-- มองสถานการณ์เรื่องของการหมิ่นสถาบันฯ ขณะนี้อย่างไร เพราะเกิดขึ้นบ่อยมาก
พูดกันแบบตรงๆ สถานการณ์ตอนนี้ สะท้อนถึงปัญหาความมั่นคงของชาติอย่างมาก การที่หมิ่นสถาบันฯ อย่างต่อเนื่อง เปิดเผย แสดงตัวตนอย่างชัดเจน รู้ตัวตน รู้หน้าตา รวมทั้งประกาศตนเป็น ศัตรูต่อองค์พระประมุข แสดงถึงปัญหาความมั่นคงของชาติ ได้ถูกคุกคามอย่างเป็นตัวเป็นตนชัดแจ้งแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า หลายปีมานี้ หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ปล่อยปละละเลย ขณะเดียวกัน ระบอบเผด็จการทรราช ได้คุกคามอย่างเต็มระบอบครอบคลุม ครอบงำไปหลายภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ องค์กรธุรกิจเอกชน ปลุกปั่น สร้างความเข้าใจที่ผิดต่อองค์พระประมุขอย่างร้ายแรงมาก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบซึ่งมีหน้าที่บางส่วนดูดาย ปล่อยปละละเลย บางส่วนเพิกเฉย ด้วยเป็นสมุนรับใช้ ทำให้กลุ่มคน รวมไปถึงขบวนการจ้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความเป็นตัวตนชัดเจน ซึ่งภาพเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นชัดเจนในวันนี้ แต่ชัดเจนหลายปีมาแล้ว เพียงแต่วันนี้ชัดเจนแบบเปิดตัวตนมาเลย เรียกว่าไม่ต้องเกรงอก เกรงใจอะไรกันแล้ว
จริงๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พระมหากษัตริย์ไม่มีโอกาสที่จะปกป้องตัวของพระองค์ได้เลย เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติ เพียงแต่ประชาชนไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะไปจัดการต่อกลุ่มคนชั่วร้ายเหล่านี้ ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีในส่วนงานที่รับผิดชอบ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร ปล่อยปละละเลยเท่านั้นยังไม่พอ กลุ่มคนที่จาบจ้วงสถาบันฯ ประกาศตน อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระประมุข ยังเป็นกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ ที่มองเห็นวันนี้คือว่า ฝ่ายที่ถือครองอำนาจรัฐ มีผู้ที่ให้การหนุนหลังเป็นพวกจ้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเอง ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมคนเดียวที่รับไม่ได้ แต่เชื่อว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ไม่สามารถจะยอมรับได้
--อะไรคือปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์การหมิ่นเบื้องสูงขยายตัว ลุกลาม
การแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจของนักการเมือง หรือพูดได้เลยว่าก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และลิ่วล้อ บริวาร แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า เพื่อผลประโยชน์ และอำนาจ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องจาบจ้วงองค์พระประมุข จริงๆแล้วหลายปีก่อนเราเผชิญปัญหาภัยคอมมิวนิสต์ เป็นปัญหาภายในประเทศ แต่เวลานี้เรื่องจาบจ้วง หมิ่นสถาบันฯ ก็เป็นปัญหาภายในเหมือนกัน แต่เป็นปัญหาความมั่นคงที่เกิดจากเผด็จการทรราชทุนสามานย์ ผสมผสานกับข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ ซึ่งแม้จะเป็นคนละรูปแบบกับปัญหาคอมมิวนิสต์ในอดีต แต่ปัญหาจาบจ้วงสถาบันฯ ในปัจจุบัน ผมถือว่าเลวร้าย และรุนแรงยิ่งกว่าปัญหาภัยคอมมิวนิสต์เสียอีก เพราะปัญหาปัจจุบันมันถึงตัว ถึงในกลางเมืองหลวงของประเทศ และยังกระจายไปทั่วราชอาณาจักร ทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ลงลึกไปถึงสถาบันครอบครัว ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ยาก เพราะส่วนหนึ่งเราปล่อยปละละเลยปัญหานี้มานาน และยังมีเรื่องของผลประโยชน์ และอำนาจถูกนำมาใช้ในการต่างตอบแทน ทำให้เกิดเป็นระบอบ ข้าราชการระดับสูงบางส่วน พ่อค้า นักธุรกิจ กลุ่มทุนบางส่วน แสวงหาผลประโยชน์จากการตอบแทนนี้ รวมตัวกันตอบแทนเกื้อกูลทำให้เกิดระบอบนี้ ปัญหาจึงลุกลาม กลายเป็นปัญหาของทั้งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เฉพาะองค์พระประมุขเพียงอย่างเดียว ลุกลามไปถึงปัญหาสังคมด้วย ปัญหานี้จึงรุนแรง และเลวร้ายกว่า ปัญหาคอมมิวนิสต์ เสียอีก
-- มองความรับผิดชอบของตำรวจและทหาร กับการจัดการปัญหานี้อย่างไร
กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จริงๆ แล้วทหารไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายที่จะไปจับตัวคนที่อาฆาตมาดร้าย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นหน้าที่ของตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ อัยการ ที่กฎหมายเขียนให้อำนาจไว้ แต่การปกป้ององค์พระประมุข เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติ ทหารมีหน้าที่เต็มๆ ในกรณีที่เกิดขึ้น แม้ทหารจะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการไปจับกุมอะไรเขา ทำได้เพียงแจ้งตำรวจผู้มีอำนาจหน้าที่ไปดำเนินการ แต่ทหารมีสิทธิ เสรีภาพ ที่จะ
แสดงออกถึงความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งขอเชิญเขามาพูดคุย สอบถามว่า การที่พูดเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์ เจตนาอะไร ป่วยหรืออย่างไร นายโกตี๋ ( นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี ) ถึงได้พูดจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว ทหารเราไม่ได้ไปจับกุมเขา ขอไปพบก็ได้ เพื่อสอบถามที่ให้สัมภาษณ์นั้น พูดไปได้อย่างไร ใช้สมองหรือสำนึกส่วนไหนพูด หรือคุณต้องการเป็นศัตรูต่อองค์พระประมุขด้วยเหตุอะไร พระองค์ท่านทำอะไรพวกคุณ ที่คุณกล่าวว่า พระองค์อยู่เบื้องหลังนั้น เบื้องหลังอะไร ขอให้คุณพูดมา ผมว่าถ้าทหารทำอย่างนี้ ไม่เห็นเสียหาย เราไม่ได้ไปจับเขา หรือทำเกินอำนาจ
ในฐานะทหารได้กระทำการถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า จะถวายการปกป้ององค์พระประมุขอยู่แล้ว ใครก็ตามที่แสดงพฤติกรรมอาฆาตมาดร้าย ข่มขู่องค์พระประมุข ทหารก็มีสิทธิ์ ที่จะเชิญมาพุดคุย สอบถาม การแสดงความไม่พออกพอใจของทหาร ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอะไร ยังอยู่ในขอบเขตกฎหมาย และเป็นอิสรเสรีภาพของทหาร ที่แสดงได้ ไม่ได้เป็นการผิดวินัย
ส่วนตำรวจมีอำนาจหน้าที่โดยตรง ไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีไปจี้ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งจับ นายโกตี๋ ไม่จำเป็นเลย คลิปที่ปรากฏก็เหมือนพบเห็นการทำผิดซึ่งหน้าแล้ว ตำรวจในพื้นที่ใดที่รับผิดชอบ ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว มีหน้าที่โดยตรงแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้นายกรัฐมนตรีมาสั่ง การที่มีข่าวออกมาว่า นายกรัฐมนตรี จี้ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการ ก็แปลว่า ถ้าไม่สั่งก็ไม่ทำ อย่างนั้นใช่หรือไม่ อย่างนี้ก็แสดงว่า มีอำนาจหน้าที่แล้วไม่ ปฏิบัติ เพิกเฉยละเลย
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวนายโกตี๋ ก็ประกาศเรื่องจะแบ่งแยกประเทศ จัดตั้ง สปป.ล้านนา เป็นการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับพระราชอำนาจ ทั้งที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว ใครจะมาแบ่งแยกมิได้ การที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ออกมา ผมถือว่าเป็นกบฏ เคยมองว่า เขาอาจจะพลั้งปาก ไม่ได้ใช้สมองคิด แต่ครั้งนี้ ที่มีคลิปการไปสัมภาษณ์ ประกาศตัวเป็นศัตรูต่อพระเจ้าแผ่นดิน ผมว่าชัดเจน โดยที่ไม่ต้องไปพูดเรื่องอื่นแล้ว
--หากผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หากสถานการณ์อย่างนี้ให้ดำรงอยู่ในบ้านเมือง ไม่ดำเนินการจัดการเป็นรูปธรรมจะเป็นอย่างไร
นอกจากจะถือว่าผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้กระทำการผิดกฎหมายแล้ว เพิกเฉย ปล่อยปละละเลย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ การปล่อยไป ความเหิมเกริมของกลุ่มคนเหล่านี้ จะยิ่งทวีมากขึ้น ที่ผ่านมากว่า 10 ปี เราปล่อยผ่านปัญหานี้โดยไม่มีการดำเนินการจริงจัง แต่ 3-4 ปีมานี้ ปัญหานี้รุนแรงขึ้น เดิมไม่คิด ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนเลวร้ายแบบนี้ ส่วนตัวเหลืออดมาก แต่เราไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ ผมก็เชื่อมั่นว่าทหารทั้งกองทัพรู้สึกอย่างเดียวกัน เช่นเดียวกับ
ประชาชนเกือบทั้งประเทศ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน ผมไม่กล้าพุดว่าทั้งประเทศ เพราะปรากฏว่า มีประชาชนบางส่วน แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น ไม่ใช่ส่วนใหญ่ คนพวกนี้ขึ้นเวทีพูดจาจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ โดยที่มีประชาชนอีกพวกคอยส่งเสียงเฮ ปรบมือ แสดงความชอบใจ ผมถือว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนไทย เป็นอริราชศัตรูด้วยซ้ำ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเกรงอกเกรงใจคนเหล่านี้ หรือยอมรับว่าเขาคือประชาชนคนไทยอีกต่อไปแล้ว
ฉะนั้นการแสดงออกของประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติทั้งหลาย ผู้มีความจงรักภักดี ทหารซึ่งต้องถวายความปลอดภัยต่อองค์พระประมุข สามารถแสดงความไม่พอใจนี้ออกมาได้ เราไม่ได้เอาปืนไปยิงเขา ลอบฆ่า ลอบอุ้มเขา ไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่แสดงความไม่พอใจ และกดดันให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ทหารสามารถกดดันเขาได้ ในฐานะส่วนราชการด้วยกัน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเราปล่อย กันอย่างนี้ เรื่องราวมันถึงได้เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความเข้าใจที่ผิด ได้ถูกสื่อไปถึงต่างชาติ คิดดูถ้าเราไม่มีการแสดงออกในทางที่ถูกต้อง เราเฉยๆ ต่างชาติก็อาจจะเข้าใจประเทศไทยผิดๆ ได้ และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน การแก้ไขปัญหานี้ก็จะยิ่งยากขึ้น เหมือนด้ายมันพันกัน จะแก้ต้องแก้แต่แรก ถ้าเราปล่อยไปเรื่อยๆมันก็พันกันยุ่ง จะแก้ก็แก้ยากขึ้น แล้วถ้าเราปล่อยมันพันไปอีก มันก็ยิ่งแก้ยากขึ้นไปอีก แล้วถึงจุดหนึ่งเราก็จะแก้อะไรไม่ได้ ถึงวันนั้นเราจะเสียใจ ปัญหาก็คือ วันนี้เรามองสิ่งต่างๆ ที่บอกเหตุ แล้วปล่อยทิ้งไว้ มันก็จะเข้าสู่ความล่มสลายของประเทศชาติ ประเทศไทยไม่มีองค์พระประมุข ประเทศไทยอยู่ไม่ได้หรอก ระบอบประธานาธิบดี ผมเชื่อคนไทยยอมรับกันไม่ได้หรอก
-ถ้าปล่อยปัญหาไว้ ไม่มีการจัดการ จะบานปลาย ทำให้ที่สุดระบอบการปกครองของประเทศไทย ถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ในขณะนี้ยังคิดว่า คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ คงยากจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเรายังเฉย แล้วปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็มีความเป็นไปได้ โดยหลักเราไม่ต้องการให้มีความเสี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้เหิมเกริมอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ หลายปีมานี้ คนไทยอยู่กับความเจริญทางวัตถุ ความผูกพันทางจิตใจน้อย คนรุ่นใหม่ถูกสอน รับรู้ ในเรื่องพระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจ ที่พระองค์ท่านทำไว้น้อย ต่างกับสมัยผมเป็นเด็ก ผมจะเห็นข่าวพระองค์ท่านปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็เข้าใจว่าพระองค์ทรงเหนื่อยยากขนาดไหน แต่คนรุ่นใหม่ไม่เห็น ไม่ทราบ ฉะนั้นถ้าปล่อยทิ้งไว้เรื่อยๆ สถาบันฯจะล่มสลาย เป็นไปได้ แต่เราจะต้องไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
-สิ่งที่อยากเห็นอย่างเป็นรูปธรรม กับการจัดการปัญหานี้
ต้องเด็ดขาดและทันท่วงที ปัญหากลุ่มคนอาฆาตมาดร้าย และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว ทันที และต้องเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ผมไม่ใช่เป็นคนนิยมความรุนแรง แต่เพราะเราหนอมแน้มกัน อย่างนี้ มันถึงได้ใจ จับมาก็ให้ประกันตัว แล้วก็ปล่อยให้ไปขึ้นเวทีต่อ ที่สำคัญทุกวันนี้มันมีคนให้ท้าย สนับสนุน ให้ที่พักพิง คุ้มครอง ผมไม่พุดถึง โกตี๋ คนเดียว แต่พูดถึงนายตั้ง อาชีวะ และอีกหลายๆคน ผมว่าไม่ใช่ผมคนเดียว แต่คนไทยหลายสิบล้านคน คิดอย่างเดียวกับผม วันนี้เชื่อว่ามีคนเหลืออดจนอาจจะกระทำการบางอย่างที่เกินกว่าที่กฎหมายอนุญาตให้ทำ ซึ่งการแก้ไข และทำให้เห็นเป็นรูปธรรม เข้าใจเป็นเรื่องยาก แต่ต้องทำ ถ้าคนไทยมีจิตสำนึก รู้ผิดชอบ ชั่ว ดี รู้ดี รู้ชั่ว รู้คุณแผ่นดิน สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ได้ อาจแก้ไม่ได้ภายในหนึ่งปี สองปี อาจต้องใช้เป็น10 ปี แต่มันจะต้องทำ ต้องหยุดยั้งความเหิมเกริมให้ได้ ซึ่งถ้าผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ก็น่าจะได้ระงับยับยั้ง และแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง
-- แนวคิดการจัดตั้งกองทุนเผาขยะแผ่นดิน เป็นอย่างไร จำเป็นแค่ไหน
เป็นแนวคิดที่ผมเสนอให้กับประชาชน ไม่ใช่ผมริเริ่ม แต่ผมพร้อมที่จะเข้าร่วมด้วย และเชื่อว่าแนวคิดนี้ ไม่ใช่แนวคิดของผมคนเดียว แต่มีคนไทยจำนวนมาก ที่อยากจะกำจัดขยะแผ่นดิน ซึ่งผมถือว่าคนเหล่านี้เป็นเศษขยะ เขาไม่ใช่คนไทยนะ แต่เป็นคนที่เนรคุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเราถือเป็นขยะแผ่นดิน เมื่อเป็นเศษขยะ ก็ต้องมีคนเก็บ เก็บมาแล้วเศษขยะเหล่านี้ผมว่าไม่ควรเอามารีไซเคิลด้วยซ้ำ แต่ให้เผาทิ้งเสียให้เป็นธุลี ซึ่งกองทุนเผาขยะแผ่นดิน เป็น สิ่งที่เราสื่อว่า ถ้าตราบใดรัฐบาล หน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จัดการปัญหากลุ่มคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในทันทีแล้ว ประชาชนซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้าเขาต้องลุกขึ้นมาจัดการกันเอง นั่นคือ ประชาชนได้รวมตัวกันกระทำกิจกรรมที่นอกกฎหมาย ซึ่งกิจกรรมนอกกฎหมาย เน้นว่าไม่ใช่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
อย่างผมพูดถึงองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ก็ต้องถือว่าเป็นองค์กรนอกกฎหมาย แต่จะถือว่าทำผิดกฎหมายอะไรไหม ก็ไม่ใช่ แต่เป็นองค์กรที่เราพูดกันขึ้นมา ไม่ได้มีการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น เราไม่มีใครเป็นประธาน เป็นรองประธานองค์กร แต่เป็นแนวคิดที่ก็คิดว่า ไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียวที่คิด แต่มีคนจำนวนมากที่คิดเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้มันมีความเป็นได้ว่า จะเกิดขึ้นหากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และถ้าองค์กรนี้มันเกิดขึ้นผมก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุน ผมโพสต์เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะอยากดัง พูดเล่น หรือต้องการเอาความสะใจ แต่เป็นการให้แง่คิดว่า มันมีความเป็นไปได้ในตรรกะวิทยา ว่ามีคนที่เขาจะเหลืออดกับการกระทำเหล่านี้ และเขาพร้อมที่จัดตั้งกันขึ้นมา ซึ่งการจะเก็บและเผาขยะแผ่นดินนี้กันอย่างไร ผมไม่อาจจะรู้ได้ เพราะวิธีการของการเก็บขยะนั้นมัน มีได้อยู่หลายวิธี
ส่วนที่ให้รวบรวมพฤติกรรมของคนกระทำจาบจ้วงสถาบันเอาไว้ ก็เพราะเราเชื่อว่า นี่คือขบวนการล้มเจ้า ซึ่งคนที่อยู่ในขบวนการนี้เขากระทำการจาบจ้วงด้วยความเกลียดต่อองค์พระประมุข และสถาบันฯ ซึ่งการจะแก้ปัญหาบางครั้งไม่เพียงแก้แค่ระดับหัว แต่ต้องแก้ระดับรากแก้ว รากฝอยด้วย ซึ่งการจะโค่นระบอบนี้ มันต้องจัดการให้สิ้นซากไม่ให้เหลือเมล็ดพันธุ์ ฉะนั้นการเก็บข้อมูลคนเหล่านี้ไว้ วันหนึ่งถ้าเราจะใช้ในการดำเนินการ เราสามารถสืบเสาะได้ตัว
บุคคล แม้แต่คนที่มาป่วนในเฟซบุ๊กของผม ผมก็ไมได้ตอบโต้ แต่เก็บข้อมูลต่างๆ ไว้หมด แล้วก็แชร์ความคิดนี้ให้กับ เพื่อนทุกคนว่า ไม่ต้องตอบโต้อะไรเขา ดูเขา ผมจะรู้หมด ใครทำงานอยู่สำนักไหน บ้านอยู่ไหน ซึ่งเราเก็บข้อมูลคนเหล่านี้ไปเรื่อยๆ เพราะถึงจุดหนึ่งข้อมูลเหล่านี้จะใช้ประโยชน์ได้ แต่ไม่ใช่เราเราจะไปอุ้ม ไปฆ่าเขา แต่การเก็บข้อมูลตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ไว้หมด จะทำให้เรารู้ถึงขบวนการ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ความจริงมีไม่เยอะ เป็นคนส่วนน้อยในสังคมเท่านั้น ส่วน หนึ่งก็เกิดจากความไม่เข้าใจ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากความจงใจ
ผมเสนอแนวคิดนี้ และมีคนที่มีศักยภาพ เป็นผู้ใหญ่ก็มีเยอะเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ มันเหมือนผมชูประเด็นขึ้นมา แล้วเขาก็ไปคิดต่อยอด องค์กรนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเป็นตัวตน เป็นเพียงแนวคิดเพื่อจุดประกายให้กับคนไทยที่มีความจงรักภักดีได้คิด ว่าหากมันเกิดสิ่งเหล่านี้ ก็จำเป็นที่เราต้องทำสิ่งดังต่อไปนี้ เพราะบางทีการต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา อย่างเดียวมันไม่พอ แต่ผมก็ไมได้บอกว่าต้องใช้ความรุนแรงนะ แต่มันต้องมีวิธีการอย่างอื่น ที่ต่อยอดความคิดที่ไม่ทำให้การ เกิดการเหิมเกริม เราต้องพยายามควบคุมคนไม่ดีให้ก่อความวุ่นวาย แต่นี่เราปล่อยปละละเลย ฉะนั้นการรวมตัวในลักษณะองค์กรอย่างนี้เป็นองค์กรของอุดมการณ์ ความคิด ซึ่งน่าจะมีการดำเนินการกันบ้างแล้ว
พูดกันแบบตรงๆ สถานการณ์ตอนนี้ สะท้อนถึงปัญหาความมั่นคงของชาติอย่างมาก การที่หมิ่นสถาบันฯ อย่างต่อเนื่อง เปิดเผย แสดงตัวตนอย่างชัดเจน รู้ตัวตน รู้หน้าตา รวมทั้งประกาศตนเป็น ศัตรูต่อองค์พระประมุข แสดงถึงปัญหาความมั่นคงของชาติ ได้ถูกคุกคามอย่างเป็นตัวเป็นตนชัดแจ้งแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า หลายปีมานี้ หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ปล่อยปละละเลย ขณะเดียวกัน ระบอบเผด็จการทรราช ได้คุกคามอย่างเต็มระบอบครอบคลุม ครอบงำไปหลายภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ องค์กรธุรกิจเอกชน ปลุกปั่น สร้างความเข้าใจที่ผิดต่อองค์พระประมุขอย่างร้ายแรงมาก โดยที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบซึ่งมีหน้าที่บางส่วนดูดาย ปล่อยปละละเลย บางส่วนเพิกเฉย ด้วยเป็นสมุนรับใช้ ทำให้กลุ่มคน รวมไปถึงขบวนการจ้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความเป็นตัวตนชัดเจน ซึ่งภาพเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นชัดเจนในวันนี้ แต่ชัดเจนหลายปีมาแล้ว เพียงแต่วันนี้ชัดเจนแบบเปิดตัวตนมาเลย เรียกว่าไม่ต้องเกรงอก เกรงใจอะไรกันแล้ว
จริงๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พระมหากษัตริย์ไม่มีโอกาสที่จะปกป้องตัวของพระองค์ได้เลย เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติ เพียงแต่ประชาชนไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะไปจัดการต่อกลุ่มคนชั่วร้ายเหล่านี้ ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีในส่วนงานที่รับผิดชอบ ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร ปล่อยปละละเลยเท่านั้นยังไม่พอ กลุ่มคนที่จาบจ้วงสถาบันฯ ประกาศตน อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระประมุข ยังเป็นกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ ที่มองเห็นวันนี้คือว่า ฝ่ายที่ถือครองอำนาจรัฐ มีผู้ที่ให้การหนุนหลังเป็นพวกจ้องล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเอง ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผมคนเดียวที่รับไม่ได้ แต่เชื่อว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ไม่สามารถจะยอมรับได้
--อะไรคือปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์การหมิ่นเบื้องสูงขยายตัว ลุกลาม
การแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจของนักการเมือง หรือพูดได้เลยว่าก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และลิ่วล้อ บริวาร แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า เพื่อผลประโยชน์ และอำนาจ จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องจาบจ้วงองค์พระประมุข จริงๆแล้วหลายปีก่อนเราเผชิญปัญหาภัยคอมมิวนิสต์ เป็นปัญหาภายในประเทศ แต่เวลานี้เรื่องจาบจ้วง หมิ่นสถาบันฯ ก็เป็นปัญหาภายในเหมือนกัน แต่เป็นปัญหาความมั่นคงที่เกิดจากเผด็จการทรราชทุนสามานย์ ผสมผสานกับข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ ซึ่งแม้จะเป็นคนละรูปแบบกับปัญหาคอมมิวนิสต์ในอดีต แต่ปัญหาจาบจ้วงสถาบันฯ ในปัจจุบัน ผมถือว่าเลวร้าย และรุนแรงยิ่งกว่าปัญหาภัยคอมมิวนิสต์เสียอีก เพราะปัญหาปัจจุบันมันถึงตัว ถึงในกลางเมืองหลวงของประเทศ และยังกระจายไปทั่วราชอาณาจักร ทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ลงลึกไปถึงสถาบันครอบครัว ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ยาก เพราะส่วนหนึ่งเราปล่อยปละละเลยปัญหานี้มานาน และยังมีเรื่องของผลประโยชน์ และอำนาจถูกนำมาใช้ในการต่างตอบแทน ทำให้เกิดเป็นระบอบ ข้าราชการระดับสูงบางส่วน พ่อค้า นักธุรกิจ กลุ่มทุนบางส่วน แสวงหาผลประโยชน์จากการตอบแทนนี้ รวมตัวกันตอบแทนเกื้อกูลทำให้เกิดระบอบนี้ ปัญหาจึงลุกลาม กลายเป็นปัญหาของทั้งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เฉพาะองค์พระประมุขเพียงอย่างเดียว ลุกลามไปถึงปัญหาสังคมด้วย ปัญหานี้จึงรุนแรง และเลวร้ายกว่า ปัญหาคอมมิวนิสต์ เสียอีก
-- มองความรับผิดชอบของตำรวจและทหาร กับการจัดการปัญหานี้อย่างไร
กรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จริงๆ แล้วทหารไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายที่จะไปจับตัวคนที่อาฆาตมาดร้าย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นหน้าที่ของตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ อัยการ ที่กฎหมายเขียนให้อำนาจไว้ แต่การปกป้ององค์พระประมุข เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติ ทหารมีหน้าที่เต็มๆ ในกรณีที่เกิดขึ้น แม้ทหารจะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการไปจับกุมอะไรเขา ทำได้เพียงแจ้งตำรวจผู้มีอำนาจหน้าที่ไปดำเนินการ แต่ทหารมีสิทธิ เสรีภาพ ที่จะ
แสดงออกถึงความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งขอเชิญเขามาพูดคุย สอบถามว่า การที่พูดเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์ เจตนาอะไร ป่วยหรืออย่างไร นายโกตี๋ ( นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี ) ถึงได้พูดจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว ทหารเราไม่ได้ไปจับกุมเขา ขอไปพบก็ได้ เพื่อสอบถามที่ให้สัมภาษณ์นั้น พูดไปได้อย่างไร ใช้สมองหรือสำนึกส่วนไหนพูด หรือคุณต้องการเป็นศัตรูต่อองค์พระประมุขด้วยเหตุอะไร พระองค์ท่านทำอะไรพวกคุณ ที่คุณกล่าวว่า พระองค์อยู่เบื้องหลังนั้น เบื้องหลังอะไร ขอให้คุณพูดมา ผมว่าถ้าทหารทำอย่างนี้ ไม่เห็นเสียหาย เราไม่ได้ไปจับเขา หรือทำเกินอำนาจ
ในฐานะทหารได้กระทำการถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า จะถวายการปกป้ององค์พระประมุขอยู่แล้ว ใครก็ตามที่แสดงพฤติกรรมอาฆาตมาดร้าย ข่มขู่องค์พระประมุข ทหารก็มีสิทธิ์ ที่จะเชิญมาพุดคุย สอบถาม การแสดงความไม่พออกพอใจของทหาร ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอะไร ยังอยู่ในขอบเขตกฎหมาย และเป็นอิสรเสรีภาพของทหาร ที่แสดงได้ ไม่ได้เป็นการผิดวินัย
ส่วนตำรวจมีอำนาจหน้าที่โดยตรง ไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีไปจี้ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งจับ นายโกตี๋ ไม่จำเป็นเลย คลิปที่ปรากฏก็เหมือนพบเห็นการทำผิดซึ่งหน้าแล้ว ตำรวจในพื้นที่ใดที่รับผิดชอบ ก็สามารถดำเนินการได้แล้ว มีหน้าที่โดยตรงแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้นายกรัฐมนตรีมาสั่ง การที่มีข่าวออกมาว่า นายกรัฐมนตรี จี้ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการ ก็แปลว่า ถ้าไม่สั่งก็ไม่ทำ อย่างนั้นใช่หรือไม่ อย่างนี้ก็แสดงว่า มีอำนาจหน้าที่แล้วไม่ ปฏิบัติ เพิกเฉยละเลย
ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวนายโกตี๋ ก็ประกาศเรื่องจะแบ่งแยกประเทศ จัดตั้ง สปป.ล้านนา เป็นการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับพระราชอำนาจ ทั้งที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว ใครจะมาแบ่งแยกมิได้ การที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ออกมา ผมถือว่าเป็นกบฏ เคยมองว่า เขาอาจจะพลั้งปาก ไม่ได้ใช้สมองคิด แต่ครั้งนี้ ที่มีคลิปการไปสัมภาษณ์ ประกาศตัวเป็นศัตรูต่อพระเจ้าแผ่นดิน ผมว่าชัดเจน โดยที่ไม่ต้องไปพูดเรื่องอื่นแล้ว
--หากผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หากสถานการณ์อย่างนี้ให้ดำรงอยู่ในบ้านเมือง ไม่ดำเนินการจัดการเป็นรูปธรรมจะเป็นอย่างไร
นอกจากจะถือว่าผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้กระทำการผิดกฎหมายแล้ว เพิกเฉย ปล่อยปละละเลย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ การปล่อยไป ความเหิมเกริมของกลุ่มคนเหล่านี้ จะยิ่งทวีมากขึ้น ที่ผ่านมากว่า 10 ปี เราปล่อยผ่านปัญหานี้โดยไม่มีการดำเนินการจริงจัง แต่ 3-4 ปีมานี้ ปัญหานี้รุนแรงขึ้น เดิมไม่คิด ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนเลวร้ายแบบนี้ ส่วนตัวเหลืออดมาก แต่เราไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ ผมก็เชื่อมั่นว่าทหารทั้งกองทัพรู้สึกอย่างเดียวกัน เช่นเดียวกับ
ประชาชนเกือบทั้งประเทศ ก็รู้สึกแบบเดียวกัน ผมไม่กล้าพุดว่าทั้งประเทศ เพราะปรากฏว่า มีประชาชนบางส่วน แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น ไม่ใช่ส่วนใหญ่ คนพวกนี้ขึ้นเวทีพูดจาจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ โดยที่มีประชาชนอีกพวกคอยส่งเสียงเฮ ปรบมือ แสดงความชอบใจ ผมถือว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนไทย เป็นอริราชศัตรูด้วยซ้ำ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเกรงอกเกรงใจคนเหล่านี้ หรือยอมรับว่าเขาคือประชาชนคนไทยอีกต่อไปแล้ว
ฉะนั้นการแสดงออกของประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติทั้งหลาย ผู้มีความจงรักภักดี ทหารซึ่งต้องถวายความปลอดภัยต่อองค์พระประมุข สามารถแสดงความไม่พอใจนี้ออกมาได้ เราไม่ได้เอาปืนไปยิงเขา ลอบฆ่า ลอบอุ้มเขา ไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่แสดงความไม่พอใจ และกดดันให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ทหารสามารถกดดันเขาได้ ในฐานะส่วนราชการด้วยกัน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเราปล่อย กันอย่างนี้ เรื่องราวมันถึงได้เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความเข้าใจที่ผิด ได้ถูกสื่อไปถึงต่างชาติ คิดดูถ้าเราไม่มีการแสดงออกในทางที่ถูกต้อง เราเฉยๆ ต่างชาติก็อาจจะเข้าใจประเทศไทยผิดๆ ได้ และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน การแก้ไขปัญหานี้ก็จะยิ่งยากขึ้น เหมือนด้ายมันพันกัน จะแก้ต้องแก้แต่แรก ถ้าเราปล่อยไปเรื่อยๆมันก็พันกันยุ่ง จะแก้ก็แก้ยากขึ้น แล้วถ้าเราปล่อยมันพันไปอีก มันก็ยิ่งแก้ยากขึ้นไปอีก แล้วถึงจุดหนึ่งเราก็จะแก้อะไรไม่ได้ ถึงวันนั้นเราจะเสียใจ ปัญหาก็คือ วันนี้เรามองสิ่งต่างๆ ที่บอกเหตุ แล้วปล่อยทิ้งไว้ มันก็จะเข้าสู่ความล่มสลายของประเทศชาติ ประเทศไทยไม่มีองค์พระประมุข ประเทศไทยอยู่ไม่ได้หรอก ระบอบประธานาธิบดี ผมเชื่อคนไทยยอมรับกันไม่ได้หรอก
-ถ้าปล่อยปัญหาไว้ ไม่มีการจัดการ จะบานปลาย ทำให้ที่สุดระบอบการปกครองของประเทศไทย ถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ในขณะนี้ยังคิดว่า คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ คงยากจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเรายังเฉย แล้วปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็มีความเป็นไปได้ โดยหลักเราไม่ต้องการให้มีความเสี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้เหิมเกริมอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ หลายปีมานี้ คนไทยอยู่กับความเจริญทางวัตถุ ความผูกพันทางจิตใจน้อย คนรุ่นใหม่ถูกสอน รับรู้ ในเรื่องพระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจ ที่พระองค์ท่านทำไว้น้อย ต่างกับสมัยผมเป็นเด็ก ผมจะเห็นข่าวพระองค์ท่านปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็เข้าใจว่าพระองค์ทรงเหนื่อยยากขนาดไหน แต่คนรุ่นใหม่ไม่เห็น ไม่ทราบ ฉะนั้นถ้าปล่อยทิ้งไว้เรื่อยๆ สถาบันฯจะล่มสลาย เป็นไปได้ แต่เราจะต้องไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
-สิ่งที่อยากเห็นอย่างเป็นรูปธรรม กับการจัดการปัญหานี้
ต้องเด็ดขาดและทันท่วงที ปัญหากลุ่มคนอาฆาตมาดร้าย และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว ทันที และต้องเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ผมไม่ใช่เป็นคนนิยมความรุนแรง แต่เพราะเราหนอมแน้มกัน อย่างนี้ มันถึงได้ใจ จับมาก็ให้ประกันตัว แล้วก็ปล่อยให้ไปขึ้นเวทีต่อ ที่สำคัญทุกวันนี้มันมีคนให้ท้าย สนับสนุน ให้ที่พักพิง คุ้มครอง ผมไม่พุดถึง โกตี๋ คนเดียว แต่พูดถึงนายตั้ง อาชีวะ และอีกหลายๆคน ผมว่าไม่ใช่ผมคนเดียว แต่คนไทยหลายสิบล้านคน คิดอย่างเดียวกับผม วันนี้เชื่อว่ามีคนเหลืออดจนอาจจะกระทำการบางอย่างที่เกินกว่าที่กฎหมายอนุญาตให้ทำ ซึ่งการแก้ไข และทำให้เห็นเป็นรูปธรรม เข้าใจเป็นเรื่องยาก แต่ต้องทำ ถ้าคนไทยมีจิตสำนึก รู้ผิดชอบ ชั่ว ดี รู้ดี รู้ชั่ว รู้คุณแผ่นดิน สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ได้ อาจแก้ไม่ได้ภายในหนึ่งปี สองปี อาจต้องใช้เป็น10 ปี แต่มันจะต้องทำ ต้องหยุดยั้งความเหิมเกริมให้ได้ ซึ่งถ้าผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ก็น่าจะได้ระงับยับยั้ง และแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง
-- แนวคิดการจัดตั้งกองทุนเผาขยะแผ่นดิน เป็นอย่างไร จำเป็นแค่ไหน
เป็นแนวคิดที่ผมเสนอให้กับประชาชน ไม่ใช่ผมริเริ่ม แต่ผมพร้อมที่จะเข้าร่วมด้วย และเชื่อว่าแนวคิดนี้ ไม่ใช่แนวคิดของผมคนเดียว แต่มีคนไทยจำนวนมาก ที่อยากจะกำจัดขยะแผ่นดิน ซึ่งผมถือว่าคนเหล่านี้เป็นเศษขยะ เขาไม่ใช่คนไทยนะ แต่เป็นคนที่เนรคุณชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเราถือเป็นขยะแผ่นดิน เมื่อเป็นเศษขยะ ก็ต้องมีคนเก็บ เก็บมาแล้วเศษขยะเหล่านี้ผมว่าไม่ควรเอามารีไซเคิลด้วยซ้ำ แต่ให้เผาทิ้งเสียให้เป็นธุลี ซึ่งกองทุนเผาขยะแผ่นดิน เป็น สิ่งที่เราสื่อว่า ถ้าตราบใดรัฐบาล หน่วยงานราชการที่มีอำนาจหน้าที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จัดการปัญหากลุ่มคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในทันทีแล้ว ประชาชนซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้าเขาต้องลุกขึ้นมาจัดการกันเอง นั่นคือ ประชาชนได้รวมตัวกันกระทำกิจกรรมที่นอกกฎหมาย ซึ่งกิจกรรมนอกกฎหมาย เน้นว่าไม่ใช่กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
อย่างผมพูดถึงองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ก็ต้องถือว่าเป็นองค์กรนอกกฎหมาย แต่จะถือว่าทำผิดกฎหมายอะไรไหม ก็ไม่ใช่ แต่เป็นองค์กรที่เราพูดกันขึ้นมา ไม่ได้มีการจดทะเบียนอะไรทั้งสิ้น เราไม่มีใครเป็นประธาน เป็นรองประธานองค์กร แต่เป็นแนวคิดที่ก็คิดว่า ไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียวที่คิด แต่มีคนจำนวนมากที่คิดเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้มันมีความเป็นได้ว่า จะเกิดขึ้นหากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และถ้าองค์กรนี้มันเกิดขึ้นผมก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุน ผมโพสต์เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะอยากดัง พูดเล่น หรือต้องการเอาความสะใจ แต่เป็นการให้แง่คิดว่า มันมีความเป็นไปได้ในตรรกะวิทยา ว่ามีคนที่เขาจะเหลืออดกับการกระทำเหล่านี้ และเขาพร้อมที่จัดตั้งกันขึ้นมา ซึ่งการจะเก็บและเผาขยะแผ่นดินนี้กันอย่างไร ผมไม่อาจจะรู้ได้ เพราะวิธีการของการเก็บขยะนั้นมัน มีได้อยู่หลายวิธี
ส่วนที่ให้รวบรวมพฤติกรรมของคนกระทำจาบจ้วงสถาบันเอาไว้ ก็เพราะเราเชื่อว่า นี่คือขบวนการล้มเจ้า ซึ่งคนที่อยู่ในขบวนการนี้เขากระทำการจาบจ้วงด้วยความเกลียดต่อองค์พระประมุข และสถาบันฯ ซึ่งการจะแก้ปัญหาบางครั้งไม่เพียงแก้แค่ระดับหัว แต่ต้องแก้ระดับรากแก้ว รากฝอยด้วย ซึ่งการจะโค่นระบอบนี้ มันต้องจัดการให้สิ้นซากไม่ให้เหลือเมล็ดพันธุ์ ฉะนั้นการเก็บข้อมูลคนเหล่านี้ไว้ วันหนึ่งถ้าเราจะใช้ในการดำเนินการ เราสามารถสืบเสาะได้ตัว
บุคคล แม้แต่คนที่มาป่วนในเฟซบุ๊กของผม ผมก็ไมได้ตอบโต้ แต่เก็บข้อมูลต่างๆ ไว้หมด แล้วก็แชร์ความคิดนี้ให้กับ เพื่อนทุกคนว่า ไม่ต้องตอบโต้อะไรเขา ดูเขา ผมจะรู้หมด ใครทำงานอยู่สำนักไหน บ้านอยู่ไหน ซึ่งเราเก็บข้อมูลคนเหล่านี้ไปเรื่อยๆ เพราะถึงจุดหนึ่งข้อมูลเหล่านี้จะใช้ประโยชน์ได้ แต่ไม่ใช่เราเราจะไปอุ้ม ไปฆ่าเขา แต่การเก็บข้อมูลตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ไว้หมด จะทำให้เรารู้ถึงขบวนการ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ความจริงมีไม่เยอะ เป็นคนส่วนน้อยในสังคมเท่านั้น ส่วน หนึ่งก็เกิดจากความไม่เข้าใจ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็เกิดจากความจงใจ
ผมเสนอแนวคิดนี้ และมีคนที่มีศักยภาพ เป็นผู้ใหญ่ก็มีเยอะเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ มันเหมือนผมชูประเด็นขึ้นมา แล้วเขาก็ไปคิดต่อยอด องค์กรนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเป็นตัวตน เป็นเพียงแนวคิดเพื่อจุดประกายให้กับคนไทยที่มีความจงรักภักดีได้คิด ว่าหากมันเกิดสิ่งเหล่านี้ ก็จำเป็นที่เราต้องทำสิ่งดังต่อไปนี้ เพราะบางทีการต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา อย่างเดียวมันไม่พอ แต่ผมก็ไมได้บอกว่าต้องใช้ความรุนแรงนะ แต่มันต้องมีวิธีการอย่างอื่น ที่ต่อยอดความคิดที่ไม่ทำให้การ เกิดการเหิมเกริม เราต้องพยายามควบคุมคนไม่ดีให้ก่อความวุ่นวาย แต่นี่เราปล่อยปละละเลย ฉะนั้นการรวมตัวในลักษณะองค์กรอย่างนี้เป็นองค์กรของอุดมการณ์ ความคิด ซึ่งน่าจะมีการดำเนินการกันบ้างแล้ว
