นายเทียนฉาย กีระนันทน์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) หนึ่งในรายชื่อที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อ ให้ดำรงตำแหน่งประธานสปช. ในการประชุมวันนี้ (21 ต.ค) กล่าวยืนยันว่า ตนยังไม่ได้รับการทาบทามให้ทำหน้าที่ประธาน สปช. ซึ่งหากสมาชิกสนับสนุน ก็พร้อมจะทำหน้าที่ แต่รู้สึกหนักใจเรื่องกรอบเวลาการทำงานที่มีไม่มากโดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับจากประชุม สปช. นัดแรก โดยมองว่าสปช. ต้องเร่งทำงานซึ่งระหว่างรอโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง จะต้องมีการคุยกันนอกรอบเกี่ยวกับวิธีการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมเป็นกรรมาธิการยกร่างในสัดส่วนของสนช. 20 คน ที่จะต้องเปิดกว้าง และขณะนี้ทราบว่า มีผู้ประสงค์จะทำหน้าที่นี้แล้ว ซึ่งวันนี้รายชื่อน่าจะมีความชัดเจน และหากมีผู้สนใจจำนวนมากกว่าโควตาที่กำหนด ก็มีความเป็นไปได้ว่า จะเปิดให้แสดงวิสัยทัศน์ คาดว่าหลังจากมีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งตำแหน่งประธาน และรองประธานแล้ว จะมีการประชุม สปช. ในวันที่ 3 พ.ย. เพื่อคัดเลือกบุคคล ที่จะเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนการเสนอแนวทางปฏิรูปให้กับคณะกรรมาธิการยกร่างภายใน 60 วัน นับแต่การประชุม สปช. ครั้งแรก นายเทียนฉาย มองว่า การทำงานของ สปช. มีระยะเวลาที่จำกัด จึงอาจเป็นรูปแบบที่ไม่ปกติ จะมีการหารือนอกรอบประกอบกับการลงพื้นที่ เพื่อรับฟังความเห็น โดยคาดว่าจะสามารถส่งข้อเสนอการปฏิรูปได้ในปลายปีนี้
**"ปู่ชัย" ไม่ลงชิงเก้าอี้ประธานสปช.
นายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปช. กล่าวว่า ในการเลือกประธานและรองประธาน สปช.วันนี้ ตนจะไม่เสนอชื่อลงแข่งขัน เพราะอายุมากแล้ว และเป็นนักการเมืองมากว่า 40 ปี ต้องรู้ว่า อะไรคือ ไฟ น้ำ ฟ้า ลม ซึ่งการปฏิรูปที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากนักการเมืองไม่ดี และทหารต้องการเปลี่ยนแปลงนักการเมืองให้ดีขึ้น ทำให้ประธาน สปช. ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้นตนเป็นนักการเมือง จะไปนั่งในตำแหน่งประธาน สนช.ไม่ได้ ส่วนประธาน สปช. ที่จะมาจากสายนักวิชาการได้หรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่ที่ประชุม สปช. ขณะนี้กำลังปฏิรูปประเทศกันใหม่ และได้มีการวางแนวทางการปฏิรูปประเทศไว้ 11 ด้าน ซึ่งถูกต้องแล้ว และรัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้องทำเพื่อประชาชน ถ้าประชาชนยอมรับเราก็เห็นด้วย แต่ถ้าไม่ยอมรับ เราก็ต้องทักท้วง อำนาจจึงอยู่ที่ประชาชน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายชัย จะเป็นผู้เสนอชื่อ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธานสปช. เพียงคนเดียว โดยไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเป็นคู่แข่ง
**ดัน"พลเดช"ชิงรองปธ.กับ"บวรศักดิ์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำแหน่งที่จะมีการแข่งขันในวันนี้ คือ รองประธาน สปช. คนที่ 1 ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะสปช. จะดำรงตำแหน่งนี้ แต่มีสปช.บางกลุ่ม หารือถึงความเหมาะสม เพราะนายบวรศักดิ์ จะต้องไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเกรงว่า จะกระทบการทำงานของ สปช. และจะมีเวลาน้อย ซึ่ง สปช. สายเอ็นจีโอ จะเสนอชื่อ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สปช. ขึ้นมาแข่งขันประกบ แต่สปช.บางส่วนก็ประเมินว่า นายบวรศักดิ์ จะได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่า ส่วนรองประธานสปช. คนที่ 2 ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อ น.ส.ทัศนา บุญทอง สปช. แต่มีชื่อ น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช สปช. อดีตรองประธาน สนช. ปี 2549 เข้ามาประกบแข่งขัน เพราะสมาชิกหลายคนเห็นว่า มีประสบการณ์ในการควบคุมการประชุม เนื่องจากเคยเป็นรองประธาน สนช. ปี 2549 แต่เมื่อผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง น.ส.พจนีย์ ก็ได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าว จึงค่อนข้างชัดเจนว่า ตำแหน่งรองประธานสปช.คนที่ 2 เป็น น.ส.ทัศนา บุญทอง
นพ.พลเดช กล่าวว่า ขณะนี้มี สปช. ที่เป็นอดีต ส.ว. และสปช. สายเอ็นจีโอ และภาคประชาสังคม จะเสนอตน หากมีการเสนอชื่อตนจริง ก็ไม่รู้จะออกมาอย่างไร ซึ่งไม่ได้คิดอะไร และไม่ขัดข้อง แต่ส่วนตัวมองว่า การทำงานใน สปช. ต้องดูไปข้างหน้าเนื่องจากงานมีจำนวนมาก โดยไม่ต้องอาศัยหัวโขนในการทำหน้าที่ อีกทั้งไม่อยากให้เห็นภาพการช่วงชิงแข้งขันเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง แต่อยากให้ทุกคนมุ่งหน้าทำงานมากกว่า
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เห็นด้วยที่จะให้ นายเทียนฉาย เป็นประธาน สปช. และ นายบวรศักดิ์ กับน.ส.ทัศนา เป็นรองประธาน คนที่หนึ่ง และสอง โดยระดับบิ๊กในคสช. บางคนได้โทรศัพท์ไปขอคะแนนกับสมาชิกสปช. บางคนให้เลือกทั้ง 3 คน โดยเฉพาะ นายบวรศักดิ์ ที่มีเครือข่ายสถาบันพระปกเกล้า ทำให้มีลูกศิษย์อยู่ในกลุ่มต่างๆในสปช.จำนวนมาก รวมทั้ง สปช. สายจังหวัด มีความสัมพันธ์อันดี และรู้จักส่วนตัวกับนายบวรศักดิ์ ดังนั้นคะแนนสนับสนุนนายบวรศักดิ์ จึงมีจำนวนมาก ทั้งนี้ในการประชุม สปช. วันที่ 21ต.ค. นอกจากจะมีวาระเลือกประธาน และรองประธาน สปช.แล้ว จะมีวาระการเลือกคณะกรรมการประสานงานหรือ วิป สปช.ชั่วคราว โดยจะมีการเสนอให้ สปช.แต่ละด้านเสนอส่งตัวแทนเป็นวิปชั่วคราวด้านละ 2 คน รวมทั้งจะกำหนดกรอบเลือกตัวแทน สปช. เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
**ใช้ข้อบังคับ สนช. เลือกปธ.-รองฯ
ด้านนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ออกหนังสือนัดประชุม สปช. นัดแรก ในวันนี้( 21 ต.ค.) เวลา 09.30 น. โดยมีเรื่องตามระเบียบวาระการประชุม คือ 1. รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งสปช. , 2. ให้สปช. ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้ง กล่าวปฏิญาณตนต่อที่ประชุม จากนั้นจะเป็นการเลือกประธาน สปช. และรองประธานสปช.
สำหรับวิธีเลือกประธาน และรองประธานสปช. นั้น จะใช้ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พ.ศ. 2557 โดยอนุโลม และมีขั้นตอนในที่ประชุม คือ 1. การเลือกประธานและรองประธานฯ ครั้งแรกให้เลขาธิการฯ เชิญสมาชิกที่อายุสูงสุด ในที่นี้ คือนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวของที่ประชุม จากนั้นให้สมาชิกฯ เสนอชื่อ สมาชิกฯ ที่เห็นว่าเหมาะสมต่อที่ประชุม โดยผู้ที่จะเสนอมีสิทธิ์เสนอชื่อได้เพียง 1 ชื่อ ทั้งนี้ ต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน จากนั้นให้ผู้ที่ได้การเสนอชื่อต้องกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งประธานฯ ต่อที่ประชุม ในกรณีที่มีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือก ถ้าหากมีเสนอชื่อสองชื่อ หรือมากกว่านั้น ให้ใช้ลงคะแนนลับ โดยเขียนชื่อผู้ที่ประสงค์เลือกบนแผ่นกระดาษ ใส่ซองที่เจ้าหน้าที่จัดให้ แล้วให้เรียกชื่อสมาชิกฯ ตามลำดับอักษร มาลงคะแนนเป็นรายคน โดยนำซองใส่ลงในภาชนะที่จัดไว้เพื่อการนั้น ในการตรวจนับคะแนน ให้ประธานเชิญสมาชิก จำนวน 5 คน เป็นกรรมการตรวจนับคะแนน กรณีมีการเสนอชื่อสองชื่อ ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุด เป็นผู้ได้รับเลือก แต่ถ้าได้คะแนนสูงสุดเท่ากัน ให้เลือกใหม่อีกครั้งหนึ่ง หากยังคะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับฉาก
ส่วนกรณีมีการเสนอชื่อมากกว่าสองชื่อ ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุด และมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมเป็นผู้ได้รับเลือก แต่ถ้าผู้ใดได้คะแนนสูงสุดมีคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมให้ดำเนินการดังนี้ 1. ถ้ามีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรกหนึ่งตน และผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่สองหนึ่งคน ให้นำชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับดังกล่าวมาให้สมาชิกลงคะแนน หรือ 2. ถ้ามีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรกเกินกว่าหนึ่งคน ให้นำชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดดังกล่าว มาให้สมาชิกคะแนน หรือ 3. ถ้ามีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรกหนึ่งคนและมีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่สองเกินกว่าหนึ่งคนให้นำชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรก และลำดับที่สองทุกคนมาให้สมาชิกลงคะแนน ทั้งนี้ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือก แต่ถ้าคะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับฉลาก และเมื่อที่ประชุมประกาศชื่อผู้ได้รับเลือกต่อที่ประชุมสภาแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ทำลายบัตรออกเสียงลงคะแนนด้วย
ส่วนวิธีการเลือกรองประธาน สปช. ให้ใช้วิธีเดียวกัน โดยเริ่มจาก การคัดเลือกรองประธานคนที่หนึ่ง และ รองประธานคนที่สอง ตามลำดับ จากนั้นเลขาธิการสภาจะดำเนินการ แจ้งชื่อบุคคลที่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาและรองประธานสภา ไปยังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
ส่วนการเสนอแนวทางปฏิรูปให้กับคณะกรรมาธิการยกร่างภายใน 60 วัน นับแต่การประชุม สปช. ครั้งแรก นายเทียนฉาย มองว่า การทำงานของ สปช. มีระยะเวลาที่จำกัด จึงอาจเป็นรูปแบบที่ไม่ปกติ จะมีการหารือนอกรอบประกอบกับการลงพื้นที่ เพื่อรับฟังความเห็น โดยคาดว่าจะสามารถส่งข้อเสนอการปฏิรูปได้ในปลายปีนี้
**"ปู่ชัย" ไม่ลงชิงเก้าอี้ประธานสปช.
นายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปช. กล่าวว่า ในการเลือกประธานและรองประธาน สปช.วันนี้ ตนจะไม่เสนอชื่อลงแข่งขัน เพราะอายุมากแล้ว และเป็นนักการเมืองมากว่า 40 ปี ต้องรู้ว่า อะไรคือ ไฟ น้ำ ฟ้า ลม ซึ่งการปฏิรูปที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากนักการเมืองไม่ดี และทหารต้องการเปลี่ยนแปลงนักการเมืองให้ดีขึ้น ทำให้ประธาน สปช. ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้นตนเป็นนักการเมือง จะไปนั่งในตำแหน่งประธาน สนช.ไม่ได้ ส่วนประธาน สปช. ที่จะมาจากสายนักวิชาการได้หรือไม่นั้น ก็ต้องอยู่ที่ประชุม สปช. ขณะนี้กำลังปฏิรูปประเทศกันใหม่ และได้มีการวางแนวทางการปฏิรูปประเทศไว้ 11 ด้าน ซึ่งถูกต้องแล้ว และรัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้องทำเพื่อประชาชน ถ้าประชาชนยอมรับเราก็เห็นด้วย แต่ถ้าไม่ยอมรับ เราก็ต้องทักท้วง อำนาจจึงอยู่ที่ประชาชน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายชัย จะเป็นผู้เสนอชื่อ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธานสปช. เพียงคนเดียว โดยไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเป็นคู่แข่ง
**ดัน"พลเดช"ชิงรองปธ.กับ"บวรศักดิ์"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำแหน่งที่จะมีการแข่งขันในวันนี้ คือ รองประธาน สปช. คนที่ 1 ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะสปช. จะดำรงตำแหน่งนี้ แต่มีสปช.บางกลุ่ม หารือถึงความเหมาะสม เพราะนายบวรศักดิ์ จะต้องไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเกรงว่า จะกระทบการทำงานของ สปช. และจะมีเวลาน้อย ซึ่ง สปช. สายเอ็นจีโอ จะเสนอชื่อ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สปช. ขึ้นมาแข่งขันประกบ แต่สปช.บางส่วนก็ประเมินว่า นายบวรศักดิ์ จะได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่า ส่วนรองประธานสปช. คนที่ 2 ที่ก่อนหน้านี้มีชื่อ น.ส.ทัศนา บุญทอง สปช. แต่มีชื่อ น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช สปช. อดีตรองประธาน สนช. ปี 2549 เข้ามาประกบแข่งขัน เพราะสมาชิกหลายคนเห็นว่า มีประสบการณ์ในการควบคุมการประชุม เนื่องจากเคยเป็นรองประธาน สนช. ปี 2549 แต่เมื่อผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง น.ส.พจนีย์ ก็ได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าว จึงค่อนข้างชัดเจนว่า ตำแหน่งรองประธานสปช.คนที่ 2 เป็น น.ส.ทัศนา บุญทอง
นพ.พลเดช กล่าวว่า ขณะนี้มี สปช. ที่เป็นอดีต ส.ว. และสปช. สายเอ็นจีโอ และภาคประชาสังคม จะเสนอตน หากมีการเสนอชื่อตนจริง ก็ไม่รู้จะออกมาอย่างไร ซึ่งไม่ได้คิดอะไร และไม่ขัดข้อง แต่ส่วนตัวมองว่า การทำงานใน สปช. ต้องดูไปข้างหน้าเนื่องจากงานมีจำนวนมาก โดยไม่ต้องอาศัยหัวโขนในการทำหน้าที่ อีกทั้งไม่อยากให้เห็นภาพการช่วงชิงแข้งขันเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง แต่อยากให้ทุกคนมุ่งหน้าทำงานมากกว่า
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เห็นด้วยที่จะให้ นายเทียนฉาย เป็นประธาน สปช. และ นายบวรศักดิ์ กับน.ส.ทัศนา เป็นรองประธาน คนที่หนึ่ง และสอง โดยระดับบิ๊กในคสช. บางคนได้โทรศัพท์ไปขอคะแนนกับสมาชิกสปช. บางคนให้เลือกทั้ง 3 คน โดยเฉพาะ นายบวรศักดิ์ ที่มีเครือข่ายสถาบันพระปกเกล้า ทำให้มีลูกศิษย์อยู่ในกลุ่มต่างๆในสปช.จำนวนมาก รวมทั้ง สปช. สายจังหวัด มีความสัมพันธ์อันดี และรู้จักส่วนตัวกับนายบวรศักดิ์ ดังนั้นคะแนนสนับสนุนนายบวรศักดิ์ จึงมีจำนวนมาก ทั้งนี้ในการประชุม สปช. วันที่ 21ต.ค. นอกจากจะมีวาระเลือกประธาน และรองประธาน สปช.แล้ว จะมีวาระการเลือกคณะกรรมการประสานงานหรือ วิป สปช.ชั่วคราว โดยจะมีการเสนอให้ สปช.แต่ละด้านเสนอส่งตัวแทนเป็นวิปชั่วคราวด้านละ 2 คน รวมทั้งจะกำหนดกรอบเลือกตัวแทน สปช. เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
**ใช้ข้อบังคับ สนช. เลือกปธ.-รองฯ
ด้านนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ออกหนังสือนัดประชุม สปช. นัดแรก ในวันนี้( 21 ต.ค.) เวลา 09.30 น. โดยมีเรื่องตามระเบียบวาระการประชุม คือ 1. รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งสปช. , 2. ให้สปช. ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้ง กล่าวปฏิญาณตนต่อที่ประชุม จากนั้นจะเป็นการเลือกประธาน สปช. และรองประธานสปช.
สำหรับวิธีเลือกประธาน และรองประธานสปช. นั้น จะใช้ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พ.ศ. 2557 โดยอนุโลม และมีขั้นตอนในที่ประชุม คือ 1. การเลือกประธานและรองประธานฯ ครั้งแรกให้เลขาธิการฯ เชิญสมาชิกที่อายุสูงสุด ในที่นี้ คือนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวของที่ประชุม จากนั้นให้สมาชิกฯ เสนอชื่อ สมาชิกฯ ที่เห็นว่าเหมาะสมต่อที่ประชุม โดยผู้ที่จะเสนอมีสิทธิ์เสนอชื่อได้เพียง 1 ชื่อ ทั้งนี้ ต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน จากนั้นให้ผู้ที่ได้การเสนอชื่อต้องกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่งประธานฯ ต่อที่ประชุม ในกรณีที่มีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือก ถ้าหากมีเสนอชื่อสองชื่อ หรือมากกว่านั้น ให้ใช้ลงคะแนนลับ โดยเขียนชื่อผู้ที่ประสงค์เลือกบนแผ่นกระดาษ ใส่ซองที่เจ้าหน้าที่จัดให้ แล้วให้เรียกชื่อสมาชิกฯ ตามลำดับอักษร มาลงคะแนนเป็นรายคน โดยนำซองใส่ลงในภาชนะที่จัดไว้เพื่อการนั้น ในการตรวจนับคะแนน ให้ประธานเชิญสมาชิก จำนวน 5 คน เป็นกรรมการตรวจนับคะแนน กรณีมีการเสนอชื่อสองชื่อ ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุด เป็นผู้ได้รับเลือก แต่ถ้าได้คะแนนสูงสุดเท่ากัน ให้เลือกใหม่อีกครั้งหนึ่ง หากยังคะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับฉาก
ส่วนกรณีมีการเสนอชื่อมากกว่าสองชื่อ ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุด และมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมเป็นผู้ได้รับเลือก แต่ถ้าผู้ใดได้คะแนนสูงสุดมีคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมให้ดำเนินการดังนี้ 1. ถ้ามีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรกหนึ่งตน และผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่สองหนึ่งคน ให้นำชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับดังกล่าวมาให้สมาชิกลงคะแนน หรือ 2. ถ้ามีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรกเกินกว่าหนึ่งคน ให้นำชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดดังกล่าว มาให้สมาชิกคะแนน หรือ 3. ถ้ามีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรกหนึ่งคนและมีผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับที่สองเกินกว่าหนึ่งคนให้นำชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดลำดับแรก และลำดับที่สองทุกคนมาให้สมาชิกลงคะแนน ทั้งนี้ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือก แต่ถ้าคะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับฉลาก และเมื่อที่ประชุมประกาศชื่อผู้ได้รับเลือกต่อที่ประชุมสภาแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ทำลายบัตรออกเสียงลงคะแนนด้วย
ส่วนวิธีการเลือกรองประธาน สปช. ให้ใช้วิธีเดียวกัน โดยเริ่มจาก การคัดเลือกรองประธานคนที่หนึ่ง และ รองประธานคนที่สอง ตามลำดับ จากนั้นเลขาธิการสภาจะดำเนินการ แจ้งชื่อบุคคลที่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาและรองประธานสภา ไปยังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป