xs
xsm
sm
md
lg

โอปป้าบิ๊กตู่! รักชาติเกิดจากการ “ดูซีรี่ส์” หรือเกิดจาก “จิตสำนึก?”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฟรุ้งฟริ้งหนักมาก! นายกฯ พาเกาะกระแสรักชาติกับซีรีส์เกาหลี ‘Descendants of the Sun’ หวังปลุกใจให้คนในชาติ เกิดความรักและสามัคคี ชื่นชมเกาหลี ทำซีรี่ส์ออกมาได้ดี ไม่เน้นตบตีกันเหมือนของไทย ลั่น หากใครอยากทำละครแนวนี้จะออกทุนให้! หลายคนแย้ง รักชาติควรอยู่ที่จิตสำนึกมากกว่า!

ชวนคนไทยดูซีรีส์เกาหลี กระตุ้นให้คนไทยรักชาติ!

ไม่พูดถึงคงไม่ได้ กับกระแสซีรีส์เกาหลีสุดฮอตเรื่อง 'Descendants of the Sun' ที่เป็นเรื่องราวของ ยูซิจิน ทหารหนุ่มแห่งกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ และคังโมยุน แพทย์ทหารหญิงอาสาสมัคร ทั้งสองได้ทำงานร่วมกัน และเกิดตกหลุมกัน ภายใต้สถานการณ์ภัยสงคราม และโรคระบาด ซึ่งนักแสดงนำในเรื่องนี้ ได้ใช้สองนักแสดงที่มากฝีมืออย่าง ซงจุงกิ และ ซองเฮเคียว มาประชันบทบาทกัน


[ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ]

ขนาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยังติดตามกระแสนี้ พร้อมแนะนำให้คนไทยได้ลองดู นายกฯ ได้ย้ำว่า สิ่งสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้ คือการสอดแทรกเนื้อหาเรื่องความรักชาติ ความเสียสละ การรักษาพยาบาล และการให้ความสำคัญในการทำหน้าที่ของตนเองต่อประชาน ถึงแม้จะมีความขัดแย้งกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็สามารถกลับมารักกันได้ นายกฯ ยังติติงละครไทยที่สมัยนี้เน้นให้นักแสดงแต่งตัวโป๊ และประกาศ หากใครอยากสร้างละครแนวนี้ ตนจะออกทุนให้ เพราะอยากเห็นละครไทยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม


[ ซีรีส์ ‘Descendants of the Sun’ ]
[ ที่มา : www.soompi.com/2016/03/17/descendants-of-the-sun-actors-pick-their-favorite-scenes-from-the-drama/ ]

งานนี้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับบิ๊กตู่ ที่เชิญชวนให้ชมซีรีส์เรื่องนี้ และมองว่าเป็นเพราะทางรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ ให้ความสำคัญกับวงการบันเทิงมาก จึงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ ในการผลิตผลงานให้มีคุณภาพ พร้อมทั้งสอดแทรกสาระที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมลงไปในซีรีส์เรื่องต่างๆ ผิดกับละครไทยส่วนใหญ่ ที่เน้นไปในเรื่องการตบตี อาฆาตพยาบาท แก่งแย่งชิงดีกัน ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และอาจส่งผลให้เยาวชนเลียนแบบพฤติกรรมได้ แต่เสียงอีกส่วนมองว่า การที่จะรักชาตินั้นไม่ได้เกิดจากการดูละครหรือซีรีส์ ความรักชาติควรถูกปลูกฝังให้อยู่ในจิตสำนึกของทุกคนมากกว่า อย่างเช่น การเคารพกฎหมาย การเสียภาษี หรือการไม่สร้างแตกแยกในสังคม แบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่า รักชาติอย่างแท้จริง

“อย่างแรกเลย เพราะพล็อตเรื่องหลากหลายกว่า มีอะไรใหม่ๆให้ลุ้นตลอด และการแสดงของเค้าดูเป็นธรรมชาติน่าเชื่อกว่าของบ้านเรา ไม่มีคำว่าตัวร้าย นางร้าย เพราะทุกตัวละครเป็นสีเทาๆ มีร้ายมีดี สามารถพาเราไปจุดๆ หนึ่งที่เรียกว่าอินได้ แม้ว่าละครจะจบแล้ว เรายังอินอยู่ ละครไทยน้อยเรื่องที่จะทำให้เราเป็นแบบนี้ได้ แต่ยังไงก็ยังชอบดูละครไทยอยู่นะคะ แต่อยากให้พัฒนาในทุกๆ ด้าน ยังไงคนไทยก็ต้องชอบดูละครไทย เพราะมันถูกจริตคนไทยมากกว่า” พู่กัน-สีน้ำ-วาด แสดงความคิดเห็นเอาไว้ในกระทู้พันทิป


[ ที่มา : twitter.com/lachasaga ]

บางคนยังได้ยกข้อแตกต่างระหว่างละครไทยและละครเกาหลีขึ้นมาเปรียบเทียบกันเป็นข้อๆ อย่างแรกเรื่องบทละคร ของเกาหลีจะมีความสมเหตุสมผลของบทและเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า ส่วนของไทยจะนิยมสร้างจากนิยายและถ้าเรื่องไหนได้รับความนิยมก็จะถูกนำกลับมาสร้างซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้ง ต่อมาคือเรื่องบทของตัวละคร อย่างตัวร้ายของกาหลีจะดูมีที่มาที่ไปว่าทำไมต้องร้าย ไม่เหมือนกับของไทยที่เอาแต่กรี๊ดกร๊าดและเน้นให้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน สุดท้ายคือเรื่องการแต่งหน้า ของเกาหลีจะแต่งเบาๆ ใสๆ และเหมาะสมกับบทบาท แต่ของไทยขนาดตอนนอนหรือตอนป่วย ก็ยังติดขนตาปลอมเป็นแผง จนแฟนละครแซวว่าติดขนตาหรือกันสาด?


[ ละครเรื่อง บางระจัน ]
[ ที่มา : broadcastthai.com/bangrajun/slide_frame.php ]

ถึงจะมีบางคนที่ตั้งข้อสังเกตกับละครไทยมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ละครไทยส่วนใหญ่ก็ได้สะท้อนวิถีชีวิตและความเป็นอยู่จริงๆ ของคนในสังคม แตกต่างกันไปตามยุคสมัย และวงการบันเทิงบ้านเรา ก็ได้เคยปลุกกระแสรักชาติผ่านละครมาแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บางระจัน,ขุนศึก,ข้าบดินทร์,อตีตา หรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็ทำให้คนไทยได้ย้อนคิดถึงการมีประวัติศาสตร์ชาติร่วมกัน ละครและสื่อบันเทิงต่างๆ จึงมีผลต่อความรักชาติของคนไทย ไม่มากก็น้อย

“Korea Wave” … คลื่นเกาหลีลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามาเปลี่ยนสังคมไทยอย่างจัง!

ปัจจุบัน กระแสเกาหลีฟีเวอร์ ยังคงมีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ชื่นชอบผลงานของศิลปินเกาหลีทั้งด้านงานเพลง งานแสดง หรือที่บ้านเราเรียกว่า ‘ติ่งเกาหลี’ รวมไปถึงวัฒนธรรมเกาหลีต่างๆ เช่น รูปแบบการแต่งกาย อาหาร เทรนด์การแต่งหน้า หรือเทรนด์การศัลยกรรมให้มีใบหน้าสวยงามอย่างสาวเกาหลี ทั้งหมดนี้สะท้อนได้ว่า อิทธิพลของความเป็นเกาหลี ส่งผลอย่างมากในสังคมไทย


[ 2 PM บอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลี ที่มี 'นิชคุณ' ศิลปินชาวไทยเป็นสมาชิก ]
[ ที่มา : kpopmusic.com/group/2pm-profile ]

ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย กระแสเกาหลียังแพร่ไปไกลทั่วโลก และสามารถตีตลาดประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาและจีนได้อีก ปัจจัยสำคัญคงอยู่ที่รัฐบาลของเกาหลีใต้ ส่งเสริมให้ธุรกิจบันเทิง ให้เป็นสินค้าส่งออกของประเทศ จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศหนึ่งที่เผชิญกับภาวะสงครามอย่างหนัก แต่ก็สามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และแซงหน้าประเทศไทยไปแล้ว ทั้งนี้ คงเกิดจาก'ความเป็นชาตินิยม' ของคนในชาติในประเทศเกาหลีใต้ ที่ร่วมใจกันพัฒนาประเทศ และพยายามสอดแทรกความเป็นชาตินิยมผ่านสื่อบันเทิงต่างๆ

ลองมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ มีละครหรือซีรีส์เกาหลีที่สร้างปรากฏการณ์ ‘เกาหลีฟีเวอร์’ อย่างถล่มทลายในบ้านเรา อย่างเรื่อง ‘แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง’ ละครที่สร้างจากเรื่องจริงของผู้หญิงคนแรกของเกาหลี ที่ได้เป็นแพทย์คอยถวายการรักษาในกับเชื้อพระวงศ์ในพระราชสำนัก ในประเทศสมัยเมื่อ 500 กว่าปีก่อน ละครเรื่องนี้ถ่ายทอดความเป็นเกาหลีออกมาอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของเนื้อหาด้านประวัติศาสตร์ การแต่งกาย การทำอาหาร ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ของประเทศเกาหลี ไปพร้อมๆ กับเนื้อเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม


[ ซีรี่ส์ 'แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง' ]
[ ที่มา : kodseries.com/00454.html ]

กระแสตอบรับความเป็นเกาหลีใช่ว่าจะจบง่ายๆ เพราะหลังจากที่ 'แดจังกึม' ลาจอไปแล้ว สถานที่ที่ใช้ถ่ายทำยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ชมให้ความสนใจไม่แพ้กัน มีคนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันไปเยี่ยมชม จนกรุ๊ปทัวร์หัวใสเปิดให้มีการตามรอยแดจังกึม และต่อมาก็ได้มีการตามรอยสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์เรื่องอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บางตัวที่นักแสดงใช้ในเรื่อง อย่างลิปสติกที่นางเอกในซีรี่ส์เรื่อง 'You Who Came From The Star' ที่รับบทโดยยัยตัวร้ายอย่าง จวนจีฮุน ที่ใช้ทาบ่อยๆ ก็มีคนจำนวนมากแห่กันไปซื้อ โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยากมีลิปสติกสีเดียวกับที่นางเอกในเรื่องใช้ จนของขาดตลาดกันเลยทีเดียว! เรียกได้ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับซีรีส์สามารถดึงออกสร้างมูลค่าได้ทุกอย่าง


[ ซีรี่ส์ 'You Who Came From The Star' ]
[ ที่มา : kodseries.com/title-00201 ]

รศ.ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ จากภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ศึกษาเรื่อง “กระบวนการเอเชียภิวัตน์ของวัฒนธรรมป็อปเกาหลี : การผลิต การบริโภคและการสร้างอัตลักษณ์ของวัยรุ่นไทย” ซึ่งมีบทสรุปที่น่าสนใจคือ วัยรุ่นไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนจำนวนไม่น้อยสำหรับการซื้อสินค้าทางวัฒนธรรมเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความสนใจในการเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะได้ทราบถึงเนื้อหาในภาพยนตร์ ละคร เพลงของเกาหลี รวมทั้งมีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต

“แม้ว่ากระแส K-Pop จะมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นไทยเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นไปในลักษณะของการผสมผสานกับค่านิยมทางวัฒนธรรมของไทย ในภาพรวมไม่ได้ทำให้สูญเสียอัตลักษณ์ของวัยรุ่นไทยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สังคมไทยจะต้องมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและก้าวตามให้ทันว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสินค้า วัฒนธรรม ค่านิยม เป็นมิตรภาพหรือการครอบงำทางวัฒนธรรม” รศ.ดร.อุบลรัตน์กล่าว


[ ที่มา : pantip.com/topic/34536102 ]

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในแวดวงสื่อบันเทิงของเกาหลีใต้ เป็นตัวจุดประกายให้ประเทศไทยเกิดแนวคิด การตีตลาดวงการบันเทิงในต่างประเทศ จนตอนนี้มีนักร้อง นักแสดงหลายคน ที่มีผลงานและฐานแฟนคลับในต่างประเทศหลายคน รวมทั้งการส่งละครป้อนช่องต่างๆ ในต่างประเทศด้วย ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า ต่อไปหากเราพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สื่อบันเทิงก็จะกลายเป็นช่องทางสำคัญให้การสร้างรายได้ให้กับประเทศ และถ้าคนไทยด้วยกันเอง ช่วยกันสร้างวัฒนธรรม T-Pop ให้แพร่หลายในวงกว้าง ก็ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงความรักชาติในรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกัน

ขอบคุณข้อมูล : ictsilpakorn.compantip.com และ sites.google.com 




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น