xs
xsm
sm
md
lg

เลือกปธ.-รองปธ.สปช.21ต.ค. ไม่สวยแน่ ถ้าล็อกสเปกไร้คู่ชิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ในส่วนของตำแหน่ง “ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ”(สปช.) ที่จะโหวตเลือกกันในวันอังคารที่ 21 ต.ค.นี้ เต็งหนึ่ง สปช.หลายคนบอกพร้อมเทเสียงหนุน“ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์”สปช.ด้านอื่นๆ และอดีตอธิการบดีจุฬาฯ แน่นอน
ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ดร.เทียนฉาย จะได้นั่งเป็นประธานสปช.หากไม่มีอะไรพลิกผันในช่วงโค้งสุดท้าย
แต่เท่าที่ตรวจสอบกระแสข่าวหลายทาง สปช.หลายกลุ่มทั้งสายข้าราชการประจำ-อดีตข้าราชการประจำ-สปช.สายจังหวัด –สายนักวิชาการ ต่างบอก ดร.เทียนฉาย คือตัวเลือกที่สุดในเวลานี้
ส่วนรองประธานสปช. คนที่ 1 และที่ 2 ชื่อของ “ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” ยังแรงอยู่ในตำแหน่งรองประธาน คนที่ 1 แม้จะเริ่มมีกระแสข่าวว่าอาจมีสปช.คนอื่นขอเบียดสู้ จึงอาจทำให้ ในการโหวตเลือกรองฯ 1 อาจมีการโหวตนับคะแนนให้ได้ลุ้นกันหลังมีกระแสข่าวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สปช.สายเอ็นจีโอ-อดีตนักวิชาการ-สปช.ด้านประชาสังคมหลายคน ไปคุยกันนอกรอบแล้วเห็นว่า
จะสนับสนุนสปช.ที่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า บวรศักดิ์
นั่นก็คือ“นพ.พลเดช ปิ่นประทีป” สปช.ด้านบริหารราชการแผ่นดิน- อดีตรมช.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่จับเรื่องปฏิรูปมาหลายปี และนำเสนอแนวคิดเรื่องการปฏิรูปอย่างเป็นระบบมาตลอด
เหตุที่สปช.สายเอ็นจีโอ จะสนับสนุน นพ.พลเดช เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา หนึ่งในทีมลูกศิษย์ของ หมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มาเป็นรองประธานสปช. คาดว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุที่มองกันไปว่า หมอพลเดช มีประสบการณ์ทำงานในเรื่องปฏิรูปมายาวนานกว่าบวรศักดิ์ จึงควรผลักดันให้ไปเป็นรองประธานสปช. แล้วให้ทำงานเรื่องปฏิรูปควบคู่ไปด้วยกันก็ไม่เสียหลาย
เพราะขนาดกลุ่มที่หนุน บวรศักดิ์ เป็นรองฯ อันดับ 1 ยังบอกว่าหากบวรศักดิ์ เป็นรองประธานควบไปกับประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ก็ทำได้ไม่เสียหาย งานไม่โหลด แล้วทำไม จะดัน หมอพลเดช ให้ทำงานเรื่องปฏิรูปควบคู่ไปกับการเป็นรองประธานสปช. ไม่ได้
จึงทำให้มีข่าวในช่วง2-3วันที่ผ่านมาว่า สปช.บางส่วน จะหนุน หมอพลเดช และมีข่าวว่าได้แจ้ง นพ.พลเดชไปแล้วด้วย ซึ่งเจ้าตัว ก็แบ่งรับแบ่งสู้ คือใจจริงไม่คิดต้องการเป็นรองประธานสปช.มาก่อน เพราะอยากขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูปในฐานะสปช.ธรรมดาก็พอแล้ว แต่เมื่อมีเพื่อนสปช.สายภาคประชาสังคม บอกจะสนับสนุน แต่จะได้ไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วแต่เสียงส่วนใหญ่ และถึงไม่ได้ก็ไม่เสียหายอะไร
ทำให้ ล่าสุดมีข่าวว่า หมอพลเดช ก็ตอบรับเสียงหนุนไปแล้วในเบื้องต้น และรอดูว่าเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมสปช. จะเอาอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับกันว่า แม้ชื่อชั้นเรื่อง ปฏิรูปของหมอพลเดช น่าจะดีกว่า บวรศักดิ์
**ว่ากันตามจริงหากให้ประเมินเสียงหนุนในสปช.ทั้งหมด ยังต้องให้ บวรศักดิ์ มีแต้มต่อเหนือ หมอพลเดช อยู่หลายช่วงตัวมาก
ขณะที่รองประธาน สปช. คนที่สองไม่น่าพลิกไปจาก “ทัศนา บุญทอง”อดีตรองประธานวุฒิสภา ช่วง ประสพสุข บุญเดช เป็นประธานวุฒิสภา เพราะดูแล้ว ยังไงเสีย รองประธานสปช. ครั้งนี้ต้องมีสปช.หญิงหนึ่งคน แน่นอน เพียงแต่จะเป็นคนไหนเท่านั้น หากจะดัน“รสนา โตสิตระกูล สปช.ด้านพลังงาน” หลายคนก็บอกว่าเหมาะสม แต่เกรงว่า รสนา หากไปเป็นรองประธานสปช.แล้ว ก็จะทำให้ การติดตาม และขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูปพลังงาน–ทวงคืนปตท.สมบัติชาติ ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะติดขัดความเป็นผู้นำสปช. หลายเสียงเลยบอกว่า รสนา มีคุณสมบัติพร้อม แต่เรื่องปฏิรูปพลังงานเป็นเรื่องใหญ่ของชาติ ต้องทำกันอย่างเต็มที่ ทุ่มเทกันเต็มเหนี่ยว หาก รสนาไปนั่งเป็นรองประธานสปช. คงไม่เหมาะ จะเสียของกันเปล่าๆ
ส่วน ดร.ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ดูจะอาวุโสเกินไป ทำให้คนมองกันว่า ตัวเลือกที่หลายคนบอกว่าเหมาะสมเลยเป็น“ทัศนา บุญทอง” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เรื่องการแข่งขันชิงตำแหน่งประธาน-รองประธานสปช. ว่ากันตามจริงแล้ว จากที่ได้ยินมาสปช.หลายคนแม้แต่สายที่หนุน “เทียนฉาย-บวรศักดิ์-ทัศนา” ต่างบอกเหมือนกันว่า อยากให้มีการเสนอชื่อแข่งขัน มีการโหวตเลือกกัน ไม่ต้องการให้มีการเสนอชื่อแล้วรับรองโหวตเห็นชอบ แล้วก็จบ
หากออกมาแบบนั้นย่อมไม่เป็นผลดีกับ เทียนฉาย-บวรศักดิ์-ทัศนา เพราะภาพที่ออกมาก็จะไม่ต่างอะไรกับการเลือกประธาน-รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่ง สนช.โหวตเลือก พรเพชร วิชิตชลชัย-สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย-พีระศักดิ์ พอจิต เป็นประธาน-รองประธานสนช. แบบกดปุ่มกันมาเลย คือเสนอชื่อไปก็ไม่มีใครเสนอชื่ออื่นมาประกบ เพื่อโหวตเลือก แต่เป็นแค่การโหวตเห็นชอบ
**ดังนั้นสปช.ส่วนใหญ่ จึงอยากให้มีการเสนอชื่ออื่น เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ที่ประชุมได้ “โหวตเลือก”ด้วย ไม่ใช่ “โหวตเห็นชอบ”แบบที่ สนช.ทำ เพราะสนช.นั่น ที่มาที่ไปชัดเจนว่าทั้งหมดมาจากการแต่งตั้งของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และมีหน้าที่หลักคือ เป็นฝ่ายนิติบัญญัติให้กับคสช. แต่สปช.มีที่มาหลากหลายกว่า แม้จะมาจากการเลือกของ คสช. ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่มาในลักษณะสภาแต่งตั้งเหมือน สนช.
เพราะอย่างนี้ หากการเลือกประธาน สปช.-รองประธาน สปช.ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีการเสนอชื่ออื่นมาให้เป็นตัวเลือกในแต่ละตำแหน่งมากกว่าหนึ่งรายชื่อ ภาพที่ออกไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อ สปช.แน่นอน สปช.หลายคนจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร หากจะมีการเสนอชื่อมากกว่าหนึ่งชื่อ เพื่อมาชิงตำแหน่งประธาน สปช.-รองประธานสปช. เพราะมองว่าไม่ได้ทำให้เกิดความแตกแยก หรือความไม่เป็นเอกภาพในสภาปฏิรูปฯ แต่จะเป็นผลดีกับสปช. มากกว่า ว่าไม่มีการล็อกเก้าอี้ประธาน-รองประธานสปช. ให้กับใครไว้แบบไม่มีการแข่งขัน
มันก็เลยทำให้ความเคลื่อนไหวในการที่จะมี สปช. บางส่วนมีแนวคิด จะเสนอชื่ออื่นมาชิง ปธ.-รองปธ.สปช. ในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนวันที่ 21 ต.ค. เพื่อไม่ให้มีแต่ชื่อของ เทียนฉาย-บวรศักดิ์-ทัศนา จึงไม่ใช่การเคลื่อนไหวในลักษณะการแย่งชิงเก้าอี้แต่อย่างใด แต่ออกมาในแนว ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่มีการแข่งขันอะไรมาก ไม่มีการล็อบบี้อะไรให้เห็น เหตุเพราะคนจะไปล็อบบี้ก็คงกลัวจะโดนด่ากลับมา เพราะสปช. หลายคนโดยเฉพาะที่มาจากการสรรหาล้วนเป็นผู้ใหญ่เกือบทั้งสิ้น การล็อบบี้ ทำโผล่วงหน้าเลยไม่ค่อยมีข่าวออกมา
**หลังจากที่ประชุมใหญ่สปช.เลือกปธ.-รองปธ.สปช.เสร็จสิ้นแล้ว พลเอกประยุทธ์ ก็จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป เท่ากับ สปช. เริ่มนับหนึ่งกันแล้ว ตั้งแต่ 21 ต.ค.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น