รองหัวหน้าประชาธิปัตย์แนะทุกฝ่ายกดดัน ผบ.ตร.ดูแลความปลอดภัยประชาชน ยื่นศาลอาญาขอถอนประกัน “อำมาตย์เต้น-จตุพร” ด้านโฆษกพรรคโวยคนเห็นต่างถูกรุกไล่ต่อเนื่อง แนะ “ยิ่งลักษณ์” ลาออก ทุกฝ่ายเว้นวรรคการเมือง เชื่อเสียสละคนเดียวเห็นอนาคตชาติแน่ “มัลลิกา” ระบุบึ้มยิงถล่มสีลมสนองคำ “จารุพงศ์” ใช้ชุดดำชุดเดิม “จุฤทธิ์” ไล่เลิก ศรส.โวยไม่มีตำรวจมาดูพรรคจนโดนบึ้ม
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเชิญชวนทุกฝ่ายออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงในทุกกรณีที่จะก่อให้เกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลที่ควรออกมาแถลงจุดยืนต่อต้านความรุนแรง และร่วมกันกดดันไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ที่มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน และรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
นายสาธิตกล่าวว่า ในพรุ่งนี้ (26 ก.พ) ตนจะส่งคนไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญาให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง จากพฤติกรรมบนเวทีลั่นกลองรบ เพราะมีการยุยงปลุกปั่นให้มีการเผชิญหน้าก่อให้เกิดความไม่สงบ เพื่อให้เกิดการปะทะกับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผิดเงื่อนไขการประกันตัว นอกจากนี้ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรมว.มหาดไทย ยังกล่าวในทำนองข่มขู่ว่ามีประชาชนติดอาวุธ จึงเห็นว่าเวทีดังกล่าวที่แกนนำเสื้อแดงจัดขึ้นนั้นมีพฤติกรรมที่ขัดต่อเงื่อนไขของศาลอาญาที่ให้มีการปล่อยตัวทั้งนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร เป็นการชั่วคราว ส่วนศาลจะมีคำสั่งอย่างไรอยู่ที่ดุลพินิจของศาล
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองและความรุนแรงที่เกิดอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ก็มีการยิงระเบิดเอ็ม 79 เป้าหมายคือพรรคประชาธิปัตย์ แต่พลาดเป้าหมายไป 20 เมตร ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนว่าความรุนแรงจะขยายวงต่อเนื่อง คนที่เห็นต่างจากรัฐบาลจะถูกลุกไล่อย่างต่อเนื่อง เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของประเทศไทยว่าเราจะทิ้งประเทศไว้ให้ลูกหลานอย่างไร เพราะการต่อสู้ทางการเมืองในการรักษาอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำให้ประชาชนและเด็กต้องเสียชีวิต การกล่าวอ้างว่าอยู่เพื่อรักษาประชาธิปไตยนั้นความจริงเป็นการรักษาความขัดแย้ง ความวุ่นวายและทำให้เกิดความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง
“การอยู่ในตำแหน่งไม่ได้รักษาประชาธิปไตยแต่กำลังเป็นการทำลายระบบการเมืองการปกครองของประเทศไทยลงอย่างสิ้นซาก จึงอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตัดสินใจบนพื้นฐานความเสียสละ คิดถึงประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง หากยังดื้อดึงรักษาอำนาจแบบนี้นอกจากรักษาประชาธิปไตยไม่ได้แล้ว ชีวิตประชาชนจะต้องสังเวยไปกับการกระหายอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเว้นวรรคตัวเอง โดยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออกให้มีคนกลางบริหารประเทศชั่วคราว พรรคยืนยันสมาชิกทุกคนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลคนกลาง จึงอยากให้นักการเมืองเว้นวรรคสร้างบรรยากาศปรองดองให้กับประเทศ” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณลาออก อย่างน้อยการชุมนุมจะคลี่คลายลง ความรุนแรงจะหมดไป ชาวนาจะได้เงินจำนำข้าว เป็นทางออกที่ชัดเจนของประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียสละคนเดียวให้ประเทศมีโอกาสเห็นอนาคตที่ดีกว่า ส่วนคดีอาญาที่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยก็ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีประโยชน์ที่จะเดินหน้าทั้งที่รู้ว่าเดินไม่ได้ จึงให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียสละเพื่อประชาชนและประเทศไทย พรรคฯ พร้อมที่จะเสียสละให้ประเทศเดินหน้าไม่เกิดการสูญเสียอีก
ขณะที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดที่เวทีสีลม โดยมีการกราดยิงด้วยอาวุธเข้าใส่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาว่า สอดคล้องกับสิ่งที่นายจารุพงศ์ได้ประกาศที่จะแตกหัก จึงเชื่อว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลังการจัดตั้งกองกำลัง ปลุกให้ประชาชนออกมาใช้อาวุธ โดยเบื้องต้นทราบว่ามีผู้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ก่อเหตุโดยกองกำลังเสื้อแดง หลังจากนี้ผู้้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าต้องระวังตัวให้มากขึ้นสำหรับคนที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะจะมีเหตุรุนแรงต่อเนื่องไม่ต่างจากปี 53 เนื่องจากเป็นทีมงานเดิมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีเป็นผู้ส่งงานให้ทำ รวมถึงทีมของนายทหารนอกราชการด้วย โดยมีการแบ่งภารกิจในหลายพื้นที่ คือ ภาคเหนือเป็นทีมของนายทหารนอกราชการ ส่วนภาคอีสานมีการใช้โทรศัพท์ข่มขู่ ทั้งหมดเกิดภายหลังจากมีการประกาศลั่นกลองรบจากแกนนำคนเสื้อแดง และยังมีแบ่งงานกันทำในการสร้างความวุ่นวายด้วย โดยทั้งหมดเกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากทุกกระสุนที่สาดออกไปมีคนจ่าย ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณบินไปมาใกล้เมืองไทย จึงฝากถึงความมั่นคงว่าจะให้ประชาชนเจรจากับกองโจรหรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงสามารถวิเคราะห์ได้หรือไม่ว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากปี 53 เป็นการบั่นทอนความมั่นคงและชีวิตทรัพย์สินประชาชน
น.ส.มัลลิกายังเรียกร้องไปยังข้าราชการระดับสูงได้ประชุมร่วมกันเพื่อแสดงจุดยืนว่าจะปล่อยให้กองโจรทำร้ายประเทศชาติและประชาชนต่อไปหรือไม่ เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ต้องแสดงจุดยืนเพื่อช่วยกันระงับเหตุการณ์ไม่ให้มีการเสียชีวิตอีก และขอเรียกร้องไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับไปส่องกระจกทบทวนตัวเอง ถามลูกชายว่ารู้สึกอย่างไรกับเด็กสามคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ได้รับผลกระทบจนเสียชีวิต ตนอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงสำนึกในฐานะคนเป็นแม่เป็นสำนึกสุดท้ายเพื่อตัดสินใจที่จะจัดการวิกฤตที่เหลือด้วยสำนึกความเป็นแม่
ทางด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการรักษาประชาธิปไตยก็ขอให้รับคำเชิญจาก กกต.ไปดูพื้นที่ที่มีปัญหาในการเลือกตั้งที่ อ.หาดใหญ่ เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลไม่แก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาล ถามว่าถ้าผู้สมัครอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่กล้าลงพื้นที่ภาคใต้จะเป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ไปทำไม ในขณะที่ผู้ลงสมัครก็ไม่ใช่คนที่ประชาชนรู้จัก ทำงานแทนประชาชนไม่ได้ จึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ลงพื้นที่ภาคใต้ด้วยตัวเองเพื่อรักษาประชาธิปไตยตามที่กล่าวอ้าง
นายจุฤทธิ์ยังเรียกร้องไปถึง สตช.ให้ระดมกำลังตำรวจออกมารักษาความสงบดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เหมือนกับที่ระดมตำรวจมาสลายการชุมนุมจำนวน 25,000 นายภายในเวลาคืนเดียว เพราะเป็นหน้าที่ของ ศรส.ที่ต้องจับกุมผู้กระทำความผิดก่อความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ถ้าทำไม่ได้ก็ถึงเวลาที่ควรจะยุบ ศรส.ทิ้งไป เพราะตอนนี้คนเปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ส่งเสริมสงครามกลางเมืองแล้ว ซึ่งจะทำให้คนดีไม่มีที่ยืนในสังคม พร้อมกับเปรียบเทียบการดูแลความปลอดภัยให้กับพรรคการเมืองของตำรวจว่า สองมาตรฐานเพราะตำรวจจำนวนมากตั้งด่านดูแลความปลอดภัยหน้าพรรคเพื่อไทยแต่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกราดยิงและล่าสุดพยายามยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่พรรคแต่กลับไม่มีตำรวจคอยดูแลแต่อย่างใด จึงขอให้ปฏิบัติอย่างเสมอภาคด้วย