โฆษก ปชป.ฟันธงวิกฤตบ้านเมืองจบยาก เหตุนายกฯ ยังไม่สำนึก ไล่ทบทวนตัวเอง ปล่อยทำลายศาสนา-สถาบัน เลิกทำลาย ปชต. ยัน ปชป.พร้อมร่วมมือ ดักคอไม่เป็นเครื่องมือให้ใช้เลือกตั้งฟอกผิดคนโกง ย้อนเป็นนายกฯ ตัวจริงต้องนำ “นช.พี่แม้ว” มารับผิด เลิกใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย บี้แสดงวิสัยทัศน์ปฏิรูปประเทศ เย้ยไม่กล้าออกทีวีกับเลขาฯ กปปส.ก็ให้พูดคนเดียวถ่ายทอดสดแทน
วันนี้ (26 มี.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกำหนดแนวทางในการแก้วิกฤตการเมืองในปัจจุบันว่า ทุกภาคส่วนควรจะให้ความร่วมมือในการหาข้อสรุปร่วมกันที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยความแตกต่างระหว่างรัฐบาลและประชาชนอยู่ที่ประชาชนต้องการเห็นการปฏิรูปประเทศก่อนเดินหน้าเลือกตั้ง ส่วนรัฐบาลยังต้องการเดินทางเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งไม่ฟังเสียงประชาชนที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการเลือกตั้ง เป็นความเห็นต่างที่ยังไม่มีจุดจบลงได้ง่ายๆ ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็พยายามดำเนินการในลักษณะเดิม คือเชิญ 53 พรรคที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 มาหารือกัน โดยมีคำตอบล่วงหน้าที่จะบีบให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จัดตั้งโดยเร็วที่สุดเพื่อกระชับอำนาจของตัวเอง ใช้อำนาจเจรจาต่อรองคดีทุจริตของตัวเอง
ตนจึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทบทวนการทำงานของตัวเองตลอดสองปีที่ผ่านมาซึ่งมีการทำลายชาติด้วยการแบ่งแยกดินแดน ทำให้ประเทศเกิดความขัดแย้งแตกแยกเพื่อประโยชน์ทางการเมืองและยังมีการทำลายศาสนา โดยล่าสุดมีการทำร้ายพระสงฆ์สะท้อนว่าแม้แต่ศาสนาประจำชาติก็ไม่มีค่าในสายตาคนเสื้อแดงและรัฐบาล อีกทั้งยังมีการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ปล่อยให้มีการจาบจ้วงราชวงศ์และพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องโดยไม่สามารถจับกุมได้ โดยเฉพาะกรณีนายตั้ง อาชีวะ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ประชาชนจำนวนมากจึงไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอ้างว่าต้องรักษาประชาธิปไตยนั้นเป็นการอ้างกฎเกณฑ์เมื่อตัวเองได้เปรียบแต่ถ้าทำผิดกฎหมายให้ดูที่เจตนารมณ์ จึงเป็นการเลือกบังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจทำให้ประชาชนหมดศรัทธา และน.ส.ยิ่งลักษณ์คือผู้ทำลายประชาธิปไตยลงอย่างย่อยยับดังนี้ คือ 1. ไม่เคยเข้าร่วมประชุมสภา ปฏิเสธการตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ให้เกียรติการทำงานของสภา หลีกหนีการตรวจสอบในสภา ไม่ให้ความร่วมมือกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2. ทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย มีพฤติกรรมจงใจเว้นวรรคดำเนินคดีกับพี่ชายของตนเองคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปล่อยให้มีการใช้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นคุกคามคนเห็นต่างและฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งกดดันฝ่ายต่างๆ 3. ทำลายการถ่วงดุลย์ขององค์กรอิสระ ไม่ให้ความร่วมมือจากองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบในเรื่องการทุจริตทั้งกับ ป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นพฤติกรรมในการทำลายโครงสร้างของสังคมอย่างชัดเจน 4. ปล่อยให้มีการใช้อาวุธคุกคามคนเห็นต่างอย่างต่อเนื่อง ใช้อาวุธสงครามหลากชนิดจนระเบิดเอ็ม 79 อยู่คู่กับกรุงเทพมหานคร จึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับรู้ว่าไม่มีสิทธิ์มากล่าวอ้างว่าจะรักษาประชาธิปไตยเพราะเป็นผู้ที่ทำลายประชาธิปไตยด้วยตัวเอง
“น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ผูกต้องเป็นผู้แก้ หากจะเชิญพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมเจรจาเราจะไม่ร่วมเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองที่ต้องการเอาการเลือกตั้งมาฟอกผิดให้เป็นถูก เอาการเลือกตั้งมาแก้ปัญหาของตนเอง หรือลบล้างการทุจริต ไม่ยอมให้เอาเสียงประชาชนไปล้างผิดให้กับใคร หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความจริงใจอยากให้พรรคเข้าร่วมกระบวนการเลือกตั้งก็ต้องสำนึกถึงความผิดที่ทำต่อประเทศชาติจนเกิดวิกฤตกับชาติก่อน ด้วยการให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ที่จะต้องให้การเรื่องทุจริตจำนำข้าวปลายเดือนนี้ แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงขนาดไหนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกับประชาชน ที่สำคัญคือผมอยากเห็นแนวคิดในเรื่องการปฏิรูปประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากไม่พร้อมพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สองต่อสอง ก็ให้ถ่ายทอดสด น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดเรื่องการปฏิรูปประเทศคนเดียวก็ได้” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เริ่มจากการจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีตามโทษที่ได้รับ ไม่ใช่เป็นนายกเพื่อเป็นหุ่นเชิดของพี่ชาย ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่าเป็นตัวของตัวเอง และขอให้สนับสนุนกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ ในการเร่งรัดดำเนินคดีกับกรณีที่เกิดความรุนแรงกับกลุ่มคนเห็นต่าง หยุดหลิ่วตาให้ชายชุดดำทำร้ายประชาชน คุกคามองค์กรอิสระ ซึ่งจะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นเหมือนที่เขานินทาคือหลิ่วตาให้ทำร้ายคนเห็นต่าง เช่นเดียวกับการดำเนินคดีกับคนที่จาบจ้วงสถาบันที่ไม่ถูกดำเนินคดีแต่กลับได้รับความดูแลจากคนในรัฐบาลและตำรวจ ซึ่งจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีและอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องพิสูจน์ตัวเองทำสิ่งเหล่านี้ก่อนเชือ่ว่าประชาชนจะให้โอกาสในการแก้ปัญหาประเทศ แต่ถ้ายังดิื้อดึงทำตามที่ปรึกษาก็จะพายเรือในอ่างหาทางออกไม่ได้ จึงต้องเริ่มต้นแก้ปัญหาที่คู่ขัดแย้งและพร้อมเสียสละเริ่มต้นนับหนึ่งประเทศไทยจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นอันดับแรก