เมื่อ “รัฐ” จัดการขบวนการล้มเจ้าไม่ไหว ก็ถึงคราวที่คนในสังคมต้องออกมาจัดการกันเองแล้ว พิสูจน์ได้จากกรณี “โรส หมิ่นเบื้องสูง” ทำคนทนไม่ไหวโพสต์คลิปด่าโรสว่อนเน็ต ส่วนหมอเหรียญทองผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดินต้องโร่ออกมาแจ้งความ ระบุเป็นพฤติกรรมเหิมเกริม ท้าทายสังคม ด้านกองปราบฯ บอกโทษหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 - 15 ปี
องค์กรเก็บขยะแผ่นดินต้านพวกล้มเจ้า
กลายเป็นกระแสขึ้นมาทันที เมื่อน.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ “โรส” โพสต์คลิปหมิ่นเบื้องสูงลงอินเทอร์เน็ต จนแม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเองยังทนไม่ไหว ต้องออกมาแจ้งความจับลูกสาวตัวเองในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ด้านพล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ผู้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ซึ่งมีเป้าหมายกวาดล้างกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็ได้ทำหน้าที่ด้วยการแจ้งความดำเนินคดีกับโรสในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่กองการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยพล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ถึงกรณีโรส หมิ่นเจ้า ว่า
“หลังจากผมประกาศต่อสู้กับขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจน คุณฉัตรวดี หรือคุณโรสก็มาแสดงตัวในเฟซบุ๊กของผม โดยที่ผมไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เขาเข้ามาโพสต์คลิปที่เขาหมิ่นเบื้องสูง เรียกว่าทั้งการพูด การแสดง กริยาทุกอย่าง เจ้าตัวส่งมาเองทั้งหมด ตอนผมเห็นคลิปก็รู้สึกโกรธมาก เชื่อว่าใครที่มีความจงรักภักดีก็คงโกรธเหมือนผมทั้งนั้น ผมเลยแจ้งความจับเขา เพราะสิ่งที่คุณโรสทำ ผิดกฎหมายในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจน”
นอกจากนั้นพล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังแสดงความคิดเห็นว่า ปัญหาในตอนนี้คือ การที่ภาครัฐยังปล่อยปละละเลยกับขบวนการล้มเจ้า และไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้คนไทยคิดว่าเป็นหน้าที่ของภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ภาคประชาชนควรจะเข้ามามีส่วนร่วมเท่าที่จะทำได้ด้วย
“ต้องยอมรับว่าประชาชนก็ทำไม่ถูกต้องเหมือนกัน คนมักคิดว่าข้าราชการมีหน้าที่ตามกฎหมายก็ทำไป กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทอดทิ้งสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนคนที่มีอำนาจตามกฎหมายชัดเจน ก็ทำตัวปล่อยปละละเลย แต่เราก็อย่าไปโจมตีหรือตำหนิเขา เราควรลุกขึ้นมาช่วยหน่วยราชการ ไม่ปล่อยให้ราชการทำไปเรื่อยๆ ฝ่ายเดียว
“ทุกวันนี้ผมเห็นว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เกิดจากความเหิมเกริม ท้าทายไม่เกรงกลัว มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นความต้องการเร่งด่วนในขณะนี้คือ ผมอยากให้คนไทยที่มีความจงรักภักดีลุกขึ้นมา อย่าอยู่ในความหวาดกลัว อย่าให้หน่วยราชการที่มีอำนาจทางกฎหมายทำหน้าที่อย่างเดียว แต่ต้องลุกขึ้นมาใส่ใจในฐานะคนไทยด้วย
“ผมเป็นคนต่อต้านความรุนแรง เช่นเดียวกับองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ถ้าปล่อยให้คนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนคนอื่นเหลืออดและลุกออกมาแบบไร้การควบคุม อาจจะเกิดความรุนแรงได้ ผมถึงได้ก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาเป็นศูนย์แห่งความรัก เป็นศูนย์รวมกำลังใจให้คนจงรักภักดีลุกขึ้นมาช่วยเหลือกัน เราไม่ได้ไปไล่ล่าเอาชีวิตหรือไปฆ่าฟันใคร แต่จะรณรงค์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบัน โดยเฉพาะเยาวชน และคนรุ่นใหม่ที่เสพสื่อผิดๆ ขณะเดียวกันก็ช่วยกันสืบค้นหาบุคคลที่กระทำความผิดในการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นการสอดส่องร่วมกัน และช่วยกันรายงานเข้ามา โดยทำในกรอบกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง”
น่าทึ่งว่าแม้การลุกขึ้นออกมาต่อสู้ครั้งนี้ จะทำให้พล.ต.นพ.เหรียญทอง ต้องถูกขู่ฆ่ามานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจแกร่งของผู้ชายคนนี้สั่นคลอนแต่อย่างใด
“ผมไม่กลัวตาย ผมพูดบ่อยมากว่าชีวิตของผมได้ถวายเป็นราชพลี คือ ถวายให้แก่ในหลวงไปแล้ว คนเราเกิดมาก็ต้องตาย ถ้าหากเราจะตายเพราะสิ่งที่เรากระทำในเรื่องนี้ ผมถือว่าเป็นการตายอย่างสมเกียรติชายชาติทหารจริงๆ แม้จะลาออกจากราชการทหารมา 7 ปีแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นการตายที่เป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูล ดังนั้นไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวล
“ถ้าผมต้องตายหรือเสียชีวิต ขอให้คนไทยที่จงรักภักดี อย่าทอดทิ้งสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ขอให้ทุกคนร่วมกันช่วยกันดำรงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่คู่ชาติไทย ประเทศไทยเราต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ” พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าว
คนทนไม่ไหว ฝากคลิปถึง “โรส” ว่อนอินเทอร์เน็ต
จากพฤติกรรมของโรสที่เหิมเกริมออกมาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้เอง ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งออกมาตอบโต้ด้วยการทำคลิปโพสต์ลง Youtube ฝากข้อความถึงโรสกันสนั่นเมือง เช่น
“มึงมีหัวเอาไว้กั้นหูเฉยๆ พอจะใช้งาน มันใช้ไม่ได้ มึงเลยเอาหัวแม่ตีนเอย ตาตุ่มเอยมาคิด ดังนั้นสิ่งที่มึงคิดเลยไม่เหมือนปุถุชนที่เจริญแล้ว มึงเข้าใจไหม มึงเหมือนคนปัญญาอ่อนที่คิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าตัวเองรู้มาก รู้ดี แต่ความจริงแล้วความรู้มึงแค่หางอึ่ง คือไม่มีด้วยซ้ำไป ดังนั้น การที่กูมาพูดในที่นี้ เผื่อมึงจะมีสมองขึ้นมาบ้าง....” กูก็อยากพูด #3 (เจ๊อุทิศบุญให้อีดอกโรส)
“ที่มึงบอกไม่กลัวๆ ไม่เคยกลัวเลย ตอนนี้มึงอยู่ไหน ถ้าไม่กลัวจริง มึงมาบางแสนสิ กูอยู่บางแสน มึงมาเลย... เนี่ยถ้ามึงมาบางแสน เขมรแถวหอกูจะจัดให้มึงสมใจเลย กูคนไทย กูรักในหลวง กูรักประเทศไทยโว้ย...” ถึงคุณโรสที่สร้างวีรกรรม ด่าพ่อผม
“กูเห็นหน้ามึงเหมือนผีเน่าโลงผุ มึงคิดได้ยังไงว่ามึงสวย มึงเคยส่องกระจกดูไหม หรือบ้านมึงไม่มีกระจก ถ้ามึงไม่มี กูมีวิธีแนะนำ ให้มึงเอาหน้ามึงไปส่องหน้ามึงลงในชักโครก มึงจะได้เห็นหน้าที่แท้จริงของมึง...“ คนสวยจริง ขอด่าอีโรส
“โรสหยุดเถอะ หยุดในสิ่งที่โรสทำ เขาจ้างโรสเท่าไหร่ มีคนจ้างโรสทำเหรอที่ให้โรสออกมานั่งดูหมิ่นชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่โรสทำ มันบ่งบอกว่ามันใช้ไม่ได้ โรสหยุดนะ แล้วกลับมาเป็นผู้เป็นคน ตอนนี้โรสอยู่ในบ่วงเหวแห่งอเวจี ตายไปตกนรกหมกไหม้ ชีวิตไม่ได้ผุดได้เกิด บางทีมันอาจไปตกอยู่ที่ลูกของโรสก็ได้...” ฝากถึง โรส uk
“อีนี้อยากดัง มีปมด้อยในอดีต อยากเป็นที่รู้จักของคน อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นที่ยอมรับของคนในโลกนี้ แต่ใช้วีธินี้มันอุบาทว์ แทนที่คนจะสรรเสริญ ถ้าอยากดัง ก็ดังในทางที่ดีสิ แต่ไม่มีความสามารถก็เลยอาศัยเจ้าเอา มึงสิโหนเจ้าตัวจริง. ..” กูเพลียกะมึงอีโรส
นอกจากนั้นยังมีบางคลิปที่โพสต์ลอกเลียนโรส เช่น
“โรสขาดความอบอุ่น เลยต้องออกมาเรียกร้องความสนใจจากสังคม รออีกหน่อยก่อนนะคะ ไม่นานโรสก็จะตายโหงจากโลกนี้แล้ว จะไม่อยู่ให้หนักแผ่นดิน โรสอยู่ลอนดอน เป็นแค่พลเมืองชั้นสองของเขา สงสารโรสนะคะ ถ้าเจอโรสช่วยฝากสากกะเบือตำข้าวทะลวง...ให้โรสหน่อยนะคะ...” ประวัติอี Chatwadee
ข้อความเหล่านี้ เป็นเสียงสะท้อนให้เห็นว่ายังมีคนไทยจำนวนมากไม่พอใจที่โรสหมิ่นเบื้องสูง และหวังว่าเสียงจากข้อความของพวกเขาจะส่งไปถึงโรส เพื่อให้เธอตระหนักรู้ได้บ้าง
ต้นเหตุของการหมิ่นเบื้องสูง
ทุกวันนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่า การหมิ่นเบื้องสูงกลายเป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องโดยที่คนทำไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้เราจะหาหลักฐานแน่ชัดไม่ได้ว่าต้นตอหรือสาเหตุจริงๆ มาจากอะไรกันแน่ แต่ทว่าหลายคนก็เชื่อว่าสาเหตุหนึ่งมาจากการถูกยุยง ปลุกปั่นเพราะหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือต้องการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสถาบัน โดยพล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“เราต้องยอมรับว่ามีขบวนการหรือคนส่วนหนึ่งไม่ยอมรับในสถาบัน เลยมีการยุยง ปลุกปั่น บางคนอาจจะมีผลประโยชน์ทางการเมือง และอีกคนกลุ่มหนึ่งอาจไม่เข้าใจ หรือไม่ทราบข้อเท็จจริง ทั้งหลายทั้งปวงมาประสานสอดคล้อง และมาโยงใยเข้าความขัดแย้งทางการเมือง ขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มต้องการเรียกร้องเปลี่ยนแปลง ทำให้กลายเป็นความขัดแย้งขึ้นมา
“เรื่องนี้ผมอยากให้ทุกท่านศึกษาข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง บางท่านอาจเข้าใจผิดๆ เพราะนักวิชาการพูดจาดูดี หรือบางท่านทำด้วยความคึกคะนอง คนที่ทำแบบนี้ อยากให้หยุดเถอะครับ แล้วทุกอย่างจะอยู่ในความสันติ ความขัดแย้งทางการเมืองหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ควรเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง และอย่าหลงเชื่อคำยุยง ผมพูดแบบนี้ได้ เพราะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นเชื่อผมเถอะครับ”
นอกจากกรณีของโรสแล้ว ยังมีอีกหลายรายที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายหมิ่นเจ้า เช่น อั้ม เนโกะ, ตั้ง อาชีวะ โดยนายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล นักจิตวิทยาชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์กับทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ถึงพฤติกรรมก้าวร้าวของนายศรัณย์ ฉุยฉาย หรืออั้ม เนโกะ ว่า
“พฤติกรรมของคนแสดงออกแบบนี้มักจะมีปูมหลังที่คล้ายกัน คือ ครอบครัวไม่อบอุ่น หรือไม่ได้รับการเอาใจใส่จากครอบครัว เชื่อว่าถ้าครอบครัวเขาดี หรือได้รับความรักจากครอบครัวเต็มที่ เขาก็จะไม่ด่าสถาบัน หรือไม่มาต่อสู้เรียกร้องแบบนี้หรอก เรียกว่านายศรัณย์ยังมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “Against authority” คือต่อต้านคนมีอำนาจ เพราะรู้สึกว่าจะมีใครมาทำอะไรฉันหรือเปล่า เลยแสดงอาการต่อต้านไว้ก่อน”
เรื่องนี้อาจช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า พฤติกรรมของคนที่ออกมาจาบจ้วงเบื้องสูง ส่วนหนึ่งอาจมาจากปูมหลังของตัวเอง เช่น ครอบครัวไม่อบอุ่น ขาดความรักความเอาใจใส่,มีปมต่อต้านคนมีอำนาจ ส่งผลให้คนเหล่านี้แสดงออกมาไม่เหมาะสมและต่อต้านสถาบันในที่สุด
แต่ไม่ว่าต้นเหตุการหมิ่นเบื้องสูงจะเกิดจากอะไรก็ตาม พฤติกรรมเหล่านี้ก็ถือว่าผิดกฎหมาย และสร้างความร้าวฉานให้แก่สังคมไทยจนยากจะเยียวยา
การดำเนินคดีความกับคนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ด้าน พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ซึ่งทำหน้าที่สอบสวนคดีของ “โรส” ได้พูดถึงความคืบหน้าของการดำเนินคดีว่า
“เรื่องนี้เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทางอินเทอร์เน็ต และผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ คือ อังกฤษ จึงเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร มีโทษตามกฎหมายไทย การสอบสวนจะต้องร่วมกับพนักงานอัยการ หมายความว่าการสอบสวนอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุดแล้ว หลังจากนี้อัยการสูงสุดจะมอบหมายให้สำนักงานคดีอาญากองใดกองหนึ่งร่วมกับสำนักงานกองการต่างประเทศ เพื่อร่วมทำการสอบสวนกับพนักงาน ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการอยู่ เมื่อรวบรวมหลักฐานเสร็จ เราก็จะยื่นคำร้องขอออกหมายจับ และขอความร่วมมือไปที่อังกฤษ เพื่อให้เขาส่งตัวผู้ต้องหากลับมาไทย ถ้าสอบสวนและเขาผิดจริง ก็จะต้องโทษหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ”
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท. พงษ์ไสว ยอมรับว่าการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่อยู่นอกราชอาณาจักร ถือว่าดำเนินการได้ยากกว่าปกติ เพราะต้องขอความร่วมมือจากประเทศที่ผู้ต้องหาพำนักอยู่
“ถ้าเป็นความผิดในต่างประเทศ เช่น คดีที่โหลดภาพหรือโหลดคลิปต่างๆ ของเว็บไซต์ต่างประเทศ เราต้องขอความร่วมมือในประเทศนั้นๆ ให้เขาสอบสวนผู้กระทำ เราสอบสวนเองไม่ได้ ถ้าไปก็เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ไม่เหมือนการรวบรวมหลักฐานที่ทำในประเทศไทย ไปสอบสวนตรงไหนก็ได้ และเกิดความรวดเร็วกว่า แล้วเรื่องยากคือ ถ้าประเทศนั้นๆ ไม่มีกฎหมายที่ระบุความผิดฐานเดียวกันกับเรา เขาอาจจะเพิกเฉยและไม่ส่งตัวผู้ต้องหาให้เราก็ได้ แต่ถ้าประเทศนั้นมีกฎหมายที่ระบุความผิดเหมือนกับเรา ก็มักจะได้รับความร่วมมือมากกว่า ซึ่งในกรณีของคุณโรส ผมเชื่อว่าอังกฤษน่าจะให้ความร่วมมือกับเรา
“ในความเห็นของผม สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนชาวไทยอยู่แล้ว ไม่สมควรไปจาบจ้วงหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คนที่กระทำผิดในคดีนี้จะมีโทษทางอาญา คือจำคุกตั้งแต่ 3 ปี - 15 ปี ส่วนการเผยแพร่คลิปก็เป็นความผิดพรบ. คอมพิวเตอร์อีกส่วนหนึ่ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้น เราจึงไม่ควรจาบจ้วงในความผิดเหล่านี้ เลยอยากเตือนให้คนไทยทุกคนพึงระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำต่างๆ ด้วยครับ”
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพประกอบจากแฟนเพจ "องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน"