โฆษกประชาธิปัตย์ ถามรัฐฟันพวกหมิ่นสถาบันยังไง จวกทำเฉยเหมือนเป็นใจ งงคดี “ขวัญชัย” สำคัญกว่าคดีล้มเจ้า จี้ “ยิ่งลักษณ์” เปิดทางเจรจาก่อนจะสายเกินไป เย้ย “ธาริต” อยากรู้ใครท่อน้ำเลี้ยงให้มาดูหลังเวที หยัน “ภราดร” เลขาฯ สภาความมั่นคงพรรคเพื่อไทย “จุฤทธิ์” ฉะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำเอ็ม 79 ยิงมากขึ้น โวยกระทบท่องเที่ยว
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้ผู้มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพลอยนวล และรัฐบาลมีบุคลากรที่มีแนวคิดต่อต้านสถาบัน มีการนำนายตั้ง อาชีวะ ขึ้นเวทีเสื้อแดง โดยคนที่เชิญขึ้นเวทีคือรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ดังนั้นการที่นายตั้งยังหนีลอยนวลอยู่ได้ก็เพราะมีคนคอยดูแล ทั้งนี้ยังขอถามถึงกรณีที่นักวิชาการโพสต์ภาพล้อเลียนสมาชิกในราชวงศ์อย่างไม่สมควรด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร หากไม่ดำเนินการแสดงว่าเห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้ใช่หรือไม่ นอกจากนี้คลิปวิดีโอเผาเซ็นทรัลเวิลด์ที่นำมาเปิดเผยแสดงให้เห็นถึงคนทำผิดอย่างชัดเจนแต่ยังไม่มีการเอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับกรณีการสังหารนายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท. แต่คดีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนแต่กลับจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ทราบว่าเป็นลูกพี่ของรัฐบาลหรือมีสถานะอย่างไรจึงได้รับความสำคัญกว่าคดีล้มเจ้า และคดีเผาเมือง หากรัฐบาลไม่หยุดพฤติกรรมนี้ ควรขึ้นป้ายว่า “พรรคอะไรเอ่ย โกงข้าว ล้มเจ้า เผาเมือง” ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะทราบดีว่าคือใคร
สำหรับกรณีที่ กกต.ยืนยันว่าการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นของรัฐบาล แต่รัฐบาลบอกเป็นของ กกต.นั้น นายชวนนท์กล่าวว่า พรรคเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลิกดึงดันกระชับอำนาจหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะถ้าหวังเช่นนั้นตนฟันธงได้ว่าไปไม่ถึง แต่สังคมไทยยอมรับความจริงว่ามีความเห็นแตกต่างมากและไม่มีประโยชน์ที่ต่างคนต่างจะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายตัวเองโดยไม่ฟังเสียงส่วนใหญ่ของสังคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องเปิดโอกาสให้มีผู้เข้ามาสร้างกลไกในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศก่อนที่จะสายเกินไป กระทั่งต้องประหัตรประหารกันจนประเทศลุกเป็นไฟ ขอให้ตัดสินใจบนผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่ของตัวเองและครอบครัว
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐตามที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้เพราะมีขอบเขตของกฎหมายจำกัด จึงขอเตือนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอว่า ไม่สามารถใช้อำนาจเกินขอบเขตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเนรเทศนายสาธิต เซกัล หรือข่มขู่เอกชนนับร้อยรายที่อ้างว่าสนับสนุน กปปส. ทั้งนี้ หากนายธาริตอยากทราบว่าใครเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ กปปส. ตนขอท้าให้นายธาริตไปยืนหลังเวทีชุมนุมจะเห็นประชาชนเดินมาหยอดเงินใส่ตู้อย่างไม่ขาดสาย หรือดูทีวีก็จะเห็นว่ามีประชาชนจำนวนมากรอบริจาคเงินให้กับขบวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ดังนั้น การใช้อำนาจเกินขอบเขตไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และคนทำต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำด้วย
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ขอฝากไปถึง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช.ที่ดูแลเฉพาะความมั่นคงของพรรคเพื่อไทย แต่ละเลยที่จะแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่รัฐ 4 นายพลีชีพในการปฏิบัติหน้าที่แต่รัฐบาลไม่ให้การเอาใจใส่หรือดูแล เพราะรัฐบาลคิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองและมีข้าราชการบางจำพวกประจบเพื่อตำแหน่ง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ประชาชนเรียกร้องการปฏิรูปประเทศ
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า สร้างปัญหาอย่างต่อเนื่องไม่สามารถสร้างความสงบได้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีการยิงเอ็ม 79 ขว้างระเบิดใส่ผู้ชุมนุม แต่เมื่อมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่า 20 เหตุการณ์ จึงถือว่าสร้างปัญหาไม่ได้แก้ปัญหา เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งคำถามว่ารัฐบาลจะประกาศใช้แค่ 60 วันใช่หรือไม่ เนื่องจากกระทบช่วงไฮซีซันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่มีการยกเลิกเนื่องจากไม่สามารถทำประกันภัยกับบริษัทได้หากเข้ามาเที่ยวในประเทศที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยในส่วนอันดามันมีการยกเลิกไปแล้ว 30 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดจองใหม่ยังไม่ถึง 10% จากปกติจะมียอดจองถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงเห็นว่ารัฐบาลหาเงินไม่เป็น ตัดโอกาสหาเงินจากการท่องเที่ยว คิดแต่จะกู้อย่างเดียว แต่ที่น่าแปลกคือกู้ขนาดนี้ยังไม่มีเงินจ่ายให้ชาวนา อยากถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ทัวร์ทั่วโลก ขายข้าวให้ชาวนาได้กี่บาท ถ้าขายได้ทำไมติดหนี้ชาวนา การบริหารที่ผ่านมาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงสร้างปัญหาให้แก่ประเทศ ไม่ได้ขับเคลื่อนให้ประเทศเดินไปข้างหน้า