พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แพงหูดับตับไหม้ เมื่อนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษเดินทางมาเที่ยวยังเกาะพะงัน ต้องเข้าโรงพยาบาลด่วนหลังเกิดอาการหน้ามืดขณะตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน แอดมิท 1 คืน 2 วัน ค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 103,319 บาท สาวชาวอังกฤษขอจ่าย 20,000 บาท ทาง รพ.ไม่ยอมยึดพาสปอร์ต จะคืนให้ต่อเมื่อนำเงินมาชำระทั้งหมด กระทั่งเพจดังออกมาโพสต์ร้องขอความเป็นธรรมให้กับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ รพ.จึงคืนเงินและพาสปอร์ตให้ ตั้งคำถามจรรยาบรรณ รพ.อยู่ไหน หรือเห็นเป็นต่างชาติก็จะโขกเงินเค้า ถ้าไม่ออกสื่อคงจะไม่ได้รับความเมตตา
กลายเป็นดราม่าร้อนระอุเมื่อเฟซบุ๊กเพจดัง Drama-addict แฉ! โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ยึดพาสปอร์ต น.ส.ทรอย หลุยส์ รีเบคก้า สาวชาวอังกฤษวัย 36 ปี ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน หลังจากที่ร่วมกิจกรรมฟูลมูนปาร์ตี้เธอมีอาการเจ็บช่องคลอดและหน้ามืดเป็นลม จึงได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านดอนอินเตอร์เกาะพะงัน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.59 และถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลบ้านดอนอินเตอร์เกาะสมุย ในวันต่อมา(10 ธ.ค.) โดยหลังจากรักษาแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันเดียวกัน ช็อก!โรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาเป็นจำนวนเงิน 103,319 บาท
นอกจากนี้ ยังแจ้งว่าใช้สิทธิประกันไม่ได้เพราะไม่ครอบคลุมคนท้อง ต้องชำระค่ารักษาทั้งหมด แต่คนไข้ เงินไม่พอจ่ายและขอให้ลดหย่อน โดยเบื้องต้นได้จ่ายไปก่อน 20,000 บาท พร้อมให้พาสปอร์ตไว้ แต่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคนหนึ่งแจ้งว่า หากไม่ชำระให้ครบทั้งหมดจะต้องยึดพาสปอร์ตและถูกแจ้งความดำเนินคดี โดยคนไข้สาวชาวอังกฤษมีกำหนดเดินทางกลับประเทศวันที่ 11 ธ.ค. 59 นี้ แต่ยังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะมีเงินมาชำระค่ารักษาทั้งหมด กระทั่งเพื่อนคนไทยได้ขอความช่วยเหลือไปยังตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุยที่เดินทางมาท่องเที่ยวกับครอบครัวในเกาะพะงัน เพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา
ล่าสุด นางจันทร รัตนสุวรรณ ประธานบริหาร โรงพยาบาลบ้านดอนอินเตอร์ เปิดเผยว่า คนไข้รายนี้ที่เข้ามารักษาตัวด้วยอาการมีเลือดออกในช่องคลอด เป็นเวลา2 วัน เพราะมีอาการหน้ามืด คนไข้ตั้งครรภ์ได้ 10 สัปดาห์ แพทย์เฉพาะทางที่ตรวจรักษาเป็นห่วงเรื่องผลข้างเคียงทางสูติกรรม ทำการตรวจอัลตร้าซาวด์และได้สรุปการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะแท้งคุกคาม จากการรักษาไม่พบภาวะแทรกซ้อนจึงได้ให้คนไข้กลับบ้านได้ โดยมีค่ารักษาอยู่ที่ 100,000 บาท แต่ประกันของคนไข้ไม่ครอบคลุมคนท้องทำให้ต้องจ่ายค่ารักษาทั้งหมด คนไข้ไม่มีเงินจ่ายทางโรงพยาบาล จึงลดให้ร้อยละ 50 เหลืออยู่ที่ 50,000บาท แต่คนไข้บอกว่ามีเงินอยู่แค่ 20,000 บาท ทางโรงพยาบาลก็เก็บแค่ 20,000 บาทก่อน ส่วนอีก30,000 บาทให้มาจ่ายภายหลัง โดยที่ทางโรงพยาบาลต้องขอเก็บพาสปอร์ตของคนไข้ไว้ เพราะไม่มั่นใจว่าคนไข้จะกลับต่างประเทศเมื่อไหร่
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล สื่อสารกับคนไข้คลาดเคลื่อน เรื่องประกันค่ารักษาไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่าย และการขอพาสปอร์ตคนไข้เอาไว้ อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลจะให้เจ้าหน้าที่มาขอโทษคนไข้ พร้อมคืนค่าใช้จ่าย20,000บาท รวมทั้งพาสปอร์ตให้แก่คนไข้
ด้าน นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผย ว่าหากผู้ป่วยไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลจริง ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกฏหมาย แต่ไม่มีสิทธิ์ไปยึดพาสปอร์ตของคนไข้ และถ้าผู้เสียหายมีการร้องเรียนมา ทางกระทรวงฯ ก็จะดำเนินการสอบสวน ด้านจริยธรรมผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล เพื่อกำหนดบทลงโทษต่อไป
หลากหลายความคิดเห็นของโลกโซเชียลฯ สับเละ! ถามหาจรรยาบรรณและมาตรฐานของโรงพยาบาลอยู่ตรงไหน
“ทำไม รพ.เอกชน หิวเงินมากจนน่าเกลียด รัฐน่าจะเข้าควบคุมให้คิดค่ารักษาในราคาพอสมควรนะ”
“ปล้นกันชัดๆเสียชื่อประเทศหมดแล้วนักท่องเที่ยวที่ไหนจะกล้ามาเที่ยวครับ”
“รู้สึกเหมือนโยนขี้ให้พนักงานยังไงก็ไม่รู้ อีกอย่าง100,000พอบอกมีเงินไม่พอลดเหลือ50,000 ถ้าบอกว่ามีก็คือต้องจ่ายแสนเต็มๆสินะ มาตรฐานอยู่ตรงไหนวะเนี่ย”
“จริงๆแล้วทุกที่เลย โรงพยาบาลเอกชนที่เกาะพงัน เรียกเก็บแพงๆทั้งนั้น เลยค่ะ กับคนไทยก็เก็บแพงพอๆกับฝรั่งนั่นแหละ ถ้าหลุดเข้าไป”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754