ดรามากันใหญ่โตกับมิวสิกวิดีโอเพลง "เที่ยวไทยมีเฮ" ของ ททท.ที่ส่อเค้าว่าจะโดนแบน เพราะมีผู้คัดค้านว่า เนื้อหาในเอ็มวีทำลายวัฒนธรรมของชาติ! เพราะมีการนำ "ทศกัณฐ์" รวมถึงยักษ์ตัวอื่นๆ ซึ่งมีบุคลิกน่าเกรงขามมาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทว่า ก็มีคนออกมาแย้งว่า ตัวทศกัณฐ์ในวรรณคดี ไม่ได้มีเกียรติตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เป็นชู้กับเขาไปทั่ว และคุณค่าทางวัฒนธรรมควรจะเก็บไว้แค่บนหิ้งหรืออย่างไร แตะต้องอะไรไม่ได้ นี่ยุค 2016ถ้าไม่ดัดแปลงตามสมัยก็มีแต่จะเสื่อมถอยจนคนลืม นี่เองจึงเป็นสาเหตุให้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักวรรณคดีไทย สนใจแต่วัฒนธรรมต่างชาติ!?
มือปราบวัฒนธรรม...ปกป้องนาฏศิลป์ชั้นสูง!
มิวสิควิดีโอเพลง "เที่ยวไทยมีเฮ" จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออนแอร์มาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา โดยได้ศิลปินหัวใจไทย เก่ง - ธชย ประทุมวรรณ ที่ไปสร้างชื่อด้วยการคว้า 27 รางวัลจากการประกวดศิลปะการแสดงระดับโลก World Championship of Performing Art 2016 ด้วยการแต่งตัวเป็น “ยักษ์” พร้อมด้วย "ฟิล์ม บงกช" ร่วมร้องและแสดง ด้วยการใส่ชุดโขนพร้อมนำตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่ ทศกัณฐ์ และเหล่าเสนายักษ์ ตระเวนท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองไทย โดยมี บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยผลิตเอ็มวีตัวนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย แม้หลายคนจะกดไลก์ชื่นชอบ..แต่ก็ไม่วาย “งานเข้า”จนได้!
เกิดเรื่องดรามาร้อนระอุขึ้น เมื่อ น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย อดีตศิลปินกองการสังคีต กรมศิลปากร ได้เข้าร้องเรียนต่อสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์(วิทยาลัยนาฏศิลป์) ถึงความไม่เหมาะสมของมิวสิควิดีโอดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์) มองว่าไม่ได้ติดใจการพาทศกัณฐ์หรือนางในวรรณคดีไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หากแต่การนำ "ทศกัณฐ์" รวมถึงยักษ์ตัวอื่นๆ ซึ่งมีบุคลิกน่าเกรงขามมาแสดงพฤติกรรม อาทิ หยอดขนมครก ขี่จักรยาน ขับรถโกคาร์ท, ถ่ายเซลฟี, ขี่บั้งไฟ ขับสามล้อ ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ซึ่งมีคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ดูแล ได้เชิญทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ผลิตมิวสิควีดีโอ ผู้กำกับ และผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เข้ามาร่วมพูดคุยหาทางออกตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ทางด้านของ น.ส.ลัดดา ก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม ระบุว่า ทางผู้ผลิตยอมรับในความผิดพลาดเพราะขาดความรู้ในมิติวัฒนธรรม ยินดีปรับปรุง และหากปรับแก้แล้วยังทำให้เกิดความเสียหายกับวัฒนธรรมของชาติ ก็ยินดีให้ไม่ออกอากาศมิวสิควีดีโอดังกล่าว รวมถึงสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลปจะเร่งทำจรรยาบรรณวิชาชีพเพื่อปกป้องมรดกของชาติ อย่าง นาฏศิลป์ชั้นสูง อย่างยั่งยืนต่อไป
->คลิกชมเอ็มวี
วัฒนธรรม ควร“ต่อยอด” ไม่ใช่ “ห้ามแตะ”
ทว่า ผู้กำกับของมิวสิกวิดีโอเรื่องนี้ ก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “บัณฑิต ทองดี” โดยระบุว่า
“คุณค่าทางวัฒนธรรมควรเก็บไว้แค่บนหิ้งหรือไร นำมาต่อยอดเพื่อประโยชน์ของชาติก็ไม่ได้ ถูกเรียกไปขู่ว่าจะถูกฟ้องโทษฐานทำลายวัฒนธรรม”
...ผมถูกเรียกไปขู่ว่าจะโดนฟ้อง โทษฐานทำลายวัฒนธรรมของชาติ และตอนประชุมกับคุณลัดดา คุณลัดดาพูดว่า สามารถล่ารายชื่อ 10,000 ราย เพื่อฟ้องทางทีมงานได้ เพราะมีกฎหมายคุ้มครองวัฒนธรรม แต่ความจริงไม่ต้องอ้างกฎหมาย เขาก็ทำให้อยู่แล้ว ผมจะขออธิบายว่า ระหว่างถ่ายทำคนสวมหัวโขนในเรื่องก็เป็นเด็กจากวิทยาลัยนาฏศิลป์ หัวหน้าทีมผู้คุมการแสดงก็เป็นคนของกรมศิลปากร เป็นคนให้คำปรึกษาตลอดว่า อันไหนทำได้ อันไหนทำไม่ได้ อันไหนควร อันไหนไม่ควร หากแต่ทางอนุกรรมการให้แก้ไขผมก็ยินดีแก้ให้ แต่หากเห็นว่าไม่สมควร จะแบนไม่ให้ออกอากาศก็ตามนั้นละกัน ผมก็เข้าใจดีว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ก็ได้ทยอยปรับปรุงแก้ไขตัวมิวสิควิดีโอตามที่ได้รับปากมา ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน และท้ายที่สุดแล้วหากแก้ไขแล้วอีกฝ่ายไม่พอใจและอยากจะแบนก็คงจะต้องเป็นไปตามนั้น
"ก็คงจะต้องแก้ไขตามที่ ผอ.ลัดดา ท่านติงมา เพราะว่าเราคิดว่ามันเป็นเรื่องเซนซิทีฟ ดึงดันไปก็คงไม่เป็นผลดี ท่านก็ให้เวลาเจ็ดวัน คือไม่ถึงขนาดที่เป็นเดตไลน์นะ ก็ประมาณเจ็ดวันก็น่าจะแก้ไขเสร็จ ซึ่งถ้าแก้แล้วท่านไม่พอใจอีก แล้วเราแก้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แล้วถ้าท่านไม่โอเคจะขอแบนก็ต้องเป็นไปตามนั้น"
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังยอมรับว่า เสียความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะทำไปด้วยเจตนาดี
"เราตั้งใจดี เราไม่ได้มาทำมาค้าขายโฆษณา มาโฆษณาสายการบินหรือว่าน้ำดื่ม แต่เราชวนให้คนท่องเที่ยวไทย แต่พอมาแบบนี้ก็มีนิดนึงครับ แต่ไม่ได้ถึงขนาดว่าจะท้อแท้อะไรหรือไม่เอาอีกแล้ว ก็หาแคมเปญใหม่ๆ มาทำได้
...เรื่องฟ้อง ตอนแรกถ้าเราไม่เข้าไปหารือหรือว่ายอมแก้ท่านก็คงจะฟ้อง เพราะมันมีกฏหมายคุุ้มครองวัฒนธรรมอยู่ แต่ตอนนี้เรื่องฟ้องคงไม่มีแล้ว ตอนนี้คือแก้ให้พอใจออนแอร์ได้กับไม่พอใจก็คงจะโดนแบนไป..."
ดัดแปลงตามยุคสมัย...ปรับตัวตามเทคโนโลยี
ขณะเดียวกัน ทางโลกออนไลน์ก็มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างเข้มข้น ล่าสุด มีการล่ารายชื่อขอเสียงสนับสนุนหัวข้อว่า “คนไทยไม่เห็นด้วยกับนางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย ประเด็นเรื่อง MV “เที่ยวไทยมีเฮ” โดยมีผู้ร่วมลงรายชื่อมากมายใน Change.org
สำหรับเพจเฟซบุ๊กอย่าง Drama-addict ก็ได้มีการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ แสดงความไม่เห็นด้วยในการแบนเอ็มวีดังกล่าวว่า เพราะการนำทศกัณฑ์มาแสดงในมิวสิควิดีโอดังกล่าว ไม่ได้รู้สึกเสื่อมเสียภาพลักษณ์แต่อย่างใด เพราะพฤติกรรมของทศกัณฑ์นั้นไม่ได้น่าเคารพตั้งแต่ต้นแล้ว
“ยิ่งใหญ่ น่าเคารพ น่าเกรงขาม พาญาติวงศ์ยักษ์ตายห่านกันเกือบหมดเพราะความมักมากในกาม แถมเกือบจะจับลูกสาวตัวเองทำเมีย โอ้โห น่าเกรงขามสัสๆ
คุณไม่ต้องไปกลัวว่าจะเสียภาพลักษณ์ จะไม่สง่างามเพราะคนเอาคาแรกเตอร์ทศกัณฑ์มาทำรายการทัวร์เที่ยวไทยหรอก แม่งไม่มีอะไรจะให้เสียตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว บทแม่งเสื่อมสัสๆ”
สำหรับคอมเมนต์ของโลกโซเชียลฯ ก็ไปในทิศทางเดียวกันว่า คนที่ฟ้องเอ็มวีตัวนี้ คิดมากไปหรือเปล่า กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หากไม่ดัดแปลงตามยุคตามสมัยก็มีแต่จะเสื่อมถอยไร้ผู้สืบทอด”
“คิดมากไปไหม แล้วคนที่ฟ้องทำอะไรเพื่ออนุรักษ์ไว้บ้าง ดูแลแล้วก็โอเคนะ ยุคสมัยเปลี่ยนไป การอนุรักษ์ก็เปลี่ยนไป สื่อให้คนรุ่นใหม่รู้จัก ผิดตรงไหน”
“การอนุรักษ์ที่แท้จริง คือการเผยแพร่ให้ชาวโลกรู้จัก และจดจำว่าตัวละครนี้มี คู่ควรจะจดจำ โดยสื่อออกมาเป็นสมัยนิยมเข้าใจง่าย”
“นี่มันปี 2016 แล้วนะ ถ้าทศกัณฑ์มีตัวตนจริงๆ เขาก็คงปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆแล้ว”
“สร้างสรรค์ และสวมงาม ตามยุค ตามสมัย หากไม่ดัดแปลงตามยุคตามสมัยก็มีแต่จะเสื่อมถอยไร้ผู้สืบทอด”
“ปล่อยให้อยู่บนหิ้งจนฝุ่นเกาะใยแมงมุมจับ และเลือนหายไปจากเด็กรุ่นใหม่ไปตามกาลเวลาเลยแล้วกัน”
อย่างไรก็ดี ได้มีการล้อเลียนเรื่องดังกล่าวด้วยภาพการ์ตูนจากเพจ “Gthai movie เกย์เว้ยเฮ้ย” โดยมีเนื้อหาเสียดสีคนที่เอาแต่ติติงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากจะทำอะไรที่สร้างสรรค์ร่วมสมัยเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงง่าย เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย
“อย่าเอาตัวละครในวรรณคดีมาดัดแปลง ของมีครู นะยะ นี่ของศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนรกกินหัวหรอก , อย่าเอาดนตรีไทยมาดัดแปลง ของมีครู, อย่าเอานาฏศิลป์ไทยมาดัดแปลง ของมีครู”
สุดท้าย เมื่อเด็กรุ่นใหม่หันไปสนใจศิลปวัฒนธรรมของต่างชาติขึ้นมา คนเหล่านี้ก็มานั่งสงสัยว่า เอ๊ะ! แปลกใจจัง ทำไมเด็กรุ่นใหม่นี้ถึงไม่สนใจวัฒนธรรมไทยเลย?
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754