ในช่วงไอแดดร้อนแรงบนการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯ , ประเทศไทย ซอกแซกระหว่างรถยนต์ถูกซอกซอนโดยมอเตอร์ไซค์วิบากคันหนึ่ง ด้วยความร้อนแรงไม่แพ้เปลวแดดจากเครื่องยนต์ 690 ซีซีของ KTM 690 Enduro R ม้าเหล็กสายแข็งจากออสเตรีย หลายคนคงแปลกใจหากผู้ที่ขับขี่เป็นเพียงหญิงสาวร่างเล็กอย่างเธอ - กี้ร์ กัญญ์กุลณัช กัญกุลพิพัฒน์
“เริ่มเขียนเรื่องราวที่ไปมาก็จากความสนุกแหละค่ะ อยากเขียน อยากแบ่งปันถึงสิ่งที่เราไปพบไปเจอมาเองกับตัว” เธอเผยถึงรีวิวเส้นทางขับขี่มอเตอร์ไซค์ในกระทู้ยอดนิยมจากห้องรัชดาของเว็บบอร์ดพันทิปที่หลายคนรู้จักเธอในชื่อ “Punker enduro”
จากทิวทิศน์ระหว่างทางนำมาสู่เรื่องเล่าที่หลายคนติดตาม อดีตวิศวกรคอมพิวเตอร์สาวผู้ผันตัวเองมาสู่นักบิดสายวิบาก จากป่าคอนกรีตสู่พงไพรที่ยากจะเข้าถึง วันนี้เธอถอดหมวกกันน็อกเผยดวงหน้าหวานน่ารักขัดกับท่าทีดุดันภายนอก ทีมงาน m - lite นัดพูดคุยกับเธอถึงภาพที่ดูขัดแต่เข้ากันระหว่างสาวร่างเล็กกับบิ๊กไบค์
รุ่นพ่อก็เป็นสิงห์นักบิด
“ชอบมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เด็กเพราะคุณพ่อชอบพาไปเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปไหนกับพ่อทั้งที่โรงเรียนหรือไปเที่ยว พ่อก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่ง มันเร็วดี เราเลยชอบ ติดใจและรู้สึกสนุกตั้งแต่ตอนนั้น” กี้ร์ - กัญญ์กุลณัชเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างพาหนะ 2 ล้อกับชีวิตของเธอ
ในบ้านที่เต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์วิบากหลากหลายรุ่นของพ่อ เธอเติบโตมากับชีวิตที่เข้าใจถึงอิสระบน 2 ล้อเหล่านั้นผ่านตำนานบทเล็กๆของพ่อผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวบน 2 ล้อวิบาก
“พ่อชอบขับไปเที่ยวค่ะ ไม่ได้เป็นสายขับแข่งขันกับใคร” เธอเอ่ย “แต่พ่อก็ไม่ยอมให้เราขับเองจนจบมหาวิทยาลัยก็ได้ขับแต่เวสป้าเท่านั้น”
สกู๊ตเตอร์ชื่อดังจากอิตาลีเป็น 2 ล้อที่ดูเข้ากับความเป็นผู้หญิง ทว่าคงไม่เข้ากับเธอสักเท่าไหร่ เมื่อชีวิตเข้าสู่ช่วงวัยทำงานอันรีบเร่ง ความสุขที่เธอพบคือช่วงเวลาที่ได้ออกไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ ในช่วงเวลาเหล่านั้นเองที่เธอได้หวนกลับสู่วันวานบน 2 ล้อสายลุย
“พอเริ่มเที่ยวเยอะขึ้น บางที่เข้าไม่ถึงกี้ร์ก็เลยเริ่มเช่ามอเตอร์ไซค์ ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันแต่ขับไปก็สนุก ล้มก็ลุกขึ้นมาขับใหม่ เจ็บแต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ เป็นแบบนั้นอยู่พักหนึ่งจนเริ่มเข้าป่า เราก็ยังล้มอยู่แต่มีเซฟตี้มันทำให้เราฮึดขึ้นมาเรื่อยๆจนเราสนุกกับมัน”
หลังจากได้ใช้ชีวิตวิบากเธอค้นพบความสุขอย่างแท้จริงจากช่วงเวลาเหล่านั้น แต่เรื่องน่าเศร้าคือเธอยังคงต้องใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่วันหยุดติดต่อกันมากที่สุดไม่เกิน 3 วัน แต่ชีวิตกลางแจ้งของเธอต้องการเวลามากกว่านั้น
“มันไม่ได้ทำอย่างที่อยากทำด้วย สมมติไปแค่เขาใหญ่แค่นี้พอถึงวันก็ต้องกลับนะ ไปตอนนั้นน้อยค่ะ คิดไม่ออกเลย ถ้าจะไปก็ต้องหลังเลิกงาน พอไปเสร็จก็ต้องกลับมาส่งงานให้ทันมันมีข้อกำหนดอย่างงี้”
ความรักในอิสระที่สายลม 2 ข้างทางเรียกร้องให้เธอออกเดินทางทำให้เธอตัดสินใจครั้งสำคัญ เธอหันหลังให้กับการงานที่ทำอยู่และเดินทางสู่ชีวิตอีกรูปแบบที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง!!
ไม่เจ็บปวดก็ไม่ได้มา
ภาษิตฝรั่งกล่าวกันต่อมา “no pain no gain - ไม่เจ็บปวดก็ไม่ได้มา”
บนโลกนี้แม้แต่อิสรภาพก็เป็นสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มา หลังจากเธอค้นพบชีวิตแบบที่ตัวเองต้องการ เธอเริ่มวางแผนทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาและทำที่ไหนก็ได้เพื่อตัดข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ออกไป
“ตั้งแต่เริ่มที่จะเที่ยวก็วางแผนตัวเองว่า เราจะไม่ทำงานที่กำหนดเวลาตายตัว เราจะทำยังไงให้เที่ยวได้ ต้องทำงานที่อยู่ที่เที่ยวก็ทำได้ ก็เปลี่ยนจากวิศวะคอมพ์ออกมานั่งเล่นหุ้น”
1 ปีคือเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้ความเคลื่อนไหวในตลาดที่จะทำเงินให้เธอ โดยตั้งเป้าเพียงวันละ 500 บาทเท่านั้น จนเมื่อทำได้ตามเป้าเธอก็เริ่มออกเดินทางพร้อมกับทำงานไปด้วย แบ่งเวลาว่างมาดูข่าวมองหาความเคลื่อนไหวในตลาด ระหว่างทางท่องเที่ยวอาจจอดพักเปิดมือถือเทรดหุ้นทำงาน
“เราไม่ได้ตั้งเป้าเยอะเลยไม่เสี่ยงเท่าไหร่ สมมติวันนี้ได้500 พอได้ค่าน้ำมันก็จบ ถ้าตั้งเป้าสูงคนเราคาดหวังสูง เมื่อเป็นแบบนั้นยังไงก็ไม่ได้เงิน เราต้องรู้จักพอ”
และหลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น เธอได้เริ่มชีวิตวิบากอย่างเต็มตัว และ KTM 690 Enduro R ก็กลายเป็นคู่หูของเธอ แม้ว่าในครั้งแรกที่พบกันมันจะดุดันถึงขั้นทำได้เธอหลุดโค้งไปบ้างก็ตาม
“ก่อนหน้านี้ขับ CRF250 พอเปลี่ยนมาเป็นคันนี้เครื่องมันแรงกว่ามากก็เลยเอาไม่อยู่เหมือนกัน” เธอเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเล่าถึงการผจญภัยหลายต่อหลายครั้งกับพาหนะคู่ใจคันปัจจุบัน
และการผจญภัยของเธอก็ยังคงเป็นไปตามภาษิตฝรั่ง no pain no gain เพราะอีกหลายครั้งที่เธอต้องเหนื่อยกับหลายเส้นทางกว่าจะค้นพบทิวทัศน์ของชีวิตที่เธอแสวงหา จากหญิงสาวร่างเล็กเธอต้องฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งพอที่จะไปกับพาหนะของเธอได้
“รถเขาสามารถลุยไปได้ทุกที่ค่ะ สมรรถนะเขา ประสิทธิภาพเขาไปถึง แต่หากไปไม่ถึงมันก็เพราะตัวเราเองแหละที่ยังไม่แข็งแกร่งพอ”
หลังจากปรับโหลดรถให้ต่ำลงเพื่อให้เหมาะกับส่วนสูงของเธอ โยคะเข้ามาอยู่ในตารางชีวิตเพื่อฝึกใช้ลมหายใจและเพิ่มความอดทน การบริหารส่วนข้อมือและแขนคือหัวใจของการขับมอเตอร์ไซค์ จากครั้งแรกที่เพียงใส่รองเท้าบูทก็รู้สึกเหนื่อย เธอพัฒนาขึ้นจนสามารถลุยเข้าไปในป่า และจากป่าพื้นดินขึ้นสู่พื้นหินรื่นที่ขับได้ยาก
“เคยร้องไห้หลายครั้งอยู่นะ” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม - ร้องไห้แต่มีรอยยิ้ม “คือเป็นทางขึ้นภูเขาที่เป็นร่องหิน รถมันจะไหลลงอย่างเดียว เราก็ต้องคอนโทรลรถให้ได้ น้ำตาก็ไหล บอกกับตัวเอง เราจะล้มไม่ได้ แต่ก็ล้มไป สุดท้ายทุกคนก็ต้องช่วยกัน แต่พอเราขึ้นไปเราจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เราได้ทำ”
อีกสิ่งที่ดึงดูดเธอให้หลงใหลกับพาหนะ 2 ล้อมากกว่า 4 ล้อคือความงามของรายละเอียดระหว่างทางที่มนุษย์ในรถยนต์ไม่อาจเสพรับได้อย่างมนุษย์บนจักรยานยนต์
“เราขับรถปกติจะรู้สึกว่าอยากไปให้ถึงที่หมาย ให้ถึงจุดถ่ายรูปอย่างเดียว แต่พอเป็นมอเตอร์ไซค์มันจะมีอะไรข้างทางที่เราได้เห็นมากกว่า เมื่อก่อนอาจจะไม่มีใครมองว่าสวย แต่พอเราได้เลี้ยวเข้าไป ได้เห็นละเอียดมากขึ้น ตอนนี้เจอข้างทางใหม่ก็ยังบอกกันเลยว่าตรงนี้สวย และมันก็ทำให้ได้ไปถึงในที่ที่รถบางชนิดไปไม่ถึงอีกด้วย”
how to be a beauty biker?
ชื่อในแวดวงนักบิดของเธอคือ Punker enduro มันเป็นชื่อแอ็กเคาต์ของเธอบนเว็บบอร์ดพันทิป และยังเป็นชื่อเพจบนเฟซบุ๊กของเธอที่ตั้งขึ้นเพื่อบรรจุบทบันทึกการเดินทาง เรื่องเล่าหลายหลากจาก 2 ล้อถูกโพสต์ผ่านมือถือ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่างเที่ยว จนถึงทิวทิศน์สุดสวยระหว่างทาง เธอเป็นที่รู้จักในฐานะนักบิดสาวร่างเล็กที่ลุยไปในหลายที่ที่ยากจะเข้าถึง
ข้อแนะนำเป็นสิ่งหนึ่งหลายคนอยากรู้ - หากเป็นหญิงสาวควรเริ่มต้นอย่างไร? เธอยิ้มพร้อมบอกว่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเริ่มหันมาขับบิ๊กไบค์กันมากขึ้น โดยเฉพาะสายสปอร์ตความเร็วสูง เธอบอกเลยว่า แดดและความร้อนเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้หญิงหลายๆ คนที่ต้องทำใจกล้าแล้วผ่านไปให้ได้ก่อน
“ต้องเริ่มฝึกขับก่อนค่ะ อาจจะฝึกในที่โล่งหรือเรียนตามโรงเรียนสอนโดยเฉพาะ แล้วเรียนรู้กฎจราจร พอเริ่มมั่นใจแล้วก็เลือกว่าชอบขับสไตล์ไหน ให้ลองขับก่อนค่อยเลือก จากนั้นสิ่งที่สำคัญต่อมาคืออุปกรณ์เซฟตี้ต้องให้ครบพอล้มแล้วไม่เจ็บจะทำให้มั่นใจมากขึ้น หากล้มแล้วเจ็บไปผู้หญิงอาจจะกลัวไม่กล้าขับอีก แค่นี้ก็เริ่มได้แล้ว”
ในส่วนของเส้นทางการขับขี่และการวางแผนเดินทางนั้น เธอเผยหลักการว่า ต้องมีการวางแผนให้ครบโดยเริ่มจากการกำหนดเวลา สถานที่ และระยะทางโดยคำนวณให้ว่า ต้องออกเดินทางเวลาไหน ใช้ความเร็วประมาณเท่าไหร่และให้ถึงจุดพักในเวลาเท่าไหร่
ข้อแนะนำแรกของเธอคือ หากเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ควรออกเดินทางหลัง 8 โมงเช้า เพื่อให้นักเรียนเข้าโรงเรียนและคนทำงานเข้างานก่อน จะเป็นช่วงสายที่รถเริ่มคลายตัวพอดี
“ถ้าออกช่วงรถติดมันจะเหนื่อยมาก ทำให้แค่ออกจากกรุงเทพฯก็เหนื่อยแล้ว ไม่มีแรงไปสนุกกับการเดินทางอีก”
ในส่วนของการเดินทางในพื้นที่ต่างจังหวัดเธอเตือนว่า ไม่ควรขับช่วงเย็นหลังเลิกงานเพราะจะมีคนใช้มอเตอร์ไซค์กันเยอะ และมักขับด้วยความเร็วทำให้มอเตอร์ไซค์ความเร็วสูงที่ขับตามต่างจังหวัดเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้ง
“ ถนนตามต่างจังหวัดจะมีมอเตอร์ไซค์เยอะ และมักจะโผล่ออกมาเลย ขณะในเมืองจะขับช้า แต่ในต่างจังหวัดที่เขาคิดว่าไม่ค่อยมีรถ เขาก็จะออกมาเลยไม่ได้ดู พอขับมาเร็วส่วนมากพวกบิ๊กไบค์เกิดอะไรขึ้นก็ตามต่างจังหวัดลักษณะนี้ ดังนั้นหากเลี่ยงได้ช่วงเย็นๆหลังเลิกงานก็ให้เลี่ยงไม่ขับจะปลอดภัยกว่า”
3 เส้นทางห้ามพลาด
เส้นทางที่สวยงามถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เหล่านักบิดต่างแสวงหา เส้นทางที่ให้รื่นรมย์ระหว่างทางพร้อมยังขับกล่อมด้วยความสวยงามที่รายล้อม ยิ่งกับนักบิดสายวิบากทางที่ท้าทายยังมีส่วนสำคัญดึงดูดให้กลับไปพิชิตพิสูจน์ฝีมือตัวเองอีกด้วย ต่อไปนี้คือ 3 อันดับเส้นทางที่เธอรู้สึกประทับใจที่สุดในประสบการณ์การขับขี่ของเธอ
1.อำเภอสันติสุข - อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน - ภูลังกา จังหวัดพะเยา
“สวยมาก แต่ทางจะโค้งตลอดเป็นโค้งยาว มีป่าที่สมบูรณ์ มีแม่น้ำ มีนาขั้นบันได แต่อาจจะเข้าถึงยากหน่อยเพราะว่าหน้าถนนมันไม่สมบูรณ์จะกร่อนมาก น่าฝนจะยิ่งเข้าถึงยากแต่สวยมาก”
2. ป่าสนวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่
“เป็นโครงการหลวงมีใบเมเปิล มีป่าสนที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา เป็นเส้นทางที่ยังไม่มีการสร้างถนน ยังเป็นทางลูกรังแต่สวยมากเพราะเหมือนยังบริสุทธิ์อยู่”
3. อำเภอทองผาภูมิ - อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
“ต้องไปเพราะว่าทางนี้สวย เป็นป่าที่มีความสมบูรณ์ต่างกัน เป็นป่าชุ่มชื่น ส่วนความสวยของถนนก็ไม่แพ้ 2 อันดับแรก แต่หน้าร้อนทางโน่นจะร้อนกว่าที่นี่อาจเลือกเส้นทางนี้แทนช่วงหน้าร้อน”
เรื่องโดย อธิเจต มงคลโสฬศ
ภาพโดย ศิวกร เสนสอน