หญิงสาว ม.2 โป๊เปลือย เซลฟีตัวเองหลังเสร็จกิจก่อนเดินทางไปโรงเรียน โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กเรียกร้องยอดไลค์ บอกถ้ายอดถึงเกณฑ์จะโชว์ภาพลับเด็ดๆ เพิ่มอีก!! ชาวเน็ตตกใจ บ้างวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมห่าม บ้างพยายามส่งเรื่องให้หน่วยงานตรวจสอบว่าเป็นภาพที่เด็กโพสต์เองหรือมีคนแกล้งปล่อย แต่เรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น!!
ผู้หญิงพลาด แต่ผู้ชายผิด
“เด็กคนนี้คนบ้านผม! ทางครอบครัวสอบถามแล้ว เด็กบอกความจริงว่ารูปพวกนี้เป็นรูปเก่าซึ่งถ่ายไว้ในโทรศัพท์ตั้งแต่เรียนจบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อผู้ช่วยพยาบาลที่... ผู้ชายในรูปเป็นแฟนเก่า ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นคนปล่อยรูปเหล่านี้ ปัจจุบันนี้ เด็กคนนี้อายุ 18 ปี พ่อกับแม่พาไปอยู่...แล้ว ครอบครัวของเด็กเจ็บปวดมาก วอนอย่าโพสต์หรือแชร์ต่อนะครับ”
นี่คือคำอธิบายล่าสุดเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น หลังทำให้ชาวโซเชียลมีเดียตกอกตกใจถึงพฤติกรรมล้ำเส้นบนโลกออนไลน์อย่างรุนแรงในเรื่องเพศ จึงทำให้คำวิพากษ์วิจารณ์เปลี่ยนมุมมองไป จากเดิมก่นด่าพฤติกรรม “กล้าเกินเหตุ” ของหญิงสาวว่าทำได้อย่างไรเพียงเพราะแค่ต้องการแลกยอดไลค์ แต่ตอนนี้ เริ่มวิเคราะห์ไปในเชิงกฎหมายและเห็นใจฝ่ายหญิงมากขึ้นๆ แล้ว และนี่คือความคิดเห็นบางส่วนจากผู้มาคอมเมนต์ในแฟนเพจ “Drama-Addict”
“รูปพวกนี้เป็นรูปส่วนตัว หากผู้เสียหายไม่ได้โพสต์ คนแชร์นี่ผิดกฎหมายนะ โดนหลายข้อหาเลยไม่ใช่เหรอ หากเป็นเรื่องจริง ผู้ที่โดนแชร์เป็นผู้เสียหายโดยตรง ไม่ใช่เหรอ แปลกที่สมัยนี้ แค่ภาพกับข้อความก็จิ้นกันได้ เห็นหลายดราม่าที่แบบนี้” Kasarus Sk
“คนถ่ายไม่ใช่คนที่สมควรถูกประณาม เขามีสิทธิจะถ่ายรูปเปลือยเก็บไว้ นั่นร่างกายเขา กล้องเขา เขาจะทำอย่างไรก็ได้ คนที่ควรถูกประณามคือคนที่เอารูปเขามาเผยแพร่ รวมถึงโลกออนไลน์ที่แชร์ต่อๆ กันไป - อ้างอิงจากเคส เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์” Krazii Bee
”หลักฐานบนโลกออนไลน์ ลบแค่ไหน ก็ไม่หมด เฮ่ออออ...ได้บทเรียนแล้วนะลูก” Nichapa Korsirikoon
“เคยมีเหตุการณ์คล้ายแบบนี้ที่ต่างประเทศ ท้ายที่สุด เด็กสาวคนนั้นฆ่าตัวตาย บอกเลยว่าแชร์เอาสนุก เมนต์เอาสะใจอย่างเดียวไม่ได้” Saowarak Lee
“ผมก็ว่างั้นแหละ ต่อให้เป็นเด็กก็ไม่พูดออกมาแบบนั้นหรอก คือวิธีการพูดมันไม่ได้ชมตัวเอง แต่มันเป็นการประจาน ดูแล้วคงเป็นไอ้แฟนเก่าตัวดี อยากทำลายน้องคนนี้มากกว่าครับ” MacKy Pongsakorn
“แนะนำให้ไปแจ้งความเอาผิดครับ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” Bank Watchara
“ไม่เป็นไรหรอกนะน้อง ต่อให้อดีตมันไม่สวยหรู แต่เมื่อวันนึงหนูเจอคนที่ดี ที่รับอดีตของหนูได้ หนูจะเข้าใจชีวิต แล้วหัวเราะให้อดีตเลยล่ะ” Parin Yangphasom
“ตัวเด็ก...พลาดนะ แต่คนแชร์เนี่ย...ผิดค่ะ” Vipz Series
เลิกหมกมุ่นไลค์ ใช้อย่างสร้างสรรค์
แม้จะยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากกระบวนการทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่า สรุปแล้ว กรณีฉาวกระฉ่อนเน็ตดังกล่าวคือ ฝีมือการโพสต์ด้วยความคึกคะนองของฝ่ายหญิง หรือเกิดจากเจตนาต้องการประจานของฝ่ายชาย แต่ก็ถือเป็นบทเรียนบนโลกออนไลน์ที่น่าคิด โดยเฉพาะกรณีการถ่ายภาพลับๆ ระหว่างหนุ่มสาว มาจนถึงพฤติกรรมการโพสต์ภาพเหล่านี้บนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงคำสัมภาษณ์ที่ทาง นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดัง เคยออกมาพูดถึงความวุ่นวายบนโลกไฮสปีดเอาไว้กับทางทีมข่าว โดยมีเนื้อความเตือนใจดังต่อไปนี้
“โซเชียลมีเดียไม่ได้ทำให้มีคนกลุ่มที่นิยมเรียกร้องความสนใจเพิ่มมากขึ้น คนกลุ่มนี้อาจจะมีเยอะอยู่แล้ว เพียงแต่พอมีสื่อมาช่วยเสริมมันเลยทำให้เขาได้รับโอกาสในการแสดงออกมากขึ้นมากกว่า แต่ก่อนอาจจะไม่รู้จะไปพูดหรือระบายกับใคร ตอนนี้มีช่องทางแล้ว ก็ทำให้คนเราได้ปลดปล่อยมากขึ้น แต่ก็ถือเป็นดาบสองคม เพราะถ้าคุณไม่สบายใจแล้วมีคนมาให้กำลังใจ คุณคิดได้-สบายใจขึ้น มันก็จบ แต่ถ้ามาระบายแล้วไม่มีคนเห็นใจแล้วเข้ามาซ้ำเติม อันนี้อาจจะยิ่งทำให้รู้สึกแย่ลงไปอีก บางคนมาเรียกร้องความสนใจแล้วถูกด่ากลับไป อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ตัดสินใจผิดหรือคิดสั้นได้ง่ายขึ้น
หมอว่ามันเหมือนกับเราสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อทำให้การจัดการปัญหา-การควบคุมตัวเองน้อยลง มันเหมือนเครื่องอำนวยความสะดวก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องควบคุมเยอะก็ได้ อยากจะปลดปล่อยอะไรก็ปล่อยออกมา คือข้อดีของการใช้มันก็มีประโยชน์ แต่ข้อเสียที่มีก็ถือเป็นหายนะของมวลมนุษยชาติได้เหมือนกันนะ
ถ้าเป็นไปได้ บางทีก็อาจจะต้องหยุดใช้บ้าง เหมือนในบางประเทศที่เขาบล็อกไม้ให้ใช้เลย หยุดใช้แล้วสมองจะได้โล่งขึ้นได้บ้าง เพราะบางคนก็หมกมุ่นอยู่กับตรงนี้ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ยิ่งคนที่ไม่มีงานทำ สุขภาพจิตมีปัญหาหรือคนที่ความภาคภูมิใจในตัวเองตกต่ำ (Low Self) ก็จะมาหมกมุ่นกับจุดนี้ หา Self ของตัวเองจากตรงนี้ เช่น ทำให้รู้สึกดีขึ้น ภูมิใจมากขึ้น เมื่อมีคนมากดไลค์หรือเข้ามาสนใจตัวเอง
คนเราจะเข้มแข็งได้ จะภาคภูมิใจในตัวเองได้ มันต้องสร้างขึ้นมา ต้องทำดี ต้องขยันเรียน ต้องตั้งใจทำงาน แต่เดี๋ยวนี้ เราอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว ไม่ได้คิดจะสร้างแบบนั้นแล้ว แต่อยากให้คนอื่นมาชื่นชมเราผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้มากกว่า ยิ่งใครมาคนกดไลค์เยอะๆ ยิ่งจะคิดว่าน่าภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราเข้าใจผิดกันมาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งมีเทคโยโลยีเหล่านี้เข้ามามันทำให้คนหลงทางไปเยอะมากเลย คนส่วนหนึ่งเข้าใจผิดว่า การที่มีคนมากดไลค์เราเยอะๆ มันหมายถึงว่าเราเป็นคนดี-น่าชื่นชม
หลายคนหลงจำนวนไลค์นะ เช่น บางคนมีแฟนเพจเป็นแสนๆ คน ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนมีอำนาจ สามารถชี้ถูกชี้ผิดอะไรได้ อันนี้หมอว่าเข้าใจผิดแล้ว ความเป็นจริงทำไม่ได้หรอก คนเขาแค่ผ่านมาสนใจ พอถูกใจก็กดไลค์ให้ แต่ถามว่าเขาจะเชื่อคุณ จะเทิดทูนคุณจริงหรือเปล่า วัดไม่ได้หรอก เพราะคนที่จะให้คนเทิดทูนได้จริงๆ คุณต้องสร้างบารมีในโลกปัจจุบันให้ได้ ของทุกอย่างต้องพิสูจน์กันในโลกความเป็นจริงนะ หมอไม่เคยให้เครดิตกับโลกไซเบอร์เลย
สำหรับใครที่จะเล่นสื่อออนไลน์แล้วเรียกร้องความสนใจ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหายนะ เพราะทุกคนก็อยากได้รับการยอมรับในสังคม แต่เรื่องที่ไม่ควรจะเอามาลงมันก็มี เช่น คำหยาบคาย การใช้ความรุนแรง เรื่องที่ชักจูง-ก่อให้เกิดปัญหาในสังคม เรื่องที่ผิดกฎหมาย การทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น ทำร้ายสัตว์ ฯลฯ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเอามาลง
และสังคมก็ต้องช่วยกัน คนที่เล่นโซเชียลมีเดีย ถ้าเห็นการโพสต์เรื่องเหล่านี้ขึ้นมาก็สามารถกด “ร้องเรียน” หรือ “แจ้งลบ” ไปได้ ในเมื่อมันเป็นโซเชียลมีเดีย คนในโซเชียลนี้ก็ต้องเข้ามาช่วยกันคุมเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าใครลงอะไรมาก็กดไลค์หมด หมอว่าเราต้องใช้กันอย่างฉลาด อย่าใช้แบบคนไม่มีสมอง ใครโพสต์อะไรมาก็กดจิ้มกดไลค์โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย มันก็ไม่ใช่ไง หรือโพสต์เรื่องเลวร้ายแล้วเอามาหัวเราะคิกคักกัน ก็ไม่เหมาะสม ก็เหมือนการดูรายการโทรทัศน์นั่นแหละครับ รายการไหนนำเสนออะไรไม่ดี แปลก พิเรนทร์ ก็ต้องถูกแบน
เรื่องราวที่ใครสักคนโพสต์ มันสะท้อนความฉลาดของคนคนนั้นนะหมอว่า คนที่ชอบหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง พูดเรื่องไร้สาระ มันก็แสดงออกถึงความไม่ฉลาดของคนคนนั้น คนที่เขาฉลาดๆ เขาก็จะสนใจเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า แต่คนที่ไม่ฉลาด จะเรียกร้องความสนใจให้ตัวเอง ไม่ใช่ว่าเขาไอคิวไม่ดีนะ ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นคนไม่รู้จักสร้างสติปัญญาให้กับตัวเอง เขาเอาอะไรมาให้ก็ลุ่มหลงไปกับสิ่งเหล่านั้นไปวันๆ”
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754