กาฬสินธุ์ - แฉสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ กลายเป็นเส้นทางฟอกประวัตินักการเมือง ระบุปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการ ศิลปิน หมดสิทธิ์ พร้อมท้ารัฐมนตรีพิสูจน์ผลคัดเลือกสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์โปร่งใสหรือทุจริตผิดระเบียบหรือไม่ ด้านวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ยืนยันทุกอย่างทำถูกต้องแล้ว
กรณีเครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ภาคเอกชน เรียกร้องผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้า คสช. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้าตรวจสอบผลการคัดเลือกนายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์คนใหม่ซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นสมัยที่ 6 เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการผิดระเบียบตาม พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ รู้เห็นเป็นใจ ขัดต่อกฎหมายความสงบเรียบร้อย
ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ย.) นายนิมิต รอดภัย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะเครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ภาคเอกชน กล่าวว่า คำชี้แจงของนางพรพิมล คงตระกูล วัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ขัดแย้งกับระเบียบตาม พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 อย่างชัดเจน เพราะในระเบียบจะต้องเชิญประธานและกรรมการสภาวัฒนธรรมระดับอำเภอ ทุกอำเภอซึ่งเป็นสมาชิกของสภาวัฒนธรรมจังหวัด ในแต่ละอำเภอซึ่งมีอยู่ 15-39 คน
แต่คณะทำงานฝ่ายเลขาฯ ได้จัดทำหนังสือเชิญเฉพาะประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอ เพียง 1 คนเท่านั้น ไม่ได้เชิญคณะกรรมการซึ่งเป็นสมาชิกสภาวัฒนธรรมจังหวัดที่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมมาร่วมด้วย เรื่องนี้หากต้องการความชัดแจ้ง ผู้รับผิดชอบในส่วนกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ควรจะต้องออกมาอธิบาย
นายนิมิตกล่าวยืนยันว่า สิ่งที่ออกมาเรียกร้องนั้นต้องการเพียงความถูกต้อง เพราะเท่าที่รู้การเข้ามาอยู่ในสภาวัฒนธรรมจังหวัดถือเป็นเรื่องใหญ่มีผลต่อการพัฒนาจังหวัด ไม่ใช่เพียงมารับเอาหัวโขนเพื่อนำไปเชิดหน้าชูตาในสังคม หรือเป็นเส้นทางผ่านของกลุ่มข้าราชการบำนาญ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ที่ต้องการหาหัวโขนเพื่ออัพตัวเองในเวลาเลือกตั้งซึ่งตนเชื่อว่าอาจจะคล้ายกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่นี่ โดยตั้งแต่ก่อนจะมีการจัดตั้งตาม พ.ร.บ.แล้ว บุคคลที่เป็นกรรมการก็จะมีแต่กลุ่มนักการเมืองหน้าใหม่ที่เมื่อเวลาออกงานก็เพียงให้ตนเองได้ประกาศรายชื่อว่าตนมีตำแหน่งในสังคมอย่างไร แต่ในขณะที่ปราชญ์ชาวบ้าน ศิลปินพื้นบ้าน หรือนักวิชาการทั้งใหม่และเก่าที่มีความรู้ในด้านวัฒนธรรมรากเหง้าของคนอีสานตัวจริง เวทีแห่งนี้กลับไม่ได้ให้โอกาสหรือเชิดชูต่อบุคคลเหล่านั้น
นายนิมิตกล่าวต่อว่า กรณีนี้ในส่วนนางพรพิมล คงตระกูล วัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์เองก็ควรจะรู้ปัญหาว่าในสภานั้นไม่มีได้สร้างที่ยืนให้แก่กลุ่มบุคคลที่รู้รากเหง้าทางวัฒนธรรมตัวจริง เพราะยืนยันว่าตนได้หารือและคัดค้านในที่ประชุมตามระเบียบข้อบังคับ จึงขอยืนยันว่าจะทำการเรียกร้องความชอบธรรมในสังคมในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.ให้ถึงที่สุด โดยในวันนี้ได้ส่งหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี, ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เพราะปัญหาทุกอย่างสามารถพิสูจน์ได้ ขอเพียงรัฐบาลได้ส่งคนดีมีฝีมือเข้ามาสอบถามปราชญ์ชาวบ้าน ศิลปินพื้นบ้าน วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ นักวิชาการ หรือแม้แต่บุคคลที่ประกอบอาชีพธุรกิจด้านการท่องเที่ยวว่าเคยได้รับผลการพัฒนาจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์หรือไม่
ขณะที่นางพรพิมล คงตระกูล วัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า กรณีการประชุมปรึกษาหารือให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมระดับจังหวัด โดยมีการเชิญตัวแทนระดับตำบล 1 คน ระดับอำเภอ 1 คน รวม 145 คน และเครือข่ายต่างๆ 26 องค์กรทั้งจังหวัดอีก 120 คน รวม 265 คน จากเครือข่ายทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 800 คน หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการระดับตำบลไปแล้วในช่วงเดือนมิถุนายน 2559 และเลือกตั้งระดับอำเภอในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา
ส่วนสาเหตุที่คัดเลือกตัวแทนเข้ามาประชุม 265 คนในครั้งนี้ เนื่องจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ มีงบประมาณในการดำเนินการเพียง 35,000 บาท ถือว่าจำกัด จึงไม่สามารถเชิญมาร่วมประชุมทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ได้สอบถามและทำตามขั้นตอนที่ประชุมและยึดมติที่ประชุมตลอด ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติให้เลือกตั้งประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดก่อน จากนั้นค่อยทำการเลือกคณะกรรมการสภาวัฒนธรรม โดยที่ประชุมมีมติให้เสนอชื่อผู้ที่เข้ารับการเลือกตั้ง 3 คน จากนั้นจึงได้เลือกตั้งลงคะแนนแบบเปิดเผย ผลปรากฎว่านายชาญยุทธ โคตะนนท์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานสภาฯ อีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้จังหวัดอื่นๆ ก็ทำกัน แต่ยืนยันว่าสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนและโปร่งใส