ทีมโฆษก ปชป.ชี้ตามคาด พท.ออกตัวไม่รับอำนาจศาล รู้ตัวเลือกตั้งส่อโมฆะ ลอกสันดานชินวัตร จี้สังคมประณาม ดักอย่าโบ้ยเจอขวาง ย้อนไม่อยู่ใต้ กม.ก็ไปหาประเทศใหม่ ผุด 8 เหตุจี้ใจถึงต้องกลัว เผยผู้ว่าฯ กทม.ขอกองทัพคงบังเกอร์ เช็กวงจรปิดดูแล ปชช. ชี้รัฐหวังตัดกำลังทหาร เปิดทางสมุนลอบกัดฝั่งตรงข้ามรัฐ เล็งชง ป.ป.ช.สอบคนรัฐปล่อย “ตั้ง อาชีวะ” จาบจ้วง จี้นายกฯ ร่วมมือเอาผิดสาวกแยกดินแดน
วันนี้ (19 มี.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มไต่สวนคำชี้แจงกรณีมีผู้ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ขัดรัฐธรรมนูญซึ่งจะทำให้เป็นโมฆะหรือไม่ว่า เป็นไปตามที่คาดว่าผู้ที่ออกแถลงการณ์คัดค้านการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ คือ พรรคเพื่อไทย สะท้อนพฤติกรรมซ้ำๆ เดิมๆ ของบุคลากรของเพื่อไทยที่มีพฤติกรรมไม่ยอมรับอำนาจศาล แสดงถึงความไม่เป็นประชาธิปไตย สะท้อนความล้มเหลวของบุคลากรในพรรคเพื่อไทย เป็นการทำลายระบบการเมืองและโครงสร้างประชาธิปไตยของประเทศไทย การปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญของกลุ่มบุคคลเหล่านี้เพราะทราบดีว่าพฤติกรรมในกระบวนการเลือกตั้งส่อเป็นโมฆะจึงออกมาตีปลาหน้าไซดักคอศาลรัฐธรรมนูญที่อาจมีคำวินิจฉัยในวันนี้
นายชวนนท์เรียกร้องให้สังคมไทยร่วมกันประณามพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศไทย ไม่ยอมรับกติกาพยายามอยู่เหนือกฎหมาย โดยเป็นแนวทางที่ดำเนินการตามรอย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ที่ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาจนถึงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่าถูกกฎหมายไล่ล่า กระทั่งมีการประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง และเห็นว่าข้อกล่าวหาที่อ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ขัดขวางเลือกตั้งนั้นเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ หากเห็นว่ามีการกระทำผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งก็สามารถดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดได้ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าปัญหาเกิดจากพรรคเพื่อไทยมีปัญหากับการใช้ชีวิตตามระบบกฎหมายไทยจึงขอเสนอให้คนเหล่านี้ไปหาประเทศใหม่ในการดำรงชีวิต ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะเดินหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ ถ้ามีนักการเมืองมีแนวคิด “ได้เอา เสียไม่จ่าย” อย่างพรรคเพื่อไทย
“ผมเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบนข้อกฎหมาย ยึดเอาผลประโยชน์ชาติประชาชนเป็นที่ตั้งอย่าหวั่นไหวกับนักการเมืองที่ขาดจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อประเทศ การที่พรรคเพื่อไทยปฏิเสธอำนาจศาล เพราะทราบดีว่าถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะจะเกิดปัญหากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย จึงจำเป็นต้องดันทุรังให้การเลือกตั้งมีความชอบธรรมเพื่อหวนคืนสู่อำนาจโดยเร็ว” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะที่เป็น ผอ.ศูนย์รักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือถึงกองทัพเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนด้วยการคงมีบังเกอร์ทั้ง 176 จุดไว้ และเพิ่มการตรวจสอบด้วยกล้องวงจรปิดเพื่อให้มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนเป็นไปอย่างเข้มข้นมากขึ้นด้วย หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร และพยายามเจรจาให้กองทัพถอนบังเกอร์ออกไป ซึ่ง การยกเลิกดังกล่าวไม่ได้ทำเพื่อความสงบของประเทศ อย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลมีเจตนาจำกัดอำนาจฝ่ายทหารในการดูแลประชาชน ทำให้การดูแลความสงบและความปลอดภัยของมวลชน กปปส.ทำได้ยากขึ้น เพราะยังมีการวางระเบิดตามสถานที่ต่างๆ อยู่ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงและคนในรัฐบาลยังคงคุกคามและวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าจงใจประกาศสงครามกับองค์กรอิสระ ประชาชน และพรรคการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อรักษาอำนาจตัวเอง ทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นโมฆะ ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศอีกต่อไป
นอกจากนี้ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมหลักฐานกรณีที่นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ปราศรัยข้อความที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับนักการเมืองทุกคนที่อยู่บนเวทีในขณะนั้น รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฐานละเว้นที่จะดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ทำการสอบสวน เนื่องจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังปล่อยมีการนำภาพเหล่านั้นมาเผยแพร่อีกด้วย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในคดีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ร่วมปราศรัยบนเวทีประกาศแบ่งแยกดินแดน เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้คิดให้มีการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด และต้องดำเนินคดีต่อบุคคลเหล่านี้เพื่อป็นหลักฐานให้ ป.ป.ช.นำมาประกอบการพิจารณาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ละเว้นที่จะดำเนินการต่อคนที่คิดแบ่งแยกดินแดนหรือไม่
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยแสดงอาการหวาดกลัวการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะว่ามี 8 เหตุผล คือ 1 .กลัวเลือกใหม่จะแพ้มวลมหาประชาชน 2. ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลงสมัครจึงพยายามไขว่คว้าไว้ 3. หวังเป็นรัฐบาลพรรคเดียวออกกฎหมายเพื่อตัวเอง ทั้งออกกฎหมายนิรโทษกรรม และแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา 4. รักษาอำนาจให้นานและมากที่สุดแม้จะเป็นเป็ดง่อยในขณะนี้ก็ตาม และหลงใหลความเป็นอำมาตย์จึงพยายามรักษาไว้ให้นานที่สุด 5 .ประชานิยมฝีแตก ถูกประชาชนทวงถามจึงพยายามใช้อำนาจปกป้องตัวเอง เพราะไม่สามารถหานโยบายใหม่มาล่อลวงยั่วใจประชาชนคนไทยได้ 6 .ต้องการอำนาจเพื่อปกป้องตัวรัฐบาลในการสู้คดีต่างๆ เช่น โกงจำนำข้าว กบฏ และการทุจริตที่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น 7. ต้องการกลับมาบริหารงบแผ่นดินต่อไป และ 8 การที่พรรคเพื่อไทยกลัวว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะแสดงถึงความไม่จริงใจการปฏิรูปประเทศไทย คิดแต่รักษาอำนาจเพียงอย่างเดียว ตนจึงมองว่าหากการเลือกตั้งครั้งนี้ผ่านไปได้จะไม่เกิดการปฏิรูปขึ้นในประเทศไทย