“สนามบินที่แพงที่สุด คือสนามบินที่น่ารังเกียจมากที่สุด ผมพูดได้เลยว่า สนามบินสุวรรณภูมิคือความน่าอายของประเทศไทย”
เจอชาวญี่ปุ่นแฉยับถึงพฤติกรรมยัดเยียดให้เหมาจ่ายค่าแท็กซี่ ณ คิวรถสุวรรณภูมิ เรียกรถไปสะพานควายแต่คิด 700 บาท ร้องเรียนไปทั่วแต่ไม่มีใครไยดี เหยื่อตั้งข้อสงสัยว่าคงฮั้วกันโกงตั้งแต่คนกดบัตรคิว คนขับแท็กซี่ ไปจนถึงเจ้าของคิว เรียกได้ว่าภาพลักษณ์ของแท็กซี่ที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งเละไม่เหลือชิ้นดี งานนี้คงถึงคราวการท่าอากาศยานและกรมการขนส่งออกมาล้างบางกันใหม่เสียแล้ว!!?
ขี้โกง-ขี้เกียจ-เอาเปรียบต่างชาติ!!
(โพสต์เดือด แชร์ว่อนโลกออนไลน์)
ขอยกให้เป็นสนามบินที่แพงที่สุด น่ารังเกียจที่สุด และขอขนานนามให้เป็น “ความน่าอายของประเทศไทย” ชาวญี่ปุ่นผู้ใช้ชีวิตในเมืองไทยมานาน 10 ปี เหยื่อแท็กซี่ยัดเยียดให้นั่งรถอัตราเหมาจ่าย โพสต์ข้อความและภาพจนกลายเป็นประเด็นเดือดบนโลกออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก "Koki Aki" ทั้งเวอร์ชันภาษาไทยและญี่ปุ่น บอกเล่าเรื่องราวร้ายๆ ของมิจฉาชีพทางอ้อมในคราบแท็กซี่เอาไว้อย่างละเอียด ในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
“ประมาณ 18.30 น. ผมมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินเวียดนาม ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแถวผู้โดยสารยาวมาก ถึงจะมีผู้โดยสารเยอะ แต่ด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่เปิดใช้งานช่องที่ว่างอยู่ และสุดท้ายผมต้องรอคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองถึง 30 นาที
ตอนนี้ผมมีปัญหาที่ข้อเท้า ผมต้องเดินลากเท้าเอง ผมมีกระเป๋าสะพายหนัก 15 กิโล และกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ใบละ 20 กิโล ที่เต็มไปด้วยของเล่นและขนมสำหรับเด็กๆ แล้วผมก็เดินมาถึงที่รอคิวแท็กซี่ด้วยความอ่อนเพลีย
ที่จริงผมควรจะใช้บริการรถไฟเข้าเมือง แต่ก็เพราะมีกระเป๋าหลายใบ คิวที่รอรถแท็กซี่ยาวมาก และแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีก ตอนที่เอากระเป๋าขึ้นรถ คนขับก็ขอบัตรคิวรถจากผมไป ที่จริงบัตรคิวนี้ผู้โดยสารควรจะเก็บไว้เผื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ
ตอนที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว คนขับก็พูดว่า "ไปสะพานควาย ต้องจ่าย 700 บาท" ผมว่านี่มันแปลกๆ นะครับ ปกติแล้วไปสะพานควายเสียค่ารถเพียงแค่ประมาณ 350 บาท นี่เหมือนการโกงเลยนะครับ ผมบอกเขาว่า "ใช้มิเตอร์ครับ" แต่คนขับบอกกับผมว่า "คุณเลือกรถใหญ่เอง" ผมก็เลยลงจากรถ
คนขับพูดไม่จริงนะครับ เพราะเราก็ไม่ได้เลือกรถเอง มีพนักงานคอยกดบัตรคิวให้เรา ถ้าคนที่ติดตามเฟซบุ๊กผมจะรู้ว่าผมมีปัญหาแบบนี้บ่อยมาก ไม่ใช่แค่ผมนะครับ คนญี่ปุ่น หรือชาติอื่นก็โดนโกงจากแท็กซี่ ถึงแม้นี่จะเป็นแท็กซี่ของสนามบิน
ผมตัดสินใจทักท้วงกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่นั่น ผมต้องเดินกลับไปที่รับบัตรคิวรถแท็กซี่อีก ผมพยายามทักท้วงกับคนที่รับผิดชอบเรื่องแท็กซี่ตรงนั้น พวกเขาบอกผมว่า "งั้นขอบัตรคิวคืน" แต่ถ้าผมคืนบัตรคิวให้พวกเขา ผมก็ไม่มีหลักฐาน ผมก็เลยต้องถ่ายรูปไว้ และเจ้าหน้าที่ก็ทิ้งบัตรคิวนั้นไป
ผมบอกว่า "นี่เป็นที่รอคิวแท็กซี่ ทำไมถึงมีแท็กซี่ไม่รักษากฎ ผมเจอปัญหาแบบนี้หลายครั้งแล้ว ขอคุยกับคนที่รับผิดชอบตรงนี้หน่อย" ตอนที่ผมบอกแบบนั้น ชายที่ใส่เสื้อสีขาวเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจ และพูดกับผมว่า "ผมนี่แหละรับผิดชอบตรงนี้อยู่" ผมคิดว่าเขารับผิดชอบแต่ตรงที่กดบัตรคิว แต่ไม่ใช่ผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับแท็กซี่
เขาบอกว่า "ขึ้นอยู่กับคนขับกับผู้โดยสารจะตกลงกันเอง ถ้าไปไกลอย่างพัทยา หัวหิน แต่ถ้าผู้โดยสารไม่อยากจ่ายแบบเหมาก็เปลี่ยนคันใหม่" ผมว่ามันแปลกนะครับ สะพานควายอยู่ไกลกว่าพัทยาเหรอครับ ผมอยู่ที่นี่มาเกือบ 10 ปีแล้ว ผมก็ยังไม่รู้เลย ผมพูดกับเขาโดยพยายามเก็บความโมโหไว้ "มันแปลกนะ คนขับไม่ยอมใช้มิเตอร์ พูดแค่สะพานควายต้องจ่าย 700 บาท นี่ไม่ใช่การตกลงทั้งสองฝ่าย แต่เป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว คุณยอมรับการโกงแบบนี้เหรอ คุณไม่สนใจคนขับที่นิสัยแย่แบบนี้เหรอ"
เขาบอกว่า "ถ้าต้องการร้องเรียนต้องเขียนใบร้องเรียน ตามผมมาตรงนั้นแล้วเขียนใบร้องเรียน" และเขาก็พาผมไปที่เคาน์เตอร์
มีผู้หญิง 2 คนอยู่ที่นั่น ผมก็อธิบายเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง "รถใหญ่แพงกว่ารถเล็กเป็นธรรมดา 700 บาทก็ปกติ" ตลกไปไหมครับ ทุกคนก็รู้ว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างแท็กซี่คันใหญ่กับคันเล็ก พวกเขาพยายามจะไม่สนใจการทักท้วงของผม เหมือนไม่สนใจ และไม่อยากจะทำงาน
ที่นี่คือสนามบินแห่งชาติของประเทศไทยนะครับ และที่นี่คือสถานที่รอรถแท็กซี่ของสนามบินนานาชาติ แม้กระทั่งมีการโกง และไม่สนใจผู้โดยสาร เราคนต่างชาติจะทำยังไงได้ครับ เจ้าหน้าที่สนามบินไม่มีหน้าที่ดูแลคนขับแท็กซี่เหรอครับ แม้กระทั่งพยายามจะไม่สนใจผู้โดยสาร ทำเหมือนกับปล่อยไปเถอะ
เจ้าหน้าที่บอกให้ผมไปรอรับบัตรคิวแท็กซี่อีกรอบ ผมก็ต้องเดินกลับไปรอรับบัตรคิวอีกรอบ ถึงอย่างนั้น สนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นสนามบินที่ต้องเสียค่าภาษีสนามบินแพงที่สุดอยู่ดี รอแถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมาก ลิฟต์ก็ใช้ไม่ได้ การบริการที่แย่ ผู้โดยสารจะถามข้อมูล เจ้าหน้าที่ก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือไม่สนใจ มีเจ้าหน้าที่แย่แบบนั้น แท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ และคิดค่าโดยสาร 2 เท่า มีแท็กซี่ที่แย่แบบนั้น
ต่อหน้าชาวต่างชาติ คนไทยแสดงความแย่ในการบริการแบบนั้น ที่สนามบินแห่งชาติที่เป็นประตูเข้าสู่ประเทศ พวกเขาไม่ใช่ความน่าอับอายของประเทศไทยเหรอครับ ที่แสดงความขี้เกียจ ไม่มีน้ำใจต่อชาวต่างชาติ"
คนไทยก็โดน กลโกง ณ สุวรรณภูมิ!
(ตู้กดคิว ณ สุวรรณภูมิ)
ณัฐชา วิวัฒน์ศิริกุล ฟรีแลนซ์วัย 28 ผู้ใช้บริการแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิบ่อยครั้ง เล่าให้ฟังจากประสบการณ์ตรงที่เคยถูกเอาเปรียบไม่ต่างไปจากกรณีชาวญี่ปุ่นนายนี้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังลงมาจากเครื่องเที่ยวบิน “เชียงราย-กรุงเทพฯ” เดินทางมาคนเดียวจึงต้องพึ่งแท็กซี่และมายืนรอเข้าคิวเพื่อใช้บริการในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. เธอก็พบสิ่งที่ผิดแผกไป
สังเกตเห็นว่า จากก่อนหน้านี้ที่เคยใช้บริการแท็กซี่ประจำท่าอากาศยานบริเวณเดียวกันนี้ ตู้บัตรคิวที่ให้บริการจะใช้ได้ทุกตู้ และผู้โดยสารสามารถเป็นผู้เลือกกดเองได้ว่ามีผู้ใช้รถจำนวนกี่คน แต่ครั้งนี้แปลกไป เนื่องจากตู้เสียเหลือเพียงตู้เดียว จากเดิมใช้ได้ 4 ตู้ จึงมีพนักงานกดตู้ให้ และแจ้งว่า “รถเล็กเครื่องเสีย เหลือแต่รถใหญ่” เมื่อถามว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน “ลาดพร้าว 40 ค่ะ” การยัดเยียดรถแท็กซี่คันใหญ่ในราคาเหมาจึงเกิดขึ้น
ที่สำคัญคือ ที่ตู้ไม่ได้เขียนระบุรายละเอียดเอาไว้ว่า มีการแบ่งตามระยะทางว่าใกล้หรือไกลต้องไปรถแบบไหน แต่กลับกลายเป็นว่า พอบอกจุดหมายปลายทางปุ๊บ พนักงานพิจารณาแล้วว่าระยะทางไกลก็จัดแท็กซี่แวนให้และบังคับให้จ่ายในราคาเหมาแบบเสร็จสรรพ ทั้งที่ที่ตู้เขียนรายละเอียดเอาไว้เพียงว่า แบ่งให้บริการเป็น “แท็กซี่ธรรมดา” กับ “รถแวน” โดยจำแนกจากจำนวนผู้โดยสาร ถ้าเป็นรถเล็ก-แท็กซี่ธรรมดา รับได้แค่ 3-4 ที่นั่ง แต่ถ้าจำนวนผู้โดยสารมากกว่านั้น ต้องใช้รถแวน 7 ที่นั่ง
เมื่อมีทีท่าว่าจะถูกเอารัดเอาเปรียบทางอ้อม เธอจึงไม่ยอมนิ่งเฉย เริ่มจับสังเกตบุคคลและเหตุการณ์รอบข้าง พบว่าหลังจากพนักงานกดใบรับรถให้เธอแล้ว เขาก็ได้มอบใบรับรถแบบเดียวกันนี้อีกหลายใบไปให้ลูกค้าอีกหลายคน และในจำนวนนั้นมีฝรั่งอยู่ด้วย ซึ่งถ้าเป็นแท็กซี่ในแบบบังคับเหมาเหมือนกัน นั่นแสดงว่าเป็นการกระทำผิดฝ่าฝืนกฎหมายของการให้บริการแท็กซี่มิเตอร์เสียแล้ว
“พอเห็นแบบนั้นเลยหันไปถามคนข้างหลังเลยค่ะ เป็นฝรั่ง เขาได้รับบัตรเหมือนกัน แล้วคงไม่รู้เรื่อง รับกระดาษมาแล้วก็เดินไปขึ้นรถ เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะโดนราคาเหมาเหมือนกันหรือเปล่า แต่ถ้าพิจารณาจากเจตนาของพนักงานกดตั๋วคนนั้นแล้ว ถามเราว่าจะไปไหนแล้วกดเลือกรถแบบเหมามาให้ แทนที่จะถามว่ามากันกี่คน
แล้วพอไปนั่งที่รถ เราก็บอกโชเฟอร์อีกทีว่าจะไปลาดพร้าว 40 ก็เลยรู้ว่าเขาจะคิดแบบราคาเหมา พอเราไม่ยอม บอกว่าไม่ได้นะ เราไม่ตกลงมาแบบนั้น คนขับก็บอกว่า “ปกติรถแวนจะเป็นรถเหมานะ แบบนี้ผมก็ตายสิ” แล้วก็อธิบายข้อมูลต่างๆ ให้เรา เราก็เลยคิดได้ว่า ทั้งพนักงานที่กดตู้ตรงนั้นกับคนขับรถ คงรู้กันเป็นปกติอยู่แล้ว เรื่องบังคับให้ผู้โดยสารจ่ายแบบคิดราคาเหมาเป็นประจำ
ที่อยากจะบอกก็คือ ก่อนหน้านี้ระบบคิวรถแท็กซี่ที่มีตู้เข้ามาใช้ มันดีมากนะคะ เป็นระบบและรวดเร็ว แต่พอมาโดนแบบนี้ รู้สึกเลยว่าระบบดี แต่คนใช้แย่ เจตนาไม่บริสุทธิ์ ตั้งใจจะโกงซึ่งๆ หน้าด้วยการบังคับให้เราจ่ายแบบราคาเหมารถ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่ยุติธรรมเลย เพราะแค่คิดราคาบวกเพิ่มเข้าไป 50 บาท จากการมารับผู้โดยสารที่สนามบินก็น่าจะเพียงพอแล้ว เลยกลายเป็นว่าเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วยังดีกว่า ก่อนหน้าที่ยังไม่มีระบบตู้ จะให้ผู้โดยสารเข้าคิว แยกตามช่อง พอถึงคิวก็บอกปลายทาง พนักงานจดรายละเอียดแล้วก็ยื่นกระดาษให้แท็กซี่ แล้วก็คิดราคาตามมิเตอร์ ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้”
ค้นลึกถึงต้นตอ ควานหาผู้รับผิดชอบ
“ฝ่ายบริหารการขนส่ง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กรมการขนส่งทางบก) Call Center 1584 หรือ 021329199” คือรายละเอียดที่ระบุหน่วยงานผู้รับผิดชอบเอาไว้ในทุก “บัตรคิว” ที่ผู้โดยสารแท็กซี่คิวรถสุวรรณภูมิจะได้รับก่อนออกเดินทาง แต่เมื่อทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ลองโทร.ไปสอบถามรายละเอียดที่เบอร์สำนักงานที่ให้ไว้เพื่อสืบหาต้นตอผู้รับผิดชอบ กลับได้คำตอบกลับมาจากปลายสายแค่เพียงว่า “เป็นแค่ลูกจ้างเขาค่ะ ให้รายละเอียดไม่ได้ ต้องเดินทางมาที่สุวรรณภูมิเอง มาคุยกับทางการท่าอากาศยานเอง เราไม่ได้รับผิดชอบเรื่องให้ข้อมูลหรือร้องเรียน” เมื่อติดต่อไปยังการท่าอากาศยานก็มีเจ้าหน้าที่ช่วยโอนสายให้ แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครให้ข้อมูลใดๆ
ชวนให้สงสัยว่าเบอร์โทร.ที่แปะกำกับเอาไว้ในบัตรคิวทุกบัตรนั้น มีไว้เพื่ออะไร ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดชาวญี่ปุ่นเจ้าของประเด็นจึงด่าสาดเสียเทเสียว่าบริการแย่ทั้งระบบ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ผู้ขับเคลื่อนระบบไร้หัวใจของการบริการ มองเห็นความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการเป็นเรื่องธรรมดา รับรู้แล้วก็มองผ่านไปเช่นนี้นี่เอง คิดดูว่านี่ขนาดพูดภาษาไทยได้ยังปัดความรับผิดชอบกันขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่ต้องการร้องเรียน จะสิ้นไร้หนทางในการต่อสู้ต่อกลโกงเพื่อร้องขอความยุติธรรมกันขนาดไหน?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “วิฑูรย์ แนวพาณิชย์” ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ ช่วยให้รายละเอียดเอาไว้ว่าคิวรถแท็กซี่สุวรรณภูมินั้น ทางเครือข่ายฯ ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมากได้ เพราะเป็นพื้นที่พิเศษที่เขากำหนดและจัดระเบียบกันเอง แต่จากมุมมองส่วนตัวแล้ว ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมการบริการที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้
“ถ้าให้พูดกันเรื่องความถูกต้อง พูดตามกฎหมาย ไม่ว่าจะยังไง แท็กซี่จะคันเล็กหรือใหญ่ก็ไม่มีสิทธิเรียกเก็บค่าบริการกับผู้โดยสารโดยคิดเป็นราคาเหมา นอกจากจะเหมาวิ่งออกต่างจังหวัด แต่ถ้าวิ่งในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล ต้องวิ่งตามอัตรามิเตอร์อย่างเดียวครับ และที่คิดเป็นพิเศษก็จะมีแค่ค่าบริการเพิ่ม 50 บาทเป็นค่าเรียกแท็กซี่จากสนามบินเท่านั้นเอง
ผมคิดว่าระบบตรงนั้นยังเป็นระบบใหม่ที่เข้ามาทดลองใช้กัน และถ้าไม่ได้ผล เขาคงมีการแก้ไข แต่ทางการท่าฯ เองคงไม่ได้รู้จักบกพร่องทั้งหมด เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ผู้ที่ประสบเหตุพยายามร้องไปที่กรมการท่าฯ และกรมการขนส่งทางบก “1584” ให้เขาได้รับรู้ถึงปัญหานี้ ทุกคำร้องมีความหมายหมด รถคันนั้นจะถูกเปรียบเทียบปรับทุกคันจริงๆ ครับ ในฐานะที่ผมอยู่ในอาชีพนี้ บอกเลยว่าไม่สบายใจเลยครับที่แท็กซี่ส่วนใหญ่ถูกมองภาพไปในทางลบๆ แบบนั้น และเราก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น”
ถ้าอยากให้เรื่องนี้ได้รับการแก้ปัญหาต้องอย่าหยุดอยู่ที่แท็กซี่คันนี้! นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ แนะเอาไว้เช่นนั้น “สถานการณ์บ้านเราที่ผ่านมา เวลาเกิดเรื่องขึ้นจะหาคนมารับผิดชอบได้ไม่ถึงตัวต้นตอ ทำให้ไม่มีการแก้ไขในเชิงระบบอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่แล้วจะถูกตัดตอนให้จบแค่ให้คนขับมารับผิด ทำยังไงให้มีผู้รับผิดชอบ ทั้งในส่วนของตัวคนขับและตัวเถ้าแก่-เจ้าของวิน
ถ้ามีการสืบสวนเรื่องนี้ เจ้าของวินก็ต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบความผิดนี้ด้วย ต้องไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะคนดูแลวินนี้ จะลอยตัวไม่ได้ ทางกรมการขนส่งทางบกก็ต้องเป็นอีกฝ่ายที่ร่วมรับผิดชอบ ในฐานะที่เป็นคนให้ใบอนุญาต ยังไงก็ต้องลงมากำกับดูแล อีกหนึ่งฝ่ายที่ควรจะลงมารับผิดชอบด้วยก็คือทางกรมท่าอากาศยาน ควรจะต้องออกมากำหนดมาตรการระมัดระวังเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดไปเลยครับ
กรณีนี้ ผมว่าทางท่าอากาศยานควรจะลุกขึ้นมาสร้างมาตรการ กำหนดเงื่อนไขให้แน่ชัดไปเลยครับว่าจะเฝ้าระวังแบบไหนบ้างไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมมองว่าน่าจะทำได้ 2 ระดับคือ อันดับแรก อาจจะต้องเริ่มจากตัวเจ้าของวิน ให้ลงมากำหนดมาตรการให้ชัดเจนว่าต่อไปควรจะให้ผู้โดยสารเป็นคนกด “ตู้คิว” เลือกเองว่าอยากใช้แท็กซี่แบบไหน พร้อมกับสร้างเงื่อนไขเรื่อง "มิเตอร์" ด้วยว่า ต้องกดมิเตอร์ทุกครั้งที่รับผู้โดยสาร คือกดให้เห็นเลย ณ จุดนั้นว่ากดแล้วจริงๆ นะ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ส่วนถ้าจะคิดราคาแบบเหมาจ่ายไปต่างจังหวัดก็ต้องเป็นการตกลงกันด้วยความยินยอมระหว่างแท็กซี่กับผู้โดยสาร โดยมีเรตราคาที่เหมาะสมและชัดเจน
ก่อนหน้านี้ ปัญหาเรื่องแท็กซี่สุวรรณภูมิก็เคยมีกรณีที่นักท่องเที่ยวเหมารถไปพัทยา แต่ประสบอุบัติเหตุที่มอเตอร์เวย์ซะก่อน ผู้โดยสารกระเด็นออกมาเสียชีวิต เพิ่งเกิดเมื่อปลายปีที่แล้วเองครับเพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ตรงนี้ก็เป็นประเด็นเรื่องความปลอดภัยที่เราไม่ควรมองข้ามด้วยครับ คือถ้าจะออกมาตรการระวังเรื่องแท็กซี่ที่สุวรรณภูมิแล้ว ก็อยากให้ควบคุมให้ครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการกดมิเตอร์, การบริการ และความปลอดภัย เพราะพอภาพลักษณ์เสียๆ มันออกไปแล้ว เป็นข่าวใหญ่แบบนี้ มันก็เกิดผลกระทบต่อภาพของประเทศในสายตานักท่องเที่ยวด้วย”
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754