xs
xsm
sm
md
lg

“หมอก้อง” หล่อ เด็ด เผ็ด มัน “ผมอยากให้พวกมันไปพ้นๆ จากโลกนี้”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอ.นพ.สรวิชญ์ สุบุญ หรือที่คุ้นชื่อกันดีในนาม หมอก้อง ผู้ชายที่หล่อ เด็ด เผ็ด มัน
นาทีนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักคุณหมอหัวใจรักชาติอย่าง “ร.อ.นพ.สรวิชญ์ สุบุญ” หรือที่คุ้นชื่อกันดีในนาม “หมอก้อง”

เขาคนนี้ถือเป็นบุคคลในวงการบันเทิงไทยที่ออกมาแสดงจุดยืนรักชาติ รักพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ ไม่แปลกที่สื่อต่างๆ จะให้ความสนใจ และนำเรื่องราวของเขามาถ่ายทอดเป็นโฆษณาเทิดพระเกียรติในชื่อชุด The giving King-หมอตามรอยในหลวง

นอกจากหัวใจรักชาติแล้ว คุณหมอท่านนี้ ยังเป็นพลังมวลชนคนสำคัญที่ออกมาขับไล่ระบอบทักษิณตั้งแต่ครั้งต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไปจนถึงม็อบล่าสุดอย่าง ม็อบชัตดาวน์กรุงเทพฯ ของ “กำนันเทือก-สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่จะเห็นหน้าหล่อๆ ของหมอก้องบนเวที หรือในกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นประจำ

ครั้งนี้ M-Lite ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณหมอสุดหล่อหัวใจรักชาติ ซึ่งเป็นการพูดคุยที่ต้องขอบอกเลยว่า ดุ เด็ด เผ็ด มัน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความทุกข์ ความเศร้า ความโกรธ ความรัก และความคิดที่ตรงไปตรงมาอย่างที่ไม่เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไหนมาก่อน

ชาวนาถูกโกง ทำหมอก้องของขึ้น!

ที่ผ่านๆ มา ปฏิเสธไม่ได้ว่า การบริหารบ้านเมืองที่ไร้ความสามารถของรัฐบาลชุดนี้ เป็นเหตุให้หมอก้องของขึ้นอยู่หลายๆ เรื่อง แต่ที่หนักสุด เห็นจะเป็นประเด็นเรื่องกลุ่มชาวนาที่ถูกโกงในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร



“โกรธและเศร้าที่สุดในตอนนี้ คือเรื่องชาวนาถูกโกงครับ แต่ถ้าถามว่าเศร้าที่สุดก่อนหน้านี้ คือ มีคนตายในม็อบ มันเศร้านะ เพราะว่ามันคือการสูญเสีย พวกเราในกลุ่ม กปปส.เรารักกันมาก แล้ววันหนึ่งมารู้ว่าพี่คนหนึ่งในกลุ่มของพวกเราเสียชีวิตไปแล้ว มันเศร้านะ แต่ตอนนี้ที่เศร้าหนัก เมื่อวันที่ 8 ก.พ.57 ผมไปที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อไปเจอกลุ่มชาวนา คือผมสารภาพตามตรงว่า ผมช่วยอะไรชาวนาไม่ได้หรอก ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น ถ้าเงินที่ผมมี แล้วให้ได้ครบทุกคน ผมให้เลย แต่ผมให้ไม่ได้ เพราะมันเกินความสามารถที่ผมจะให้ได้

นอกจากนี้ ผมยังได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่คนหนึ่ง เขาเป็นคนลพบุรีเหมือนผมนี่แหละ และผมตั้งใจว่าผมจะช่วยเหลือครอบครัวนี้ เขามาทวงเงิน 3 แสนบาท ซึ่ง 3 แสนสำหรับผม มันไม่ได้เยอะเลย ผมไม่ได้อวดรวยนะครับ ถ้าผมจะให้ใคร ผมให้ได้ และผมก็พร้อมให้ด้วย แต่ 3 แสนของพวกเขาคือทั้งปี ทั้งครอบครัว ทุกวันนี้พวกเขาไม่มีจะกินกันจริงๆ แล้วกับคนที่ขาดโอกาสแบบนี้ คือคนที่หาข้าวเลี้ยงพวกเราทั้งประเทศ ปลูกข้าวให้พวกเรากินอ่ะ มันโกรธแฝงความเศร้าที่ว่า เฮ้ย! เขาไม่มีจริงๆ แล้วแบบ..(เสียงแจ๊ะปาก) คุณไปโกงเขาได้ยังไง คุณทำแบบนี้ได้อย่างไร ผมว่ามันเลวเกินไปแล้ว” หมอก้องพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจอย่างแรง

เมื่อถามลงไปถึงรายละเอียดของการพูดคุยกัน หมอก้องเล่าให้ฟังว่า “ผมถามเขาว่า ปีนี้จะได้ปลูกข้าวไหม เขาบอกว่า แค่เงินค่าจ้างเกี่ยวข้าวของรอบที่แล้วยังติดหนี้เขาอยู่เลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปลูกข้าว มันหมด มันหมดจริงๆ นะครับ คือผมสงสารพวกเขามากนะ ตอนที่เข้าไปพูดคุย ผมสัมผัสได้เลยว่าพวกเขาทุกข์จริงๆ เห็นได้จากแววตาที่เศร้าเหลือเกิน แววตาที่มองมาที่ผม มันหลอกกันไม่ได้จริงๆ แล้วเขาเห็นของมาเยอะขนาดนี้ มัน..” หมอก้องหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะถอนหายใจอย่างแรง แล้วหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า 

“คือผม อยากช่วยให้ได้หมดจริงๆ นะ แต่ก็ทำไม่ได้ มันเลยเศร้า เศร้าที่เห็นว่าเขาโดนหลอก เศร้าที่เห็นว่าเขาสิ้นเนื้อประดาตัว คือ สิ้นจริงๆ สิ้นจนมีบางคนคิดสั้นฆ่าตัวตาย และยิ่งเศร้าเข้าไปอีก คือ เศร้าที่ว่าทำไมมีคนไปเลวกับพวกเขาได้ขนาดนี้ คือ โลกนี้มันมีคนเลวได้ขนาดนี้ และไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใกล้ตัวเราด้วย เศร้าต่อมาคือ เศร้ากับตัวเองว่า ทำไมถึงช่วยพวกเขาไม่ได้ และเศร้าสุดท้ายคือ พวกเขาต้องเศร้าไปอีกเมื่อไหร่..”



ล่าสุด หมอก้องเป็นตัวแทนคนบันเทิง นำข้าวของเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่ม ซึ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ไปมอบให้กับกลุ่มชาวนาที่เดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพมหานคร และได้โพสต์ขึ้นอินสตาแกรมส่วนตัว (@kong_sarawit) ในเชิงประชดประชันว่า “ดาราปลอม หมอปลอม เอาของไปให้ชาวนาปลอมที่โดนรัฐบาลโกงจริงๆ”

“สิ่งที่ผมให้ได้คือ ชาวนาที่มาจะต้องได้กินอิ่มทุกมื้อ อันนี้คือสิ่งที่ผมทำได้ ผมก็จะสนับสนุนในส่วนนี้ให้เต็มที่ แล้วที่ผมสงสารพวกเขา เพราะอะไรครับ โอกาสทางสังคมแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่มีโอกาสในการศึกษา มีสถานภาพทางสังคมที่ไม่ได้ด้อย ผมได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดี ผมได้มีสิทธิ เสรีภาพ ผมได้รู้เรื่องราวทุกอย่าง และวันนี้ผมได้มีการงานที่ดีทำ ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแบบ..(ทำเสียงแจ๊ะปาก) เป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศ (เสียงสั่น) ทุกคนปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาเป็นคนที่ขาดโอกาส” หมอก้องจบประโยคด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แถมมีน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะพูดตามมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแทนชาวนา

“ผมอยากให้พวกมัน (เน้นเสียง) พ้นๆ ไปจากโลกใบนี้มากที่สุด ตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คณะรัฐมนตรีทั้งหมด และข้าราชการขี้ข้าทั้งหมด”

ถึงรัฐบาล “อย่าโทษหรือแถไปมากกว่านี้เลย”

ทั้งนี้ หมอก้องฝากคำถามสะกิดใจไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยว่า “ช่วยมาตอบหน่อยครับว่า เขาบอกว่าเขาไม่ได้โกงชาวนา เขากำลังเริ่มทำให้ แต่เงินชาวนาไม่ได้ตามที่กำหนด เรียกว่าโกงไหม โกง (เน้น) แล้วมาถึงวันนี้ ไม่มีเงินให้ หาแหล่งกู้กันจ้าล่ะหวั่น โกงประชาชนไหม โกง (เน้นเสียง) แล้วพอหาไม่ได้ ก็มาบอกว่า ที่ไม่ได้เพราะว่าม็อบไปปิด หรือว่าเกิดการยุบสภาบ้าง เอาทีละประเด็นนะครับ ม็อบไปกดดัน ไม่ให้กู้ แล้วเงินใครล่ะครับที่คุณจะเอา ก็เงินประชาชนถูกไหมครับ คุณเอาไป คุณให้ชาวนา..กี่บาท (ลากเสียงยาว) และมากไปกว่านั้น เงินที่เอาไปให้ชาวนา ต้องเป็นเงินที่มาจากการขายข้าวดิ คุณไปหาเงินจากแหล่งอื่นมาก็แสดงว่าคุณยอมรับแล้วนะว่าโกง ถูกไหมครับ

แล้วอีกอย่าง ในเมื่อคุณบอกว่าคุณมีข้าวอยู่ คุณเอาออกมาขายดิ (ขึ้นเสียงสูง) พร้อมซื้อเลย แต่กล้าเปิดโกดังหรือเปล่า แล้วอะไรรู้ไหมครับ มีรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ตัวหนึ่งก็ออกมาบอกว่า ยินยอมที่จะจ่ายเป็นข้าวเปลือกคืนให้ชาวนา เฮ้ย! คุณบ้าหรือเปล่า วันนั้นคุณไปเอาข้าวเปลือกเขามา คุณก็ต้องจ่ายเขาเป็นเงินดิ ในเมื่อคุณไปซื้อแล้ววันนี้คุณจะมาคืนข้าวเปลือกเขา คุณภาพเท่าเดิมป่ะ แล้วช่วงที่เขาเสียหายไป ตั้งกี่เดือนอ่ะ คือพฤติกรรมแบบเนี่ย ไม่เรียกว่าเลวแล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรครับ

ส่วนการออกมาบอกว่า ปัญหาที่คลังจ่ายเงินไม่ได้ ก็เพราะว่าเกิดการยุบสภาเกิดขึ้น ผมถามหน่อยว่า ใครเป็นคนสั่งยุบ ถ้าเกิดคุณคิดว่า คุณจะยุบสภา ทำไมถึงไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน ม็อบมาเดือนไหน ม็อบมาเดือนไหน (เน้นเสียง) แล้วเงินที่จะต้องให้ชาวนา ต้องให้ตั้งแต่เดือนไหน (เน้นเสียง)



ดังนั้น อย่ามาโทษ อย่ามาแถ คือชีวิตนี้พวกมันไม่เคยมีอะไรผิดเลยอ่ะ แล้วพอคนนั้นคนนี้ออกมาพูดกลับกลายเป็นว่า ผิดไปหมด อย่างหมอที่ออกมาก็หาว่า หมอปลอม ชาวนาก็ปลอม แต่หมอปลอมนี่ผมเคืองที่สุดเลยนะ เพราะอาจารย์ผมทั้งนั้นเลยที่ออกไป ผมอยากจะบอกไอ้คนที่บอกว่าหมอปลอม..มีอยู่คนหนึ่งนะครับ ที่ทำคลอดหลานคุณ มีอยู่คนหนึ่งนะครับที่เคยรักษาคุณด้วย และมีอีกหลายคนเลยนะครับที่รักษาพี่น้องพวกคุณอ่ะ หมอปลอมทั้งนั้น (ลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน)” 

ระบอบทักษิณ กำจัดได้ ต้องใช้เวลา

ด้วยสถานการณ์การชุมนุมขับไล่รัฐบาลรักษาการที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุม และผู้ติดตามข่าวสารเริ่มถอดใจ และหมดหวัง เช่นเดียวกับหมอก้องที่อยากขุดราก ถอนโคนระบอบทักษิณให้สิ้นซากโดยเร็ว แต่การจะเอาชนะให้ได้จริงๆ นั้น ต้องใช้เวลา

"สถานการณ์ตอนนี้มันยืดเยื้ออยู่แล้วล่ะ หลายคนก็พูดว่า แล้วเราจะชนะกันเมื่อไร มันนานแล้วนะ จะยืดเยื้อกันไปถึงไหน ผมถามหน่อยว่า ระบอบทักษิณอยู่มากี่ปี 10 ปีครับ แล้วจะชนะมันให้ได้จริงๆ ต้องใช้เวลาครับ แต่ผมมั่นใจว่า พวกเราทำได้ ตอนนี้คนที่ออกมา สิ่งที่ทำได้คือ ดูแลตัวเองให้ดี แล้วก็ดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้ดี และผมอยากจะบอกว่า คนที่ออกมา คือคนที่เสียสละมากๆ เลยนะครับ เพราะการที่ออกมา ต้องเสียเงิน เสียเวลา และอารมณ์เสียกับฝ่ายที่จ้องจะโจมตีอยู่ตลอดเวลา อย่างตัวผมเอง ช่วงแรกที่ออกมา พวกมันก็บอกว่า ผมถูกจ้าง ถามหน่อยว่า ณ วันนี้คุณยังกล้าพูดไหมว่ามีคนจ้างผม ช่วยกล้าพูดหน่อย แต่มันก็กล้าแหละ กล้าที่จะเห่าไปเรื่อยๆ

สำหรับตัวผมเอง ผมก็ไม่อยากให้ยืดเยื้อหรอกครับ เพราะต้องพูดตามตรงว่าเหนื่อยมาก เสียเงินเยอะมาก แต่เรื่องเงินไม่เป็นไรหรอกครับ หมดไปก็หาใหม่ได้ เรื่องเศรษฐกิจเสีย ยอมรับว่าเสียจริงๆ ครับ เรื่องนี้ผมไม่เถียงเลย ปิดถนนกันแบบนี้ไม่เสียได้อย่างไรล่ะ รวมไปถึงงานส่วนตัวก็เสียไปด้วย แต่มันเป็นความเสียที่เราเห็นๆ กันอยู่

ซึ่งความเสียหายในครั้งนี้ มันเหมือนเป็นการที่เราไปตอกตะปู ไม้เกิดแผลแน่นอน แต่สิ่งที่ตามมาคือ ความมั่นคงในอนาคต ถ้าเราไม่ตอกตะปูในครั้งนี้ ไม่ทำให้ดี และเกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ หรือปล่อยให้ระบอบนี้อยู่ไปเรื่อยๆ ไม้ต้นนี้มันจะล้มลงมาเลยล่ะ เพราะอะไร เพราะข้างในปลวกมันกินหมดแล้วครับ ปลวกมันแทะไปหมดแล้ว ภาพข้างนอกจะเป็นอย่างไร เราไม่สนใจ แต่ข้างในมันฟอนเฟะไปหมดแล้ว ณ วันนี้เราจับได้ว่า ไม้ต้นนี้มีปลวก เราก็พยายามที่จะรื้อดูรู แล้วก็ฉีดยาฆ่าปลวกให้มันหมด



เพราะฉะนั้น เศรษฐกิจเสียหาย รถติด ลำบากลำบนไปหมด มันคือสิ่งที่ตาเรามองเห็น แต่เวลาเราบอกว่า 4 แสนล้านจากโครงการจำนำข้าวคืออะไร ตามันมองไม่เห็น แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้น ถามว่าพังกว่าป่ะ เอาแค่โครงการเดียว พังกว่าไหม พังกว่าแน่นอน และยอมรับกันไหมว่าทุจริต ทุกวันนี้มันก็ยังไม่ยอมพูดตรงๆ”


ถามต่อด้วยประเด็นความรู้สึกเมื่อครั้งที่รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถึงกับน้ำตาคลอออกสื่อในเชิงตัดพ้อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่หรือเนรเทศยกตระกูล จนกลายเป็นกระแสที่มีทั้งฝ่ายเห็นใจ และฝ่ายที่ออกมาบอกว่า น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไร ต้องถอยถึงจะจบปัญหา เรื่องนี้หมอก้องมีทัศนะอย่างไร ไปฟังกัน

“พวกเราทำตามกฎหมายครับ ถ้ากฎหมายบอกว่าเขาผิดมากถึงขั้นต้องเนรเทศ ก็ต้องเนรเทศ” หมอก้องให้ความเห็นสั้นๆ

ถึงวันนี้ ตั้งแต่ออกมาแสดงจุดยืน คุณหมอหัวใจรักชาติบอกว่า “ส่วนตัวยังไม่เคยถูกคุกคามจากผู้ไม่หวังดีนะครับ จะมีก็แค่ข่มขู่ แต่ก็แค่หมาเห่าอ่ะครับ”

“หมอก้อง” กับน้ำตาลูกผู้ชาย

หลายคนมองว่า น้ำตาคือคำตอบของความเศร้า และเสียใจ ซึ่งก็จริงส่วนหนึ่ง แต่น้ำตาที่ไหลออกมา ไม่จำเป็นต้องมาจากความเศร้าเสมอไป นี่คือคำอธิบายในประเด็น “น้ำตาลูกผู้ชาย” ของคุณหมอหัวใจรักชาติท่านนี้

“เวลาที่เราร้องไห้ ไม่จำเป็นต้องเศร้าเสมอไปนะครับ เวลาที่เราร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมา อาจเป็นน้ำตาแห่งความสุขก็ได้ เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากความปลื้มปีติยินดีก็ได้ ซึ่งน้ำตาแบบนี้ ของผมไหลออกมาบ่อยมาก (ยิ้ม) อย่างไปม็อบ ผมเห็นคนนี้ช่วยกัน คนนั้นช่วยกัน หรืออาจารย์คนนั้น คนนี้ออกมาพูด หรืออาชีพหมอที่ออกมาร่วมชุมนุมกันเยอะๆ ภาพที่เห็น มันคือความสุข และน้ำตาแห่งความสุข ส่วนน้ำตาแห่งความเสียใจก็มีครับ อย่างตอนนี้ ชาวนาลำบากกันมาก น้ำตาแห่งความเสียใจก็มักจะไหลออกมาอยู่บ่อยๆ เป็นน้ำตาที่เกิดจากความเศร้าสุดๆ แล้วในตอนนี้”

ถามลงลึกไปถึงน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ ไม่มีเรื่องไหนที่จะบีบเรติน่าจนน้ำตาของหมอก้องไหลออกมาทุกครั้งได้เท่ากับเรื่อง “ในหลวง” เห็นได้จากการพูดคุยกับเขาในครั้งนี้

“รักที่สุดคือในหลวงครับ แต่บอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร พระองค์ท่านไม่เคยออกมาพูดให้ทุกคนรักพระองค์ท่าน แต่ทุกสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ผมจึงรักท่านหมดหัวใจ ทุกวันนี้ผมยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมผมถึงรักท่าน แต่ผมเชื่อ และสัมผัสได้ว่า พระองค์ท่านรักผมมากกว่าที่ผมรักพระองค์ท่านอีก ทั้งๆ ที่พระองค์ท่านไม่รู้จักผมหรอก



แต่สิ่งที่พระองค์ท่านทำให้ประชาชน นั่นคือ พระองค์ท่านรักผม และคนไทยทุกคนมาก (เสียงเริ่มสั่น) มากกว่าที่ผมจะทำอะไรให้พระองค์ท่านได้อีก ซึ่งไม่ต้องพูด หรือบอกเลยว่า พระองค์ท่านทำอะไรบ้าง ตั้งแต่ผมลืมตาเกิดขึ้นมาจนรู้ว่าอะไรคืออะไรบนโลกใบนี้ ผมก็เห็นพระองค์ท่านทำไม่เคยหยุด ทุกวันนี้พระองค์ท่านก็ยังไม่หยุด ผมดีใจที่อย่างน้อยๆ ผมได้มีโอกาสเดินตามรอยที่พระองค์ท่านเคยเดินมาแล้ว”

ประเด็น “ล้มเจ้า” ผ่านทัศนะคุณหมอรักชาติ

พูดถึงเรื่อง ขบวนการล้มเจ้าในประเทศไทย ยังคงเป็นประเด็นที่เกิดขึ้น และไม่หายไปจากสังคมไทย ซึ่งมีการเคลื่อนไหวในหลายช่องทางผ่านการจัดทำเว็บไซต์ หรือเว็บบอร์ด การเผยแพร่ภาพที่ไม่บังควร การเผยแพร่บทความ หนังสือ คลิปวิดีโอ อีเมล แม้จะมีการจัดการจากฝ่ายภาครัฐ แต่ก็ยังมีพวกที่จาบจ้วงให้ร้ายป้ายสีสถาบันเบื้องสูงลอยนอลอยู่ไม่น้อย เรื่องนี้ หมอก้องจะมีมุมมองอย่างไร ไปฟังทัศนะของเขากัน

“ในเรื่องเรื่องเดียวกันเนี่ย เวลาเรามองต่างมุม มันก็จะได้ความคิดที่แตกต่าง คราวนี้ในบางเรื่อง อย่างเช่นเรื่องเจ้า ถามว่ามองต่างมุมได้ไหม มองได้ คิดได้ ทำได้ไหม สำหรับคำว่าทำได้ไหม ผมว่าทำไม่ได้ เพราะหนึ่งกฎหมายระบุไว้ว่า สังคมเราจะรวมอยู่ด้วยกันได้ ต้องเคารพกฎหมาย สอง ทำไม่ได้ เพราะ..ศีลธรรม ไม่ใช่หมายความว่า ห้ามทำ แต่ว่า คุณทำได้ยังไง (เน้นเสียง) คำถามคือ คุณทำได้อย่างไร หรือคิดได้อย่างไรมากกว่า สิ่งที่ผมเห็นมาตลอดคือ พระองค์ท่านรักพวกเรามากขนาดไหน แล้วพระองค์ท่านทำเพื่อพวกเรามากขนาดไหน

ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าพระองค์ท่านรักประชาชนมากกว่ารักตัวท่านเองด้วยซ้ำ ผมมีความมั่นใจมาก (เสียงสั่น) แล้วสิ่งที่พระองค์ท่านทำทุกอย่างก็..เพื่อ (เน้นเสียง) พวกเราทุกคนเลย เหนื่อยทุกอย่างก็เพื่อพวกเรา เห็นเดินทางไปโน่นไปนี่ เห็นพระองค์ท่านคิดอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุด กับโครงการต่างๆ พระองค์ท่านทำเพื่อใครครับ ทุกอย่างก็เพื่อประชาชน ถามว่าท่านจะทำให้ประชาชนทำไม (เน้นเสียง) ก็เพราะพระองค์ท่านรักประชาชน และอยากให้ประชาชนยืนได้ด้วยความมั่นคง แข็งแรง ประกอบสัมมาอาชีพ และมีความสุขตามวิถีที่ทุกคนพึงมี พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่าทำอะไร แต่พระองค์ท่านทำให้ดู ลงทุนตัวเอง ทำ และพิสูจน์ด้วยตัวเองทุกอย่างว่าสิ่งที่พระองค์ท่านสอนคือสิ่งที่ท่านทำ แล้วประสบความสำเร็จจริงๆ

พระองค์ท่านไม่ได้ยื่นเงินให้ แล้วบอกให้ซื้อข้าวกิน แต่พระองค์ท่าน สอนวิธีที่จะทำให้เรา..(น้ำตาเริ่มคลอเบ้า) ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราก็จะมีกินไปตลอด พระองค์ท่านไม่ได้สอนหลักความรู้ แต่พระองค์ท่านสอนหลักความคิด สอนให้เราเป็นมนุษย์ผู้มีใจสูง" พูดจบก็เอามือปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาอาบแก้ม ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกภูมิใจว่า

“บ้านเมืองเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดแล้ว จากสิ่งที่พระองค์ท่านทำให้แก่พวกเรา คือที่สุดแล้วจริงๆ วันนี้ผมภูมิใจมากกับการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ออกมาปกป้องประเทศชาติ”

คิดบวกในแบบ “หมอก้อง”



ก่อนจากกัน “หมอก้อง” เผยวิธีคิดบวกในแบบของเขา มาฝากเป็นแนวทางให้ผู้อ่าน M-Lite นำไปประยุกต์ใช้กันด้วย

"เรื่องความเครียด ทุกคนมีกันอยู่แล้ว ยิ่งสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่มาชุมนุม คนที่ติดตามข่าวสารอยู่ทางบ้านก็เครียดไปด้วย แค่ความคิดแตกต่างกัน เราก็เครียดละ และถ้าพูดเรื่องความเห็นที่แตกต่างกันทุกวันนี้ มันชัดเจนมาก ความเครียดที่รุมเร้าก็มีเข้ามาสูง ทางที่ดี เราต้องหาวิธีในการผ่อนคลายให้ดี อย่างตัวผมเอง เวลาไปชุมนุม เครียดไหม เครียดดิครับ แต่เครียดก็ต้องไป เพราะมันเป็นปัญหาที่ต้องออกไปเพื่อเรียกร้องสิ่งที่มันถูกต้อง ไล่สิ่งที่มันผิดให้มันพ้นๆ ไปจากประเทศไทย

ถามว่าท่ามกลางความตึงเครียด ทำไมผมถึงมีความสุข ไม่ใช่ความสุขที่ได้ไป ฉันติดม็อบ ไม่ใช่ครับ แต่เวลาไป ผมได้เห็นว่ากลุ่มคนที่มากมายมหาศาล มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันดีเหลือเกิน ทำไมถึงอะลุ่มอล่วยกันดีจังเลย เฮ้ย!ๆๆ ไปต่อแถวกัน หรือคนนั้นคนนี้เอาของมาแจกกัน มีคนชรา ก็เห็นความเอื้อเฟื้อ เชิญก่อนเลยครับ เชิญก่อนเลยค่ะ สิ่งเหล่านี้ คือข้อดีที่เกิดขึ้นในความขัดแย้ง ซึ่งทำให้คนไทย อย่างกลุ่มผม กลุ่ม กปปส.รักกันมากขึ้น สามัคคีกันมากขึ้น แล้วก็มีน้ำใจต่อกันมากขึ้น

สิ่งที่พูด ไม่ได้เชิญชวนให้ไปชุมนุมอ่ะนะครับ แต่สิ่งที่กำลังสะท้อนให้เห็นก็คือ การคิดบวก อย่างก้อนหินก้อนหนึ่ง ถ้าเรามองจากด้านนี้ก็จะเป็นแบบนี้ (ชี้ไปที่กำปั้น) ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นอีกแบบหนึ่ง เหมือนกับตัวช้าง เมื่อเรามองด้านหน้าเราก็เห็นงวงกับงา แต่พอมองด้านหลังเราจะเห็นหาง สุดท้ายแล้วมันก็คือ ช้างใช่ไหมครับ

ดังนั้น คิดต่างไม่ใช่เรื่องผิด แต่ตัวเราเองต้องคิดให้รอบด้าน ทุกอย่างไม่ได้มีแค่แง่ลบ หาแง่บวกให้เจอ ยกตัวอย่างรัฐบาลชุดนี้ ข้อดีของเขาก็มี (เว้นจังหวะให้คิด) ข้อดีก็คือ พวกเขาทำให้คนไทยเรารักกันมากขึ้นไงครับ" หมอก้องจบประโยคด้วยโทนเสียงสุขุม นุ่มลึก แต่หนักแน่น และจริงใจ

เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : สิรวุฒิ รวีไชยวัฒน์ และขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรมหมอก้อง @kong_sarawit

ภาพยนตร์โฆษณา Giving King-หมอตามรอยในหลวง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของหมอก้อง


/////////////////////

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-สกุล: ร้อยเอกนายแพทย์ สรวิชญ์ สุบุญ

ชื่อเล่น : หมอก้อง

วัน/เดือน/ปีเกิด : 8 ธันวาคม พ.ศ. 2526

สถานที่เกิด : จังหวัดลพบุรี

การศึกษา

- มัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จังหวัดลพบุรี
- มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร จบออกมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90
- จบแพทยศาสตรบัณฑิตจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ได้คะแนนเฉลี่ยสะสม 3.51 เกียรตินิยมอันดับ 1

เส้นทางสายอาชีพ

- หลังจากเรียนจบปีแรก ก็ไปเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ จ.ปราจีนบุรี เพื่อใช้ทุนเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะย้ายมาสังกัดกองตรวจโรค หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นแพทย์ทหารทั่วไป (Resident)
- ปัจจุบันทำงานในสำนักงานแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
- นักแสดง พิธีกร และนายแบบ สังกัดค่าย ไทยทีวีสีช่อง 3

ผลงานเด่นๆ

- ณภัทร จากละครธาราหิมาลัย
- ไอ้วรรณ จากละคร ดาวเรือง













รวมของบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือชาวนา

เดินขบวนระดมเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือชาวนา
กำลังโหลดความคิดเห็น