพันธุ์อะกิตะยอดกตัญญูที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น

“ผมคิดว่าเดียวมันก็คงจากไปเอง แต่กลายเป็นว่ามันเดินตามผมไปตลอดทาง ผมก็เลยตัดสินใจเรียกมันว่า ฮาจิโกะ” มังกุนด็อก ระบุ

ระหว่างทางเมื่อเจอด่านตำรวจ เขาต้องคอยหยิบพาสปอร์ตและจดหมายจากโรงพยาบาลออกมาแสดงเพื่อยืนยันว่าเขาตั้งใจจะเดินกลับบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เตือนให้เขาระมัดระวังตัว และแวะพักในจุดที่มีไฟส่องสว่าง

“พวกเขาอาสาขับรถไปส่งผมด้วย แต่ผมปฏิเสธเพราะมีเจ้าสุนัขตัวนี้อยู่ และผมก็ไม่อยากเสี่ยงแพร่เชื้อให้ใคร ถึงหมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ก็ตาม” เขากล่าว

เช้าวันที่ 28 มี.ค. เมื่อเดินมาถึงเขตกัมปงตันดาซันในเมืองโกตาเบอลุด ซึ่งอยู่ประมาณครึ่งทางจากโกตามารูดู เขาก็บังเอิญเจอพี่ชายที่กำลังขับรถอยู่ ซึ่งพี่ของเขาได้แจ้งให้ครอบครัวทราบว่า มังกุนด็อก เดินเท้าจากโกตาคินาบาลูมานานถึง 3 วัน และขอให้มีใครสักคนช่วยนำรถยนต์ไปส่งให้ มังกุนด็อก ขับพาเจ้าฮาจิโกะกลับบ้าน

“ผมยังไม่ไปเจอพ่อแม่ทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน แต่หลบไปอยู่ที่กระท่อมในฟาร์ม เพราะคิดว่าจะปลอดภัยกับคนอื่นๆ มากกว่า” เขากล่าว

หลังผลตรวจไวรัสครั้งแรกออกมาเป็นลบเมื่อวันที่ 7 เม.ย. มังกุนด็อก ยังได้ไปตรวจโควิด-19 ซ้ำอีกครั้งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองโกตามารูดู

“ผมจะไม่วางใจและไม่ยอมพบปะคนในครอบครัว จนกว่าทางโรงพยาบาลจะยืนยันว่าผมไม่มีเชื้อไวรัสจริงๆ ตอนนี้ผมกับ ฮาจิโกะ ก็อยู่ด้วยกันที่กระท่อมนี่”

มังกุนด็อก เป็นคุณพ่อลูกสอง และเป็นบุตรชายคนเล็กในบรรดาพี่น้อง 12 คน เขาออกเดินทางไปทำงานต่างประเทศตั้งแต่อายุ 18 ปี และเคยใช้ชีวิตทั้งในสิงคโปร์, แอลจีเรีย, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ รวมถึงญี่ปุ่น

อลิกซ์สัน มังกุนด็อก กับเจ้าฮาจิโกะ สุนัขจรจัดที่กลายมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทางของเขา (Photo: Star Digital)
กำลังโหลดความคิดเห็น