ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เข้มงวดจังหวัดแรกๆ ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อออกจากบ้าน 100% แม้แต่อยู่ในรถ ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 2 หมื่น หวังให้ระวังตนเองและคนรอบข้างจากโรคโควิด-19
วันนี้ (2 เม.ย.) รายงานข่าวจากจังหวัดสมุทรสาคร แจ้งว่า นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ออกคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 931/2563 สืบเนื่องมาจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ประกอบกับยังมีประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ให้ประชาชนทุกคนภายในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ
ขณะเดียวกัน ให้สถานที่ดังกล่าวที่มีประชาชนใช้บริการ มีมาตรการลดการแพร่เชื้อ โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า หากประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า สามารถปฏิเสธการให้บริการ รวมทั้งต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร การวางแอลกอฮอล์เจลไว้ให้บริการ เว้นระยะห่างตามมาตรการทางสังคม (Social Distancing) หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามมาตรา 51 พ.ร.บ.โรคติดต่อ ปี 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท อีกทั้งด้วยเหตุที่เป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนและประโยชน์สาธารณะ หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อผลเสียหายร้ายแรงต่อส่วนรวม จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้
นายวีระศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จังหวัดสมุทรสาครยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยพบทั้งผู้ป่วยรายใหม่ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้ที่ต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้การควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร จึงมีมติเห็นชอบให้ออกประกาศบังคับใช้เกี่ยวกับมาตรการสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้า ก่อนออกจากบ้านทุกคนทุกครั้ง รวมถึงขณะที่อยู่ในยานพาหนะต่างๆ เพื่อต้องการให้ทุกคนได้เฝ้าระวังตนเอง และคนรอบข้างไม่ให้เชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายหรือแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น น่าจะเป็นจังหวัดแรกๆ ของประเทศที่ออกมาตรการให้ประชาชนใช้หน้ากาก 100%
