รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 2
สวนสาธารณะในตอนเช้าวันทำงาน ผู้คนวิ่งออกกำลังกายอยู่เบาบาง
ธรรม์กับมณีมันตราในชุดวอร์ม เธอไม่ได้แต่งหน้า แต่มัดผมจุกใส่แว่นเด็กเรียนวิ่งมาตามทาง เขามองนาฬิกาข้อมือ
"ต้องวิ่งอีกครึ่งชั่วโมง ไหวหรือเปล่า"
"อย่าดูถูกกันนะคะ ย่าเคยวิ่งแข่งมาราธอนมาแล้ว"
ธรรม์ยิ้มขำ
"มาราธอนเด็กอนุบาลน่ะเหรอ"
"พี่ธรรม์ไม่เชื่อเหรอ วิ่งแข่งกันมั้ยล่ะ ดูซิว่า ใครจะอึดกว่าใคร"
เธอจะออกตัววิ่งแต่เขาดึงแขนไว้
"ไม่ต้องๆ เชื่อแล้วๆ เห็นย่าทั้งทำงานทั้งเรียน ก็รู้แล้วว่า อึด"
เธอมองมือเขาที่จับแขนตัวเองอยู่ เขาดึงมือออกอย่างเก้อเขินนิดหน่อย
"เออ...ที่จริงพี่ก็ไม่อยากฝึกย่าให้หนักนักหรอก แต่พี่อยากให้ย่าเตรียมร่างกายให้พร้อม ถ้าจะต้องเรียนทั้งยูโดทั้งเทควันโด้ทั้งยิงปืนล่ะก็ ร่างกายจะต้องแข็งแรงก่อน เข้าใจมั้ย"
"ขอบคุณนะคะ พี่ธรรม์"
"ไม่ต้องขอบคุณให้บ่อยนักหรอก"
"ก็ขอบคุณไปแล้ว ไม่ยอมตอบอะไรกลับนี่ นี่ลบแมสเสจของย่าทิ้งไปแล้วใช่มั้ยล่ะคะ"
ธรรม์ยังไม่ทันจะตอบ เมนี่ในชุดวอร์มเหมือนกันวิ่งเข้ามาแทรกกลาง
"หมดเวลาแล้วค่ะ กลับกันได้"
"หนูต้องวิ่งอีกรอบนะคะ พี่เมนี่"
"โอ๊ย จะวิ่งอะไรนักหนา วิ่งพอเหงื่อออกก็พอแล้ว เดี๋ยวกล้ามน่องขึ้นเป็นปล้องๆ น่าเกลียดตายเลย แล้วอีกอย่างน้องมาย่าเล่นเป็นบอดี้การ์ดนะคะ ไม่ใช่เป็นนักวิ่งทีมชาติ กลับค่ะๆ เรามีงานต่ออีก"
"แต่ว่าวันนี้หนูต้องฝึกกับพี่ธรรม์ทั้งวันไม่ใช่เหรอคะ"
"ก็มันมีคิวแทรกเข้ามาน่ะซิคะ งานนี้ทางผู้ใหญ่ขอมา ไม่ไปก็ไม่ได้"
เธอไม่อยากกลับ เริ่มสนุกกับการได้ออกแรงและได้อยู่กับธรรม์ด้วย
"รีบไปค่ะ น้องมาย่า เดี๋ยวต้องไปอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวอีก เดี๋ยวจะไม่ทัน"
เมนี่ดึงตัวเธอเดินออกไปแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ ชะงักหันกลับมา
"เอ๊ะ อย่างนี้วันนี้ผู้หมวดธรรม์ก็ว่างทั้งวันน่ะซิคะ"
ทั้งคู่มองเมนี่อย่างไม่เข้าใจจะให้ธรรม์ทำอะไร
บ้านไม้ซอมซ่อมอยู่ในดงชุมชนแออัดมีลานหน้าบ้านเป็นอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ เจ๋งกอดกล่องเงินไว้พลางถอยกรูดจนชนกำแพงบ้าน จิก พ่อเจ๋งยังเมาไม่สร่างเข้ายื้อกล่องเงิน
"อย่า ! พ่อ นี่เงินไว้ซื้ออะไหล่ให้ลูกค้า"
จิกอย่างเมาบอก
"เอ็งก็ซ่อมรถหาเงินใหม่สิวะ เอาเงินนั่นมานี่"
"ไม่มีเงินซื้ออะไหล่ แล้วจะซ่อมรถได้ไง พ่อ"
"ข้าขอแค่ร้อยสองร้อย อย่ามาทำงกหน่อยเลยวะ"
จิกเข้าไปยื้อรุนแรงขึ้น เจ๋งกอดกล่องไว้แน่น
"จะปล่อยไม่ปล่อย"
"ไม่ปล่อย"
"เอ็งจะไม่ให้จริงๆใช่มั้ย"
"ไม่ให้ ให้ไป พ่อก็เอาไปลงขวดหมด"
"ไอ้ลูกอกตัญญู !"
จิกฟาดเข้าที่หน้าเจ๋งฉาดใหญ่ ,เจ๋งน้ำตาซึมแต่อดกลั้นไม่ตอบโต้
"เอาเงินมา !"
จิกจะฟาดอีกครั้ง อิทธิฤทธิ์มาจากด้านหลังจับมือจิกไว้
"พอเถอะ ลุง"
จิกหันมามอง อิทธิฤทธิ์ยังจับมือจิกไว้แน่น
"เอ็งเป็นใครวะ มาแส่อะไรเรื่องคนอื่น"
จิกเพ่งมองทบทวนความจำ
"ผมก็ไม่อยากแส่หรอก ถ้าลุงไม่รังแกเพื่อนผม ผมขอเถอะนะ อย่าทำไอ้เจ๋งมันเลย"
"ลูกข้า ข้าจะทำยังไงกะมันก็ได้โว้ย ปล่อยข้า บอกให้ปล่อย ถ้าไม่ได้เงิน ข้าจะฟาดให้มันตายคามือเลย"
อิทธิฤทธิ์จับมือจิกอย่างแน่นเกือบจะเหมือนหักมือจิก เขาจ้องนิ่ง
"ลุงเมาจนจำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ"
จิกจ้องหน้าเขาอีกครั้ง
"เออ..นาย"
"ผม...อิทธิฤทธิ์ไง จำผมได้แล้ว ก็คงจำพ่อผมได้นะ"
"คุณอิท..อิทธิฤทธิ์ ลูกชายท่านผู้การ"
จิกยกมือไหว้
"สวัสดีครับๆ คุณพ่อสบายดีนะครับ"
จิกบอกกับเจ๋ง
"เอามาร้อยนึงก็ได้ เร็วซิวะ ข้าต้องรีบไป"
อิทธิฤทธิ์ควักเงินยัดใส่มือ จิกยกมือไหว้ท่วมหัว
"ไอ้เจ๋ง เอ็งนี่มีเพื่อนดีจริงๆ... ขอให้เจริญๆ อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง"
จิกเดินโซเซร้องเพลงออกไป
"ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง"
เจ๋งมองอิทธิฤทธิ์อย่างซาบซึ้ง อ้าปากจะพูดขอบคุณ แต่อิทธิฤทธิ์ขัดเสียก่อน
"ไม่เป็นไร"
อิทธิฤทธิ์ตบไหล่เจ๋งอย่างเข้าใจ เจ๋งยิ่งชื่นชมซาบซึ้งลูกพี่ยิ่งขึ้นไปอีก
เจ๋งกำลังเปลี่ยนยางในมอเตอร์ไซค์อยู่ อิทธิฤทธิ์เช็ดรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไปอย่างทนุถนอม "พ่อพี่อิทนี่ดีนะ ขนาดเจ๋งไม่ใช่ลูกใช่หลานยังแผ่บารมีมาคุ้มครองได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นพี่อิทล่ะจะขนาดไหน"
"เปลี่ยนพ่อกันมั้ยล่ะ"
"พี่อิทอยากได้พ่อขี้เมาเหรอ"
อิทธิฤทธิ์รู้ว่าพ่อตัวเองดีกว่า แต่ยังดื้อไม่ยอมรับ
"มีพ่อมีขี้เมาดีกว่ามีพ่อเผด็จการล่ะวะ แค่โดนไล่ออก โดนด่าจนหูอื้อ แล้วยังมาบังคับให้ชั้นลงเรียนใหม่"
"แล้วไม่ดีตรงไหน"
"แล้วก็ต้องสอบให้ผ่าน"
"มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น"
"ก็เลยไปหาติวเตอร์มาให้ชั้น "
"นั่นยิ่งดีใหญ่"
อิทธิฤทธิ์โมโหที่เจ๋งไม่เข้าข้างคว้าคอเสื้อเจ๋งไว้ เขย่าตัวจนเจ๋งหัวสั่นหัวคลอน
"แกรู้มั้ยว่า พ่อจ้างใครมาเป็นติวเตอร์ให้ชั้น ยัยแว่นโหดที่ไล่เตะแกนั่นไงล่ะ เป็นแกๆจะยอมเรียนกับยัยป้าขาโหดนั่นมั้ย"
เจ๋งรีบกลับลำเข้าข้างอิทธิฤทธิ์ทันที
"ไม่ยอม ! เป็นเจ๋งๆก็ไม่ยอม ให้เรียนกะยัยป้านั่น เจ๋งยอมเรียนกับอัลเซเชี่ยนดีกว่า"
"ชั้นก็ยอมเรียนกับพิทบูลดีกว่า"
ทั้งคู่หัวเราะสนุก อยู่ๆไขควงสองอันหมุนกลางอากาศตรงมาถูกหัวทั้งอิทธิฤทธิ์กับเจ๋งอย่างแม่นยำ
"โอ๊ย" เงคู่หันขวับ "ใครวะ !"
อิทธิฤทธิ์กับเจ๋งหันซ้ายหันขวาหาที่มาหน้าตาตื่น
บริเวณลานห้างสรรพสินค้า ท่ามกลางบรรยากาศ “งานคนสวยช่วยน้องหมา” เป็นงานประมูลของรักดารา ระดมเงินช่วยหมา
มีบู๊ธของรักนักร้องนักแสดงต่างๆกัน มีการแสดงดนตรีเล็กๆบนเวทีประชาชนและแฟนคลับพากันมุงซื้อของ ถ่ายรูป ขอลายเซ็นอย่างวุ่นวาย
หญิง1บอก "นั่นน้องมาย่านี่"
ชาย1บอก "น้องมาย่ามาแล้ว"
ธรรม์เดินนำมณีมันตรากับเมนี่แหวกกลุ่มคนเข้ามาในงาน มณีมันตราแต่งหน้าใส่ชุดสวย,แต่งเยอะตามแฟชั่นผิดกับเด็กหน้าใสๆในตอนเช้าอย่างสิ้นเชิง
ประชาชนและแฟนคลับผละจากบู๊ธดาราคนอื่นมารุมล้อมนางเอกสาวทันที
หญิง2 บอก "น้องมาย่าน่ารักจังเลย"
หญิง3บอก "ขอถ่ายรูปหน่อยๆ"
"ขอทางด้วยครับ ขอบคุณครับ อย่าเบียดเข้ามาครับ" ธรรม์บอก
"เดี๋ยวไปเจอกันที่บู๊ธดีกว่านะคะ น้องมาย่าอยู่อีกนานเลยค่า ใจเย็นๆนะคะ ถอยออกไปก่อนๆ" เมนี่บอก
ธรรม์หันไปมองมาย่าอย่างเป็นห่วง
"จับแขนพี่ไว้"
มณีมันตราเกาะแขนธรรม์ไว้ เขาตัดสินใจจับมือเธอแล้วดึงให้เดินเร็วๆไปที่บู๊ธ
"ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ"
"เริ่ดมากค่ะหมวด ...แฟนๆ ขา ไปเจอน้องมาย่าที่บู๊ธดีกว่านะคะ"
เธอมองธรรม์ตลอดเวลารู้สึกอุ่นใจ เขาหันมามองเธอเป็นระยะๆ
ชนมนค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาปรากฎตัว ในมือถือไขควงอีกอัน อิทธิฤทธิ์และเจ๋งได้เห็นชนมนก็งงงันทั้งสองร้อง "เฮ้ย" แล้วถอยไปตั้งหลักอย่างไม่รู้ตัว
"คุณพ่อให้มาตามคุณอิทกลับไปเรียนค่ะ" ชนมนเสียงสุภาพ
"มาได้ไงวะ"
ชนมนโหมดโหดดังเดิม
"เพราะชั้นเก่งน่ะสิ กลับไปกับชั้นเดี๋ยวนี้"
อิทธิฤทธิ์ท้าทาย
"เก่งจริง ก็เข้ามา"
"ได้"
ชนมนเดินเข้าไปหาอย่างไม่เกรงกลัว เจ๋งหวาดผวา
"ฉีดยาหรือยังเนี่ย"
เธอมองเจ๋งจนหัวหดถอยหลังหนี ชนมนเดินอาดๆไปที่อิทธิฤทธิ์ที่ยืนรออย่างท้าทาย เมื่อเธอใกล้เข้ามาถึงตัว กำลังจะคว้าคอเสื้อ แต่เขายกมือยั้งไว้
"อ๊ะๆๆๆ ไม่ต้องใช้กำลัง กลับก็ได้"
เธอยิ้มอย่างมีชัย เขาเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ เธอตามออกมาและไปที่จักรยานที่จอดห่างออกไป
เขาใส่หมวกกันน็อกขึ้นขี่รถมอเตอร์ไซค์
"ชั้นกลับไปติวก็ได้..แต่ต้องตามชั้นให้ทันนะ"
อิทธิฤทธิ์บึ่งรถออกไป ชนมนมองตามฉุนโกรธที่ถูกหลอก
"ไอ้เด็กบ้า !"
ชนมนรีบขึ้นขี่รถจักรยาน ปั่นรถตามไปอย่างสุดแรงเกิด เจ๋งหัวเราะร่า
"ฮ่าๆๆ สะใจโว้ย"
เจ๋งวิ่งออกมาตะโกนตาม
"ซิ่งโลดเลย พี่อิท ยัยแว่นโหดจะได้รู้ ใครเป็นใคร"
ไขควงหมุนคว้างเหวี่ยงใส่หัวเจ๋งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เจ๋งร้องลั่น "เจี๊ยก"
เจ๋งกระโดดกุมหัวอย่างตกใจและเจ็บมาก
อิทธิฤทธิ์ซิ่งรถมอเตอร์ไซค์มายังถนนในซอยอย่างสบายๆแล้วจอดพัก ชนมนปั่นจักรยานหน้าดำหน้าแดง เขายืนพิงรถมอเตอร์ไซค์แคะขี้หูอยู่ เธอปั่นๆๆ จนเหงื่อท่วมตัว ผมเริ่มฟูยุ่งเหยิง เขาหันไปมองเห็นเธอปั่นรถจักรยานมาเกือบจะถึง
"อ้าว มาแล้วเหรอ งั้นไปละนะ"
อิทธิฤทธิ์หยิบใส่หมวกกันน็อก ขึ้นคร่อมรถ แล้วขี่ตะบึงออกไป เธอมองอิทธิฤทธิ์ที่ซิ่งรถไปอย่างเจ็บใจมาก เธอหอบเหนื่อยแทบขาดใจ
"อย่า..อย่า ให้ชั้นจับตัวได้ล่ะ ไอ้เด็กบ้า"
มอเตอร์ไซค์รับจ้างคันเก่าๆ คนขับอายุ 70 ผ่านมา เธอโบกให้จอด ลุงจอดมอเตอร์ไซค์จอดช้าๆเธอลงจากจักรยาน จอดทิ้งไว้
ชนมนร้อนใจ
"ลุง ขับตามคันนั้นไป"
เธอรีบกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ลุงมองไปอย่างใจเย็นถาม "คันไหน"
"นู้นไงลุง"
"นู้นไหน"
"โอ๊ย ขับไปเลยลุง ไม่ต้องถามแล้ว"
ลุงออกรถไปช้าๆ เสียงท่อไอเสียดังแต่กๆ ตลอดทาง ชนมนซ้อนท้ายอย่างลุ้นๆ
รถมอเตอร์ไซค์ของอิทธิฤทธิ์แล่นฉิวผ่านไปเหมือนลมพัด มอเตอร์ไซค์ลุงวิ่ง แต่ก แต่ก แต่ก เธอซ้อนท้ายอยู่รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายตามรถไป
"เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอลุง"
"มันอันตราย"
"จอดๆๆ"
ลุงจอดมอเตอร์ไซค์ เธอลง แล้วไปดึงตัวลุงลงจากรถ
"มานี่ หนูเอง"
เธอรีบเร่งขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ ลุงขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์มองอย่างงงๆ เธอออกรถแล่นเร็วกว่าเมื่อกี้นิดนึง
ถนนใหญ่รถแล่นมาเต็มถนนดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย เธอขี่มอเตอร์ไซค์มา พยายามเร่งความเร็วแต่เร่งยังไงก็ช้าเท่าเดิมมาแล้ว ลุงซ้อนมอเตอร์ไซค์มาด้วยอารมณ์ชิลๆไม่รู้ร้อนรู้หนาว เธอตัดสินจอดรถริมถนน
"ลุง ขอโทษนะ ลงไปก่อน"
ลุงลงจากรถมอเตอร์ไซค์อย่างงงขึ้นไปอีก
"ลุงซ้อนไปด้วยแล้วมันหนัก มันช้าน่ะ หนูขอยืมรถลุงก่อนนะ เดี๋ยวเอามาคืน"
"คืนยังไง"
"อีกชั่วโมง ลุงไปรับรถคืนที่บ้านผู้การอิทธิพลนะ"
"เดี๋ยวๆ อีหนู เดี๋ยวๆ"
"รับรองหนูเอารถไปคืนแน่ๆ บ้านผู้การอยู่ซอย 10 ถามใครแถวนั้นก็ได้ หนูไปนะ
ขอบคุณนะคะ ลุง"
เธอรีบเร่งขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ลุงทบทวนความจำอย่างงุ่นง่านเชื่องช้า
ถนนใหญ่ รถคับคั่งเต็มถนนกำลังติดไฟแดงยาวเหยียด
อิทธิฤทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ซอกแซกและซอกซอนไปมาอย่างเก่ง เธอขับตามมาห่างๆ เห็นรถอิทธิฤทธิ์อยู่ไกลพอตามทันแล้ว มองเห็นไฟแดง
"เสร็จชั้นแน่ ...อย่าเพิ่งเขียวนะ ลูก"
อิทธิฤทธิ์ขี่รถซอกซอนจนถึงแถวหน้าของขบวนรถติด ไฟเขียวทันที เขาออกตัวไปเป็นคันแรก
"โธ่เว้ย"
เธอขับมอเตอร์ไซค์ซิ่งตามอย่างไม่ยอมแพ้
อิทธิฤทธิ์มองกระจกเห็นชนมนขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาไม่ห่าง เขาเร่งความเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวเข้าซอยทันที เธอเร่งความเร็ว ขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าซอยตามไม่ลดละ เขาขี่รถลดเลี้ยวไปมาในซอยอย่างชำนาญ
หลบเครื่องกีดขวาง เด็กเล็กถือของเล่นวิ่งตัดหน้า เขาดริฟท์รถหลบได้ทัน เด็กยืนนิ่ง แต่ฉี่ไหล เขาขี่รถหนีเข้าซอกที่แคบมาก เห็นเธอขี่สวนมา เขาต้องขี่ไต่กำแพงเพื่อกลับรถ
อิทธิฤทธิ์ขี่รถอยู่ในตรอก ชนมนเลี้ยวตามอย่างเร็วจี๋ เขาซิ่งรถอย่างเร็วจนถึงกองขยะกองใหญ่แล้วดริฟท์เลี้ยววืดออกไปทันควัน เธอซิ่งตามมาติดๆไม่ทันมอง รู้ตัวอีกทีก็เห็นกองขยะกองใหญ่ตรงหน้า
ชนมนร้องลั่น "เฮ้ย ว้าย !"
ชนมนเลี้ยวรถหลบไม่ทันชนเข้ากับกองขยะกองใหญ่อย่างจัง
บรรยากาศวุ่นวายเซ็งแซ่ด้วยผู้คน มณีมันตรายืนขายเสื้อยืดของงานอยู่ที่บู๊ธ แฟนคลับยืนเข้าแถวยาวเหยียด ธรรม์คอยดูแลควบคุมให้เข้ามาทีละคน เธอส่งเสื้อยืดให้แฟนคลับ รับเงิน ยิ้มและถ่ายรูปคู่ด้วยกับแฟนคลับที่เข้ามาไม่ขาดสาย เธอยิ้มถ่ายรูปจนปากเหงือกแห้งจนยิ้มแทบไม่ออก ธรรม์รู้ถึงความเหนื่อยของเธอที่ทั้งเหนื่อยทั้งกระหายน้ำ
เมนี่เดินแทรกเข้ามา
"ขอเวลาแป๊บนึงนะคะ"
เมนี่ซับหน้าให้มณีมันตราอย่างรวดเร็ว
"พี่เมนี่ใช้งานพี่ธรรม์อย่างนี้จะดีเหรอคะ"
"ก็คิวของผู้หมวดเป็นของเราทั้งวันอยู่แล้ว ถ้าให้กลับไปก็เสียของซิคะน้องมาย่า งานนี้เค้าไม่มีการ์ดให้เรา พี่ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้หมวดนี่แหละ น้องมาย่าเตรียมตัวนะ อีกสิบนาทีเราจะกลับแล้ว"
"อ้าว เราไม่อยู่จนจบงานเหรอคะ"
"อุ๊ย งานกุศล ค่ารถก็ไม่มี มาให้ก็บุญแค่ไหนแล้ว"
นักข่าว 3-4 คนเข้ามาถ่ายรูปนางเอกสาว
"อุ๊ย นักข่าวมาแล้ว ไปขายเสื้อต่อเถอะค่ะ"
เมนี่รีบจับเธอหมุนตัวกลับให้ไปโพสหน้าขายเสื้อถ่ายรูป
นักข่าว1บอก "ไม่ค่อยเห็นน้องมาย่ามางานแบบนี้เลยนะครับ"
เมนี่บอก
"ใช่ที่ไหนคะ น้องมาย่าออกงานการกุศลออกบ่อยๆ ถ้าเป็นงานช่วยเหลือสังคมล่ะก็
ขอให้บอก น้องมาย่าไปทุกงานเลยค่ะ เออ..วันนี้ขอไม่ให้สัมภาษณ์นะคะ"
"น้องมาย่าต้องช่วยขายเสื้อหาเงินให้เยอะๆไปช่วยน้องหมาน้องแมว เอ้า น้องๆ เชิญเข้ามาซื้อเสื้อเลยค่ะ"
กลุ่มนักข่าวถอยออกไป กลุ่มแฟนคลับเบียดเข้ามาแทน แฟนคลับชายเบียดเข้ามาซื้อเสื้อยัดแบ๊งค์พันใส่มือมณีมันตรา
แฟนคลับชายบอก
"พี่ให้พันนึงเลย ขอถ่ายรูปหน่อยนะ"
แฟนคลับชายเข้าประชิดตัวยกมือขึ้นจะโอบไหล่ ธรรม์จับมือแฟนคลับชายไว้ได้ทัน
"มากไปหน่อยมั้ง"
ธรรม์มองแฟนคลับชายด้วยสายตาดุๆ จนแฟนคลับชายต้องหัวหดรับเสื้อแล้วเดินออกไปเลย
มณีมันตรามองธรรม์อย่างขอบคุณและยิ่งปลื้ม
มณีมันตรากับเมนี่พากันเดินกลับมาที่รถตู้ เธอมองหาธรรม์ที่ไม่ได้เดินมาด้วย
"พี่เมนี่คะ"
เมนี่ก้มหน้าก้มตาเช็คตารางงานในมือถือ
"พรุ่งนี้เก้าโมงซ้อมยิงปืน ทำไมช่วงบ่ายมันว่างนัก เราพลาดไปได้ไง"
"พี่เมนี่คะ พี่ธรรม์ไปไหนคะ"
"พี่เมนี่ให้กลับไปแล้ว เห็นว่าต้องไปทำงานต่อ ขึ้นรถๆ กลับบ้านได้แล้ว"
เมนี่กดมือถือดูตารางงานไป อีกมือเปิดประตูรถตู้ให้มณีมันตรา เธอมองไปรอบๆ หาธรรม์อีกครั้ง
"จะลากันซักนิดก็ไม่มี"
มณีมันตรากำลังจะขึ้นรถ ขวดน้ำเปล่ามายื่นให้ตรงหน้า ธรรม์เป็นคนส่งขวดน้ำมาให้
"พี่ไปนะ พรุ่งนี้เจอกัน"
ธรรม์จะผละออกไปแล้วต้องชะงัก
"เดี๋ยวค่ะ พี่ธรรม์"
ธรรม์หันกลับมามอง มณีมันตราเก้อเขินไม่รู้จะพูดอะไร
"น้ำ...ไม่เย็น"
"เหนื่อยๆ ไม่ควรดื่มน้ำเย็น พี่เดินหาซื้อทั้งห้างเลยนะ กว่าจะได้น้ำไม่เย็นขวดนี้น่ะ"
ธรรม์เดินออกไป
มณีมันตราพูดเสียงดัง
"ขับรถดีๆนะคะ พี่ธรรม์"
ธรรม์เดินออกไปลิ่วๆ ไม่ได้หันมามอง แต่ยิ้มกับตัวเอง มณีมันตรากอดขวดน้ำไว้ยิ้มอย่างมีความสุข
ค่ำต่อเนื่องมา บ้านอิทธิฤทธิ์เงียบเชียบ ลุงนั่งยองๆ รออยู่หน้าบ้านอย่างเปล่าเปลี่ยวเสียงจิ้งหรีดร้องระงม ชนมนเดินจูงมอเตอร์ไซค์มาอย่างอ่อนแรง
"ลุง ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ เดี๋ยวหนูจ่ายค่ารถให้ พันนึงพอมั้ย"
"อืม..ก็นะ"
ลุงมองมอเตอร์ไซค์ตัวเองอย่างพิจารณา เธอเขี่ยขาตั้งรถ พอขยับรถให้จอดปุ๊บ ไฟหน้าหลุดออกมากลิ้งไปที่พื้น ทั้งคู่มองไฟที่ตกลงมา
ชนมนถามอ่อยๆ "สองพัน"
ลุงมองเธอตาปริบๆ
ถนอมไม่เห็นด้วย ไม่เข้าใจ คิดว่าชนมนเว่อร์ใช้เงินเปลือง
"สองพัน ค่ารถอะไรคะ ตั้งสองพัน วันนี้หนูชนไปตามคุณอิทถึงไหนคะ ไปถึงตะเข็บชายแดนเลยหรือไง ค่ารถถึงได้แพงอย่างนี้"
ชนมนเกรงใจมาก
"เดี๋ยวหนูจะอธิบายนะคะ หนูขอเบิกก่อนได้มั้ยคะเนี่ย"
"ได้ซิคะ ถ้ามีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ก็เบิกได้ค่ะ ขออย่างเดียว ขอให้หนูชนทำให้คุณอิทยอมติวกับหนูให้ได้ ไหนคะ ตาลุงมอเตอร์ไซค์หน้าเลือดอยู่ไหน ขอป้าเจอหน้าหน่อยซิ"
ถนอมเข็ดเขี้ยวนึกว่าชนมนถูกฟันหลอกเอาเงิน
ลุงยืนลูบมอเตอร์ไซค์ตัวเองอย่างหงอยๆ ถนอมถือกระเป๋าเงินเดินอาดๆ ออกมา ชนมนตามมาติดๆ
ถนอมกระแทกเสียงบอก
"นี่เอาไป ค่ารถสองพัน !"
ลุงรับเงินมาจากถนอมอย่างซื่อๆ
"หนูน่ะซื่อเกินไป ถึงได้ถูกโก่งค่ารถขนาดนี้ รับเงินแล้วก็เชิญกลับไปได้เลย คนเรานะ แทนที่เห็นคนเดือดร้อนจะช่วยๆกัน แต่กลับขูดรีดกัน แค่ขอยืมขับชั่วโมงสองชั่วโมง จะสึกหรอซักเท่าไหร่เชียว ห๊า!"
ถนอมตบไปที่รถมอเตอร์ไซค์เบาๆ
ทันใดนั้นรถที่ตั้งอยู่ก็ทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชนมน ถนอมและลุงมองดูกองเศษเหล็ก นิ่งงัน
ถนอมหยิบเงินจากกระเป๋าส่งให้ลุงอย่างหน้านิ่งๆ
"นี่..ห้าพัน ชั้นให้"
ถนอมหน้าจ๋อยแต่ฝืนขืนทำหน้านิ่งไว้ ชนมนหน้าจ๋อยสงสารลุงจริงๆ
ชนมนและถนอมเดินกลับเข้าบ้าน ถนอมเห็นใจสงสารชนมนที่ไปผจญเวรผจญกรรมกับอิทธิฤทธิ์มา
"คุณอิทนะ คุณอิท ร้ายกาจขึ้นทุกวัน แต่เวลาดีๆคุณอิทก็ดีแสนดีนะคะ วันนี้คงยังไม่ทันตั้งตัวน่ะ ป้าว่า หนูชนกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้มาใหม่ดีมั้ยคะ"
"หนูจะรอคุณอิทค่ะ หนูรับปากกับท่านผู้การแล้ว"
"ไม่ต้องรอหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณท่านกลับมา ป้าจะเรียนให้ท่านทราบเองว่า หนูได้พยายามถึงที่สุดแล้ว"
"หนูยังพยายามได้อีกค่ะ หนูขอรอคุณอิทนะคะ"
"ไม่รู้ว่า คุณอิทจะกลับกี่ทุ่มกี่ยามนะคะ"
"ดึกแค่ไหน หนูก็จะรอค่ะ"
"อย่าเลยค่ะ กลับบ้านพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"
"ไม่เป็นไรค่ะ หนูอึด"
"แต่คุณอิทคงไม่มีกะใจเรียนแล้วน่ะสิคะ"
ชนมนมุ่งมั่น
"แต่หนูจะสอนค่ะ ยังไงวันนี้หนูก็ต้องจับคุณอิทของป้าเรียนให้ได้ค่ะ ไม่งั้นเสียชื่อติวเตอร์ชนหมด"
ถนอมยอมแพ้ในความมุ่งมั่นเดินออกไป ชนมนนั่งลงหยิบหนังสือกฎหมายมาวางปังๆเรียงกัน เธอมุ่งมั่นเอาจริงไม่ยอมให้อิทธิฤทธิ์รอดหลุดมือไปได้ เป็นไงเป็นกันซิน่า !
มณีมันตราในชุดนอนเดินมาล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอคว้าหนังสือเรียนข้างเตียงมาอ่านก็ชะงักเห็นขวดน้ำที่ธรรม์ให้วางอยู่ เธอมองที่จอมือถืออย่างแปลกใจที่มีข้อความมาจากธรรม์อยู่ก่อนแล้ว
"พี่ธรรม์"
เธอทั้งแปลกใจและดีใจรีบกดเปิดอ่านข้อความ ใกล้เห็นข้อความเก่า “ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับวันนี้”
ข้อความจากธรรม์ “พี่ยินดีช่วยน้องมาย่าเสมอ..ตอบแล้วนะ”
มณีมันตรายิ้มปลื้มกับข้อความธรรมดาๆของธรรม์
เวลาต่อเนื่องมา ธรรม์ในชุดตำรวจนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะทำงาน เสียงมือถือส่งสัญญาณว่ามีข้อความเข้า เขาหยิบมือถือขึ้นมากดอ่านแล้วยิ้มขำ ข้อความจากมาย่า จบด้วยรูปเด็กชายเด็กหญิงจับมือกัน เขามองมือถือนิ่งไม่อยากตีความเข้าข้างตัวเอง
ดึกต่อเนื่อง ชนมนนั่งกอดอกอยู่ที่เดิม สีหน้าเรียบนิ่ง นั่งที่เดิม ท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แก้วน้ำใส่น้ำแข็งเต็มละลายจนเหลือไม่กี่ก้อน ก้อนน้ำแข็งละลายหดตัวชนกันเสียงดังก้อง เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆจนห้าทุ่ม เสียงเข็มนาฬิกาเดินดังก้องตึกๆในห้องเงียบ
ชนมนยังนั่งนิ่งน่าเกรงขามอยู่เหมือนเดิม
อิทธิฤทธิ์เดินเข้าบ้านอย่างชิลสุดๆ ผ่านโต๊ะกินข้าว เห็นว่าชนมนนั่งหันหลังอยู่ อิทธิฤทธิ์เดินผ่านไป แล้วนึกว่าตาฝาดย้อนกลับมาดูเห็นเธอก็ตกใจ
"เฮ้ย! เล่นงี้เลยเหรอ"
ชนมนลุก หันหน้ามาจริงจัง โกรธกรุ่นๆแต่ยังบังคับให้ตัวเองใจเย็นได้
"เริ่มเรียนกันได้แล้วเนอะ"
"ไม่เรียน! กลับบ้านไป"
"ชั้นจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะได้สอนนาย"
"ก็คนมันไม่อยากเรียน"
"แล้วคิดว่าชั้นอยากสอนเด็กแว้นไร้สมองอย่างนายนักเหรอ"
"ไม่อยาก ก็กลับไป"
อิทธิฤทธิ์เดินหนี เธอเดินตามและดึงแขนเขาให้หันมา เขามองอย่างเอาเรื่องที่เธอมาถูกตัว
"แต่ชั้นรับค่าจ้างพ่อนายมาแล้ว ชั้นก็ต้องทำตามหน้าที่"
อิทธิฤทธิ์เยาะ
"อ้อ เห็นแก่เงิน"
"เออ ใช่ ชั้นไม่ใช่ลูกเศรษฐีอย่างนาย ชั้นจึงต้องทนทำงานที่ชั้นไม่อยากทำ ไม่ว่างาน
จะห่วยแตกแค่ไหน ถ้าเงินดี ชั้นก็ต้องทำ..."
เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ พูดยั่วเพื่อให้โกรธจะได้ไปให้พ้นหน้าซะ
"แปลว่า ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินงั้นซิ"
อิทธิฤทธิ์มองสำรวจตรวจตราเธอทั่วตัวอย่างตีราคา แม้เธอโกรธมาก แต่พยายามกดอารมณ์เอาไว้
"นี่พ่อชั้นจ่ายไปเท่าไหร่ แล้วเธอต้องทำอะไรบ้าง พ่อต้องจ่ายหนักแน่ๆ งั้นเธอติวอย่างเดียวก็ไม่คุ้มซิ"
ชนมนขยับถอยนิดนึงอย่างระวังตัว
เขาหัวเราะเยาะ
"อย่างเธอน่ะ ให้ฟรีก็ไม่เอาหรอก ถ้าอยากได้เงินพิเศษก็ไปบริการพ่อชั้นโน่น"
"นี่นาย!"
อิทธิฤทธิ์เบ้ปากแล้วหันหลังเดินไป เธอทนไม่ไหว โมโหขึ้นเรื่อยๆจนระเบิดแตก ร้องเสียงดัง
"ย๊าก"
อิทธิฤทธิ์ตกใจหันมา แต่ก็ไม่ทันแล้ว ชนมนกระโดดตัวลอย เหวี่ยงขาเตะหน้าอิทธิฤทธิ์
อ่านต่อหน้า 2
รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ภาพอดีต ด.ญ.ชนมน กำลังเตะต้นกล้วย ชูชัยยืนคุม
"เป็นลูกผู้หญิง เรียนวิชามวยไว้ไม่เสียหลาย"
ด.ญ. ชนมน เตะต้นกล้วยอีกครั้งหนึ่ง
"ไว้ป้องกันตัวเวลามีใครมารังแก"
ด.ญ.ชนมน กระโดดลอยตัวเตะต้นกล้วย ในท่าเดียวกับปัจจุบัน
"จำไว้ใช้ในคราวจำเป็นเท่านั้น"
อิทธิฤทธิ์กระเด็นกลางอากาศไปสลบแน่นิ่งที่พื้น ชนมนยืนจังก้าอยู่อย่างกับซุปเปอร์ฮีโร่
"ครั้งนี้ขอนะพ่อ หนูเหลืออดจริงๆ"
ชนมนยืนค้ำก้มลงมองซากอิทธิฤทธิ์ที่อยู่บนพื้นห้องอย่างแพ้ราบคาบ!
อิทธิฤทธิ์นอนหลับบนโซฟา ใบหน้ามีรอยฟกช้ำที่ใส่ยาแล้ว เขาสลึมสลือตื่น แล้วก็เจ็บแผลที่หน้าแตะหน้าตัวเองร้อง
"ออย..โอ๊ย"
เขามองรอบๆห้องอย่างงงๆ สายตามองไปที่ปลายเท้าเห็นใครนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขายันตัวขึ้นเพื่อจะมองได้ชัดๆ แล้วเพ่งสายตา จนเห็นเป็นชนมนนั่งถือหนังสืออยู่
" หัวข้อที่ 1 ผู้เสียหาย”
อิทธิฤทธิ์อึ้ง หงายหลังผึ่งเป็นลมสลบไปอีกที เธอพลิกหนังสืออย่างใจเย็นสุขุมแอบน่ากลัวอยู่เล็กๆ
ท้องฟ้าแจ่มใสเหนือบ้านอิทธิฤทธิ์ในตอนเช้า เขานั่งกอดอกหน้าบึ้งที่โต๊ะอาหาร อิทธิพลยืนหน้าดุ ถนอมยืนเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
"ไม่ ! ยังไงก็ไม่"
"แต่แกต้องเรียน"
อิทธิฤทธิ์ชี้ที่หน้าตัวเอง
"ไม่เห็นฝีมือยัยแว่นโหดหรือไง"
"แกก็สมควรโดนแล้ว อย่างนี้ชั้นก็ยิ่งเห็นว่า หนูชนเหมาะเป็นติวเตอร์ของของแก"
"ชอบยัยแว่นโหดนัก ก็ไปติวกันเองแล้วกัน"
อิทธิฤทธิ์ลุกขึ้นจะเดินหนี ต้องชะงักเมื่อโดนอิทธิพลดุใส่
"ไอ้อิท"
ชนมนเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ หยุดรออยู่ที่ประตู
"แกจะเอายังไง"
"ผมลงเรียนซัมเมอร์ก็ได้ แต่..."
อิทธิฤทธิ์หันไปเห็นชนมนยืนทำตัวไม่ถูกอยู่พอดี
"แต่ยัยแว่นโหดต้องโดนไล่ออก"
อิทธิฤทธิ์คว้าเสื้อแจ็คเก็ตเดินปึงปังออกไป ถนอมผละตามไป
ชนมนพึมพำ
"เงินแสนสองของชั้น"
ชนมนยืนจ๋อยรู้สึกผิดนิดๆ ที่กระโดดเตะอิทธิฤทธิ์จนจะทำให้เงินก้อนใหญ่หลุดลอย
อิทธิฤทธิ์ออกมาจากตัวบ้านตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ ใส่แจ็คเก็ตดำ พลางหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรหามณีมันตรา
"ฮัลโหล มาย่า เธออยู่ไหน โอเค รอนะ" อิทธิฤทธิ์พูดรวบรัดเอาแต่ใจ
ถนอมกระหืดกระหอบตามมา
"คุณอิท ! อย่าเพิ่งไปค่า"
อิทธิฤทธิ์ใส่หมวกกันน็อก ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ถนอมได้แต่มองตามทำอะไรไม่ได้
ชนมนนั่งหน้าจ๋อยคิดว่าถูกไล่ออกจากงานแน่ๆ อิทธิพลนิ่งคิดตริตรองจะทำยังไงต่อไปกับลูกชายดี
"ท่านคะ หนูขอโทษนะคะ หนู...หนูไม่น่า ไม่น่าทำร้ายคุณอิทเลย"
"หนูทำถูกแล้วล่ะ"
ชนมนหน้าเหวอคิดไม่ถึง
"อย่างนายอิทใช้ไม้อ่อนไม่ได้หรอก แต่ใช้ไม้แข็งก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ อย่างที่เห็นเมื่อวาน..ใช่มั้ยล่ะ"
"นั่นน่ะซิคะ ถ้าท่านคิดจะหาติวเตอร์คนใหม่ หนูก็เข้าใจนะคะ ส่วนเงินค่าติวเมื่อวาน หนูจะคืนให้นะคะ เพราะหนูยังไม่ได้ติวอะไรเท่าไหร่"
ชนมนควักกระเป๋าตังค์ออกจากถุงผ้าอย่างเสียดายเงินสุดชีวิต
"เก็บไว้เถอะ คิดซะว่าเป็นค่าเสียเวลา"
ชนมนห่อเหี่ยวเมื่อรู้ว่าต้องออกจากงานจริงๆ
"งั้นหนูลาล่ะค่ะ"
ถนอมเพิ่งเดินเข้ามาตกใจที่เห็นชนมนจะไปแล้ว
"ลาไปไหน ชั้นยังไม่ได้ให้หนูออก หนูจะต้องเป็นติวเตอร์ของนายอิทต่อไป หนูจะทำ
ยังไงก็ได้ ทำให้นายอิทยอมเรียนกับหนู แล้วก็สอบผ่านให้ได้ ไม่ว่าหนูจะเลือกใช้วิธีไหน ชั้นอนุญาต แล้วถ้ามีค่าใช้จ่ายอะไร มาเบิกได้กับป้าหนอมได้ งบไม่อั้น"
ถนอมยิ้มกว้างโล่งใจแทนชนมน ชนมนตาโตหูผึ่ง
"งบไม่อั้น งั้นหนูไปตามคุณอิทก่อนนะคะ แล้วนี่หนูควรไปตามที่ไหนก่อนดีคะ นอกจากนายเจ๋งแล้ว คุณอิทมีเพื่อนที่ไหนอีก"
ถนอมบอก
"คุณมาย่าค่ะ ! คุณอิทต้องไปหาคุณมาย่าแน่ๆ ป้าเป็นแฟนคลับคุณมาย่าค่ะ เดี๋ยวป้าเช็คให้ได้ว่า ตอนนี้คุณมาย่าอยู่ที่ไหน"
"งั้นหนูไปก่อนนะคะ ป้ารู้ว่ามาย่าอยู่ไหน โทรเข้ามือถือหนูเลยนะคะ"
ชนมนกระวีกระวาดออกไปด้วยแรงของเงินค่าจ้าง ถนอมรีบกดมือถือดูเฟสบุ๊คหน้าแฟนเพจของมาย่า
"วันนี้คุณมาย่าคิวแน่นอีกแล้ว เช้ามีซ้อมยิงปืนที่สนาม..."
อิทธิพลครุ่นคิดเรื่องอิทธิฤทธิ์
"นายอิทมันไม่มีเพื่อนคนอื่นบ้างหรือไง นอกจากหนูมาย่าน่ะ"
"คุณอิทยอมคบใครที่ไหนกับเค้าล่ะคะ ตั้งแต่คุณผู้หญิงไปจากบ้านนี้ก็เก็บตัวไม่ยอมพูดกับใครเป็นเดือนๆ นี่ถ้าคุณท่านใจเย็นซักนิด ไม่ส่งคุณอิทเข้าโรงเรียนประจำ"
"ชั้นทำอะไรก็ผิดไปหมดซินะ"
"คุณท่านไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกค่ะ ถ้าในตอนนั้นคุณท่านจะช่วยปลอบคุณอิท พูดให้เธอเข้าใจ ไม่ใช่เอาแต่เข้มงวด สั่งอะไรแล้วไม่เป็นตามสั่ง ก็ส่งคุณอิทเข้าโรงเรียนประจำดัดนิสัย"
"พ่อชั้นก็สอนชั้นมาอย่างนี้ ชั้นได้ดีมาถึงวันนี้เพราะชั้นเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร"
"ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ เด็กสมัยนี้เค้าต้องการความรักความเข้าใจ การใช้อำนาจเข้มงวดกับลูก มีแต่ทำให้ลูกเห็นพ่อแม่เป็นศัตรูมีปัญหาอะไร ลูกถึงได้วิ่งไปหาเพื่อนไงคะ คุณท่านไม่รู้สึกหรือไงว่า นับวันคุณอิทก็ยิ่งห่างไกลไปจากคุณท่านทุกทีๆ"
อิทธิพลจำต้องฟังถนอมเถียงไม่ได้ ถนอมพูดถูกทุกอย่างจริงๆ
ชนมนวิ่งออกมาทางบ้านอิทธิฤทธิ์มองซ้ายมองขวา มอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านไปมาสองสามคันมีคนซ้อนท้ายทุกคัน ลุงมอเตอร์ไซค์คนเดิมขับรถผ่านมา เธอโบกเรียกทันที
"จอดๆๆ ลุงจอดด้วย"
ลุงชะลอรถมอเตอร์ไซค์ พอเห็นหน้าชนมนก็ตกใจจะขับถอยหนี เธอไม่ได้เห็นอาการสยองขวัญของลุง และขวางทางไว้
"อ้าว ลุงนั่นเอง รถซ่อมเร็วนะเนี่ย ...งั้นวันนี้ขอยืมอีกนะคะ"
ลุงส่ายหน้าอย่างเข็ดขยาด
"น่านะคะ วันนี้หนูจ่ายให้ไม่อั้น"
ชนมนไม่สนใจเข้าแย่งแฮนด์จากลุง ลุงเงอะงะลงจากรถอย่างจำใจ
"อีกสองชั่วโมงเจอกัน ที่เดิมนะ ลุงนะ"
ชนมนออกรถวิ่งไป ยังมีหน้าหันกลับมาโบกมือยิ้มดีใจ ตะโกนบอก
"ขอบคุณนะคะ"
ลุงมองตามรถคู่ชีพอย่างอาลัยอาวรณ์
มาย่าจับปืนเก้ๆกังๆ ธรรม์กำลังสอนท่าจับปืนอยู่ โดยไม่กล้าแตะต้องตัวมาย่า ได้แต่พูดพลางทำท่าให้ดู
"ยืนตัวตรง ขากางออก คราวนี้หันตัวมาทางซ้ายนิดนึง ปลายเท้าขวาหันไปทางเป้า ยกมือขวาขึ้นในระดับสายตา มองตรงไปที่เป้า"
"อย่างนี้ใช่มั้ยคะ"
มณีมันตราทำตามที่ธรรม์บอกทุกอย่างแต่ยังเงอะงะอยู่
"ดี แล้วก็ยกปืนขึ้นลงหลายครั้ง จนกว่าจะเจอจังหวะที่ถนัดที่สุด ลองเอามือซ้ายไขว้หลังไว้ เผื่อจะถนัดขึ้น"
มณีมันตรายังทำไม่ถูก มือขวายกปืนขึ้นเล็งอย่างอ่อนปวกเปียก
"อย่างนี้เหรอคะ"
"อย่าเพิ่ง เอานิ้วชี้ขนานไปกับแนวปืนก่อน อย่าเพิ่งเอานิ้วเข้าโกร่งไกจนกว่าจะยิง"
เมนี่เดินเข้ามาเห็นธรรม์ยืนชี้นำอยู่ห่างๆ มณีมันตราก็งุนงงทำตามไม่ถูก
"อย่างนี้วันนี้จะได้ยิงมั้ยคะเนี่ย คุณผู้หมวด"
"ขอโทษนะ"
ธรรม์จับมือมาย่าให้จับปืนให้ถูกแล้วจับให้มือนิ่งมั่นคงเล็งเป้า มณีมันตราเหมือนอยู่ในอ้อมแขนของธรรม์โดยปริยาย เธอหน้าแดงใจเต้นแรงเหลือบมองธรรม์อย่างเก้อเขิน
ธรรม์ก็เก้อๆเขินๆจนลืมปล่อยมือจากเธอ
อิทธิฤทธิ์เสียงเข้ม
"มาย่า!"
มาย่าหันไปเห็นอิทธิฤทธิ์ ไม่ทันเอะใจกับสีหน้าทะมึนของอิทธิฤทธิ์
"อ้าว อิท มาเร็วจัง"
อิทธิฤทธิ์มองธรรม์จ้องเขม็ง ธรรม์ค่อยๆ ปล่อยมือ เมนี่ยิ้มหวานให้อิทธิฤทธิ์
"น้องนักแข่งรถ เพื่อนน้องมาย่า"
"ทำอะไรกัน"
"ฝึกยิงปืนไง"
มณีมันตรากอดแขนธรรม์อย่างสนิทสนม
"เซอร์ไพรส์ใช่มั้ยล่ะ พี่ธรรม์เป็นครูสอนยิงปืนชั้น"
"เงินเดือนตำรวจไม่พอกินหรือไง ถึงได้มารับจ้างสอนยิงปืนน่ะ"
"นี่...นี่รู้จักกันหมดเลยหรือคะ หมวดธรรม์ น้องนักแข่ง" เมนี่ว่า
"อิท..อิทธิฤทธิ์เป็นน้องชายของพี่ธรรม์ค่ะ พี่เมนี่"
"ใช่ที่ไหนแค่คนอาศัย ... วันนี้มีแข่งรถ ไปด้วยกันนะ"
เมนี่รีบแทรก
"ไม่ได้นะคะ เสียภาพพจน์น้องมาย่าหมดค่ะ สาวน้อยสวยแก่นแสนซนจะไปแว้นกับน้องได้ไงคะ ตอนนี้น้องมาย่ามีภาพเป็นองค์หญิงน้อยแห่งวงการบันเทิง น้องอิทคงต้องไปหาสาวสก๊อยที่อื่นล่ะค่ะ"
อิทธิฤทธิ์ไม่สนใจฟังเมนี่เลยแม้แต่น้อย
"เธอผิดนัดชั้นมากี่ครั้งแล้ว วันนี้ชั้นขอไม่ได้เหรอ ชั้นอยากให้เธอไปเชียร์ชั้นจริงๆ ถ้าไม่ไปกับชั้น ชั้นก็จะอยู่นี่แหละ เธอไปไหน ชั้นก็ไปด้วย ไปไหนไปกัน"
มณีมันตรามองเมนี่ที่ส่ายหน้าดิกๆห้ามขาด อิทธิฤทธิ์ทำปากยื่นดื้อสุดๆ เธอหนักใจ คิดๆๆ
"เอางี้ละกัน ถ้าเธอยิงปืนชนะพี่ธรรม์ได้ ชั้นจะยอมไปด้วย"
ธรรม์มองเธออย่างแปลกใจไม่เห็นด้วย
"พี่ว่าไม่ดีมั้ง"
มาย่ามองอิทธิฤทธิ์อย่างท้าทาย
"กล้ามั้ยล่ะ"
อิทธิฤทธิ์มองธรรม์นิ่ง เงียบนาน...
"เอาปืนมา"
อิทธิฤทธิ์จ้องธรรม์อย่างเอาเรื่อง งานนี้แพ้ไม่ได้เด็ดขาด !
ธรรม์ก้าวเข้ามายืนตั้งมั่นเตรียมพร้อมยิง อิทธิฤทธิ์มีอุปกรณ์พร้อมใส่แว่นที่ปิดหู ก้าวเท่ๆมายืนขนาบกับธรรม์ ทั้งสองเหลือบมองหน้ากัน อิทธิฤทธิ์มองธรรม์อย่างเหม็นขี้หน้าสุดๆ
มณีมันตรากับเมนี่ยืนลุ้นระทึกใจ
"พร้อมนะคะ ...เริ่มได้"
อิทธิฤทธิ์กับธรรม์เล็งปืนแล้วยิงรัวติดๆกันหลายสิบนัด เสียงยิงปืนของทั้งสองดังสนั่นหวั่นไหว
มณีมันตราและเมนี่รีบเอาที่ปิดหูใส่แทบไม่ทัน ทั้งคู่ยิงใส่เป้ากันไปสักพัก
ธรรม์ตัดสินใจจะแกล้งแพ้อิทธิฤทธิ์ มณีมันตราทันเห็นธรรม์แกล้งกดปลายปืนลง
"เอ๊ะ !"
ธรรม์ยิงเปรี้ยงพลาดเป้าไป อิทธิฤทธิ์ยิงตรงเป้าพอดีเด๊ะ
"ให้มันรู้ซะบ้างว่า ใครเป็นใคร"
อิทธิฤทธิ์เป่าลมที่ปลายปืนอย่างเท่ มณีมันตราจ้องหน้าธรรม์อย่างไม่พอใจ
เป้ายิงสองแผ่นถูกดึงอย่างเร็วกลับมาเข้ามาหาอิทธิฤทธิ์และธรรม์ แต่เป้ายิงของธรรม์มีพลาดเฉียงต่ำไปสองนัด ! อิทธิฤทธิ์ปลื้มดีใจสุดๆ
"ชั้นชนะขาดลอย"
มณีมันตรามองธรรม์อย่างผิดหวัง ไม่คิดว่า ธรรม์แกล้งแพ้ชัดๆ
"ทำไมพี่ธรรม์ต้องทำแบบนี้"
ธรรม์ทำไม่รู้เรื่องด้วย
"วันนี้พี่มือตกไปหน่อย เราก็ซ้อมมาครบชั่วโมงแล้ว
"มาย่าไปเชียร์อิทแข่งรถเถอะ"
ธรรม์เดินออกไป มณีมันตราหงุดหงิดไม่ชอบใจ
"ยังไงน้องมาย่าก็ไปกับน้องอิทไม่ได้นะคะ พี่เมนี่ขอห้ามค่ะ"
เสียงโทรศัพท์มือถือเมนี่ดัง มองจอโทรศัพท์ดี๊ด๊าดีใจ
"ว้าย เดี๋ยวนะ อาเจ็กโทรมา ... ฮัลโหล กราบสวัสดีค่า คุณสุวิช น้องมาย่าหรือคะ น้องมาย่าเพิ่งซ้อมยิงปืนเสร็จค่ะ ... ว่างค่ะ ว่าง ถึงไม่ว่างก็เคลียร์คิวให้ได้ ไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ"
เมนี่กดปิดมือถืออย่างดีใจ
"น้องมาย่า อาเจ็กให้เข้าไปคุยเรื่องเซ็นสัญญาน่ะ ดูเหมือนอาเจ็กจะตกลงขึ้นค่าตัวตามที่เราเรียกไป เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวอาเจ็กจะเปลี่ยนใจ"
มณีมันตราดีใจที่งานเข้าจะได้ไม่ต้องไปกับอิทธิฤทธิ์
"ขอโทษด้วยนะ อิท งานเข้าแล้วล่ะ แล้วค่อยนัดใหม่วันหลังนะ"
"ไม่มีวันหลัง เธอต้องไปกับชั้นวันนี้ เธอสัญญาแล้วนะ"
"แต่งานของชั้นสำคัญกว่า ไอ้เรื่องแข่งรถของเธอน่ะไร้สาระ ก็แค่เกมของพวกเด็กบ้าพลังไม่มีอะไรทำ เอาเวลาไปทำเรื่องที่มีประโยชน์ไม่ดีกว่าเหรอ"
"พูดอีกก็ถูกอีก ไปค่ะ น้องมาย่า เดี๋ยวจะไม่ทัน"
เมนี่รีบพามณีมันตราออกไปทันที
อิทธิฤทธิ์อารมณ์เสีย วางปืนลงอย่างหัวเสียพาลไปหมด
"สบายใจรึยัง"
อิทธิฤทธิ์หันไปเจอชนมนยืนมองมาก็เซ็งหนักขึ้นไปอีก
"ถ้ายัง ยิงต่อก็ได้นะ สบายใจเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปเรียน รอได้"
"เธออยากให้ชั้นกลับเรียนมากใช่มั้ย เอางี้ ยิงชนะชั้นให้ได้สิ"
ชนมนลังเลใจ อิทธิฤทธิ์ยิ้มคิดว่าชนมนยิงปืนไม่เป็น เธอหยิบปืนขึ้นมาดูพิจารณาเหมือนเพิ่งจับครั้งแรกแล้วในพริบตา เธอบรรจุกระสุนอย่างคล่องแคล่ว,ใส่ที่ปิดหู,ยืนพร้อมเตรียมยิงทุกเมื่อ
อิทธิฤทธิ์หน้าเหวอไปแป๊บ แล้วรีบเก๊ก ขยับมายืนเทียบข้างเตรียมยิงเหมือนกัน เธอยิงรัวไป 10 นัดซ้อน ไม่พลาดเป้าแม้แต่นัดเดียว ผู้คนที่ซ้อมยิงปืนตบมือกันเกรียว มองกันอย่างทึ่ง ชนมนยิ้มภูมิใจยืดสุดๆ เธอหันไปกะจะเยาะอิทธิฤทธิ์ แต่เขาหายแว้บไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย
"ไอ้เด็กบ้า!"
ชนมนรีบถอดแว่น ที่ปิดหูแล้ววิ่งตามออกไป
สนามแข่งรถ บ๊วยถือไมค์ประกาศ
"ต่อไปจะเป็นการแข่งรถระหว่าง อิทธิฤทธิ์ ศิษย์ไม่มีครู และ ตี๋เล็ก T-T-Rex, T-Rex Never die !"
บรรยากาศการแข่งรถมอเตอร์ไซค์สนามที่มีคนดูคับคั่ง เสียงเชียร์อื้ออึง อิทธิฤทธิ์และตี๋เล็กอยู่ที่จุดสตาร์ท มีคนโบกธงยืนอยู่ข้างหน้า
เจ๋งเบียดผู้คนมายืนใกล้บ๊วยเชียร์อิทธิฤทธิ์อย่างตื่นเต้น
"เราจะแข่งกัน 10 รอบสนาม ใครถึงก่อนชนะ ใครพิการก่อนแพ้ พร้อมนะครับ 3…2…"
เล็กขี้โกงซิ่งออกไปก่อนนับถึงหนึ่ง
เสียงปืนจึงค่อยดังขึ้น “ปัง!” คนโบกธงสีแดงแทบจะถูกตี๋เล็กเฉี่ยวชน อิทธิฤทธิ์ออกรถตามไปทีหลัง เสียงบ๊วยบรรยายเมามันส์
"โอ้โห พี่ตี๋เล็กของเราออกตัวได้แรงแซงหน้านายอิทไปแล้วนะครับ ส่วนนายอิทยังคลำทางหาทางไปไม่ได้เลย...อนาถใจครับ อนาถใจจริงๆ"
การแข่งระหว่างอิทธิฤทธิ์และตี๋เล็กเป็นไปอย่างน่าตื่นเต้น รถมอเตอร์ไซค์สองคันแล่นเฉียดกัน สูสี ผลัดกันแซง คนยกป้ายบอกรอบขึ้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากรอบ 1 เป็นรอบ 5-6-7
อิทธิฤทธิ์ซิ่งรถผ่านคนโบกธงให้ คนยกป้ายขึ้นป้ายเป็นรอบที่ 10 เขาแซงนำมาไกลจนจะชนะอยู่แล้ว เจ๋งกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ รีบแย่งคว้าไมค์จากบ๊วย
"พี่อิทชนะแล้วครับๆ นี่แหละแชมป์ตัวจริง"
เล็กซิ่งรถอยู่,กระสับกระส่ายรู้ว่าใกล้แพ้ บ๊วยแย่งไมค์กลับคืนมา
"สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ของอย่างนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้"
ตี๋เล็กซิ่งรถออกจากลู่แข่ง ตัดลัดสนามหญ้าออกไปจากสนามแข่ง
"ว้าวๆ พี่ตี๋เล็กโชว์เหนือ ขับออกนอกเส้นทาง ไม่เทพจริงทำไม่ได้นะครับ โอ้ว พระเจ้ายอดมันจอร์จมาก ส่วนนายอิทยังหลงทางไม่รู้จะไปทางไหนดี งงเลยอะดิๆ"
ชนมนขับรถลุงมอเตอร์ไซค์เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี ตี๋เล็กออกไปหยุดที่ทางออกนอกสนามแล้วบีบแตร กวักมือเรียกอิทธิฤทธิ์อย่างท้าทาย เขากำลังถึงเส้นชัยอยู่แล้ว ทนท้าทายไม่ได้ซิ่งรถตามไป
"โกงกันนี่หว่า !! ได้ไงวะ" เจ๋งบอก
"ว้าก ตอนนี้พี่ตี๋เล็กขับออกถนนใหญ่ไปแล้วครับ นายอิทขับตามไปติดๆ ทั้งสองคนออกจากสนามแข่ง ไปแข่งในสนามชีวิต โอ้ว สุดยอด"
บ๊วยถือไมค์วิ่งตามออกไป เจ๋งวิ่งตามด้วย ผู้คนมองตามออกไปฮือฮากันใหญ่ ตี๋เล็กและอิทธิฤทธิ์ขับรถผ่านหน้าชนมนออกไป
"เฮ้ย! ขับออกไปอย่างนั้น เดี๋ยวก็ถูกตำรวจจับหรอก"
เวลาต่อมา อิทธิฤทธิ์เซ็งจัด ตี๋เล็กหน้าจ๋อย นั่งต่อหน้าตำรวจ1 ให้ปากคำ ตำรวจพิมพ์คำให้การอย่างระอาใจ
ตำรวจ1บอก"พวกแว้นอีกแล้วเหรอ"
อิทธิฤทธิ์/ตี๋เล็กโพล่งพร้อมกัน "เราไม่ใช่แว้น!"
ตี๋เล็กบอก "เรามันสายพันธุ์นักแข่ง"
"เรามันสายเลือดสุดโต่ง" อิทธิฤทธิ์ว่า
ตี๋เล็กบอก "ใจของเรา มันไม่ธรรมดา"
"พอเถอะ จะมาจากสายพันธุ์ไหนก็ช่าง พวกนายทำผิดกฎจราจร ขับรถเร็วกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ขับรถโดยประมาท ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่น และแข่งรถบนทางรถวิ่ง รู้มั้ยว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง" ตำรวจถาม
ตี๋เล็กกระซิบถาม
"แกเรียนกฎหมายใช่มั้ย ที่เค้าพูดถูกป่าววะ"
อิทธิฤทธิ์ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่ก็พยักหน้างึกงัก
"ตกลงไม่รู้ใช่ปะ อะไรวะ"
ตี๋เล็กพึ่งอิทธิฤทธิ์ไม่ได้เริ่มอารมณ์เสีย
ตี๋เล็กเสียงดังบอก
"เพราะแกคนเดียว"
"เฮ้ย ใครเริ่มก่อนวะ ถ้าแกไม่ออกนอกสนามแข่ง"
"ใครใช้ให้ตาม"
"ใครใช้ให้นำ"
"อ้าว แล้วแกตามมาทำไม"
"อ้าว ก็ต้องแข่งกันให้จบสิวะ"
"แล้วไง ต้องมาจบที่โรงพัก"
อิทธิฤทธิ์เยาะบอก
"กลัวล่ะซิ"
ตี๋เล็กขาสั่น กลัวมากแต่บอก
"ไม่ได้กลัวโว้ย แค่ไม่ชอบ"
อิทธิฤทธิ์มองสภาพตี๋เล็ก
"ป๊อดว่ะ โธ่! อย่างมากก็แค่ถูกปรับ"
"ไม่ใช่แค่ปรับอย่างเดียว แต่ต้องเรียกผู้ปกครองมาเซ็นรับรู้ด้วย"
ทั้งคู่ร้อง หา! หน้าซีดไปตามๆกัน
อาป๊าเสียงดุฟ้าผ่า
"อาตี๋เล็ก!"
ตี๋เล็กหน้าตาหวาดผวา
"อาป๊า!"
อาป๊าเดินเข้ามาตบหัวตี๋เล็ก ตี๋เล็กจ๋องหงอย
"ลื้อนี่มันหาแต่เรื่อง เรื่องดีๆเคยทำกะเค้ามั้ย กลับไปนี่จะฟาดให้หลังหัก"
ตี๋เล็กเสียงหงอยบอก "อาป๊า...ผมขอโทษ"
"ไม่ต้องมาเรียก ... คุณตำรวจ ฝากขังดัดนิสัยไว้สักวันสองวันได้มั้ย"
อาม้าเสียงดังลั่น
"ไม่ได้!"
ตี๋เล็กแช่มชื่น
"อาม้า!"
อาม้าเดินเข้ามา ตี๋เล็กโผไปหา
"ไม่ต้องกลัว อาม้าอยู่นี่แล้ว"
"เพราะลื้อโอ๋อาตี๋มันอย่างนี้ มันถึงได้เป็นจิ๊กโก๋ขี่แมงกะไซด์ ไม่รู้จักทำมาหากิน"
"อย่าพูดมากได้มั้ย ไปจ่ายค่าปรับไป อั๊วจะได้พาอาตี๋กลับบ้าน ไม่เห็นเหรอ
อาตี๋ขวัญเสียหมดแล้ว ไป กลับบ้านกัน"
อาม้ารีบประคองตี๋เล็กเดินออกไป อาป๊าเดินตามจะไปจ่ายค่าปรับให้
อาป๊าบ่น
"ซวยเกี้ย...(ลูกเวร)"
อิทธิฤทธิ์มองตี๋เล็กที่อาป๊าอาม้ามารับกลับอย่างห่วงใย
ตำรวจ1ถาม"แล้วพ่อแม่นายล่ะ"
อิทธิฤทธิ์นิ่งเงียบ
อิทธิฤทธิ์เดินเข้าประตูห้องขัง ตำรวจ1 ไขกุญแจล็อกประตู แล้วเดินออกไป
เขายืนมองดูรอบๆห้องขัง ยืนพิงผนังนิ่งคิดหาทางออก
"นายอิทธิฤทธิ์"
เขาหันไปตามเสียง เห็นชนมนยืนอยู่หน้าห้องขังก็แปลกใจ
"ชั้นมารับนาย นายคงไม่อยากให้ท่านผู้การรู้เรื่องนี้ นายก็เลยไม่ยอมโทร.บอกท่าน"
อิทธิฤทธิ์ตวาด
"อย่ายุ่ง ไม่ได้ขอให้ช่วย จะไปไหนก็ไป ไป เบื่อ รำคาญ"
ชนมนโกรธสุดๆ พรั่งพรูออกมาเหมือนท่อประปาแตก
"ชั้นอุตส่าห์ขับรถตามหาตั้งนาน กว่าจะรู้ว่านายอยู่โรงพักไหน ชั้นพูดขอร้องตำรวจเป็นชั่วโมงๆ ขอเป็นผู้ปกครองนาย ขอเสียค่าปรับ รับนายกลับบ้าน ทั้งๆที่ชั้นไม่ได้เป็นอะไรกับนาย! ..ชั้นมันโง่จริงๆไม่น่ามาเสียเวลากับเด็กเหลือขออย่างนายเลย"
อิทธิฤทธิ์มองประจันหน้าชนมนนิ่งๆ ไม่สะทกสะท้าน เธอเดือดดาลโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
อ่านต่อหน้า 3
รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ชนมนอารมณ์เสียสุดๆ ในขณะเดินออกมาจากข้างใน เธอตบโต๊ะตำรวจดังปังแล้วประกาศเสียงดังจนทุกคนในโรงพักได้ยิน
“ผู้ต้องหาชื่อนายอิทธิฤทธิ์ ปติชาติ ไม่ประสงค์ที่จะให้ผู้ปกครองรับตัวกลับ และยินดีถูกจำคุกแทนการจ่ายค่าปรับ ดิชั้นขอเสนอทำสำนวนส่งอัยการ ฟ้องศาลแล้ว ส่งเข้าเรือนจำไปเลย จบ”
ตำรวจทั้งโรงพักอึ้งเงียบและงุนงง ธรรม์ในชุดตำรวจเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังชนมน
ธรรม์เอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรกับผู้ต้องหาหรือครับ”
พอได้ยินคำถามชนมนก็อ้ำๆ อึ้งๆ
ชนมนพยายามพูดให้ดูดี “ดิชั้นเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ปกครองของนายอิทธิฤทธิ์ค่ะ ดิชั้นมีหน้าที่คอยดูแลควบคุมความประพฤติของนายอิทธิฤทธิ์”
“ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า คุณเป็นใคร”
“ดิชั้นเป็น..เป็น..” ชนมนพูดเร็วรัว “เป็นติวเตอร์ของนายอิทธิฤทธิ์ค่ะ”
ธรรม์พยักหน้าเพราะเข้าใจเรื่องที่อิทธิพลจ้างติวเตอร์มาสอนอิทธิฤทธิ์อยู่แล้ว
ธรรม์ยิ้ม “อ้อ คุณนั่นเอง” ธรรม์พูดกับตำรวจ “ผมมาขอรับนายอิทธิฤทธิ์กลับบ้านครับ”
ชนมนหันขวับมองหน้าธรรม์ทันที
“ขอคัดค้านค่ะ ผู้ต้องหาแจ้งความประสงค์แล้วว่า ยินดีจะถูกคุมขังเพื่อชดใช้ความผิดค่ะ
“นายอิทธิฤทธิ์ทำผิดกฎจราจรเท่านั้นเอง คุณ”
“แต่นายอิทธิฤทธิ์สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นนะคะ ควรจะลงโทษคุมขังซักเดือนจะได้หลาบจำ เอ๊ะ แล้วนี่คุณเป็นใคร ถึงได้มาขอรับตัวนายอิทธิฤทธิ์หา!” ชนมนมองป้ายชื่อ “อ๋อ นี่คงรู้ว่า นายอิทธิฤทธิ์เป็นลูกนายตำรวจใหญ่ล่ะสิ นี่คิดจะหาทางเลื่อนขั้นทางลัดโดยการประจบสอพลอนาย”
“คุณพ่อผมเกลียดพวกประจบสอพลอที่สุดครับ แล้วนี่ถ้าท่านรู้ว่า ผมมารับนายอิท มีหวังโดนด่าด้วยซ้ำไป งานนี้มีแต่เสีย ไม่มีได้หรอกครับ”
ชนมนทวนคำ “คุณพ่อ?”
“ผมเป็นพี่ชายนายอิทครับ คุณชนมน อ้อ ไม่เป็นไรนะครับคนไม่รู้ย่อมไม่ผิด คราวนี้ผมจะละเว้นให้ ไม่เอาเรื่องที่คุณหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน” ธรรม์ยิ้มน้อยๆแล้วเดินจากไป
ธรรม์เดินเข้าไปด้านใน ทิ้งให้ชนมนนิ่งอึ้งเพราะหน้าแตกดังเพล้ง
อิทธิฤทธิ์ยืนพิงผนังอยู่ในท่าเดิม เขายังดื้อด้านไม่กลัวอะไรและไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอยู่ดี ตำรวจ เดินนำธรรม์เข้ามาก่อนจะไขกุญแจห้องขังให้
“โทษทีที่โทรบอกช้าไปหน่อย” ตำรวจบอก
“ไม่เป็นไร แค่นี้ขอบใจมากแล้ว” ธรรม์ว่า
ตำรวจคนนั้นเดินออกไป ธรรม์มองผ่านซี่กรง เมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันอิทธิฤทธิ์ก็ค่อยๆหันมามอง
อิทธิฤทธิ์มองธรรม์นิ่งอยู่นานแล้วก็เมินหน้าหนี
อิทธิฤทธิ์ไล่ “กลับไป”
“ยังจะทำอวดเก่งอีกเหรอ”
อิทธิฤทธิ์มองธรรม์อย่างไม่แยแส
“ไป กลับบ้านกัน” ธรรม์ชวน
อิทธิฤทธิ์ยังดื้อแพ่งทำนิ่งไม่พูดด้วย
“หรือว่าอยากให้คุณพ่อรู้” ธรรม์ถาม
อิทธิฤทธิ์ฮึดฮัดเดินออกจากห้องขังอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องชะงัก
“ไม่ต้องห่วง ชั้นจะปิดเรื่องนี้ให้ แต่จะต้องไม่มีคราวหน้านะ”
อิทธิฤทธิ์เดินชนไหล่ชนธรรม์ที่ยืนอยู่หน้าประตูเพื่อให้เขาพ้นทาง อิทธิฤทธิ์เดินผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มองธรรม์เลย ธรรม์มองตาม
อิทธิฤทธิ์เดินลิ่วๆออกมาจากโรงพัก ธรรม์เดินตามมาจนทันแล้วก็ดึงตัวไว้
“อิท ! รถพี่จอดทางโน้น”
“ไม่ต้องยุ่ง กลับเองได้”
“แล้วจะกลับยังไง รถนายโดนยึด”
“ไม่ต้องทำเป็นคนดีนักได้มั้ย”
“ถึงนายจะไม่เห็นว่า ชั้นเป็นพี่ แต่สำหรับชั้น นายเป็นน้องชายชั้นเสมอ”
“นายนี่น้ำเน่าจริงๆ ไปน้ำเน่าที่อื่นไป”
“อิท !”
“จะให้ชั้นขอบใจนายใช่มั้ย ไม่มีทาง” อิทธิฤทธิ์แถ “เป็นหน้าที่ของนายอยู่แล้วที่จะต้องช่วยชั้น บุญคุณของพ่อชั้น นายตอบแทนกี่ชาติยังไงก็ไม่หมด”
ชนมนเข้ามาทันฟังประโยคท้ายๆของอิทธิฤทธิ์พอดี อิทธิฤทธิ์เดินลิ่วๆไปอย่างโมโหตัวเองที่ต้องรับการช่วยเหลือจากธรรม์
ธรรม์เรียก “นายอิท !”
อิทธิฤทธิ์ชะงักนิดเดียวแล้วเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ ชนมนมองธรรม์อย่างเก้อๆเขินๆ ที่ตัวเองหน้าแตกเมื่อก่อนหน้านี้
ชนมนหัวเราะน้อยๆ “เฮอะๆๆ น้องชายดื้อจังนะคะ”
ธรรม์พยักหน้ารับเพราะเห็นด้วย
บนถนนกว้างที่มีผู้คนเดินตามฟุตบาธมากมาย อิทธิฤทธิ์เดินกลับบ้านคนเดียวท่ามกลางผู้คนมากมาย แม้จะพลุกพล่านแต่เขาก็ดูโดดเดี่ยว
อิทธิฤทธิ์เดินคนเดียวบนถนนที่ไม่มีคนอื่นเลย เขาเดินข้ามสี่แยกไปยืนอยู่ที่เกาะกลางสี่แยกก่อนจะมองซ้ายมองขวาว่าจะไปทางไหนต่อ
อิทธิฤทธิ์นั่งเหงาอยู่ที่ป้ายรถเมล์คนเดียว ก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชน
ยามค่ำในซอยที่ไร้ผู้คน แสงไฟจากเสาไฟเป็นดวงๆ ทอดยาวไปตามถนน อิทธิฤทธิ์เดินอยู่คนเดียวโดยมีเงาดำทอดยาวไปตามพื้น
ธรรม์เดินมาที่จอดรถ โดยมีชนมนเดินตามมาห่างๆ เพราะอยากแก้ตัวกับธรรม์
“คุณธรรม์คะ เมื่อกี้นี้ ชั้นขอโทษนะคะ ชั้นไม่รู้จริงๆว่า คุณเป็นพี่ชายนายอิท แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคุณ พอดีชั้นกำลังโมโห”
“กับนายอิท..คุณคงต้องใช้ความอดทนหน่อย” ธรรม์บอก
“แต่ชั้นคงจะมีความอดทนไม่เท่าคุณหรอกค่ะ”
ธรรม์กับชนมนเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดใกล้กับรถของธรรม์ ชนมนเริ่มขยับมอเตอร์ไซค์ เขาปัดขาตั้งออกจะสตาร์ทรถ
“คุณกับน้องชายคุณนี่ ต่างกับราวกับฟ้ากับเหว คุณไม่น่าเป็นพี่ชายไอ้..เด็ก..เออ..นายอิทเลยนะคะ”
ชนมนกระทืบคันสตาร์ทอยู่หลายครั้งแต่ก็สตาร์ทไม่ติด
“ดูสภาพรถแล้วผมว่าทิ้งไว้ที่นี่ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมายกไปซ่อมดีกว่านะครับ” ธรรม์ว่า
“เอางั้นเหรอคะ แล้วไงต่อดีล่ะทีนี้”
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
ชนมนเกรงใจ “เอ่อ จะดีเหรอคะ”
ธรรม์กดรีโมทปลดล็อคแล้วเปิดประตูก่อนจะยิ้มให้ชนมนอย่างใจดี ยิ้มที่มีเสน่ห์ของธรรม์ทำให้ชนมนเดินขึ้นรถแต่โดยดี
รถธรรม์แล่นมาใกล้บริเวณหน้าบ้านชนมน ชนมนคุยกับธรรม์อย่างสนุกสนานมาตลอดทาง เธอมีความสุขและมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“จริงๆเหรอคะ คณะของชน..ว่าหนักแล้วนะคะ พวกนักเรียนนายร้อยยิ่งรับน้องหนักกว่าอีก วิดพื้นเป็นร้อยครั้ง แล้วยังเรื่องลูกอมเม็ดเดียวอมทั้งกองร้อยอีก อี๊ยๆ”
“รุ่นพี่ไม่ได้ซ่อมน้องเอาสนุกอย่างเดียวนะครับ เขามีจุดประสงค์ให้เราสามัคคีกันด้วย บางทีสั่งซ่อมน้องแล้ว รุ่นพี่ก็ไม่อยู่ดูนะครับ เป็นการฝึกความซื่อสัตย์ด้วย ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองแล้วเราจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ได้ยังไง”
ชนมนเสียดาย “ถึงบ้านชนแล้ว”
“ดีใจล่ะสิ” ธรรม์ว่า
ธรรม์ลงจากรถ ชนมนรีบลงจากรถตาม
“พี่ธรรม์คุยสนุกออกค่ะ ไม่ต้องเดินไปส่งหรอกค่ะ บ้านชนอยู่แค่นี้เองเออ..ชน..เรียกพี่ธรรม์ว่า พี่ได้ใช่มั้ยคะ”
“ได้ซิครับ ดีครับ พี่จะได้น้องสาวเพิ่มมาอีกคน ชนเก่งนะ อายุน่าจะแก่กว่านายอิทปีสองปีเองใช่มั้ย แต่ได้เรื่องกว่านายอิทเยอะ ไงพี่ก็ฝากนายอิทด้วยนะ ช่วยให้เค้าสอบผ่านให้ได้นะ”
ธรรม์กับชนมนเดินคุยกันมา
“พี่ธรรม์ทนนายอิทได้ไง เออ.หรือว่าที่นายอิทพูด”
ธรรม์มองชนมนอย่างรู้ว่าเธออยากถามอะไร
“ชนอยากรู้จริงๆค่ะ ถ้าคืนนี้ไม่รู้ สงสัยจะนอนไม่หลับแน่ๆ นายอิทกับพี่ธรรม์ไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆใช่มั้ยคะ” ชนมนเสียงอ่อยลง “นามสกุลก็ไม่เหมือนกัน”
“พ่อของพี่เป็นลูกน้องของคุณพ่อนายอิทน่ะครับ ท่านเสียตอนพี่อายุเก้าขวบ ท่านตายในหน้าที่..ถูกมาเฟียยิงตาย”
ชนมนตกใจ “จริงเหรอคะ”
“พี่ไม่มีญาติที่ไหน คุณพ่อเลยรับพี่มาเลี้ยง ท่านรักและดูแลพี่เหมือนลูกแท้ๆ”
“ส่วนนายอิทก็เลยกลายเป็นลูกอิจฉา”
ธรรม์กับชนมนเดินมาถึงหน้าบ้านชนมน ชูชัยเปิดประตูแง้มออกดู
“ถ้ารู้จักนายอิทมากขึ้น ชนจะเห็นว่า นายอิทเป็นคนดีนะ” ธรรม์บอก
ชนมนเหลือบมองบ้าน “พี่ธรรม์เดินมาส่งชนถึงบ้านจนได้” ชนมนยิ้ม
ชูชัยที่กำลังจ้องมองทำจมูกฟุดฟิดเพราะได้กลิ่นตำรวจ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” ชนมนบอก
“แล้วเจอกันนะครับ น้องชน”
ธรรม์เดินออกไป ชนมนมองตามแล้วยิ้มหวาน
“น้องชน...”
ชนมนยิ้มอยู่อย่างนั้นจนหันมาเพื่อจะเปิดประตูบ้าน ชูชัยเปิดประตูออกมาเสียก่อนทำให้ชนมนหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ใครมาส่ง” ชูชัยถาม
“พี่ธรรม์น่ะค่ะ เรื่องมันยาวน่ะ พ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเล่าให้ฟัง หนูง่วงแล้ว”
“พ่อบอกแล้วว่า ไม่ชอบตำรวจ”
ชูชัยเดินหน้าเฉยๆเข้าบ้านไป ชนมนงุนงงเล็กน้อยกับเรื่องที่พ่อไม่ชอบตำรวจ
อิทธิฤทธิ์กำลังเดินขาลากเข้าบ้านด้วยความหงุดหงิดและเหน็ดเหนื่อย ธรรม์เดินออกมาจากมุมมืดของบ้านแล้วเรียกอิทธิฤทธิ์ไว้
“อิท... มาคุยกันก่อน”
อิทธิฤทธิ์ไม่หยุดเดิน เขาหันมามองธรรม์ด้วยหางตาแค่แวบเดียว
“จะเอาคืนมั้ย รถน่ะ” ธรรม์ถาม
อิทธิฤทธิ์หยุดเดินแล้วหันมายอมคุยกับธรรม์
อิทธิฤทธิ์ถามกลับ “ให้ทำไง”
“สัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องอีก”
อิทธิฤทธิ์หันหน้าไปทางอื่นแล้วบ่น “น่าเบื่อ”
“งั้นให้ตำรวจยึดรถไปล่ะกัน”
อิทธิฤทธิ์ยอมจึงตอบไปส่งๆ “เออๆ สัญญา”
“แล้วเลิกทำตัวเหลวไหลซักที หาจุดมุ่งหมายในชีวิตได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำสอน อิทธิฤทธิ์ก็ทั้งเบื่อทั้งเซ็งสุดขีดเพราะได้ยินซ้ำๆมาล้านครั้งแล้ว แต่เขาก็จำต้องทนฟังเพราะเถียงอะไรไม่ได้ เพราะเขาอยากได้รถคืน
“ดีนะที่คุณพ่อยังไม่รู้เรื่องนี้ พรุ่งนี้ก็ตั้งใจติวหนังสือ อย่าก่อเรื่องกับชนเค้าอีก เค้าอุตส่าห์มาสอน”
อิทธิฤทธิ์รำคาญ “จะได้รถคืนเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้พี่จะไปเอาคืนให้”
“หมดเรื่องแล้วใช่มั้ย”
ธรรม์เหนื่อยใจกับอิทธิฤทธิ์ เขาพยักหน้าให้อิทธิฤทธิ์ไปได้
อิทธิฤทธิ์จะเดินเข้าบ้าน ทันใดนั้นเสียงอิทธิพลก็ดังขึ้น “ยัง !”
อิทธิฤทธิ์และธรรม์หันไปหาต้นเสียงก็เห็นอิทธิพลยืนอยู่บนบ้าน
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน ทั้งสองคนเลย”
อิทธิฤทธิ์กับธรรม์มองหน้ากันแล้วต่างก็ตกใจทั้งคู่
อิทธิพลดึงบัตรเครดิตออกจากกระเป๋าสตางค์แล้วทิ้งลงโต๊ะทีละใบ ก่อนจะโยนกระเป๋าส่งคืนให้อิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ทำไม่สน ธรรม์ไม่เห็นด้วย ในขณะที่ถนอมเดินเข้ามาหยุดดูอยู่ห่างๆ
“โทษฐานที่แกก่อความผิดซ้ำซาก ชั้นจะยึดบัตรเครดิตแกไว้ แล้วตัดเบี้ยเลี้ยงเหลือวันละร้อย แกสอบผ่านเมื่อไหร่ ชั้นจะคืนบัตรให้”
“วันละร้อย จะพอเหรอคะ แล้วถ้ามีเรื่องฉุกเฉิน..อาจจำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต” ถนอมว่า
"ถ้ามันไม่ก่อเรื่อง มันมีอะไรฉุกเฉินล่ะ แล้วมันจะต้องใช้เงินอะไรมากมาย แค่ติวหนังสืออยู่บ้าน ดี จะได้ไม่ต้องออกไปแว้นที่ไหนอีก”
“ผมไม่ใช่เด็กแว้น” อิทธิ์ฤทธิ์ว่า
“แล้วที่ไปแข่งรถกันบนถนนจนโดนจับ จนทำให้ชั้นขายหน้าไปนี่ เรียกว่าอะไร” อิทธิพลหันไปหาธรรม์ “ชั้นไม่คิดว่าแกจะเป็นไปกับเค้าด้วย นายอิททำผิด แทนที่จะรีบมาบอก แต่กลับช่วยปกปิด เท่ากับว่าส่งเสริมมัน”
“ผมขอโทษครับ คุณพ่อ” ธรรม์บอก
“พรุ่งนี้อยู่บ้าน ก็ช่วยดูแลมันด้วย” อิทธิพลสั่ง
อิทธิฤทธิ์ค้าน “ไม่ใช่เรื่องของมัน”
“ได้ครับ” ธรรม์ตอบรับ
อิทธิพลเดินออกไป ถนอมเดินเข้ามาหาอิทธิฤทธิ์
“ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าเงินไม่พอใช้ มาขอป้าก็ได้”
เสียงอิทธิพลดังเข้ามา “ถนอม! “
ถนอมสะดุ้ง “ขา ไม่ให้ค่ะไม่ให้”
ถนอมเงี่ยหูฟังจนแน่ใจว่าอิทธิพลไม่ได้ยินแล้วจึงทำมือแทนการบอก “โอเค” ให้อิทธิฤทธิ์
ถนอมกระซิบ “ไม่ต้องห่วง ป้ามีเงินสำรองเยอะค่า”
อิทธิฤทธิ์จ้องมองธรรม์อย่างหาเรื่อง
“ไหนคุยว่าจะปิดเรื่องให้ไง โธ่เอ๊ย” อิทธิ์ฤทธิ์ว่า
อิทธิฤทธิ์เดินหงุดหงิดออกไป ทิ้งธรรม์ให้มองตามด้วยความหนักใจเหมือนเดิม
บ้านอิทธิฤทธิ์ยามเช้า ถนอมกำลังคุมแดงให้เช็ดทำความสะอาดกรอบรูปโดยใช้คัตตอนบัท
ถนอมทำให้ดู “เอาแหย่เข้าไปในซอกแบบนี้ ใช้ผ้าถู มันเข้าไม่ถึง”
ชนมนเดินเข้ามาโดยสะพายถุงผ้ามาด้วย เธอยกมือไหว้ถนอม
“สวัสดีค่ะ ป้าหนอม”
“อ้าว มาแล้วเหรอ หนูชน”
“ค่ะ เออ..คุณอิทเป็นไงบ้างคะ เออ” ชนมนกระซิบ “พี่ธรรม์เล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่า”
ชนมนไม่แน่ใจว่าจะบอกถนอมเรื่องอิทธิฤทธิ์ถูกจับดีไหม
ถนอมพูดเสียงดัง “เรื่องคุณอิทถูกจับเหรอคะ ปิดไม่มิดแล้วล่ะค่ะ เมื่อคืนคุณท่านหักเบี้ยเลี้ยง บัตรเครดิตก็ถูกยึด ถูกตัดปีกริดหางอย่างนี้ วันนี้คงไปซิ่งที่ไหนไม่ได้แล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องยอมติวแล้วล่ะค่ะ หนูชน”
“ดีค่ะ หนูก็ไม่อยากขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามใครอีกแล้วค่ะ” ชนมนว่า
“วันนี้คงได้เริ่มเรียนกันจริงๆแล้วล่ะค่ะ หนูชนขึ้นไปที่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 ได้เลยนะคะ ป้าเตรียมห้องไว้ให้แล้ว ห้องที่เปิดประตูไว้น่ะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ถนอมคุมแดงเช็ดกรอบรูปต่อ ส่วนชนมนเดินขึ้นชั้นสอง
ชนมนเดินเหลียวซ้ายแลขวาหาห้องนั่งเล่น ห้องหนึ่งเปิดประตูแง้มเอาไว้
ชนมนเดินเข้ามาในห้องธรรม์ เธอมองไปรอบๆ ก็เห็นเตียง
“ทำไมห้องนั่งเล่นมีเตียง?”
ชนมนเดินไปอีกหน่อยก็เห็นชุดตำรวจที่ธรรม์แขวนไว้
“ทำไมมีชุดตำ...ตำรวจ..”
ชนมนนึกได้ทันทีว่านี่คือห้องนอนของธรรม์แน่ๆ ป้ายชื่อบนอกชุดตำรวจที่แขวนไว้เขียนว่า “ร.ต.ต.ธรรม์ สัตยาภักดิ์”
ชนมนตกใจ “เฮ้ย!!”
ชนมนสะดุ้งเฮือก เธอรีบย่องถอยหลังออกไปก่อนที่ใครจะรู้ว่าเข้าห้องผิด ทันใดนั้นเสียงประตูห้องน้ำก็ดังก๊อกแก๊ก ชนมนรู้ทันทีว่าธรรม์กำลังจะออกมา ชนมนรีบทรุดตัวลงหลบที่ข้างเตียงในจังหวะพอดีกับที่ธรรม์นุ่งผ้าขนหนูเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ
ชนมนคลานต่ำจะไปที่ประตู ระหว่างนั้น ธรรม์ก็กำลังจะเดินผ่านหน้าชนมนแต่เขากำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ทำให้ผ้าปิดหน้าปิดตา ธรรม์จึงมองไม่เห็นชนมนที่อยู่ที่พื้น
ชนมนหยุดคลานได้ทันท่วงที ขนหน้าแข้งของธรรม์เฉียดผ่านปลายจมูกชนมนไปแค่คืบเดียว เมื่อธรรม์เดินผ่านไปแล้ว เขาก็ไปส่องกระจก ชนมนรีบคลานผ่านหลังธรรม์ไป ตอนนั้นเองที่ธรรม์มองในกระจกจึงเห็นว่ามีใครคลานอยู่ ธรรม์ตกใจและหันมา
“เฮ้ย!”
ชนมนที่คลานอยู่ก็ตกใจหันมาประจันหน้ากัน ชนมนเห็นร่างกายของธรรม์ที่มีหยดน้ำเกาะทั้งบริเวณซอกคอ หัวไหล่ หน้าอก และกล้ามท้องที่เป็นมัดๆ
ชนมนเขินมากจึงรีบพูด “ขอโทษทีค่ะ เข้าห้องผิด”
ชนมนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้อง ธรรม์ยังเหวอไม่หาย เขารวบรวมความคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
ชนมนวิ่งออกมาจากห้องธรรม์ด้วยหน้าตาเลิ่กลั่ก ชนมนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อและหัวใจเต้นโครมครามไม่คิดหน้าคิดหลัง พอเจอประตูห้องอีกห้องหนึ่งเธอก็รีบเปิดเข้าไปหมายจะขอซ่อนตัวไปก่อน
ชนมนเปิดพรวดเข้ามา อิทธิฤทธิ์ที่ยังนุ่งผ้าขนหนูไม่เสร็จดีตกใจปล่อยมือจนผ้าขนหนูหลุดโพละ
อิทธิฤทธิ์ตกใจ “เฮ้ย!”
ชนมนเห็นทุกสิ่งอย่างจึงเหวอสุดๆ เธอสับสน งุงงง และตกใจ
ชนมนร้องลั่น “กรี๊ด”
อิทธิฤทธิ์ร้อง “อ๊าก”
ชนมนกับอิทธิฤทธิ์ยืนกรี๊ดใส่กันไม่หยุด
ชนมนนั่งข่มอารมณ์ให้ทุกอย่างเป็นปกติ แต่พอหลับตาภาพอิทธิฤทธิ์ผ้าขนหนูหลุดก็ปรากฎขึ้นในหัวอีก
ชนมนสะบัดหน้าไล่ภาพติดเรทออกไปหลายครั้ง อิทธิฤทธิ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเห็นท่าทีของชนมนก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาจึงหลุดหัวเราะก๊ากออกมา
“ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆ”
“ขำอะไร!” ชนมนถาม
“เปล่า” อิทธิ์ฤทธิ์กลั้นยิ้ม
“ก็เห็นอยู่ว่าขำ”
“แล้วเธอล่ะ เป็นอะไร”
“เปล่า”
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็น”
“เป็นอะไร!”
อิทธิฤทธิ์แกล้ง “เฮ้ย กุ้งยิงขึ้นตาแล้ว”
ชนมนตกใจ “หา!”
ชนมนตกใจก่อนจะรีบคลำตาตัวเอง อิทธิฤทธิ์เห็นชนมนเลิ่กลั่กก็หัวเราะขำอีก
“ฮ่าๆๆ”
ชนมนเจ็บใจที่ถูกหลอก
“เด็กบ้า” ชนมนดุ “เปิดหนังสือ”
อิทธิฤทธิ์กวน “ก็เห็นอยู่ว่า ไม่ใช่เด็กแล้ว”
ชนมนกรี๊ดในใจ เธอกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะเปิดหนังสือดังผิดปกติ
ชนมนกำลังติวเข้มจึงก้มหน้าดูหนังสือเพื่อตั้งคำถาม
“ไหนเธอลองบอกซิ ทำไมกรณีแรกผู้เสียหาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายทางนิตินัย แต่กรณีที่ 2 ถึงเป็นผู้เสียหายทางนิตินัย
ไม่มีเสียงตอบรับจากอิทธิฤทธิ์ ชนมนจึงเงยหน้าจากหนังสือก็เห็นอิทธิฤทธิ์เล่นเกมส์บนไอแพดอยู่
“นายอิทธิฤทธิ์ !”
อิทธิฤทธิ์นั่งเล่นเกมส์ต่อไป ชนมนจ้องอย่างเอาเรื่อง
“นี่...” ชนมนตบโต๊ะเรียก “นี่นาย!”
อิทธิฤทธิ์ที่กำลังเล่นเกมเงียบๆ อยู่ๆ ก็ร้องเสียงดังเพราะเล่นแพ้
“โธ่เว้ย!”
ชนมนสะดุ้ง อิทธิฤทธิ์เพิ่งเงยหน้ามาเห็นชนมน
“หา ว่าไงนะ”
ชนมนเซ็งที่อิทธิฤทธิ์ไม่ได้ฟังที่เธอพูดเลย
ชนมนมองหน้าอิทธิฤทธิ์แล้วถามโจทย์ อิทธิฤทธิ์มองหน้าชนมนเหมือนตั้งใจเรียนแต่เสียบหูฟังอยู่
“จากการกระทำของนายดำ ถือว่าเป็นความผิดใช่หรือไม่” ชนมนถาม
อิทธิฤทธิ์มองหน้าชนมนนิ่ง แล้วจู่ๆ เขาก็ร้องเพลงขึ้นมา
“ไม่ผิดใช่มั้ย ที่ชั้นจะยังรักเธอ...ไม่ว่าเธอกับชั้นวันนี้จะอยู่แสนไกล... ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป...ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันนั้นงมงาย ชั้นก็ยังเหมือนเดิม”
ชนมนเหนื่อยหน่ายจนอยากจะกรี๊ด
ชนมนถือหนังสือเดินไปเดินมาพลางอ่านอยู่ด้านหลังอิทธิฤทธิ์ ในขณะที่อิทธิฤทธิ์ใส่แว่นดำนั่งหลับ
“เรื่องผู้เสียหายฐานความผิดฉ้อโกง เธอเข้าใจแล้วใช่มั้ย”
อิทธิฤทธิ์สัปหงก ชนมนนึกว่าพยักหน้าเข้าใจ
“ดีมาก... ฐานแจ้งความเท็จล่ะ เข้าใจมั้ย”
อิทธิฤทธิ์สัปหงกอีก ชนมนนึกว่าเข้าใจ
“ดีมาก... ฐานยักยอกล่ะ”
อิทธิฤทธิ์สัปหงกอีก
ชนมนรู้สึกดี “หัวไวดีนี่”
อิทธิฤทธิ์สัปหงกอีกที
“ยังไม่ได้ถาม!” ชนมนว่า
คราวนี้อิทธิฤทธิ์หลับกลางอากาศจนหัวโขกโต๊ะ
“ว้าย เป็นอะไร!”
ชนมนวิ่งมาดู อิทธิฤทธิ์สะดุ้งตื่นมาเช็ดน้ำลายแล้วพูดอะไรออกไปอย่างเบลอๆ
“เข้าใจๆ เข้าใจทุกอย่างเลย”
ชนมนเพิ่งรู้ว่าอิทธิฤทธิ์แอบหลับ เธอเงื้อมืออยากเอาหนังสือฟาดหน้าแต่ก็ได้แต่เงื้อ
อ่านต่อหน้า 4
รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ชนมนนั่งอ่านบทกฎหมาย แต่อิทธิฤทธิ์นอนเอกเขนกเล่นกับหมูหวาน
ชนมนอ่าน “โดยทั่วไปความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นความเสียหายที่กระทำต่อรัฐ รัฐจึงเป็นผู้เสียหาย”
อิทธิฤทธิ์ถาม “มีหนมมั้ย”
“หิวเหรอ”
“หมูหวานหิว”
ชนมนอารมณ์เสีย “มีแต่ยาฆ่าหญ้า จะกินมั้ย”
อิทธิฤทธิ์พูดกับหมูหวาน “ป้าแกบ้าไปแล้วเนอะ หมูหวาน”
ชนมนบ่น “ปัญญาอ่อน” ชนมนพูดกับอิทธิฤทธิ์ “นี่ เอาแมวไปให้พ้นๆเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็มานั่งเรียนดีๆ”
“มันไม่ใช่แมว มันเป็นค้างคาว” อิทธิฤทธิ์จับแขนหมูหวานกางออก
“งั้นชั้นจับมันโยนออกไปนอกหน้าต่างนะ”
อิทธิฤทธิ์เอาเรื่อง “กล้าเหรอ”
“มันเป็นค้างคาวไม่ใช่เหรอ ก็ให้มันบินไปสิ”
อิทธิฤทธิ์เถียงไม่ออก
ชนมนพูดต่อ “หรืออยากให้ชั้นจับนายโยนออกไป อย่าให้ชั้นหมดความอดทนนะ”
ชนมนมองอิทธิฤทธิ์อย่างเข้มและดุ อิทธิฤทธิ์นึกถึงตอนที่ชนมนเตะก้านคอเมื่อหมดความอดทน
ภาพชนมนโกรธมากและพยายามกดอารมณ์เอาไว้ผุดขึ้นในหัวอิทธิฤทธิ์
“นี่พ่อชั้นจ่ายไปเท่าไหร่ แล้วเธอต้องทำอะไรบ้าง พ่อต้องจ่ายหนักแน่ๆ งั้นเธอติวอย่างเดียวก็ไม่คุ้มดิ”
ชนมนขยับถอยนิ่งนึงอย่างระวังตัว
อิทธิฤทธิ์หัวเราะเยาะ “อย่างเธอน่ะ ให้ฟรีก็ไม่เอาหรอก ถ้าอยากได้เงินพิเศษก็ไปบริการพ่อชั้นโน่น”
อิทธฤทธิ์พูดเสร็จก็หันหลังเดินไป
ชนมนโกรธมากขึ้นๆๆๆ จนทนไม่ไหว เธอระเบิดแตกจนร้องเสียงดัง
“ย๊ากก !”
อิทธิฤทธิ์ตกใจหันมาแต่ก็ไม่ทันแล้ว ชนมนกระโดดตัวลอยเหวี่ยงขาเตะหน้าอิทธิฤทธิ์จนอิทธิฤทธิ์กระเด็นไปสลบแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ชนมนยืนจังก้าอย่างกับซุปเปอร์ฮีโร่
“ปกติชั้นไม่ชอบใช้กำลัง .ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ !!” ชนมนว่า
ชนมนยืนค้ำก้มลงมองอิทธิฤทธิ์ที่อยู่บนพื้นห้อง
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น อิทธิฤทธิ์ก็รีบเอาหมูหวานเข้ากรง
อิทธิฤทธิ์พูดกับหมูหวาน “อยู่ในนี้ปลอดภัยกว่านะ เดี๋ยวถูกป้าแว่นเตะไส้แตก”
ชนมนเจ็บใจที่ถูกแอบด่า อิทธิฤทธิ์มานั่งเรียนดีๆ ชนมนอ่านทวนเมื่อกี้
“โดยทั่วไปความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นความเสียหายที่กระทำต่อรัฐ รัฐจึงเป็นผู้เสียหาย ราษฎรไม่ใช่ผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อ.มาตรา 157 ราษฎรก็อาจเป็นผู้เสียหายได้ เช่น การที่เจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยผู้กระทำความผิดอาญา ผู้เสียหายในความผิดอาญาฐานนั้นย่อมเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้”
ระหว่างที่ชนมนอ่านเนื้อหาข้างต้น อิทธิฤทธิ์ก็แอบกดแมสเสจอยู่ใต้โต๊ะเป็นข้อความว่า “เกิดเรื่องที่บ้าน ช่วยด้วย” แล้วกดส่งให้มณีมันตรา
ธรรม์ในชุดลำลองเสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้น ใส่หมวกปีกอย่างคนทำสวนกำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่
รถตู้ของมณีมันตราแล่นมาจอดหน้ารั้วบ้านแล้วบีบแตรปี๊นๆ แดงหิ้วถุงขยะอยู่กำลังจะไปเปิด
ธรรม์พูดขึ้น “ไม่ต้อง ชั้นเปิดเอง”
ธรรม์วิ่งไปเปิด มณีมันตราเปิดกระจกออกมาตวาด
“เร็วๆสิยะ แหม คนใช้บ้านนี้ชักช้าเหลือเกิน”
ธรรม์เปิดประตู รถขับเข้ามาจอด ธรรม์ปิดประตูบ้านแล้วเดินมาหาที่รถ มณีมันตราเปิดประตูออกมาอย่างรีบร้อนแล้วจะวิ่งขึ้นบ้าน แต่ธรรม์เรียกไว้
“มาย่า”
มณีมันตราเพิ่งจะหันมาเห็นว่าเป็นธรรม์
“อ้าว พี่ธรรม์ ขอโทษทีค่ะ ไม่ทันเห็น”
เมนี่วิ่งอ้อมมาหาพลางพูด
“น้องมาย่า พี่ให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะคะ จะทำอะไรก็รีบทำ”
ธรรม์ถาม “มีอะไรเหรอครับ”
“ว้ายตายแล้ว น้องมาย่ามาเสวนาอะไรกับคนสวนคะ”
“พี่เมนี่ นี่พี่ธรรม์ค่ะ” มณีมันตราบอก
เมนี่งง “ทันไหน”
เมนี่มองธรรม์ชัดๆ
“ว้าย คุณผู้หมวดธรรม์นี่เอง รับจ๊อบหลายที่จริงนะคะ”
“นี่บ้านพี่ธรรม์ค่ะ พี่เมนี่”
เมนี่คิดอย่างรวดเร็ว “เออใช่ หมวดธรรม์เป็นพี่ชายน้องอิทนี่นา ก็ต้องอยู่บ้านเดียวกัน ว่าแล้วเชียว ไม่มีคนสวนที่ไหนขาวหล่อขนาดนี้หรอก อุ๊ยดูสิ ขนาดอยู่ในชุดปอนๆอย่างนี้ยังดูเท่อยู่เลยเนาะ น้องมาย่าว่ามั้ย”
มณีมันตราตอบส่งๆ “ค่ะๆๆ” มณีมันตราพูดกับธรรม์อย่างร้อนใจ “พี่ธรรม์ อิทมีเรื่องอะไรหรือคะ”
ธรรม์งง “มีเรื่อง?”
ธรรม์มองมณีมันตราอย่างไม่เข้าใจ
มณีมันตราวิ่งขึ้นมาที่ชั้น 2 ธรรม์เดินเร็วๆ ตามมาติดๆ
“มาย่าๆ ใจเย็นๆ พี่ว่า ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ย่าว่ามี”
เสียงชนมนตะโกนด้วยความโมโห “โธ่เว้ย จะเรียนหรือไม่เรียน หา”
มณีมันตรากับธรรม์ชะงักเมื่อได้ยินเสียงชนมนดังลั่นพร้อมข้าวของล้มโครมคราม
“เห็นมั้ย ย่าบอกแล้ว”
ธรรม์กับมณีมันตราพุ่งตรงไปที่ห้องติวที่เกิดเสียงดังทันที
ลูกบอลแบบเด้งได้ถูกปาเข้าข้างฝาดังปัง
มณีมันตรากับธรรม์พรวดพราดเข้าห้องมาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า อิทธิฤทธิ์โยนลูกบอลใส่ข้างฝาแล้ววิ่งไปรับ ชนมนต้องวิ่งไล่ตะครุบจะริบบอลจนชนโน้นชนนี่เสียงดังโครมคราม
ชนมนเสียงดัง “หยุดเล่น แล้วนั่งลงเรียนเดี๋ยวนี้ นายอิทธิฤทธิ์”
มณีมันตราฉุน “อิท !”
อิทธิฤทธิ์ดีใจ “ย่ามาแล้ว!”
“พี่ชนมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”
ชนมนงง “พี่ก็มาติวให้อิท”
มณีมันตราพูดอย่างเย็นชา “แล้วที่ message ไปว่า “เกิดเรื่อง” น่ะ มันเรื่องอะไร”
“เกิดเรื่อง “เบื่อ” น่ะสิ เรียนกับยัยป้านี่น่าเบื่อจะตาย มาช่วยทำให้หายเบื่อหน่อย” อิทธิฤทธิ์เดินไปกอดคอมณีมันตรา
ธรรม์ส่ายหน้าหน่ายใจ ชนมนโกรธ มณีมันตราก็โมโหจี๊ดขึ้นมา อิทธิฤทธิ์ยังไม่รู้สึกตัวว่าทำให้ทุกคนเหนื่อยหน่ายและโมโหแค่ไหน
มณีมันตราเดินหนีอิทธิฤทธิ์ลิ่วๆ ด้วยความโมโห อิทธิฤทธิ์เดินตามง้ออย่างไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด
“ย่าก็ โกรธอะไร เมื่อวานเธอผิดสัญญาใช่มั้ย วันนี้ชั้นหลอกเธอมา เป็นอันว่าเราหายกัน อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน เดี๋ยวชั้นก็ต้องลงเรียนซัมเมอร์ก็จะยิ่งไม่มีเวลาเจอกันนะ”
มณีมันตราดีใจจนลืมเรื่องที่โกรธไปแป๊บนึง
“ลงเรียนซัมเมอร์ได้! งั้นแปลว่าอิทก็ยังไม่โดนรีไทร์น่ะสิ”
อิทธิฤทธิ์งง “ตื่นเต้นทำไมเนี่ย”
ธรรม์กับชนมนช่วยกันยกถาดของว่างและเครื่องดื่มออกมาวางไว้ให้ มณีมันตราหันไปเห็นชนมนก็นึกได้ เธอคิดว่าชนมนเป็นคนช่วยอิทธิฤทธิ์โดยการไม่รายงานอาจารย์ตุลาเรื่องที่อิทธิฤทธิ์โกงข้อสอบ
“พี่ชนใช่มั้ย พี่ชนเป็นคนช่วยอิทไม่ให้ถูกรีไทร์ แล้วยังมาช่วยติวให้อีกขอบคุณนะคะ พี่ชน”
อิทธิฤทธิ์รีบบอก “พ่อชั้นต่างหากโทรไปเบ่งกับอาจารย์ตุลา แล้วที่ยัยป้านี่ยอมมาสอน ก็เพราะเห็นแก่เงิน ไม่ต้องไปขอบคุณหรอก”
มณีมันตราฟาดแขนอิทธิฤทธิ์ “ทำไมปากไม่ดีอย่างนี้ เธอโชคดีแค่ไหนที่ได้ติวเตอร์เก่งๆอย่างพี่ชน ยังจะไม่ตั้งใจเรียนอีก”
“เก่งจริงเหรอ”
“ก็เพราะไม่เคยเข้าเรียนเลยน่ะสิ เลยไม่รู้ว่าพี่ชนเค้าสอนเก่งขนาดไหน”
ชนมนพูดกัด “นายนี่เรียนในคลาสเราด้วยเหรอ ไม่ยักรู้ ธุระคงเยอะล่ะสิถึงไม่ค่อยได้เข้าเรียน ขนาดมาย่าต้องไปถ่ายละครเดินแบบทุกวันยังเห็นมาเรียนบ่อยกว่านาย นี่นะ ถ้าเอาเวลาซิ่งมาเรียน ก็ไม่ต้องโกงข้อสอบให้พ่อต้องขายหน้าหรอก”
อิทธิฤทธิ์เสียหน้าต่อหน้ามณีมันตราก็โกรธชนมนมาก
“เออใช่ แล้วชั้นก็ไม่ต้องมาติวกับผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอด้วย”
“นายอิท ! พูดให้มันดีๆ” ธรรม์ปราม
“ไป มาย่า ไปคุยกันที่อื่น”
อิทธิฤทธิ์ดึงมาย่าให้เดินออกไป
“อย่าถือสานายอิทเลยนะ เค้าไม่รู้จะลงกับใครก็เลยลงกับชน”
ชนมนอดทน “ค่ะ ถ้าถือ ป่านนี้ได้-ฆ่า-กัน-ตาย-ไปนานแล้วค่ะ”
ชนมนอัดอั้นแต่ก็ข่มอารมณ์ไว้ เธอหยิบขนมมายัดใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างรุนแรง พอกลืนติดคอเธอก็สำลักและไอแค่กๆไม่หยุด
ธรรม์รีบหยิบน้ำให้ “น้ำครับน้ำ”
ชนมนรีบดื่มน้ำแทบไม่ทัน ธรรม์มองชนมนอย่างขำๆ
อิทธิฤทธิ์ลากมณีมันตรามาที่อีกมุมของบ้าน
“วันนี้ชั้นไม่มีรถ ไปรถเธอล่ะกัน ไปเที่ยวไหนกันดี ดูหนังมั้ย?”
มณีมันตราบิดมือตัวเองออกจากอิทธิฤทธิ์
“ชั้นไม่ไป ชั้นจะกลับไปกอง,ถ่ายละครต่อ เธอก็กลับไปเรียนซะ”
“เบื่อจะตายชักอยู่แล้ว”
“เบื่อก็ต้องเรียน ! เพื่ออนาคตของเธอเอง”
เสียงวอที่วางอยู่บริเวณนั้นดังขึ้นเป็นเสียงถนอม
“คุณมาย่าคะ คุณมาย่า ผู้จัดการคุณมาย่าให้ตามค่ะ ได้เวลากลับไปถ่ายละครต่อแล้วค่ะ”
อิทธิฤทธิ์อ้อนวอน “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะ มาย่า”
มณีมันตรามองอิทธิฤทธิ์นิ่ง
อิทธิฤทธิ์เริ่มสำนึก “โกรธเหรอ”
“โกรธ!”
“ชั้น..ชั้นไม่ได้ตั้งใจหลอกเธอมา..ชั้นขอ..”
อิทธิฤทธิ์จะขอโทษแต่ก็พูดไม่ออกซะเฉยๆ
“ขอโทษไม่เป็นล่ะสิ เธอไม่เคยคิดว่า ตัวเองทำผิด เธอโทษแต่คนอื่น คิดให้ดีๆ ว่าที่ทำมาเนี่ย ทำถูกมั้ย ถ้าคิดว่า ทำถูก ก็ทำต่อไป ชั้นก็จะไม่สนใจเธออีก แล้วก็อย่ามาโกหกกัน ชั้นเกลียดคนโกหกที่สุด”
มณีมันตราเดินอย่างโกรธๆ ออกไป อิทธิฤทธิ์ยืนอึ้งก่อนจะรีบเดินตามมณีมันตราไป
เมนี่ยืนรออยู่ที่รถตู้อย่างกระวนกระวายใจ เธอมองนาฬิกาข้อมือตลอดเวลา มณีมันตราเดินเร็วๆออกมาจากบ้าน อิทธิฤทธิ์วิ่งตามมาแต่ยังอยู่ห่างกันมาก ชนมนกับธรรม์เดินออกจากอีกมุมหนึ่งก็เห็นอิทธิฤทธิ์วิ่งตามมณีมันตราออกมา
อิทธิฤทธิ์ตะโกน “มาย่า มาย่า อย่าเพิ่งไป ก็บอกแล้วว่า ไม่ได้ตั้งใจ”
มณีมันตราไม่ฟัง เธอรีบขึ้นรถตู้ไป
“ออกรถเลยค่ะ พี่เมนี่”
เมนี่พะว้าพะวงและงุนงงเมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์วิ่งรี่เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นคะ เล่นไล่จับกันหรือคะ น้องอิทเป็นอะไรวิ่งหน้าดำมาเชียว”
มณีมันตราพูดเสียงดัง “ออกรถค่ะ ไม่ต้องไปสนใจ”
มณีมันตราปิดประตูรถตู้ดังปัง เมนี่รีบขึ้นรถประจำตำแหน่ง อิทธิฤทธิ์วิ่งมาถึงรถตู้ก็วิ่งออกไปจากบ้านทันที อิทธิฤทธิ์วิ่งตามไปแล้วหยุดที่รั้วหน้าบ้าน
อิทธิฤทธิ์ตะโกนตาม “มาย่า มาย่า”
รถวิ่งไปไกลแล้ว อิทธิฤทธิ์ยังคงมองตาม ชนมนกับธรรม์ยืนมองอิทธิฤทธิ์ยืนคอตก
“นายอิทนี่ดูแคร์มาย่ามากเลยนะคะ” ชนมนว่า
“เค้ามีเพื่อนอยู่คนเดียว ไม่มีมาย่าก็ไม่มีใครแล้ว” ธรรม์บอก
“ก็ทำตัวเอง ทำตัวอย่างนี้ใครอยากจะคบด้วย มาย่าก็คงคบนายอิทได้ไม่นานหรอก”
“ไม่หรอกครับ มาย่าก็แคร์นายอิทเหมือนกัน เค้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล ไม่มีทางเลิกคบง่ายๆ หรอกครับ”
“นี่สนิทกันเกินเพื่อนหรือเปล่าคะ”
ธรรม์สะกิดใจจึงนิ่งอึ้งไปแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบใจเล็กๆ โดยไม่รู้ว่าทำไม
ธรรม์ปลอบใจตัวเอง “คงไม่หรอกมั้ง” ธรรม์หัวเราะกลบเกลื่อน “ไม่มีทางหรอก สองคนนั้นไม่คิดอะไรกันอย่างแน่นอน แค่เพื่อนสนิทน่ะครับ เพื่อนสนิท”
ชนมนพึมพำ “น่าสนใจ”
ชนมนครุ่นคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากความเป็นเพื่อนสนิทของมณีมันตราอย่างไร
ธรรม์นิ่งอึ้งเพราะไม่อยากคิดไปไกลว่าอิทธิฤทธิ์ชอบมณีมันตราเกินเพื่อน
อิทธิฤทธิ์กำลังดูดีวีดีคาราโอเกะเพลง “เธอคือนางฟ้าในใจ” ของ แคลช อิทธิฤทธิ์มองทีวีอย่างเศร้าๆ เพราะกำลังคิดถึงมณีมันตราเหมือนว่าเขากำลังเล่น MV นั้นเอง
ภาพในจอ มณีมันตรากลายเป็นนางเอก MV ที่อยู่ในอิริยาบถน่ารักสดใส มณีมันตราที่อยู่ในทีวีเหมือนกำลังส่งยิ้มให้อิทธิฤทธิ์คนเดียว
ชนมนกำลังเดินหาอิทธิฤทธิ์เพื่อจะตามไปเรียนต่อ
“นายอิท..”
ชนมนชะงักเมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์นั่งคอตกไหล่ลู่ดูเหมือนคนหมดแรง อิทธิฤทธิ์กดหยุดภาพในทีวี มณีมันตราที่อยู่ในทีวีมองตรงมาที่อิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์หยิบโทรศัพท์แล้วกดส่ง Voice mail
“มาย่า ชั้น...ชั้นขอโทษ”
อิทธิฤทธิ์รู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างจับจิตเพราะถ้าไม่มีมณีมันตราก็ไม่มีใครเหลืออยู่บนโลกของเขาอีกแล้ว อิทธิฤทธิ์เศร้า เครียด และเหงา ชนมนเห็น MV และเห็นการกระทำของอิทฤทธิ์
ชนมนพึมพำ “อย่างนี้ไม่รัก ก็ไม่รู้เรียกว่ายังไงแล้ว”
ชนมนพยักหน้าเข้าใจว่าอิทธิฤทธิ์ต้องหลงรักมณีมันตราอยู่อย่างแน่นอน
ถนอมกำลังกำกับให้แดงรดน้ำต้นไม้อยู่
“ต้นนั้นไม่ต้องรดให้ชุ่มนัก มันไม่ชอบน้ำ แล้วรดน้ำให้ทั่วๆ นะ แดง”
อิทธิฤทธิ์เดินหงอยๆออกมาจากตัวบ้านผ่านถนอมไปอย่างใจลอย
ถนอมเรียก “คุณอิท ! คุณอิทจะไปไหนคะ”
อิทธิฤทธิ์ออกไปจากบ้านโดยไม่สนใจอะไร ชนมนถือถุงผ้าและหนังสือเรียนเดินออกมาหยุดยืนมองอิทธิฤทธิ์ที่เดินหงอยออกไป
“ไม่ติวต่อแล้วหรือคะ หนูชน” ถนอมถาม
“วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อนแล้วล่ะค่ะ ป้าหนอม ถ้าเจ้าตัวไม่เต็มใจเรียนสอนอะไรไปก็ไม่เข้าสมอง แต่ยังไงหนูก็จะหาทางให้คุณอิทของป้าตั้งใจเรียนให้ได้ ถ้าป้าหนอมมีอะไรจะแนะนำก็บอกหนูได้นะคะ ป้าหนอมคะ..ป้าหนอม”
ถนอมไม่ได้ฟังชนมนแม้แต่น้อย เธอชะเง้อคอยาวมองตามอิทธิฤทธิ์อย่างเป็นห่วง
“คุณอิทจะไปไหนของเค้านะ รถก็ไม่มีเงินก็ไม่มี” ถนอมเพิ่งรู้สึกตัว “หนูชนถามอะไรนะคะ”
ชนมนยิ้มขำเพราะเชื่อแล้วว่าถนอมรักและห่วงอิทธิฤทธิ์ราวกับลูก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ชนมนยกมือไหว้ลาถนอมแล้วตรงไปขี่รถจักรยานออกไป
ชนมนขี่จักรยานออกมาจากทางบ้านอิทธิฤทธิ์ เธอฉุกคิดถึงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา
ชนมนพึมพำ “ไม่มีรถไม่มีเงิน...แล้วไปไหนของเค้า”
ชนมนกำลังขี่จักรยานเลี้ยวขวากลับบ้านแต่แล้วก็ตัดสินใจกลับรถกลับไปทางเดิม
ชนมนขี่จักรยานไล่ไปแต่ละซอยใกล้บ้านอิทธิฤทธิ์ เธอขี่จักรยานพลางชะเง้อหาอิทธิฤทธิ์ไปพลาง
ชนมนพึมพำ “อยู่ไหนนะ”
ชนมนเปลี่ยนใจว่าจะเลี้ยวรถจักรยานกลับบ้านแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์เดินออกจากร้านหนังสือโดยที่ในมือของเขาถือถุงหนังสือการตูน 3-4 เล่มมาด้วย ชนมนขี่จักรยานพุ่งตรงไปจอดปรื๊ดตรงหน้าอิทธิฤทธิ์
“นี่นาย มาทำอะไรที่นี่”
อิทธิฤทธิ์ว่า “ยุ่ง !”
อิทธิฤทธิ์จะเดินหนี ชนมนดึงตัวอิทธิฤทธิ์ไว้
“ชั้นก็ไม่อยากยุ่งกับนายนักหรอกนะ แต่เห็นว่าป้าหนอมเป็นห่วงนายมาก กลัวนายไปเดินตกท่อตายที่ไหน แต่ที่จริงป้าหนอมก็ไม่น่าจะห่วงนะ รถก็ไม่มีเงินก็ไม่มี คนอย่างนายจะไปไหนไกล”
“คนอย่างชั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินใคร ชั้นอยู่ของชั้นได้ ! เธอจะไปไหนก็ไป ไปไกลๆ เลย ไป”
อิทธิฤทธิ์ผละออกไปอย่างหงุดหงิดใจ ชนมนจะผละหนีไปอีกทางแต่แล้วก้หันไปมองอิทธิฤทธิ์อย่างชั่งใจว่าจะเอายังไงดี
อิทธิฤทธิ์ยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ โดยที่มีชาวบ้าน 5-6 คนยืนรออยู่ด้วย รถเมล์ผ่านไปหลายคัน, แต่อิทธิฤทธิ์ก็ตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะไปไหน รถเมล์ปรับอากาศแล่นมาจอด อิทธิฤทธิ์ดูเงินในมือเพราะไม่แน่ใจว่าจะมีเงินพอ เขาจึงไม่กล้าขึ้น
รถเมล์ปรับอากาศแล่นผ่านไป รถเมล์ร้อนแล่นมาจอดต่อ อิทธิฤทธิ์ตัดสินใจขึ้นรถเมล์คันนั้น ชาวบ้านกรูกันขึ้นรถเมล์เบียดชนอิทธิฤทธิ์
อิทธิฤทธิ์เซและเสียหลักจนเงินในมือกระเด็นหลุดตกพื้นไปหมด รถเมล์กำลังจะออกตัว อิทธิฤทธิ์รีบขึ้นรถเมล์ไปอย่างรวดเร็ว
รถเมล์แล่นเข้าสู้ใจกลางกรุงเทพฯ ในย่านสยามสแควร์
อิทธิฤทธิ์ที่นั่งอยู่ที่นั่งท้ายรถหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมานับ อิทธิฤทธิ์ค้นเงินทั่วตัวค้นไปค้นมาก็เหลือแค่เจ็ดบาท กระเป๋ารถเมล์เก็บเงินผู้โดยสารตั้งแต่หน้ารถกำลังเดินมาท้ายรถ
อิทธิฤทธิ์พึมพำ “ค่ารถเท่าไหร่วะ”
เสียงชนมนดังขึ้น “แปดบาท”
อิทธิฤทธิ์เงยหน้าขึ้นมองก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เห็นชนมนยืนอยู่ตรงหน้า
ชนมนนั่งลงข้างๆ อิทธิฤทธิ์
“เงินไม่พอล่ะซิ” ชนมนถาม
กระเป๋ารถเมล์เดินมาถึงโดยงับกระบอกเก็บเงินเป็นจังหวะส่งสัญญาณทวงค่ารถ อิทธิฤทธิ์ขยับตัวอย่างอึดอัดแกมอับอาย
“คือ..งี้นะพี่ ผมขึ้นรถผิด”
อิทธิฤทธิ์ขยับจะลงจากรถ ชนมนยื่นแบงก์ยี่สิบให้กระเป๋ารถเมล์เสียก่อน
ชนมนบอกกระเป๋ารถเมล์ “สองคน พี่”
อิทธิฤทธิ์มองชนมนอย่างไม่รู้จะทำยังไง จะพูดขอบคุณก็พูดไม่ออก ชนมนรับเงินทอนกับตั๋วรถเมล์มา กระเป๋ารถเมล์เดินออกไป
“ไม่ต้องขอบคุณ พรุ่งนี้อย่าลืมใช้คืนล่ะกัน” ชนมนบอก
“แค่แปดบาท งกชะมัด”
“ถึงตอนนี้แล้ว นายยังไม่รู้อีกเหรอว่า เวลาไม่มีเงินน่ะ เงินบาทเดียวก็มีค่าเกินกว่าที่นายคิด ! ถ้านายอยากอยู่ได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องรู้จักใช้เงินซื้อมาทำไมหนังสือการ์ตูน มันจ่ายแทนค่ารถเมล์ได้เหรอไง”
“เรื่องของชั้น !”
อิทธิฤทธิ์เมินหน้ามองไปนอกหน้าต่างเพราะขี้เกียจฟังชนมนสั่งสอน
อิทธิฤทธิ์นั่งอ่านหนังสือการตูนไป ชนมนก็นั่งอ่านหนังสือเรียน อิทธิฤทธิ์แอบชำเลืองมองชนมน ชนมนหันมามองอิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์รีบหลบตาอ่านการตูนต่อ ชนมนเหลือบมองอิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์หันมาเหล่มองชนมนเมินหน้าไปทางอื่น
ชนมนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจจนผมหลุดลุ่ยปรกหน้าปรกตา อิทธิฤทธิ์มองชนมนแล้วรำคาญสายตาจึงเอื้อมจะไปปัดผมให้ด้วยความลืมตัว
ชนมนเงยหน้าขึ้นมอง อิทธิฤทธิ์หดมือกลับไปแทบไม่ทัน อิทธิฤทธิ์ทำฟอร์มขยับตัวเหยียดแขนออกเหมือนบิดขี้เกียจ
อิทธิฤทธิ์อ่านหนังสือการ์ตูนจนจบหน้าสุดท้ายจึงโยนลงเบาะข้างตัว ชนมนหยิบหนังสือเรียนอีกเล่มขึ้นมาอ่าน อิทธิฤทธิ์เคี้ยวหมากฝรั่งเป่าเป็นลูกโป่งแก้เบื่อ อิทธิฤทธิ์มองออกไปนอกหน้าต่าง
โฆษณาในทีวีจอยักษ์บนตึกเป็นโฆษณาที่มณีมันตราเล่น อิทธิฤทธิ์กลับมาซึมเพราะคิดถึงมณีมันตราอีกครั้งหลังจากที่ลืมๆไปได้บ้าง อิทธิฤทธิ์หันมามองชนมนอีกครั้งก็เห็นว่าชนมนหลับคาหนังสือไปแล้ว
ชนมนนั่งตัวโงนเงนเหมือนจะคว่ำหน้าแล้วก็หงายหลังพิงพนักไป ชนมนหลับตัวเอียงจนจะโผมาซบไหล่อิทธิฤทธิ์แต่แล้วก็เอียงตัวกลับไปอีกข้าง รถเมล์เบรกกะทันหัน คนในรถทั้งหมดพุ่งไปข้างหน้าพร้อมๆกัน
อิทธิฤทธิ์เอามือกั้นชนมนไว้ไม่ให้หัวทิ่มลงพื้น ชนมนตกใจตื่น รถเมล์ออกตัวแรงอีกครั้ง คนในรถทั้งหมดถูกกระชากไปหลังรถ อิทธิฤทธิ์กับชนมนถูกแรงกระชากไปกองรวมกันที่หลังรถ ชนมนพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของอิทธิฤทธิ์กลายๆ อิทธิฤทธิ์กับชนมนรีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน ทั้งสองทำท่าสะบัดตัวเหมือนรังเกียจใส่กัน
รถเมล์แล่นมาจอดที่อู่รถสุดสาย ผู้โดยสาร 4-5 คนทยอยลงจากรถ อิทธิฤทธิ์ลงจากรถแล้วเดินลิ่วๆไป ชนมนเพิ่งลงจากรถก็รีบกวดตาม ชนมนดึงตัวอิทธิฤทธิ์ไว้แล้วส่งหนังสือการ์ตูนคืนให้
“นายลืมทิ้งไว้บนรถ” ชนมนบอก
“ไม่ได้ลืม อ่านจบแล้วจะเอาไปทำไม”
ชนมนรู้สึกขัดใจ “อ่านจบก็เอาขายต่อได้ หรือเอาไปบริจาคให้คนอื่นก็ได้ทิ้งๆขว้างๆอย่างกับได้มาฟรีๆ ไม่เสียดายเงินบ้างหรือไง ชั้นพูดอะไรไปนี่ นายไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ย”
“เออ..ไม่ได้ฟัง อยากเอาไปขายต่อใช่มั้ย เอาไปเลย ชั้นยกให้”
อิทธิฤทธิ์ยัดหนังสือการ์ตูนคืนให้ชนมน ชนมนจะอ้าปากสั่งสอนอีกรอบแต่แล้วก็เปลี่ยนใจจึงยัดหนังสือการ์ตูนใส่ถุงผ้าไป
“นายนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ” ชนมนว่า
อิทธิฤทธิ์ผละเดินออกไป
“แล้วนี่นายจะไปไหน”
อิทธิฤทธิ์ไม่ตอบแต่เดินต่อไปเรื่อยๆ ชนมนเดินตามอย่างใจเย็นขึ้น
ชนมนพูดอย่างเหนือกว่า “นายไม่รู้จะไปไหนใช่มั้ยล่ะ นายถึงได้นั่งรถเมล์มาจนสุดสาย เออ จริงซิ นายไม่อยากให้ยุ่งด้วย ตามสบายนะ จะไปไหนก็เชิญ แล้วไม่มีเงินนี่ จะกลับบ้านยังไง แม้แต่ค่ารถเมล์ก็ไม่มี หรือจะนั่งแท๊กซี่กลับ แล้วไปขอเงินป้าหนอมเอา แต่พ่อนายสั่งไม่ให้ป้าหนอมช่วยนายนี่นา แต่นายไม่สนหรอกมั้ง ใครจะเดือดร้อนก็ช่าง ใช่มั้ยล่ะ”
ชนมนเดินแซงหน้าอิทธิฤทธิ์ไป อิทธิฤทธิ์กลับเป็นคนหยุดชะงักเสียเอง
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
ชนมนยิ้มเพราะนึกอยู่แล้วว่าอิทธิฤทธิ์ต้องขอความช่วยเหลือ
“ชั้น...ชั้นขอยืมเงินหน่อย”
ชนมนไม่ซ้ำเติม เธอหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาดึงแบงก์ร้อยห้าใบออกมานับ
“เอ้า ชั้นให้ยืมสองร้อย”
อิทธิฤทธิ์ดึงเงินมาทั้งหมดห้าร้อยบาท
“เฮ้ย เอาไปทำไมตั้งห้าร้อย”
“แค่ห้าร้อย !”
“ตั้งห้าร้อย ! ชั้นอยู่ได้เป็นอาทิตย์”
“อย่ามาเว่อร์ เงินแค่ห้าร้อย ใช้วันเดียวก็หมดแล้ว”
“นายนี่มันไม่รู้จักคุณค่าและมูลค่าของเงินเลยนะ” ชนมนว่า
“แปลว่าอะไร”
“โธ่เอ้ย ก็แปลว่านายไม่รู้จักการใช้เงินอย่างคุ้มค่าเลยนะสิ ไม่ได้หาเงินเองก็คิดงี้แหละ เดี๋ยวชั้นจะแสดงให้ดูว่า เงินห้าร้อยทำอะไรได้บ้าง”
ชนมนยืนมองหน้าอิทธิฤทธิ์อย่างเอาจริงเอาจัง
อ่านต่อตอนที่ 3