บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 2
ทางด้านแพรพลอยเดินออกตามหาเปี๊ยกรอบๆ บริเวณบ้านโอบไอรัก แต่ไม่เจอ
“เปี๊ยก! เปี๊ยก! ไปแอบนอนที่ไหนเนี่ย”
แพรพลอยเดินหาต่อ หญิงชาวบ้านรีบเปิดรั้วบ้านวิ่งเข้ามาหา
“หนูแพร! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
แพรพลอยหันขวับไปมอง
แพรพลอยเดินเข้ามาโรงพยาบาล เห็นพยาบาลกำลังประคองเปี๊ยกที่มีพลาสเตอร์ติดที่ข้อศอกกับหัวเข่า กะเผลกออกมา
“เปี๊ยก เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ มีแผลถลอกนิดหน่อย” พยาบาลบอก
แพรพลอยจับเนื้อตัวสำรวจดู “ไปทำอีท่าไหนเข้าถึงโดนรถเฉี่ยว”
เปี๊ยกอึกอักไม่กล้าเล่า แพรพลอยมองหน้าพยาบาลเป็นเชิงถาม
“คู่กรณีเป็นคนพามาเหรอคะ”
พยาบาลชี้ไป “ใช่ค่ะ อยู่นั่น”
แพรพลอยหันไปมอง เห็นอิศร์ถือถุงยาเดินมากับอริสราพอดี ทั้งสองมองหน้ากันแล้วตกใจ
อิศร์ตะลึง “คุณแพร”
แพรพลอยปราดเข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง “คุณขับรถประสาอะไร”
อิศร์มัวแต่ตกตะลึง ตอบไม่ทัน ในขณะที่อริสราได้แต่อึ้งๆ แพรพลอยใส่ต่อ
“ถนนสาธารณะมันไม่ใช่สนามแข่งนะ รู้จักมารยาทในการใช้รถใช้ถนนบ้างไหม”
“เดี๋ยวก่อนคุณ ใจเย็นๆ”
“น้องฉันเกือบจะถูกคุณขับรถชนตาย จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง”
“เด็กนั่นเป็นน้องคุณเหรอ”
“ใช่”
อิศร์อึ้งๆ ไป เพราะรู้ว่าเปี๊ยกไปทำอะไรมา จึงมองหน้าอริสรา
หญิงเจ้าของรองเท้าโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับตำรวจ พอมองเห็นเปี๊ยกก็ชี้
“นั่นไงคะคุณตำรวจ จับมันเลยค่ะ”
เปี๊ยกเห็นหญิงเจ้าของรองเท้าก็ตกใจ รีบวิ่งหลบหลังแพรพลอยทันที
“พี่แพร ช่วยเปี๊ยกด้วย”
แพรพลอยมองตำรวจกับฝ่ายอิศร์อย่างตกใจ ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่นานต่อมา แพรพลอยเดินโอบเปี๊ยกมาคุยกับตำรวจและหญิงเจ้าทุกข์ ตรงอีกมุมในโรงพยาบาล
“จับมันสิคะคุณตำรวจ ไอ้เด็กเหลือขอแบบนี้ ต้องส่งไปดัดสันดานให้เข็ด”
“นี่มันอะไรกันคะ” แพรพลอยงง
“คุณผู้หญิงคนนี้แจ้งว่าเด็กขโมยร้องเท้าที่แกถอดไว้หน้าโบสถ์ไป” คำรวจอธิบาย
แพรพลอยหันขวับไปหาเปี๊ยกที่ทำท่ากลัวๆ
“จริงหรือเปล่าเปี๊ยก”
เปี๊ยกไม่ตอบ ก้มหน้างุด แพรพลอยมึนงง แล้วมาหยุดที่อิศร์ที่เดินตามเข้ามากับอริสรา
“แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
อริสราตอบแทน “อิศร์กับฉันนั่งรถผ่านมา แล้วเด็กคนนี้ก็วิ่งตัดหน้ารถพอดีค่ะ”
“ก็เพราะมันขโมยของฉันมาไงล่ะ” หญิงเจ้าทุกข์ตรงเข้าหยิกตีเปี๊ยกพัลวัน “ไหนล่ะรองเท้าฉัน เอามานะไอ้เด็กบ้า เอามา”
เปี๊ยกหนีมาหลบหลังแพรพลอยอีก โดยที่แพรพลอยพยายามกันไว้ อิศร์รีบหยิบรองเท้าที่เปี๊ยกทำตกไว้มาให้ แต่สภาพยับเยินฉีกขาดเพราะรถอิศร์ทับ
“นี่ใช่ไหมครับ ผมเห็นมันตกอยู่หน้ารถ”
หญิงคนนั้นมองรองเท้าของตัวเอง เห็นขาดรุงริ่งก็ยิ่งโมโห
“อ๊าย รองเท้าฉัน ราคาตั้งเท่าไรรู้ไหม คุณตำรวจคะ ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
แพรพลอยปลอบ “ใจเย็นก่อนนะคะ”
“เธอไม่ต้องพูด! เป็นผู้ปกครองภาษาอะไร ถึงสั่งสอนให้ลักขโมยของคนอื่น หรือว่าเป็นโจรกันทั้งบ้าน”
เปี๊ยกทนไม่ไหว ตรงเข้าผลักหญิงเต็มแรง
“พอได้แล้วยายป้า อย่าว่าพี่แพรนะ”
หญิงเจ้าทุกข์โมโหจัด “ว้าย นี่คุณตำรวจ ดูมันนะคะ”
แพรพลอยตัดบท เปิดกระเป๋าสตางค์ออกมา
“ตกลงเท่าไรคะ ฉันจะซื้อใช้ให้”
“ผมเองดีกว่า ผมเป็นคนขับรถเฉี่ยวน้องคุณ แล้วก็ทับรองเท้าของป้า เอ้ย พี่เขาจนเสียหาย” อิศร์บอก
อริสราหันมองหน้าอิศร์อย่างแปลกใจ เพราะไม่นึกว่าอิศร์จะใจดีขนาดยอมจ่ายเงินให้
“คุณไม่ต้องยุ่ง” แพรพลอยบอกฉุนๆ
“ผมต้องยุ่ง มันเป็นความผิดผมด้วยเหมือนกัน”
“นี่คุณ”
แพรพลอยปัดมือ ยื้อแย่งไม่ยอมให้อิศร์จ่าย หญิงเจ้าทุกข์รีบดึงเงินมา
“โอ๊ย เกี่ยงกันอยู่นั่นแหละ เอามาให้หมดเลย ฉันจะถือว่าเป็นค่าทำขวัญก็แล้วกัน ลาล่ะค่ะคุณตำรวจ”
หญิงคนดังกล่าวเอาเงินยัดใส่กระเป๋าแล้วเดินฉับๆ กลับไป ทิ้งให้ทุกคนอึ้งคาที่ แพรพลอยเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็โอบไหล่เปี๊ยกชวนกลับ
“กลับเถอะเปี๊ยก”
แพรพลอยกับเปี๊ยกจะเดินออกไปจากมุมนั้น แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอัมพากับกรณ์ยืนอยู่
แพรพลอยกะเปี๊ยกเรียก “แม่” พร้อมกัน
ครู่ต่อมากรณ์พาเปี๊ยกกับอัมพามาขึ้นรถตัวเอง แล้วพยักหน้าให้แพรพลอยที่ตามออกมา ก่อนจะขับออกไป แพรพลอยเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตน โดยมีอิศร์เดินมาส่งด้วย
“แม่คุณมีลูกสามคนเลยเหรอ ทำไมหน้าไม่เหมือนกันเลย”
“มีมากกว่านี้อีก” แพรพลอยแดกดัน
“โห ถึงทีมฟุตบอลไหม”
แพรพลอยนิ่งไม่ตอบ เพราะไม่อยากให้ข้อมูลของตัวเองมากเกินไป เลยเปลี่ยนเรื่อง
“ขอบคุณนะคะ ที่คุณเป็นธุระเรื่องพาเปี๊ยกมาหาหมอ แล้วยังต้องมาจ่ายเงินค่าเสียหายให้ด้วย”
“บอกแล้วว่าผมก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเหมือนกัน”
“ตอนนี้ฉันมีเงินติดตัวไม่พอ แต่ฉันจะฝากคุณเมย์ไปคืนคุณ”
“ก็ผมบอกว่าไม่ต้องไง เพื่อนกันก็ต้องช่วยกัน”
“ใครบอกว่าฉันเป็นเพื่อนคุณ”
“อ้าว ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ใช่อีกเหรอ”
“ฉันไม่เป็นเพื่อนกับใครง่ายๆ แล้วคุณเองก็คงมีเพื่อนเยอะแล้ว นั่นไงคะเพื่อนคุณ”
แพรพลอยพูดอย่างเย็นชาแล้วพยักหน้าให้ดูอริสราที่เดินออกมามองทั้งสอง
อิศร์หันกลับไปมองอริสรา พอจะหันมาคุยกับแพรพลอย แพรพลอยก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปแล้ว
“พูดอย่างนี้หึงเราหรือว่าอะไรวะเนี่ย”
อิศร์หัวเราะกับตัวเองพลางส่ายหน้า แต่ยังมองตามแพรพลอยไปจนลับตา
อริสรามองท่าทีของอิศร์อย่างระแวงระคนสงสัย
อิศร์จอดรถที่บริเวณลานจอดในวัด เตรียมเข้าไปทำบุญ อริสราเดินตามมา แล้วตัดสินใจถามขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะอิศร์”
“ใครครับ”
“ก็คนเมื่อกี้ ที่เราเจอที่โรงพยาบาล”
“อ๋อ เป็นเพื่อนของเพื่อนน่ะครับ”
อริสราซักเสียงใสเพื่อลองหยั่งเชิง “เหรอคะ แต่อริสเห็นเขากับอิศร์คุยกันท่าทางสนิทสนมจัง”
อิศร์ชะงัก หันมองอริสราเป็นเชิงถาม อริสรารู้สึกตัว ยิ้มกลบเกลื่อน
“ปกติอริสรู้จักเพื่อนอิศร์ทุกคน แต่คนนี้อริสไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ก็เลยแปลกใจน่ะค่ะ”
“บางทีผมก็มีโลกส่วนตัวที่อริสเข้าไม่ถึงเหมือนกัน ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ”
อิศร์ยิ้มปลอบใจ แต่แฝงความหมายที่ทำให้อริสราหน้าเจื่อน ไม่กล้าถามต่อ
อิศร์รีบเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้เราคงเลี้ยงเพลไม่ทันแล้ว อริสอยากทำอะไรครับ”
อริสราจ๋อยไป แล้วเสมองไปที่สระน้ำในวัด พลันก็เกิดความคิดขึ้นมา
“ไปปล่อยปลากันดีกว่าค่ะ”
ครู่ต่อมาอิศร์กับอริสราถือถุงใส่ปลาตัวเล็กๆ มาที่สระน้ำ อริสราเจื้อยแจ้วต่อ
“อิศร์จำได้ไหมคะว่า ก่อนไปเมืองนอกเราเคยมาทำบุญที่นี่ด้วยกัน”
อิศร์ชะงัก มองอริสราอย่างคาดไม่ถึง แล้วทำท่าคิดตาม
“ก็พอจำได้ครับ”
อริสราเล่าต่อด้วยแววตาสุขล้น “ตอนนั้นอิศร์ซื้อลูกเต่ามาเต็มถุงเลย บอกว่าจะมาปล่อยเอาเคล็ด ให้ความรักของเรายืนยาวเหมือนกับอายุขัยของลูกเต่า...อิศร์คิดว่าตอนนี้พวกมันจะยังอยู่ในสระนี้ไหมคะ”
อิศร์อึ้ง มองไปที่สระน้ำอย่างใจลอย อริสราเอามือวักน้ำอย่างกระตือรือร้น
“เผื่อว่าพวกมันเห็นเรา มันจะขึ้นมา”
“พวกมันคงไม่อยู่แล้วล่ะ”
อริสราชะงัก เหลือบมองอิศร์ เห็นสีหน้าอิศร์ขรึมลง
“หรือถึงยังอยู่ ก็คงจำเราไม่ได้ เพราะทั้งคุณและผมต่างก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” เขาบอกเป็นนัย
อริสราหน้าเศร้าลง น้ำตาพาลจะหยดกับคำพูดไร้เยื่อใยของอิศร์
“เราสองคนเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
อิศร์หันหน้ามาสบตากับอริสรา เห็นแววตาหล่อนเศร้า เว้าวอน ก็ได้แต่นึกสงสาร เพราะรู้ว่าอริสราต้องการจะรื้อฟื้นถ่านไฟเก่า แต่ตัวเองทำไม่ได้ เพราะไม่อยากทำผิดต่อไอศูรย์และคำสอนของเดช
อิศร์ฝืนยิ้ม “เปลี่ยนไปในทางที่ดีไงครับ ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว ส่วนอริสก็มีครอบครัวที่ดี มีสามีที่ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะผลบุญที่เราเคยทำกันไว้ก็ได้”
อิศร์ตัดบทสนทนาด้วยการหยิบถุงลูกปลามาแกะ ช่วยอริสราจับถุงเทลงไปในสระน้ำ
อริสรามองอิศร์เศร้าๆ แล้วไม่กล้าเซ้าซี้ต่ออีก ก้มหน้าก้มตาทำบุญไป
สองคนไม่รู้ว่า มีกล้องถ่ายรูป จับภาพทั้งสองตอนช่วยกันปล่อยปลา แล้วกดชัตเตอร์บันทึกไว้หลายรูป
โดยฝีมือของตากล้องนักสืบลึกลับ ที่ค่อยๆ ลดกล้องลงมองทั้งสองคนอย่างสอดรู้สอดเห็น
ในเวลาต่อมาอิศร์ขับรถมาตามถนน โดยมีอริสรานั่งข้างๆ ด้วยสีหน้ามีความสุข
“เดี๋ยวเราแวะทานข้าวกันก่อนเข้าบ้านนะคะอิศร์ แถวนี้มีร้านอาหารริมน้ำ อิศร์จำได้ไหม”
“แต่ผมบอกป้าดวงไว้ว่ากำลังจะกลับ”
“อิศร์โตแล้วนะคะ กลับบ้านผิดเวลาคงไม่เป็นไรมั้ง นะคะ”
อริสราหันมาเกาะแขนอ้อนๆ อิศร์จำต้องฝืนยิ้มรับ แต่พอเหลือบตาขึ้นมองกระจกหลังก็ขมวดคิ้ว
“เอ๊ะ ไอ้รถคันนี้”
อริสราฉงน มองหน้าอิศร์ “มีอะไรเหรอคะ”
อริสราชะโงกมองบ้าง เห็นรถของนักสืบวิ่งจ่อมาทางด้านหลัง
“ผมว่ามันตามหลังเรามาซักพักแล้วนะ ทำไมไม่แซงขึ้นไป ถนนก็โล่ง”
อิศร์เปิดไฟให้สัญญาณให้แซงขึ้นไป แต่รถนักสืบยังตามมาเหมือนเดิม อิศร์เลยเหยียบคันเร่งเร็วขึ้น ให้รถพุ่งนำไป
อิศร์ขับรถเร็วขึ้น สายตาก็เหลือบมองกระจกไปด้วย
“แน้ ยังตามมาอีก”
อริสราเอะใจ หันไปมองด้านหลัง เห็นนักสืบคนหนึ่งยกกล้องขึ้นมา แต่มองไม่ชัด
“พวกมันทำอะไร”
อิศร์มองกระจก เห็นนักสืบยกมือยกไม้ แต่ใจคิดแง่ร้ายไปก่อน
“ปืน พวกมันมีปืน”
“อะไรนะคะ”
“หลบเร็ว”
อริสรารีบก้มหัวหลบ อิศร์ขับรถฉวัดเฉวียนออกไปทันที
รถอิศร์ฉวัดเฉวียนไปตามถนน รถนักสืบจี้ติด อิศร์เริ่มขับรถอย่างกระวนกระวาย อริสราก็ก้มหน้างุด
“พวกมันต้องการอะไร”
“ผมไม่รู้”
อิศร์ขับรถหนีอีก มองกระจกตลอด
“บ้าเอ๊ย ยังตามมาอีก”
อิศร์เปลี่ยนเกียร์ เหยียบคันเร่งสุดให้รถพุ่งตะบึงไป รถของนักสืบพยายามตาม แต่รถคันอื่นเริ่มขวางทาง อิศร์ขับมาเห็นป้ายปั๊มน้ำมัน รีบหักเลี้ยวรถเข้าไป
ปั๊มแห่งนี้เป็นปั๊มขนาดใหญ่ มีรถจอดเยอะๆ มีร้านฟาสฟู้ด และร้านขายของจิปาถะ เวลานั้นแพรพลอยจอดรถเติมน้ำมันในปั๊มนี้พอดี กำลังจะขึ้นรถ รถของอิศร์ก็พุ่งพรวดมาขวางหน้า
แพรพลอยตกใจร้อง “เฮ้ย”
แพรพลอยมองเข้าไปในรถ เตรียมจะต่อว่า อิศร์เห็นแพรพลอยก็เปิดกระจกทันที
“คุณ! โฮ้ย โชคดีจริงๆ คุณต้องช่วยผมนะ ผมโดนตามล่า” แพรพลอยงง “ตามมาก่อน เร็ว”
อิศร์รีบขับรถนำไปทางด้านหลังปั๊ม แพรพลอยมอง แล้วขี่รถตามไปแบบมึนๆ
อิศร์กับอริสรารีบลงจากรถ วิ่งมาหาแพรพลอยที่เพิ่งจอดรถ
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีมือปืนขับรถไล่ตามพวกเรามาค่ะ” อริสราบอก
“มันกำลังมาที่นี่ คุณช่วยผมหน่อยนะ”
แพรพลอยงง “ช่วยยังไง”
อิศร์จับมือทั้งสองคนลากไปที่หน้าห้องน้ำหญิง
“อริส คุณเปลี่ยนเสื้อผ้ากับคุณแพรนะครับ แล้วรีบกลับไปก่อน เดี๋ยวผมจะเรียกแท็กซี่ให้”
อริสรากะแพรพลอย “ห๊ะ” พร้อมกัน
“เร็วครับ” อิศร์เร่ง
อริสรากับแพรพลอยยังงงอยู่ ข้องใจ แต่อริสรากลัวมากกว่าเลยรีบดึงแพรพลอยเข้าห้องน้ำไป อิศร์หันไปมองหน้าปั๊มอย่างกังวล เห็นรถของนักสืบวิ่งตามมาจริงๆ แล้วทำทีเป็นวนหา
อิศร์พาแพรพลอยกับอริสราที่เปลี่ยนชุดกันแล้ววิ่งหลบๆ มา ที่แท๊กซี่ที่รออยู่
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉันต้องทำขนาดนี้ด้วย” แพรพลอยงง
อริสราท้วง “นั่นสิคะอิศร์”
“ชู่ว์ พวกมันยังอยู่ที่นี่ คงเห็นรถผมแล้ว” อิศร์รีบเปิดประตูให้ “คุณกลับบ้านไปก่อนนะครับอริส เดี๋ยวจะไม่ปลอดภัย”
“แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมไม่เป็นไร คุณแพรจะดูแลผมเอง”
แพรพลอยหันขวับมองอิศร์แบบ อะไรของแก อิศร์ไม่รู้ไม่ชี้ อริสราลังเลนิดๆ แต่ก็รีบขึ้นรถออกไป อิศร์รีบลากแพรพลอยมาอีกทาง
“ส่วนคุณมานี่”
“อะไรของคุณเนี่ย”
อิศร์ลากแพรพลอยเข้ามาในร้านฟาสฟู้ด
แพรพลอยเริ่มรำคาญบ่นอุบ “ถ้าคุณไม่อธิบายเรื่องนี้ฉันจะไปแล้วนะ”
แพรพลอยจะเดินออก อิศร์คว้าตัวไว้
“เดี๋ยวก่อน คุณเห็นไอ้สองคนนั่นไหม พวกมันไล่ตามผมมา”
อิศร์ชี้ให้ดูนักสืบ 2 คนที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ๆ รถอิศร์ แล้วมองไปรอบๆ พยายามหาอิศร์
“แล้วไง”
“คุณอยู่กับผมที่นี่ก่อนได้ไหม จนกว่ามันจะไป”
แพรพลอยเริ่มจริงจัง “คุณแน่ใจเหรอว่ามันมีอาวุธ”
“มี” อิศร์พูดหน้าตาเฉยมากๆ “รู้สึกจะมีกล้องตัวนึง”
แพรพลอยผงะ งง “ว่าอะไรนะ”
อิศร์ไม่ตอบ แต่รีบลากแพรพลอยไปที่เค้านท์เตอร์สั่งอาหาร
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” พนักงานทัก
อิศร์สั่งอาหารเร็วปรื๋อ แพรพลอยได้แต่มองอึ้งๆ งงๆ ว่า นี่มันอะไรกัน
สักครู่ต่อมา อิศร์ถือถาดมานั่งลง เขาจงใจเลือกโต๊ะติดกระจกหน้าร้าน
“เอ้า กิน”
อิศร์จะป้อนเฟรนช์ฟราย แพรพลอยเอามือปัด
“นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย ตกลงล้อฉันเล่นใช่ไหม”
อิศร์กินเฟรนช์ฟรายไปด้วย พูดชิลๆ “เปล่า ผมโดนตามล่าจริงๆ พวกมันตามถ่ายรูปผม
แพรพลอยงงใหญ่ “ถ่ายรูป”
“ใช่ มันสะกดรอยตามผมกับอริส แล้วพยายามถ่ายรูปพวกเราไว้ ผมว่าต้องมีคนส่งมันมา”
ที่แท้อิศร์รู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นพวกนักสืบของไอศูรย์แอบถ่ายรูปตนเองกับอริสรา เพราะรู้จักนิสัยไอศูรย์ดีว่าขี้ระแวง แต่แกล้งโกหกอริสราเพราะรู้ว่า อริสราไม่แคร์ ขณะที่อิศร์เองก็ไม่อยากมีปัญหารักสามเส้ากับไอศูรย์ เลยต้องหลอกอริสราว่าเป็นมือปืน เพื่อให้อริสรากลัวจนกลับบ้านไปก่อน
แต่อิศร์พลาด ตรงที่ไม่รู้ว่าตัวเองถูกแอบถ่ายตั้งแต่ที่วัดแล้ว
แพรพลอยงงอยู่นั่น “ใคร”
“พี่...” รู้ว่าไอศูรย์ แต่ไม่อยากบอก “ช่างมันเถอะคุณ เอาเป็นว่ามันคงดักรอผมจนกว่าจะได้รูป”
อิศร์แอบเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง เห็นพวกนักสืบมองมาแล้วชี้ชวนกันดู
“มันเห็นพวกเราแล้ว คุณอ้าปากเร็วเข้า อ้าสิ”
แพรพลอยงง แต่ก็อ้าตามแบบมึนๆ อิศร์รีบป้อนเฟรนช์ฟรายให้ แล้วยิ้มหวานให้ ราวกับคู่รักก็ไม่ปาน
“อ้ามมมม อร่อยไหมจ๊ะที่รัก”
แพรพลอยมองตาปริบๆ อิศร์เหลือบมอง เห็นนักสืบยกกล้องขึ้นถ่ายรูป แต่ทำหน้างงๆ ประมาณว่าทำไมอริสราหน้าตาไม่เหมือนตอนที่อยู่ในวัด
“ทีนี้คุณป้อนผมบ้าง”
“นี่คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย”
“ก็ให้มันได้รูปเราสองคนไปไง จะได้จบๆ” อิศร์อ้าปากรอ อ้อนใหญ่ “เร็วสิครับ ป้อนผมหน่อย”
แพรพลอยเซ็งจนอยากจะลุกขึ้นกรี๊ด แต่ก็จำใจเอาอะไรป้อนๆ แบบขอไปที
“หวานๆ หน่อยสิ เดี๋ยวไม่เนียน”
แพรพลอยถอนใจ “ทำไมฉันต้องทำให้คุณด้วย”
อิศร์หรี่ตามอง “ผมช่วยน้องชายคุณไว้นะวันนี้”
แพรพลอยอึ้งๆ แต่ก็จนเหตุผล อิศร์อ้าปากกว้างขึ้นๆๆ แบบเร่งๆ
แพรพลอยถอนใจแล้วป้อนอิศร์ อิศร์เหลือบมองยังคงเห็นนักสืบถ่ายรูป
อิศร์พูดไม่ชัด อ้าปากค้างไว้ “เอาอีก”
แพรพลอยถอนใจแรงๆ แล้วป้อน อิศร์ผลักแก้วน้ำ
“ป้อนน้ำด้วยสิจ๊ะ”
แพรพลอยพยายามข่มอารมณ์ แล้วยื่นแก้วน้ำ หันหลอดให้อิศร์
“เดี๋ยวๆ”
อิศร์นึกได้ ดึงหลอดจากแก้วน้ำของแพรพลอยมาเสียบแก้วเดียวกัน ให้ดูดพร้อมกัน
“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”
“ถ้าไม่ได้ผมวันนี้ น้องชายคุณจะเป็นไงน้า” อิศร์ทำหน้าคิดกวนๆ
แพรพลอยมองค้อน แล้วยื่นหน้ามาที่หลอดในแก้วเดียวกับอิศร์ อิศร์ยิ้มกริ่ม
ทั้งสองยื่นหน้ามาใกล้มาก แล้วดูดน้ำแก้วเดียวกัน ดูหวานชื่น นักสืบถ่ายรูปแชะ
ต่อมาอิศร์เปิดประตูออกมาจากร้าน โอบเอวแพรพลอยมาด้วย แพรพลอยขัดขืนแต่อิศร์ไม่ปล่อย
แพรพลอยกัดฟันพูด “มากไปแล้วนะ”
“ก็พวกมันมองอยู่”
อิศร์โอบเอวแพรพลอยแน่น ทำเป็นเดินไปที่รถอย่างไม่รู้ไม่ชี้ นักสืบที่ซุ่มอยู่แอบถ่ายรูปแล้วลดกล้องลง เมื่อเห็นชัดว่าไม่ใช่อริสรา
นักสืบ1เจ็บใจ “เฮ้ย คนละคนกันจริงๆ ด้วยว่ะ มันตบตาเรา”
นักสืบ2 บอก “แต่ยังไงเราก็ได้รูปคุณอริสมาแล้ว ไปเหอะ”
นักสืบยิ้มให้กันอย่างพอใจ แล้วรีบวิ่งขึ้นรถ ขับออกไป อิศร์มองตามแล้วถอนใจ พอหันมาก็สะดุ้งเมื่อเห็นแพรพลอยเอาปืนจี้เอวอยู่
“ปล่อยมือได้แล้ว ไม่งั้นพุงทะลุแน่”
อิศร์ยิ้มเจื่อนๆ รีบเอามือออกจากเอวแพรพลอย
อิศร์เอาชุดเดิมของแพรพลอยมาคืน
“คุณไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับก็ได้นะ ผมว่าคุณแต่งตัวอย่างนี้ก็สวยดี สวยกว่าทุกชุดที่ผมเคยเห็น” เขายิ้มเจ้าชู้
“เผอิญฉันชอบให้ตัวเองดูน่าเกลียด”
“งั้นคุณก็คงต้องไปเกิดใหม่ เพราะชาตินี้คุณเกิดมาหน้าตาดีซะแล้ว”
“ฉันว่าถ้าคุณยังไม่หยุดวิจารณ์ฉัน คุณนั่นแหละจะได้ไปเกิดใหม่ก่อน”
แพรพลอยยิ้มดุแล้วดึงเสื้อผ้าจากมืออิศร์ ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป อิศร์หมั่นไส้
“แหม...เว้ย ดุยิ่งกว่าอนาคอนด้า” พลางถอนใจส่ายหน้าเสียดาย
แพรพลอยขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้ามูลนิธิ เห็นเด็กๆ วิ่งกรูกันผ่านหน้าไป แพรพลอยมองตามแล้วคว้าตัวเด็กหญิงไว้ได้คนหนึ่ง
“จะวิ่งไปไหนกันจ๊ะ”
“ไปดูเปี๊ยกถูกตีค่ะพี่แพร”
เด็กหญิงพูดจบก็รีบวิ่งออกไป แพรพลอยมองไปที่บ้านอัมพา รู้ว่าต้องมีเรื่องแน่
แพรพลอยเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน เห็นเปี๊ยกยืนกอดอกอยู่กลางลานบ้าน มีเด็กๆ ล้อมวงดู แม่ครูอัมพาถือไม้เรียวเดินเข้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง
“เปี๊ยกรู้ใช่ไหม ว่าทำไมแม่ถึงต้องลงโทษเปี๊ยก”
เปี๊ยกนิ่งเงียบ หน้ากดดัน ไม่กล้าตอบ อัมพาเรียกเสียงเข้มขึ้น
“เปี๊ยก”
“เพราะแม่ไม่อยากให้เปี๊ยกเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่นๆ”
“ใช่ และเพราะแม่ไม่อยากให้เปี๊ยกมีพฤติกรรมแบบนี้อีก”
เปี๊ยกหลบตา แต่ในใจแอบเศร้า อัมพาเม้มปากอย่างกลั้นใจ แล้วฟาดไม้เรียวลงไป ผัวะ เปี๊ยกสะดุ้งตามแรงหวด กัดฟันแน่น เด็กๆ เอามือปิดปากหวาดเสียวกัน
“แม่ไม่เคยสอนให้ลูกของแม่คนไหนเป็นขโมย”
อัมพาพูดจบก็หวดไม้เรียวที่ก้นเปี๊ยกต่อ เปี๊ยกสะดุ้งตาม เช่นเดียวกับเด็กๆ ที่ดูอยู่
อัมพาเสียงเครือ “แม่มีแต่สอนให้พวกเราทุกคนพอใจกับสิ่งที่มี ชีวิตเราไม่ได้แย่ มีข้าวให้กิน มีบ้านให้อยู่ แม่ไม่เคยให้ใครอดอยาก ลำบาก”
อัมพาหวดก้นเปี๊ยกต่อ เปี๊ยกเม้มปากแน่น น้ำตาปริ่ม
“แต่เปี๊ยกกลับไปมั่วสุมกับพวกเด็กไม่ดี ริอ่านเป็นโจร ให้คนว่าได้ว่าเป็นลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน แสดงว่าแม่ยังเลี้ยงเปี๊ยกไม่ดีพอใช่ไหม”
อัมพาหวดก้นเปี๊ยกอีก เปี๊ยกน้ำตาไหลกลั้นไม่อยู่ เริ่มสะอึกสะอื้น
“ป...เปี๊ยกขอโทษ เปี๊ยกผิดไปแล้วครับแม่”
อัมพาเห็นเปี๊ยกร้องไห้ก็จะร้องตาม พยายามกลั้นน้ำตาไว้ แล้วตีเปี๊ยกอีกที
เปี๊ยกหลุดสะอื้นแล้วปล่อยโฮออกมา พวกเด็กๆ ที่ดูอยู่ หันไปกอดกัน บางคนร้องไห้สงสารเปี๊ยก
“เปี๊ยกจะไม่ทำอีกแล้ว ฮือๆ”
อัมพากลั้นความสะเทือนใจไม่อยู่ จะตีซ้ำก็ไม่มีแรง แม่ครูของเด็กๆ ทิ้งไม้ลง แพรพลอยรีบเข้ามาประคอง
“แม่คะ”
กรณ์เข้ามาดูเปี๊ยก แล้วกอดปลอบใจ เปี๊ยกยิ่งร้องไห้เสียงดัง ทั้งเจ็บและสำนึกผิด กรณ์หันไปบอกเด็กอื่นๆ
“แยกย้ายไปทำการบ้านกันได้แล้วเด็กๆ เดี๋ยวค่อยมากินข้าวนะ”
เด็กๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นกระจายตัวกันออกไป เปี๊ยกยังคงกอดซบเอวกรณ์แน่น ร้องไห้ฮือๆ โดยมีกรณ์โอบไหล่พาเดินออกไป
แพรพลอยประคองอัมพามานั่งที่มุมหนึ่งในบ้าน อัมพาค่อยๆ ปาดน้ำตาที่กลั้นไว้เมื่อครู่
“ลงมือกับลูกทีไร แม่ก็เจ็บเองทุกที”
“แต่ก็ต้องทำใช่ไหมคะ”
แพรพลอยย้อนถามอย่างรู้ทัน ก่อนจะหยิบน้ำรินใส่แก้วให้
“ใช่ ถ้าไม่ทำแม่ก็คงเรียกตัวเองว่าแม่ไม่ได้” อัมพานึกถึงเด็กๆ อย่างเศร้าใจ “แม่ยอมเป็นมารร้ายในสายตาลูก ดีกว่าให้ปล่อยทิ้งๆ ขว้างๆ ให้พวกแกโตขึ้นอย่างไร้การอบรม”
“แพรว่าน้องๆ ทุกคนเข้าใจค่ะแม่ ไม่มีใครคิดว่าแม่ใจร้ายหรอก แม้แต่เปี๊ยก”
“ถ้าน้องๆ โตขึ้นมาได้ซักครึ่งของแพร แม่ก็นอนตายตาหลับแล้ว”
แพรพลอยยิ้ม นั่งลงข้างๆ อัมพา กอดอัมพาไว้
“แพรไม่เคยลืมว่าที่ตัวเองมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะโอกาสที่แม่หยิบยื่นให้ เพราะฉะนั้นแม่ไม่ต้องห่วงว่าจะเหนื่อยดูแลน้องๆ ในบ้านหลังนี้ตามลำพังนะคะ แพรกับกรณ์จะช่วยแม่สุดความสามารถ”
“ขอบใจนะลูก ขอบใจมาก”
อัมพากอดตอบแพรพลอยอย่างใจ แพรพลอยนึกยางอย่างได้ ขยับตัวออกเปิดกระเป๋าหยิบซองการ์ดส่งให้
“แพรเกือบลืมไป บัตรเชิญงานเลี้ยงประมูลของเก่าที่พรรคของท่านบรรเลงค่ะ”
อัมพารับมาดู “งานที่ท่านจะมอบทุนการศึกษาให้เด็กๆ น่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ ท่านฝากมาเชิญแม่ด้วย แม่ไปนะคะ”
อัมพาเปิดการ์ดออกดู แล้วพยักหน้า
หลังจากนั้น แพรพลอยเดินเข้ามาในตึกนอน เห็นเด็กๆ สวดมนต์เตรียมเข้านอน ก็มองหาเปี๊ยก เห็นเปี๊ยกนอนหันหน้าเข้าผนัง ก็เดินไปนั่งข้างๆ ที่นอน
“เปี๊ยก”
เปี๊ยกสะดุ้ง รีบเช็ดน้ำตา แต่ไม่หันหน้ามา
แพรพลอยลูบหัวเอ็นดู “เปี๊ยกอย่าโกรธแม่เลยนะ แม่เองก็เสียใจเหมือนกันที่ลงโทษเปี๊ยก รู้ไหมจ๊ะ ไม่มีใครอยากตีลูกที่เราเลี้ยงมากับมือหรอก”
เปี๊ยกสะอื้นเบาๆ แอบเช็ดน้ำตาอีก
“พี่รู้ว่าเปี๊ยกอยากมีเพื่อนเยอะๆ แต่การที่เราจะสนิทกับใคร เราต้องดูให้ดีว่าเขาเป็นเพื่อนประเภทไหน เพื่อนที่ดีจะไม่มีวันนำปัญหามาให้เรา”
เปี๊ยกสะอื้น “เปี๊ยกพยายามห้ามพวกมันแล้ว แต่พวกมันไม่ฟัง”
“งั้นเปี๊ยกก็ต้องถอยห่างออกมาจากพวกเขา เปี๊ยกยังเหลือเพื่อนดีๆ อีกเยอะ หรือถ้าไม่มีใคร ก็มาเล่นกับพี่ กับพี่กรณ์ก็ได้ ทุกคนพร้อมจะเป็นเพื่อนเล่นให้เปี๊ยกนะจ๊ะ”
เปี๊ยกหันตัวมามองแพรพลอยอย่างซึ้งใจ
“พี่แพร”
เปี๊ยกกอดอ้อนซบหน้าเข้าหาแพรพลอย แพรพลอยยิ้มอบอุ่น กอดตอบ
“เปี๊ยกขอโทษ เปี๊ยกจะไม่ทำอีกแล้วจริงๆ เปี๊ยกสัญญา”
“ดีแล้วจ้ะ งั้นก็เลิกร้องไห้ แล้วนอนซะ พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาเล่นกัน”
“เปี๊ยกนอนไม่หลับ พี่แพรเล่านิทานให้เปี๊ยกฟังหน่อย”
“อีกแล้วเหรอ ก็ได้”
แพรพลอยหยิบหนังสือนิทานบนหัวนอนเปี๊ยกออกมาเปิดดู เริ่มอ่านชื่อเรื่องแล้วพากย์แบบการ์ตูน
เวลาผ่านไปแพรพลอยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่นอน เปี๊ยกนอนตาแป๋วฟัง ไม่นานเด็กอื่นๆ ก็ลุมมารุมล้อมแพรพลอย ขอฟังนิทานบ้าง
แพรพลอยเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ มีหยอกล้อเล่นกับเด็กๆ หัวเราะครื้นเครง ทำให้บรรยากาศในบ้านดีขึ้น
กรณ์โผล่หน้าออกมามองแล้วยิ้มโล่งใจ
แพรพลอยเดินกลับเข้ามาในบ้านพักอัมพาพร้อมกับกรณ์
“ขอบคุณมากที่แพรมาช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น ไม่งั้นคงซึมกันทั้งบ้านแหละวันนี้”
“แต่กว่าจะกล่อมให้หลับกันได้ ฉันจะหลับเสียเอง เหนื่อยจัง”
“ไปทำอะไรมา จริงสิ แยกกันที่โรงพยาบาลตั้งนาน แล้วทำไมแพรถึงกลับเย็นนัก” กรณ์ยิ้มแซว “ไปเดทกับใครมา”
แพรพลอยอึ้ง หน้าแดงไม่รู้ตัว
แพรพลอยลืมตัวตอบ “บ้า ไม่ใช่เดท เรื่องบังเอิญน่ะ”
“แน่ะ แสดงว่าแอบไปเจอใครมาจริงๆ”
แพรพลอยรู้ตัวว่ายิ่งพูดยิ่งตกหลุม
“มันไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกน่ากรณ์ ฉันยังไม่หาเพื่อนเขยให้เธอเร็วๆ นี้แน่”
“แหม เจ๊ จะรอจนไปถึงไหน คานมันค่อยๆ เลื่อนลงมาแล้วนะ” เขาชี้บนเพดานบ้าน
“หาของตัวเองให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาเร่งฉัน ไปๆ ไปนอน”
แพรพลอยผลักกรณ์จนเข้าห้องไป แล้วเดินมานั่งที่โซฟา ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์อิศร์กับแพรพลอยผลัดกันป้อนอาหาร กินน้ำ
“เดทเหรอ..” หล่อนเผลอยิ้มสีหน้าละมุน แล้วรู้สึกตัว “ไม่ๆๆ ไม่ใช่ซะหน่อย ใครจะอยากเดทกับตาคนนั้น”
แพรพลอยรีบเอามือปิดตาลูบหน้า หวังจะให้ภาพนั้นลบออกไปจากสมอง
คืนวันงาน บรรยากาศหน้าตึกที่ทำการพรรคของรัฐมนตรีบรรเลงคึกคัก อิศร์ขับรถหรูหราของตัวเองมาจอดหน้าที่ทำการพรรค แล้วส่งกุญแจให้พนักงานเอารถไปเก็บ แต่พอจะก้าวขึ้นตึก อริสรารีบลงจากรถที่บุญเกิดเป็นคนขับตามมาจอดต่อท้าย เรียกไว้
“อิศร์คะ รออริสด้วยค่ะ”
อริสรารีบก้าวขึ้นบันไดตามอิศร์ไป โดยไม่สนใจไอริณกับเรณูที่นั่งมาด้วยกัน มองตามไป
“ดูสิคะแม่ ยิ่งพี่ศูรย์ไม่อยู่ก็ยิ่งทำอะไรประเจิดประเจ้อ”
“ฮื้อ ไม่เห็นจะมีอะไรซักหน่อย เราก็อย่าไปปากโป้งบอกพี่เขานะ”
ไอริณมองเรณูอย่างขัดใจ แล้วรีบตามอิศร์ขึ้นไป
“พี่อิศร์คะ” หล่อนคว้าแขนอิศร์หมับอีกข้าง แล้วปรายตามองอริสรา “ขอริณควงซักวันนะคะ วันนี้พี่อิศร์ฉายเดี่ยว ริณกลัวว่าจะมีพวกผู้หญิงไม่ดีมาเกาะแกะ”
อริสรามองไอริณหน้าตึง รู้ว่าไอริณด่ากระทบ เกิดลูกฮึดไม่ยอมแพ้
“อิศร์สัญญาว่าจะพาอริสไปคุยกับคุณอาบรรเลงเรื่องตั้งกองทุนช่วยคนด้อยโอกาสนี่คะ ไปเถอะค่ะเดี๋ยวผู้ใหญ่จะรอ”
“เอ๊ะ พี่อริส ไม่ได้ยินที่ริณพูดเหรอ” ไอริณกระตุกแขนจะควงอิศร์
“พี่กับอิศร์จะไปคุยเรื่องงานกัน ริณจะไปด้วยก็ได้” อริสรากัด “ถ้าคิดว่าฟังรู้เรื่อง”
อริสราจะดึงอิศร์ ไอริณโมโหกระตุกแขนอิศร์ บรรยากาศเริ่มมาคุเพราะอริสราดื้อเงียบไม่ยอมไอริณเหมือนกัน อิศร์มองทั้งสองสาวอย่างหนักใจ โชคดีที่โทรศัพท์มือถือดึงขึ้นเสียก่อน
“เอ้อ ตกลงกันไปก่อนนะ พี่ต้องรับสายนี้ก่อน ขอโทษทีจ้ะ”
อิศร์รีบแกะมือออกจากทั้งสองสาว แล้วเดินคุยโทรศัพท์ออกไปอย่างโล่งใจ
อ่านต่อหน้า 2 / 17.00 น.
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทางด้านมายาวีแต่งตัวสวยเดินทักทายแขกในงาน หันไปเห็นแพรพลอยกับกรณ์พาอัมพากับเด็กๆ ของมูลนิธิเข้ามาพอดี
“คุณแพร มาตรงเวลาดีจังค่ะ สวัสดีค่ะคุณป้า” หล่อนยกยกมือไหว้อัมพา
อัมพารับไหว้ กรณ์รีบสะกิดให้เปี๊ยกกับเด็กอื่นๆ ยกมือไหว้มายาวี มายาวีลูบหัวเด็กๆ ทุกคนอย่างเอ็นดู
“ขอบคุณมากนะคะ ที่เลือกให้ทุนกับมูลนิธิของเรา” อัมพาว่า
มายาวียิ้มกว้าง “ยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะ คุณพ่อชื่นชมคุณแพรม๊ากก ท่านอยากให้น้องๆ ได้มีโอกาสดีๆ จะได้โตขึ้นมาเก่งเหมือนคุณแพร”
มายาวีพูดแล้วหันไปยิ้มกับแพรพลอย อัมพามองแพรพลอยอย่างภูมิใจ
“พวกเราจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังครับ” เปี๊ยกบอก
มายาวีหัวเราะขำ “จ้า สัญญาแล้วนะ”
กรณ์เอ่ยถามขึ้น “จะให้เราไปเตรียมตัวที่ไหนดีครับ”
“ทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวเมย์พาไป” มายาวี
“เดี๋ยวแพรตามไปนะคะ”
แพรพลอยเดินแยกออกมาสำรวจรอบๆ งาน ขณะที่มายาวีต้อนอัมพาและคนอื่นๆ ไปอีกทาง
ขณะที่แพรพลอยเดินสำรวจบริเวณต่างๆ มาเรื่อยๆ เจอกับท่านรัฐมนตรีบรรเลงที่เดินเข้ามาในงานพอดี จึงรีบตรงไปหา
“ท่านน่าจะรอแพรขึ้นไปรับที่ห้องนะคะ”
บรรเลงหัวเราะอารมณ์ดี “โธ่ ไม่เป็นไรหรอกหนูแพร ที่นี่ก็พรรคฉันเอง ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรหรอก”
“แพรเพิ่งได้รับคำเตือนเรื่องงานวันนี้มาค่ะ” แพรพลอยบอกซีเรียส
“ที่ว่าจะมีการปล้นงานศิลปะของเราน่ะเหรอ คงไม่มีอะไรหรอก พรรคเราก็มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา”
“แต่ยังไงเราก็ไม่ควรประมาทค่ะ” แพรพลอยอดท้วงไม่ได้
บรรเลงเยื้อนยิ้มเอ็นดู “วันนี้เป็นวันทำบุญของพรรค คงไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นหรอกหนูแพร หนูไปดูแลคุณแม่กับน้องๆ เถอะ ไม่ต้องห่วงฉันนะ”
บรรเลงจับไหล่แพรพลอย ตบเบาๆ แล้วเดินแยกไป แพรพลอยมองตามอย่างกังวล
ผู้กองอนุภัทรในชุดเครื่องแบบพนักงานเสิร์ฟ เดินคุยโทรศัพท์กับอิศร์เข้ามา หลังห้องจัดเลี้ยง นอกจากนี้ยังมีตำรวจแฝงปะปนอยู่ในงานอีก 3-4 คน
“เออ อยู่ในงานแล้วโว้ย รับปากว่าจะมาก็มาสิ” เขาหยุดฟังอิศร์พูด “ฉันยังออกไปหาแกตอนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวค่อยเจอกัน แค่นี้นะเว้ย
อนุภัทรกดวางสายแล้วติดโบว์ไทด์ที่คอเสื้อ ก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนเตรียมอาหาร ระหว่างทางก็เหลือบมอง สบตากับตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวเข้ามาเป็นพนักงานเช่นเดียวกัน
หน่วยงานของอนุภัทรได้รับแจ้งเรื่องแผนการโจรกรรมเช่นกัน เลยแฝงตัวเข้ามารักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง
ที่ด้านนอกห้องจัดงาน แพรพลอยเดินตรวจตราทุกซอกลืบมุมอับของตึกพรรคอย่างระแวดระวังจนออกมาข้างตึกที่ทำการพรรคด้านนอก
ระหว่างที่กำลังสำรวจ จู่ๆ ก็มีมือสะกิดหลัง แพรพลอยหันขวับไปเอาปืนจ่อทันที อิศร์รีบยกมือห้าม
“เฮ้ยๆๆๆ ยอมแล้วๆ กลัวแล้วจ้ะ”
แพรพลอยเห็นว่าเป็นอิศร์ก็ชะงัก เก็บปืน แต่ยังชักสีหน้าไม่พอใจ
“เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง”
“ผมเห็นคุณเดินแหวกโน่นดูนี่ผ่านมา ก็ว่าจะเข้ามาทัก” เขาหันมองหาแล้วแกล้งแหย่ “คุณเล่นซ่อนหากับใครอยู่เหรอ ผมช่วยหาไหม” พลางแกล้งแหวกพุ่มไม้ดู
“เล่นกับไอ้พวกตัวป่วนน่ะ กะว่าถ้าเจอจะเป่าให้ดิ้น”
แพรพลอยเอามือจับปืนที่พกอยู่ อิศร์สะดุ้ง รีบถอยหนี
“จะมีซักวันไหมเนี่ยที่คุณจะไม่พกปืน”
“ไม่มีค่ะ งานบอดี้การ์ดสอนให้ฉันต้องระวังตัว”
แพรพลอยพูดพลางเดินสำรวจรอบๆ ต่อ อิศร์ตามไป
“แล้วเวลานอนล่ะ”
“ฉันก็นอนกับปืน”
“อ้าว แล้วแบบนี้แฟนคุณนอนตรงไหน”
แพรพลอยชะงัก มองตาเขียว อิศร์ยิ้มไม่รู้ไม่ชี้
แพรพลอยไม่อยากต่อปากต่อคำ เหนี่ยวตัวขึ้นไปบนต้นไม้
“แบบนี้ตอนอาบน้ำคุณคง...”
แพรพลอยตัดบทอย่างรำคาญ “จะกวนฉันอีกนานไหม ฉันกำลังทำงาน ถอยไปหน่อย”
แพรพลอยเตรียมจะกระโดดลง อิศร์เลยขยับหนีไป แต่พอแพรพลอยทิ้งตัวลงมา เท้าเกิดไปถูกพื้นที่มีน้ำขัง เลยไถลลื่นพรวด
“ว้าย”
แพรพลอยจะล้มลง อิศร์รีบเข้าไปประคอง หน้าแนบกันพอดี แพรพลอยอึ้ง เขินจนนิ่งไป
อิศร์ยิ้มแซว “ไหนบอกระวังตัวตลอดเวลาไง”
แพรพลอยนึกได้ รีบผลักอิศร์ออก จังหวะเดียวกับที่อริสราดังขึ้น
“อิศร์คะ”
อริสราโผล่เข้ามาเห็นภาพแพรพลอยกับอิศร์ผละออกจากกันทันที
“อ้อ คุณนั่นเอง สวัสดีค่ะ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยที่ช่วยเราวันนั้น”
แพรพลอยยิ้มฝืนๆ แล้วค้อมหัวให้ แต่อริสรายังคงระแวง หันไปถามอิศร์
“ทำอะไรกันอยู่เหรอคะ”
“เอ้อ ผมกับคุณแพร...”
แพรพลอยรีบขัดเพราะอาย “ไม่มีอะไรค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
แพรพลอยรีบเดินแยกไปทันที อริสรามองตาม สีหน้าไม่ไว้ใจ แต่พอได้สติก็หันมายิ้มกับอิศร์
“อริสเห็นอิศร์หายไปนาน ก็เลยมาตาม เข้าไปข้างในดีกว่านะคะ การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว”
บรรยากาศภายในงานประมูลเริ่มคึกคักมากขึ้น มายาวียืนอยู่ตรงโพเดียมบนเวที กลางเวทีตั้งโชว์รูปวาดขนาดใหญ่ดูมีราคา แขกในงานจิบค็อกเทล ยืนอยู่ด้านล่าง ถือแผ่นป้ายประมูลคอยยกให้ราคา
แพรพลอยกลับเข้ามายืนกับอัมพา กรณ์ และเด็กๆ
“ภาพวาดสุดคลาสสิคภาพนี้ เป็นผลงานของศิลปินอิตาเลี่ยนคนโปรดของเมย์เองค่ะ นายหน้าศิลปะที่ต่างประเทศกำลังตามหางานชิ้นนี้กันจ้าละหวั่น รับรองได้ว่ามีรูปเดียวในโลกแน่นอนค่ะ
ไฮโซ1ยกป้าย “สองล้านห้า”
มายาวีหัวเราะ “อุ๊ย คุณลุงหมอขา รวดเร็วมากค่า เริ่มที่สองล้านห้านะคะ มีใครให้เพิ่มไหมคะ”
ไฮโซ 2 ตาม “สามล้านค่ะ”
มายาวียกมือไหว้อย่างคุ้นเคย “ขอบคุณค่ะคุณหญิงป้า มีอีกไหมคะ ไม่งั้นเมย์เคาะนะคะ”
มายาวียกค้อนขึ้นมา ไอริณรีบสะกิดเรณู
“คุณแม่ สู้หน่อยสิคะ”
“สู้ทำไม เราดูงานศิลปะเป็นตั้งแต่เมื่อไรยายริณ”
“ดูไม่เป็น แต่ราคาขนาดนี้ เก็บไว้เก็งกำไรยังได้เลยค่ะ” ไอริณดึงป้ายจากเรณูมายกเอง “สี่ล้านค่ะ”
ทั้งห้องฮือฮาหันมองไอริณ เรณูกระซิบสีหน้าไม่ดี
“แม่ไม่มีเงินขนาดนั้นนะ ไปเบิกที่พ่อเราเอง”
ไอริณหน้าเจื่อน “คุณแม่”
“มีใครให้มากกว่าสี่ล้านไหมคะ เคาะครั้งที่หนึ่งค่ะ” มายาวีเคาะโพเดียม
ไอริณหน้าเสีย เจื่อน กลัวต้องจ่ายเงินเองจริงๆ
“เคาะครั้งที่สองค่า”
“ห้าล้านครับ”
ทั้งห้องฮือฮากันอีกครั้ง และหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว เห็นอิศร์เดินเข้ามา อริสรายิ้มให้ทุกคน แสดงตัวเป็นคู่ควงเต็มที่
กลุ่มของแพรพลอยมองดูการประมูลอย่างงงๆ ไม่เก็ตอารมณ์คนรวย แพรพลอยถึงกับส่ายหน้า
“รูปขีดๆ เขี่ยๆ อย่างนั้นเหรอตั้งห้าล้าน แพรไม่เคยเข่าใจพวกคนรวยเล้ย”
“เปี๊ยกวาดยังสวยกว่านี้อีกพี่แพร”
“อย่างนี้เขาเรียกรวยอย่างเดียวไม่ได้ต้อง...”
“เอาเถอะน่า เงินมันก็เงินเขา ถึงเขาจะใช้จ่ายกันแพงๆ แต่ก็เป็นการทำบุญนะลูก”
“เฮ้อ ดูไม่รู้เรื่อง ไปห้องน้ำกันเถอะพี่กรณ์”
กรณ์พยักหน้าแล้วจูงเปี๊ยกออกไป
ส่วนที่บนเวที มายาวีเคาะครั้งสุดท้ายพอดี
“งั้นเคาะที่ห้าล้านนะค้า ขายให้กับคุณอิศร์ เดชโชดม ขอเสียงปรบมือด้วยค่า”
มายาวีนำปรบมือไปทางอิศร์ แพรพลอยหันไปทางอิศร์ เห็นอริสราเคาะแขนยิ้มปลื้ม ก็ยิ่งหมั่นไส้บอกไม่ถูก
-ตัดกลับมาที่ด้านล่างเวที เห็นอนุภัทรเดินเสิร์ฟน้ำปะปนอยู่ในกลุ่มแขก มีหูฟังแอบเสียบอยู่ที่หู
อนุภัทรในครัวเป็นยังไงบ้าง โซนของผมเรียบร้อยดี
“ปกติครับ กำลังเตรียมอาหารออกไปเติม” เสียงจ่ารายงาน
“รับทราบครับ”
อนุภัทรกดปิดวิทยุสื่อสารแล้วเดินเสิร์ฟน้ำต่อ เจอกับมายาวีที่พักเบรกลงมาจากเวทีพอดี
“ขอน้ำเปล่า” มายาวีชะงักมองหน้าอนุภัทร “เอ๊ะ”
อนุภัทรมองหน้ามายาวีอย่างตกใจ แล้วหันหลังกลับ
“นายผู้กอง มาได้ยังไงเนี่ย”
อนุภัทรไม่สนใจเสียงเรียก เพราะกลัวความแตกรีบเดินลิ่วๆ หนี
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอ”
“คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง”
อนุภัทรเดินซิกแซกไปตามกลุ่มแขก มายาวีพยายามตามแต่เหยียบชายกระโปรงตามไม่ถนัด
“บ้าจริง” มายาวีมองหาแต่ไม่เจอ “หายไปไหนแล้วล่ะ”
อนุภัทรเดินลิ่วๆ ออกมา หันรีหันขวางพูดวิทยุกะลูกน้องจ่า
“จ่า ผมเจอคนรู้จัก ภารกิจอาจจะล้มเหลว จ่ามาช่วยทางนี้หน่อย” เขานิ่งฟัง “จ่า ได้ยินแล้วตอบด้วย”
อนุภัทรนิ่งฟัง แต่อีกฝั่งเงียบสนิท
“จ่า ได้ยินหรือเปล่า”
อนุภัทรรอการตอบรับ แต่หันไปเห็นมายาวีเดินตามมา
“นี่ คุณตำรวจ”
“โธ่เอ๊ย ยายบ้า จะตามมาทำไมวะ”
อนุภัทรหงุดหงิดมาก วางถาดเครื่องดื่มลงแถวนั้นแล้วรีบหลบไป
อนุภัทรรีบเดินหนีออกมาทางด้านหัง พอเลี้ยวมุมตึกมาก็เกือบชนเข้ากับไอ้อิศร์
“อ้าว เฮ้ยไอ้ภัทร อยู่นี่เองเหรอ”
อนุภัทรตกใจหันหลังกลับ รีบเอามือปิดปากอิศร์ไว้ อิศร์งง พยายามพูดต่อ
“แกจะทำอะไรเนี่ย แล้วทำไมแต่งตัวอย่างงี้”
“เงียบก่อนสิวะ”
อนุภัทรกระชากอิศร์หลบเข้ามุมมา อิศร์มองหน้าอนุภัทรเลิ่กลั่ก
“อะไรวะเนี่ย แกหลบใคร”
“ฉันกำลังทำงานอยู่ เดี๋ยวรายละเอียดจะเล่าให้ฟัง”
เสียงมายาวีดังขึ้น “นี่ อย่าหนีนะ”
อิศร์กับอนุภัทรหันไปมองทางต้นเสียง ตกใจ อิศร์จะออกไป
“เสียงยายเมย์”
อนุภัทรรีบกระชากอิศร์มาบอก “แกรู้จักยายนั่นเหรอ อย่าบอกนะว่าเจอฉัน”
“อ้าว ทำไมวะ”
“เรื่องมันยาว แกออกไปถ่วงเวลาก่อนไป”
มายาวีโผล่เข้ามาเห็นอิศร์ยืนอยู่ไวๆ
“อิศร์”
อนุภัทรตกใจรีบผลักอิศร์ออกไป แล้ววิ่งหนีไป อิศร์พรวดพราดออกมาเพราะแรงผลักของอนุภัทร ขวางมายาวีไว้พอดี
อิศร์อึกอักๆ “อ้าว ม...เมย์”
“เมื่อกี้อิศร์ยืนคุยกับใครน่ะ”
“อ๋อ เอ่อ เพื่อนน่ะ”
มายาวีไม่ติดใจอะไร เพราะไม่เห็นว่าเป็นอนุภัทร ยังพยายามมองหา
“เมย์มองหาใครเหรอ”
“โจทก์เก่าเมย์เอง วิ่งหนีมาทางนี้”
อิศร์ฉงน “โจทก์”
“เป็นคนที่เคยมีเรื่องกับเมย์น่ะ เขาคงตามมาป่วนเมย์แน่ๆ เมย์ต้องหาตัวให้เจอ”
มายาวีจะไป อิศร์ตกใจรีบดึงตัวไว้
“เมย์ๆๆๆ จะไปไหน”
“จะไปตามล่านายผู้กองจอมป่วนนั่น”
มายาวีรีบผละไป อิศร์ไม่รู้จะทำยังไง รีบวิ่งตามไป
อนุภัทรวิ่งซอกแซกพลางมองไปด้านหลังอย่างกระวนกระวาย แล้วพยายามวิทยุบอกคู่หูไปด้วย
“จ่า เข้าไปดูแลในงานกันก่อนนะ ผมต้องหลบซักพัก”
อนุภัทรมองไปเห็นรถคอนเทนเนอร์จอดอยู่ ประตูเปิดอ้าไว้ รีบกระโจนเข้าไป มายาวีกับอิศร์วิ่งตามมา แต่ไม่ทันเห็น เพราะอนุภัทรค่อยๆ แง้มประตูปิด
“โอ๊ย หายไปไหนล่ะ ไวจริงๆ”
“ฉันว่าเขาไม่ได้มาทางนี้หรอก” อิศร์บอก
มายาวีหันขวับ “อิศร์เจอนายนั่นด้วยเหรอ”
อิศร์เหรอหรา รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ป...เปล่า จะไปเจอได้ยังไงล่ะ หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้จัก” เขารีบตัดบท “ไปเถอะเมย์”
มายาวียังไม่วางใจ หันมองไปรอบๆ ไม่เห็นว่าอิศร์ค่อยๆ แง้มประตูคอนเทนเนอร์ออกดูอยู่ข้างหลัง
พนักงานขับรถเดินออกมาพอดี มายาวีรีบเข้าไปหา
“พี่คะ พี่เห็นผู้ชายแต่งตัวเหมือนพนักงานเสิร์ฟผ่านมาทางนี้บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เห็นเลยครับ”
พนักงานพูดจบก็เดินมาที่ประตูที่แง้มอยู่ อนุภัทรเห็นเข้าก็รีบหลบไปด้านใน พนักงานปิดประตูล็อกดังปัง แล้วเดินไป
“ไปเถอะเมย์ เขาคงเห็นเมย์เลยหนีไปแล้วล่ะ”
มายาวีลังเล มองรอบๆ อีกครั้ง จำใจต้องเดินออกไป
อนุภัทรเงี่ยหูฟังอยู่ที่ประตู จนเสียงเงียบลง ก็ค่อยๆ เคาะประตูตู้ กระซิบเบาๆ
“พี่ครับ พี่คนขับ เปิดประตูให้ผมหน่อยพี่ ผมอยู่ในนี้”
อนุภัทรลองเคาะ แต่ไม่มีเสียงตอบ เริ่มเคาะดังขึ้น ท่าทีกระวนกระวาย
“เฮ้ย พี่ เปิดให้ผมออกไปก่อน”
ผู้กองอนุภัทรถูกขังในรถคอนเทนเนอร์โดยไม่รู้ตัว
ขณะที่กรณ์เดินตามเปี๊ยกที่วิ่งจี๋มาทางห้องน้ำ
“เปี๊ยก อย่าวิ่ง”
“โอ๊ย ปวดฉี่จะตายอยู่แล้ว ไม่ไหวแว้ว”
เปี๊ยกวิ่งตรงไป ไอริณเดินถือแก้วพันช์ออกมาพอดี ไม่ทันมองเห็นเปี๊ยกเลยถูกชนโครม
“ว้าย”
เปี๊ยกอ้าปากเหวอ ไอริณก้มลงมองพันช์ที่หกใส่ชุดสวยของตัวเองอย่างตกตะลึง
“ชุดฉัน” ไอริณเงยหน้ามองอย่างเคียดแค้น “แก ไอ้เด็กบ้า ทำไมไม่ระวัง”
กรณ์รีบปราดเข้ามาประคองเปี๊ยกไว้
“ขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ”
ไอริณมองทั้งสองคนหัวจรดเท้าอย่างดูถูก
“อ๋อ พวกมารับบริจาคนี่เอง” หล่อนชี้ให้ดูรอยเปื้อน “ดูซิ เสื้อผ้าฉันเปื้อนหมดเลย”
เปี๊ยกไหว้ขอโทษ “ผมไม่ได้ตั้งใจครับ”
ไอริณแหวใส่ “จะตั้งใจหรือไม่แกก็ทำฉันเปื้อนไปแล้ว ไอ้พวกซุ่มซ่าม นี่มันงานเลี้ยงไฮโซ ไม่ใช่ตรอกซอกซอยในสลัมให้มาวิ่งเล่นกัน ไม่รู้จักระวัง”
กรณ์หน้าตึง รู้สึกไม่พอใจคำดูถูกของไอริณ เปี๊ยกเริ่มรำคาญ
“แล้วพี่จะให้ทำยังไง ถอดออกมาสิ ผมจะไปซักให้”
ไอริณกรี๊ด “อ๊าย ไอ้เด็กบ้า”
ไอริณโกรธจัด เอาพันช์ที่เหลือในแก้วสาดใส่เปี๊ยกทันที กรณ์ตกใจ
“อ้าว คุณ ทำไมทำกับน้องผมแบบนี้”
“ก็ไม่ได้ยินเหรอว่าน้องแกมันปากเสียกับฉัน แค่นี้มันยังน้อยไป ต้องตบปากสั่งสอนด้วย”
ไอริณจะกระชากเปี๊ยกมา กรณ์ดึงไว้แล้วผลักไอริณออก
“อย่านะ”
เปี๊ยกเจ็บร้อง “โอ๊ย”
ไอริณออกแรงดึงเปี๊ยกออกมาจากกรณ์จนได้ แล้วเงื้ออีกมือจะตบ แต่แพรพลอยยื่นมือมาจับไว้
“คุณจะทำอะไร”
ไอริณหันไปเห็นแพรพลอยยืนอยู่ข้างตัว จับมือตนเองไว้ อีกมือก็ปล่อยตัวเปี๊ยกให้หลุดออกมา
“ปล่อยฉันนะ”
แพรพลอยเสียงแข็ง “ฉันถามว่าคุณจะทำอะไรเด็ก”
“ไม่ใช่เรื่องของแก โอ๊ย”
ไอริณดิ้นหนักขึ้น แต่ถูกแพรพลอยบิดแขน
“ทำไมจะไม่ใช่ เขาเป็นน้องของฉัน”
“อ๋อ พวกแกเป็นหมาหมู่จะรุมฉันใช่ไหม ไอ้พวกขอทาน ฉันจะฟ้องคุณลุงบรรเลงให้ยกเลิกให้เงินพวกแก โอ๊ย”
ไอริณร้องดังขึ้นอีก เมื่อถูกแพรพลอยบิดแขน อิศร์โผล่หน้ามาเห็น
“ริณ”
“พี่อิศร์ ช่วยริณด้วย”
แพรพลอยหันไปเห็นอิศร์ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ อิศร์รีบวิ่งตรงเข้ามาหา
“มีอะไรกันเหรอครับ”
ขณะเดียวกันนั้นจ่าตำรวจสองคนเข้ามาเสิร์ฟอาหารกับพนักงานคนอื่นๆ แล้วพยายามวิทยุหาอนุภัทร
“ผู้กองครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว ตอบหน่อยครับ”
อนุภัทรยังถูกขังอยู่ในคอนเทนเนอร์ เริ่มถอดโบว์ ปลดกระดุมเสื้อลงเพราะร้อนและอึดอัด
“จ่า ช่วยผมด้วย” มีเสียงซ่าๆ ดังมาจากอีกฝั่ง “ตอนนี้ผมอยู่ใน” จู่ๆ เสียงวิทยุหายไป “โธ่เว้ย”
อนุภัทรถอนใจ แล้วทุบประตูอีกที
ส่วนแพรพลอยยังคงจับมือไอริณเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ไอริณยังดิ้นรนไม่หยุด
“คุณแพร ปล่อยริณก่อนเถอะครับ”
“แกไม่ได้ยินหรือไง พี่อิศร์บอกให้ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ฉันไม่รับคำสั่งจากใคร ฉันจะปล่อยคุณก็ต่อเมื่อคุณรับปากว่าจะไม่ทำร้ายน้องฉัน”
กรณ์ฟ้องอิศร์ “น้องคุณจะทำร้ายน้องผม แถมยังพูดจาดูถูกเราด้วย”
“ก็พวกมันรุมแกล้งริณ” ไอริณฟ้องกลับ
“เท่าที่ฉันเห็น คุณพยายามจะทำร้ายน้องฉันมากกว่า” แพรพลอยพูดใส่หน้า
ไอริณเถียง “ก็น้องแกวิ่งชนฉันจนน้ำเปื้อนเสื้อฉัน”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ” เปี๊ยกบอก
อิศร์ไกล่เกลี่ย “เอาเป็นว่า ทุกคนไม่ได้ตั้งใจ เลิกแล้วกันไปเถอะนะครับ คุณแพร”
แพรพลอยใจอ่อน ยอมปล่อยมือที่จับแขนไอริณ แต่พอไอริณหลุด ก็หันมาตบแพรพลอยเปรี้ยงทันที
“ริณ” อิศร์ตกใจรีบจับแขนไอริณไว้ กรณ์รีบเข้าไปหาแพรพลอยที่กำลังตกตะลึงอยู่
“นี่คุณทำอะไรของคุณ”
“เรื่องฉันกับน้องแกเป็นอุบัติเหตุ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ แกทำฉันเจ็บตัว มันต้องโดนแบบนี้”
“ริณ หยุดนะ” อิศร์รู้สึกผิด “คุณแพร ผมขอโทษ”
แพรพลอยเมินหน้าหนี
“พาน้องคุณไปซะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว”
อิศร์รีบประคองกึ่งลากไอริณไป เปี๊ยกกับกรณ์เข้ามาดูแพรพลอย
“พี่แพร เป็นยังไงบ้าง เจ็บไหม”
แพรพลอยเอามือลูบแก้มตัวเอง ส่ายหน้า อัมพาโผล่หน้าออกมา
“แพร กรณ์ เปี๊ยก ทำอะไรกันอยู่ลูก เขาจะประมูลของชิ้นสุดท้ายแล้วนะ เดี๋ยวเราต้องขึ้นเวทีแล้ว”
อัมพาเดินเข้ามาเห็นแก้มแพรพลอยแดงๆ ก็แปลกใจ
“เป็นอะไรไปแพร”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ ไปเถอะค่ะ”
แพรพลอยตัดบทแล้วรีบจูงอัมพาเดินกลับไป โดยมีเปี๊ยกกับกรณ์เดินตาม
แพรพลอยพาทุกคนกลับเข้ามาในงาน บนเวทีมายาวียืนเคียงคู่กับบรรเลง ข้างๆ มีรูปหล่อพระพุทธรูปราคาแพงตั้งอยู่บนโต๊ะ
“และนี่คืองานชิ้นสุดท้ายสำหรับการประมูลในวันนี้ค่ะ เป็นของสะสมของท่านรัฐมนตรี บรรเลง ศรัทธาสิทธิ์” มายาวีหันไปยิ้มปลื้มใจ “รายได้จากการประมูลพระพุทธรูปองค์นี้ คุณพ่อจะมอบให้มูลนิธิบ้านโอบไอรักค่ะ”
มายาวีปรบมือนำแขกในงานขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้แพรพลอยกับอัมพา ทุกคนปรบมือตาม
“งานชิ้นนี้เมย์ขอเริ่มต้นที่หนึ่งล้านบาท เชิญค่ะ”
มายาวีพูดจบ ฉับพลันก็ไฟดับพรึ่บลง ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงตกใจ ส่งเสียงวี๊ดว้าย แพรพลอยตกใจ
มายาวีกรี๊ด “ว้าย แกจะทำอะไรน่ะ”
ไฟฉุกเฉินในห้องจัดเลี้ยงเปิดขึ้น แพรพลอยหันไปที่เวที เห็นคนร้าย4ยื้อแย่งพระพุทธรูป แล้วตบมายาวีล้มลงไป
“คุณเมย์”
คนร้าย 3 คนในชุดพนักงานเสิร์ฟโยนถาดเครื่องดื่ม แล้วชักปืนขึ้นมา
“ใครไม่เกี่ยวหลบไป” คนร้าย 1 ตะโกน
คนร้ายอีก 3 คนกราดยิงไปทั่วห้องส่ง แขกทุกคนกระจายตัวหนีอย่างตกใจ บรรยากาศอลหม่านไปหมด
ไวเท่าความคิดแพรพลอยรีบหันมาทางอัมพาและเด็กๆ
“เข้าไปด้านหลังนั่น”
แพรพลอยต้อนทุกคนหลบเข้าหลังเสา คนร้าย 1 ตะโกนบอกอีก 2 คน
“ขึ้นไปเอาของบนเวทีลงมา”
คนร้ายอีก 2 คนกระจายกันออกไป จ่า 2 คนชักปืนอออกมา
“ติดต่อผู้กองเร็ว”
จ่า 1 กระโจนเข้าไปยิงสกัด คนร้าย1 หันมาเห็นเข้า จึงยิงใหญ่ จ่า1 ล้มลง แพรพลอยเห็นมีคนบาดเจ็บก็จะเข้าไปช่วย แต่อิศร์คว้าตัวไว้
“คุณจะไปไหน”
“ปล่อยฉัน”
แพรพลอยผลักอิศร์ออกไป แล้วพุ่งเข้าไปยิงสกัดไม่ให้คนร้าย2กับ3ขึ้นไปบนเวที แล้วกราดยิงไปที่คนร้าย 4 ที่ยังพยายามจะหยิบของประมูลบนเวที
“คุณเมย์ พาท่านหลบไป” แพรพลอยตะโกนบอก
ด้านผู้กองอนุภัทรที่นั่งหมดเรี่ยวแรงในคอนเทนเนอร์ได้ยินเสียงปืนแว่วมาก็ขยับลุก
“เฮ้ย อะไรกัน”
อนุภัทรขยับเข้าใกล้ประตูได้ยินเสียงปืนดังลั่น ก็ยิ่งตกใจ
“โธ่เว้ย” อนุภัทรมองประตู “เอาวะ”
อนุภัทรชักปืนออกมา ระดมยิงไปที่ประตูคอนเทนเนอร์ แล้วเอาเท้าถีบเปรี้ยง
ส่วนบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงวุ่นวาย เสียงปืนดังไม่ขาดระยะ มายาวีรีบพาบรรเลงหลบเข้าด้านหลัง
คนร้าย 4 จะตามไป แพรพลอยรีบโผล่ไปดักยิงคนร้าย 4 ล้มลงไป
คนร้าย 1 หันมาจะยิงใส่แพรพลอย แต่แพรพลอยหลบไปเสียก่อน
จังหวะนี้ จ่า 2 รีบยิงใส่คนร้าย1 แต่ไม่โดน และถูกยิงกลับเสียเอง ล้มคว่ำไปอีกคน มายาวีกับบรรเลงพยายามหาจังหวะ จะวิ่งลงมาทางเวที แพรพลอยรีบโผล่ไปช่วยยิงสกัด
“คุณเมย์ ทางนี้ค่ะ”
แพรพลอยยิงใส่คนร้าย 2 กับ 3 แล้วเข้าไปหามายาวีกับบรรเลง ฉับพลันเสียงกรี๊ดของอัมพาดังขึ้น แพรพลอยหันกลับไป เห็นคนร้าย1ลากตัวอัมพาออกมากลางวง
“แม่” แพรพลอยตกใจสุดขีด
กรณ์รีบดึงเปี๊ยกและเด็กอื่นๆ เอาไว้
“อย่าทำอะไรแม่ฉันนะ แพร ช่วยแม่ด้วย”
แพรพลอยละล้าละลังหันไปทางบรรเลง แล้วหันมายิงใส่คนร้าย คนร้าย1 รีบดึงอัมพาหลบไป แพรพลอยขยับจะตาม ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นไป บรรเลงร้องลั่น
“คุณพ่อ”
แพรพลอยหันไปมอง เห็นบรรเลงถูกยิงที่ไหล่ล้มลงก็ตกใจ รีบกราดยิงไปทางคนร้าย 2 กับ 3 ทั้งสองล้มลง คนร้าย1 เห็นพวกตัวเองตายหมด ก็กระชากอัมพาหนี
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
อัมพาร้องขอ แต่คนร้าย 1 ไม่สนใจ ลากอัมพาออกไป แพรพลอยรีบตามไปติดๆ
คนร้าย 1 ลากตัวอัมพาออกมา แล้วชะงักเมื่อเห็นตำรวจปิดล้อมอยู่ อนุภัทรพุ่งขึ้นไปหา
คนร้าย1 เห็น รีบเอาปืนจ่ออัมพาทันที “อย่าเข้ามา”
“มอบตัวดีกว่า แกหนีไม่รอดหรอก” อนุภัทรตะโกรนบอก
คนร้าย1 ชะงัก มองไปรอบๆ อย่างกดดัน
“บอกฉันมาว่าใครส่งแกมา เราตกลงกันได้”
แพรพลอย กรณ์ เปี๊ยก และเด็กๆ ตามออกมา คนร้าย1หันไปมองแล้วตวาด
“บอกว่าอย่าเข้ามา”
อนุภัทรถือโอกาสตอนคนร้าย1หันหลัง กระโจนไปกระชากตัวอัมพาออกมา แพรพลอยเล็งอยู่ รีบเข้าไปช่วยประคองอัมพาไว้ อนุภัทรตลุมบอนสู้กับคนร้าย สุดท้ายก็ชกจนล้มคว่ำไป แล้วรีบตามไปล็อคแขน กดไว้
อนุภัทรบอกเสียงดุ “อยู่นิ่งๆ”
คนร้าย1นอนแน่นิ่งจนมุม อนุภัทรส่งสัญญาณให้ตำรวจอื่นๆ ขึ้นมาคุมตัวใส่กุญแจมือ
อัมพาทรุดลงอย่างขวัญเสีย กรณ์กับเปี๊ยกและเด็กๆ แพรพลอยรีบกอดประคองไว้ปลอบขวัญ
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะแม่ ไม่เป็นไรแล้ว”
แพรพลอยพึมพำแล้วสบตากับอนุภัทรที่หันมามอง พลางพยักหน้า
“ขอบคุณนะคะ”
อนุภัทรค้อมหัวให้ ยิ้มรับ แล้วเข้ามาช่วยประคองอัมพา
“ผมจะให้คนพาคุณป้าไปเช็คที่โรงพยาบาลนะครับ”
แพรพลอยกับอนุภัทรช่วยกันประคองอัมพา สักพักมายาวีกับอิศร์ก็หิ้วปีกบรรเลงพรวดพราดตามออกมา
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยพ่อเมย์ด้วย”
แพรพลอยหันไปเห็นบรรเลงในสภาพโชกเลือดก็นึกได้
“ท่าน”
แพรพลอยรีบให้กรณ์เข้ามาประคองอัมพา แล้วขึ้นไปช่วยดูแลบรรเลง
“ท่าน ท่านเป็นยังไงบ้างคะ”
บรรเลงส่ายหน้าเซียวๆ แล้วนิ่วหน้าเจ็บแผลจนเดินไม่ไหว แพรพลอยเข้าไปช่วยมายาวีประคองบรรเลงอีกแรง มายาวีประคองบรรเลงไปก็ร้องไห้ไป
“คุณพ่อขา อย่าเป็นอะไรนะคะคุณพ่อ”
บรรเลงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา และกำลังนั่งให้หมอตรวจแผล โดยมีมายาวีกับดูแลอยู่ใกล้ๆ แพรพลอยเปิดประตูเข้ามาพอดี
“แผลไม่ร้ายแรงนะครับ โชคดีที่กระสุนเฉี่ยวแขนไป ไม่โดนอวัยวะสำคัญ”
“หมออย่าพูด แค่เฉี่ยวเมย์ก็หัวใจจะวายแล้ว ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรขึ้นมา เมย์...โอ๊ย ไม่เอา ไม่อยากนึก” มายาวีกอดบรรเลง
แพรพลอยรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง
“พ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ใช่ไหมหมอ”
“ถ้าไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนก็น่าจะได้ครับ”
หมอพูดจบก็เดินนำพยาบาลเข้าไป แพรพลอยขยับเข้าไปรายงานใกล้ๆ
“ขอโทษที่มาช้าค่ะท่าน แพรไปตามเรื่องที่สถานีตำรวจมา”
“ตกลงคนร้ายเป็นใคร”
“คนของท่านดำรงค่ะ”
มายาวีตกใจ “คุณอาดำรงเลขาพรรคน่ะเหรอ”
แพรพลอยพยักหน้ารับ “คนร้ายซัดทอดว่าท่านดำรงร่วมมือกับพวกค้าของเก่าผิดกฎหมาย เปิดให้เข้ามาปล้นของไปขายต่างประเทศค่ะ”
บรรเลงพยักหน้าอย่างเศร้าใจ
“ที่แท้ก็เกลือเป็นหนอน พวกมันถึงผ่านระบบรักษาความปลอดภัยมาได้ ฉันเองก็ได้ยินมานาเหมือนกันว่าดำรงพัวพันกับเรื่องนี้ แต่ไม่นึกว่าจะอุกอาจ”
บรรเลงพูดจบก็นิ่วหน้าเจ็บแผลอีก
“คุณพ่ออย่าเพิ่งคิดอะไรเลยค่ะ นอนพักดีกว่า จะได้หาย”
มายาวีรีบประคองบรรเลงให้นอนลง แพรพลอยเข้าไปช่วย แล้วหันมาบอก
“เดี๋ยวแพรจะไปส่งคุณเมย์ที่บ้านนะคะ”
“ไม่ค่ะ คืนนี้เมย์จะเป็นบอดี้การ์ดเฝ้าคุณพ่อเอง ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก คุณแพรกลับไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ”
แพรพลอยฟังแล้วยิ่งรู้สึกผิด ที่ตัวเองทำหน้าที่ไม่ดีพอ ได้แต่พยักหน้ารับคำ
อ่านต่อหน้า 3
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 2 (ต่อ)
อิศร์กับอนุภัทรยืนกดกาแฟที่ตู้อัตโนมัติของโรงพยาบาล พลางคุยกันไปด้วย
“แกเป็นยังไงบ้างวะภัทร บาดเจ็บหรือเปล่า”
“ไม่หรอก ไม่ได้ทำอะไรเท่าไร ออกแนวพระเอกมาตอนจบมากกว่า มัวแต่ไปติดอยู่ในไอ้รถคอนเทนเนอร์บ้านั่น”
อิศร์นึกขำ จนหัวเราะออกมา
“งานนี้ก็เลยปล่อยคุณแพรพลอยโชว์เดี่ยวสบายไป”
“ใครวะ” ผู้กองฉงน
“ก็ลูกสาวของคุณป้าที่โดนจับเป็นตัวประกันไง ตอนเกิดเรื่องในงาน คุณแพรคนเดียวยิงโจรคว่ำไปตั้งสามคน”
อนุภัทรนึกถึงแพรพลอยที่วิ่งออกมา แล้วยิ้ม
“อ๋อ แพรพลอย คุณบอดี้การ์ด จำได้ละ”
อิศร์ฉงน “เคยเจอกันเหรอ”
“ครั้งหนึ่ง เก่งมาก ฉันยังนึกว่าจะจีบ...”
อิศร์ตกใจ รีบแทรกอย่างลืมตัว “เฮ้ย จีบเลยเหรอ”
“จีบมาเป็นตำรวจเว้ย”
“อ๋อ แล้วไป”
“แล้วทำไมแกต้องตกใจด้วย”
“ก...ก็นึกว่าแกจะจีบไปเป็นอย่างอื่น ฉันแค่อยากเตือนไว้ว่าเจ๊แกไม่ธรรมดา พกปืนเหมือนพกกระเป๋าตังค์ แถมยังมือไว้ใจเร็ว แตะนิดโดนหน่อยเป็นจับทุ่ม จับตีเข่า”
อนุภัทรทำหน้างง “แกไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
อิศร์เก้อไป ไม่กล้าสารภาพว่าเคยลองดีกับแพรพลอยหลายครั้ง
“ฉัน...ฉันก็ฟังเขามาจากยายเมย์นั่นแหละ”
“อ้อ ยายไฮโซตัวยุ่งนั่นน่ะเหรอ นึกแล้วขนลุก ฉันไปล่ะ ไม่อยากเจอหน้า”
อนุภัทรรีบเดินออกไป อิศร์มองตาม ไม่เข้าใจว่าอนุภัทรกับมายาวีมีเรื่องอะไรกัน
ในห้องผู้ป่วยวีไอพี มายาวีนั่งกุมมือบรรเลงที่ข้างเตียงอย่างรักใคร่ มีแพรพลอยนั่งเฝ้าอยู่ที่มุม
“คุณป้าอัมพาเป็นยังไงบ้างคะ” มายาวีถาม
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย แพรให้กรณ์พากลับบ้านไปแล้ว”
“หนูแพรก็น่าจะกลับไปพักเหมือนกันนะ” บรรเลงเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะท่าน แพรอยากอยู่ดูแลท่านมากกว่า”
“ข้างนอกนั่นเจ้าหน้าที่คงมาเฝ้าเต็มไปหมดแล้วล่ะ ไม่มีใครกล้ามาเข้ามาก่อเหตุซ้ำหรอก ไปพักเถอะหนูแพร” บรรเลงบอก
“ไปเถอะค่ะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เมย์จะรีบติดต่อหาคุณแพรแน่นอน”
แพรพลอยมองมายาวีดูแลบรรเลงอย่าชั่งใจ แล้วพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้น
ขณะที่อิศร์ขับรถเข้ามาจอดหน้าตึก กำลังจะเดินเข้าบ้าน อริสราก็โผล่เข้ามาอีกทางอย่างร้อนใจ
“อิศร์คะ”
อิศร์หันไปมองอริสราอย่างแปลกใจ
“ยังไม่นอนอีกครับ”
“ยังค่ะ อริสกังวลเรื่องที่งานเลี้ยงมากกว่า มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
“นอกจากคุณลุงบรรเลงที่บาดเจ็บเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีอะไรครับ”
“อริสใจไม่ดีเลย จะนอนก็นอนไม่หลับ ยิ่งอยู่คนเดียวในห้องยิ่งกลัว”
“ให้เบญขึ้นไปนอนเป็นเพื่อนไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่อิศร์นั่งคุยเป็นเพื่อนอริสซักพักก็คอ ยังไม่ง่วงใช่ไหมคะ”
อิศร์อึดอัดใจ จริงๆ อยากนอนแล้วแต่ไม่กล้าปฏิเสธ เลยได้แต่พยักหน้าฝืนๆ แล้วเดินนำไปที่สนาม
ไอริณยืนอยู่ที่หน้าต่างมองดูอิศร์กับอริสราเดินคุยกันอย่างไม่พอใจ เรณูผ่านมาหยุดมอง
“ทำอะไรยายริณ ดึกแล้วนะ”
“ดูพี่สะใภ้ริณกำลังทำงามหน้าอยู่น่ะสิคะ”
เรณูเดินไปดู แล้วส่ายหน้า
“เขาก็แค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อซักหน่อย”
ไอริณขัดใจ “แม่จะรอให้พี่อริสสวมเขาให้พี่ศูรย์จะๆ ก่อนหรือไงคะ ถึงจะขัดขวางเขาสองคน”
“ก็แม่ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร เราก็เหมือนกันอย่าเอาไฟร้อนๆ มาโยนใส่บ้านหน่อยเลย แค่นี้ก็ร้อนพอแล้ว ไปนอนซะ”
เรณูบ่นแล้วเดินแยกไป ไอริณสะบัดหน้า แล้วหันไปมองต่อ
“เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนเลวลอยนวล”
ไอริณหยิบโทรศัพท์ออกมากด แล้วยิ้มร้ายออกมา
ฟากแพรพลอยกลับเข้ามาในห้องพักที่คอนโดอย่างเหนื่อยหน่าย เปิดทีวีดูข่าว เห็นรายงานข่าวจากงานเลี้ยงท่านบรรเลง
“ความคืบหน้าเหตุยิงถล่มงานเลี้ยงของพรรคธรรมนำไทย ทำให้นายบรรเลง ศรัทธาสิทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมได้รับบาดเจ็บ อาการ ณ ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว”
ภาพในทีวีเห็นดำรงถูกจับกุมที่หน้างาน ใส่กุญแจมือเดินขึ้นรถตำรวจ
“ส่วนการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเข้าจับกุมนายดำรง พงศ์ธนะเสถียร เลขาธิการพรรค ในฐานะผู้บงการ...” เสียงรายงานค่อยๆ เบาลง
ภาพสุดท้ายในทีวีมายาวีประคองบรรเลงที่เลือดเต็มแขนออกมา รู้สึกผิดเป็นทวีคูณ เสียงมายาวีดังแว่วมาจากในทีวี
“คุณพ่อขา อย่าเป็นอะไรนะคะคุณพ่อ”
แพรพลอยมองภาพนั้น แล้วเหม่อลอย หวนคิดถึงอดีตของตัวเอง
เหตุการณ์ในอดีต มีโจร 3 คน จับแพรพลอยซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อยและพ่อแม่เหวี่ยงเข้ามารวมกัน
“พวกแกจะเอาอะไรก็เอาไป อย่าทำร้ายพวกเราเลย” พ่อขอร้อง
โจรขยับเข้าหาพ่อกับแม่ เด็กหญิงแพรพลอยรีบลุกขึ้นยืนขวาง
“อย่านะ อย่าทำอะไรพ่อแม่ฉัน”
“โธ่เอ๊ย ตัวเท่าลูกหมา ถอยไป”
โจร1 โมโหเอามือกระชากแพรพลอยเหวี่ยงไป แต่แพรพลอยกับหมับที่แขนทันที
“โอ๊ย อีเด็กบ้า”
โจร 1 โกรธตบแพรพลอยกระเด็นไป
“แพร แกทำลูกฉัน”
แม่ลุกขึ้นจะเข้าไปทุบตีโจร 1
“โธ่เว้ย รำคาญ”
โจร 2 ชักปืนออกมายิงแม่แพรพลอยดังเปรี้ยง แม่ล้มลงแน่นิ่งไป
แพรพลอยกรีดร้อง “แม่”
“พิมพ์”
พ่อพุ่งเข้าไปประคองแม่อย่างตกใจ แล้วหันขวับไปมองพวกโจรอย่างโกรธจัด
“ฉันจะฆ่าแก ไอ้พวกชั่ว”
พ่อลุกขึ้นกระโจนใส่โจร 1 กับ 2 แต่สู้พวกมันไม่ได้ถูกรุมซ้อม แพรพลอยรีบลุกขึ้น
“พ่อ”
แพรพลอยจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ถูกโจรอีกคนจับไว้ โจร 1 กับ 2 รุมซ้อม พ่อพยายามหันไปตะโกนบอกแพรพลอย
“แพร หนีไปลูก หนีไป”
แพรพลอยยืนอึ้ง ได้แต่มองพ่อถูกซ้อม พยายามจะเข้าไปช่วย แต่ถูกโจร 3 จับไว้ พวกโจรยังคงเมามัน
“แพร หนีไปแพร”
พ่อเสียงเริ่มเบาลง หันมามองแพรพลอยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มลงไป แพรพลอยน้ำตาคลอหันขวับไปถีบเตะผ่าหมากโจร 3 อย่างแรง
“โอ๊ย”
แพรพลอยสะบัดตัวหลุดแล้วรีบวิ่งหนีออกจากบ้านไปอย่างไม่คิดชีวิต
เวลาต่อมาเด็กหญิงแพรพลอยวิ่งออกมาจากป่า น้ำตาไหลเป็นทาง แล้วรู้สึกได้ถึงแสงไฟวาบๆ ขึ้นด้านหลัง พอหันไปมองก็พบว่าบ้านโดนไฟไหม้ และไฟกำลังลุกโหมอย่างรุนแรง
“พ่อ! แม่!”
เด็กหญิงแพรพลอยทรุดลงกับพื้น กรีดร้องแทบจะขาดใจ
ภาพอดีตอันเจ็บปวดเลือนหายไป แพรพลอยเดินมาหยุดที่ผนังบ้าน เห็นรูปครอบครัวของแพรพลอย มีไฟไหม้ตามขอบๆ จนยับเยิน แต่ยังพอเห็นหน้าอยู่บ้าง แพรพลอยหยิบมองใกล้ๆ
“แพรเคยทำผิดที่ช่วยพ่อกับแม่ไว้ไม่ได้ มาวันนี้แพรก็ทำผิดซ้ำสองอีกที่ทำให้เจ้านายของตัวเอบาดเจ็บ แพรควรจะทำยังไงดีคะพ่อ แม่”
แพรพลอยกอดรูปพ่อกับแม่ไว้ ด้วยสีหน้าหมองจัด อาการเศร้าซึม
ตอนกลางวันของวันต่อมา อัมพาอยู่ในบ้านพักที่มูลนิธิ โอบไอรัก กำลังเย็บซ่อมเสื้อผ้าให้เด็กๆ แพรพลอยแวะมาหาและช่วยร้อยด้าย แต่ร้อยไม่เข้า แพรพลอยท้อ ถอนหายใจ
“แพรนี่ไม่ได้เรื่องเลย แค่ร้อยด้ายยังไม่เข้า งานก็พลาด”
อัมพามอง ส่ายหน้า “ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อีกแล้ว เอามานี่”
อัมพารับเข็มมาร้อยให้ พลางสอน
“อย่าไปคิดมากเลยลูก ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิด ท่านบรรเลงก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ใช่เหรอ”
“แต่หน้าที่ของแพร คือต้องไม่ให้ท่านเป็นอะไรเลยนะคะ”
“คนเรามันผิดพลาดกัน แพรเองก็มัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง” แม่ครูหน้าขรึมลง “ถ้าจะโทษ แพรโทษแม่ดีกว่าที่เป็นภาระให้แพรทำงานพลาด”
“ไม่ใช่ความผิดของแม่นี่คะ”
“ถ้าแพรไม่อยากแบ่งความผิดให้แม่ แพรก็โยนทิ้งไปให้หมด อย่าแบกทุกข์ไว้ในใจ แม่เห็นแล้วแม่ก็ทุกข์ไปด้วย รู้ไหม”
“โธ่ แม่ขา...”
แพรพลอยสบตากับอัมพาอย่างรู้สึกผิด แล้วขยับตัวเข้ากอดอัมพาเหมือนตอนเด็กๆ
วันเดียวกัน ไอศูรย์อยู่ในห้องพักของโรงแรมหรูที่ฮ่องกง กำลังดูรูปในไอแพดหน้านิ่วคิ้วขมวด อำพลเปิดประตูออกมา
“อ้าวศูรย์ นี่แกยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ เดี๋ยวก็ไม่ทันประชุมหรอก”
ไอศูรย์ไม่ตอบ แต่เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเดินทางมาโยนโครม
“อ้าว นี่แกจะไปไหน”
“ผมจะกลับเมืองไทย”
“ห๊ะ? อะไรของแกวะ จะบ้าหรือไง”
“พ่อดูเอาเองแล้วกัน”
ไอศูรย์ยื่นไอแพดให้ อำพลเปิดดู เห็นภาพอิศร์กับอริสราทำบุญด้วยกันที่วัดหลายภาพ
“เมื่อวานที่ยายริณโทร.มาบอก ผมก็ไม่อยากคิดมาก แต่เนี่ยมันภาพถ่ายที่นักสืบของผมส่งมาให้ดู เห็นไหมว่ามันระริกระรี้กันแค่ไหน”
อำพลอึ้งๆ ไปเหมือนกัน แต่พยายามใจเย็น “เหลืออีกครึ่งวันเองน่า แกใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับไปจัดการก็ได้”
“ให้ผมเข้าประชุมตอนนี้ก็คุยกับใครไม่รู้เรื่อง ถ้าพ่อไม่อยากให้งานพังเพราะผม พ่อก็จัดการไปเลยแล้วกัน”
ไอศูรย์พูดจบก็ปิดกระเป๋า ลากออกจากห้อง อำพลมองตาม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชินแล้วกับการที่ไอศูรย์ใจร้อนเรื่องอริสราเสมอ
ฟากแพรพลอยเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล สายตาสอดส่องตรวจสอบความปลอดภัยบริเวณทางเดิน“เคลียร์! ท่านกำลังออกไป”
ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบแฝงอยู่ตามจุดต่างๆ กวาดตามอง เมื่อเห็นว่าปลอดภัย จึงส่งสัญญาณวิทยุ
“เรียบร้อยครับ”
มายาวีเข็นรถเข็นบรรเลงมาตามทางเดิน แพรพลอยเดินนำหน้าสายตาสอดส่อง
“คุณแพร ไม่ต้องระแวดระวังก็ได้ค่ะ คุณอาดำรงกับพวกถูกจับไปหมดแล้ว ไม่มีใครบุกมาที่นี่หรอก”
“ยังไงก็ต้องระวังไว้ค่ะ อาจจะมีกลุ่มอื่น”
บรรเลงหัวเราะกับมายาวี “หนูแพรทำเหมือนพ่อเป็นมาเฟีย มีศัตรูรอบตัวงั้นแหละ”
“คนดีๆ ก็มีศัตรูเยอะได้ค่ะท่าน โดยเฉพาะคนดีที่ไม่ยอมสยบให้พวกคนชั่วแบบท่าน”
แพรพลอยว่าพลางมองสำรวจตรงมุมตึกด้านหน้า แล้วพยักหน้า
“เชิญค่ะ”
มายาวีหันมาอมยิ้มกับบรรเลง แล้วตามแพรพลอยไป
ที่มุมตรงทางแยก แพรพลอยสังเกตว่ามีชายคนหนึ่ง ทำท่าลับๆ ล่อๆ น่าสงสัย แพรพลอยทำมือให้มายาวีหยุด
“นั่นใคร ออกมาจากตรงนั้นนะ”
ที่แท้เป็นอิศร์กำลังโผล่หน้ายื่นอะไรออกมา แพรพลอยตัดสินใจเข้าชาร์จ กระชากแขน ล็อคตัว ช่อดอกไม้ในมือเขาร่วงลงพื้น
“โอ๊ย”
มายาวีตกใจ “อิศร์”
แพรพลอยปล่อยตัวอิศร์ มองหน้าชัดๆ
“ผมไม่ใช่ผู้ร้าย ปัดโธ่” อิศร์คราง
แพรพลอยฉุน “แล้วคุณมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ตรงมุมนี่ล่ะ ฉันก็นึกว่าโจรมุมตึก”
“ผมจะมาเซอร์ไพรส์แสดงความยินดีที่คุณลุงได้ออกจากโรงพยาบาลน่ะสิ” อิศร์ท้วง
บรรเลงขำ “พอกัน ทั้งยัยเมย์ ทั้งตาอิศร์ ชอบซะจริง ทำเรื่องตื่นเต้นให้หวาดเสียว”
“ผมแค่สร้างความตื่นเต้น แต่คนทำหวาดเสียวน่ะ ไม่ใช่ผม” เขาปรายตามองแพรพลอย แล้วยื่นดอกไม้ให้บรรเลง “นี่ครับคุณลุง ขอให้หายเร็วๆ นะ”
“ขอบใจมาก”
บรรเลงรับดอกไม้มา มายาวีเข็นรถนำไป ทิ้งให้แพรพลอยกับอิศร์เดินรั้งท้าย
“คุณนี่ยังไง เจอผมทีไรถึงเนื้อถึงตัวตลอด แอบปลื้มผมหรือเปล่าเนี่ยถามจริง” อิศร์อำเล่นๆ
“ฉันจะปลื้มมากกว่านี้อีก ถ้าคุณอยู่ห่างๆ ฉันไว้”
แพรพลอยทำตาดุ แล้วเดินตามมายาวีกับบรรเลงไป อิศร์ยิ้มขำ ยิ่งนึกอยากตอแยแพรพลอยอีก
ต่อมาไม่นาน มายาวีกับเข็นรถพาบรรเลงเข้ามาในโถงของคฤหาสน์ แพรพลอยกับอิศร์เดินตาม
“ถึงบ้านแล้วค่า คุณพ่อนั่งเล่นที่นี่ก่อนนะคะ ทานมื้อเที่ยงแล้วค่อยขึ้นห้อง”
มายาวีกับอิศร์ช่วยกันเข้าประคองบรรเลงนั่งที่โซฟา แพรพลอยหยิบตลับยาวางลงบนโต๊ะ
“ยาค่ะท่าน แพรจัดใส่ตลับสำหรับทานแต่ละมื้อเรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ขอบใจนะหนู ช่วยได้มากเลย ฉันเองก็หลงๆ ลืมๆ”
“เห็นไหมอิศร์ คุณแพรครบเครื่องขนาดไหน เป็นบอดี้การ์ดก็ได้ เป็นพยาบาลก็ได้ เป็นเลขาส่วนตัวก็ยังได้”
อิศร์ชอบใจใหญ่ แต่ยังปากเปราะ “ฮ่าๆๆ นั่นสิ น่ายืมไปเลี้ยงที่บ้าน....”
แพรพลอยเสียงเขียว “ฉันไม่ใช่หมานะ”
มายาวีกับบรรเลงหัวเราะกิ๊ก แพรพลอยรีบปรับสีหน้านิ่ง แล้วมองบรรเลงอย่างลำบากใจที่จะพูด
“ไม่ยักรู้ว่านอกจากเป็นบอดี้การ์ด คุณยังเป็นพยาบาลได้ด้วยนะเนี่ย”
แพรพลอยเหล่มองอิศร์ดุๆ แล้วหันไปมองบรรเลงอย่างอึดอัดใจ
“เอ่อ ท่านคะ เกี่ยวกับเรื่องบอดี้การ์ด แพรมีเรื่องสำคัญที่ต้องเรียนค่ะ”
ทุกคนอยู่ในห้องรับแขกแล้ว มายาวีตกใจ ถามเสียงดังลั่น
“อะไรนะคะ คุณแพรจะลาออก”
ทุกคนมองไปทางแพรพลอยที่นั่งก้มหน้านิ่ง พยักหน้า
“มีอะไรไม่พอใจหรือเปล่าหนูแพร เราคุยกันได้นี่นา” บรรเลงใจหาย
“มิได้ค่ะท่าน แพรไม่ได้มีเรื่องอึดอัดใจในการทำงานที่นี่เลยค่ะ”
มายาวีถาม “ถ้างั้นเหตุผลคืออะไรคะคุณแพร”
แพรพลอยสบตากับมายาวีและบรรเลงอย่างลำบากใจ
“เมื่อวาน แพรทำงานพลาด ทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บ”
“ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ต่อให้มีบอดี้การ์ดเป็นสิบเป็นร้อย คนเราถ้าถึงคราว ไม่มีใครฝืนชะตาได้หรอก...ที่ฉันรอดมานี่ ต้องขอบใจหนูด้วยซ้ำ ที่คุมสถานการณ์เอาไว้ได้”
อิศร์แทรกขึ้น “นั่นสิ ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นความผิดพลาดของคุณตรงไหน”
แพรพลอยตาเขียว “ไม่ใช่เรื่องของคุณซะหน่อย”
“ยังไงเมย์กับคุณพ่อก็ไม่ให้คุณแพรลาออก”
“แต่แพรตัดสินใจแล้วค่ะ ท่านควรจะมีบอดี้การ์ดที่ทำงานมีประสิทธิภาพกว่านี้ ทางบริษัทจะส่งตัวเลือกมาให้โดยเร็วที่สุดค่ะ” หล่อนยกมือไหว้ “แพรลานะคะ”
แพรพลอยค้อมหัวให้แล้วเดินออกไป มายาวีกับบรรเลงอ้ำอึ้ง หันไปมองอิศร์ที่ยืนงงอยู่
แพรพลอยเดินตัวตรงออกมาจากในบ้าน อิศร์รีบวิ่งตามออกมา
“คุณ เดี๋ยวก่อน คุณแพร หยุดก่อน”
แพรพลอยเดินลิ่วๆ ไม่ยอมหยุด อิศร์วิ่งไปดักหน้า
“คุณทิ้งงาน เนี่ยเหรอความรับผิดชอบ”
“คุณไม่ใช่เจ้านายฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
“ก็ได้ ไม่ต้องตอบผม แต่ตอบตัวเองให้ได้ก่อนมั้ย ที่ลาออกเพราะรับผิดชอบ หรือเพราะปฏิเสธความรับผิดชอบ”
แพรพลอยชักสีหน้า “ฉันทำงานเต็มกำลัง ทุ่มเทเต็มที่ เมื่อมันพลาด ฉันก็ยืดอกยอมรับผิดและควรพิจารณาตัวเอง นี่ไง ไม่ถูกหรือ”
แพรพลอยเดินเบี่ยงตัวจะหนีอิศร์ อิศรขยับไปขวางไว้อีก
“ยืดอก ยอมรับ แล้วเดินหน้าต่อ มันต่างกันกับเดินหนี”
แพรพลอยมองอิศร์อย่างข่มใจสุดขีด
“ผมว่าคุณกำลังหนี”
“ใช่ ฉันกำลังหนี หนีคนน่ารำคาญอย่างคุณนี่แหละ ถอยไป”
แพรพลอยผลักอิศร์ให้พ้นทาง แล้วเดินออกไป อิศร์มองตามอย่างไม่เข้าใจ
อิศร์เดินกลับเข้ามาในบ้าน ส่ายหน้า
“คุณแพรไปแล้วครับ”
“โธ่ อิศร์ ทำไมไม่ดึงไว้ก่อน”
“จะให้ดึงยังไงล่ะ ขืนแตะเนื้อต้องตัวคุณเธอแล้วฉันโดนเป่าสมองใครจะรับผิดชอบ” อิศร์บอกท่าทีน่าขัน
“แล้วจะทำยังไงดีคะคุณพ่อ”
“คุณลุงคงต้องหาบอดี้การ์ดคนใหม่แล้วล่ะครับ เอาแบบเก่งๆ แพงๆ ไปเลย เธอจะได้รู้ว่าคุณลุงไม่ง้อคนเล่นตัว”
“แต่เมย์กับคุณพ่อชอบคุณแพร ทำงานดี ไว้ใจได้ หาคนใหม่ก็คงไม่ได้อย่างนี้อีกแล้ว อีกอย่างเราก็ไม่ได้อยู่กันแบบเจ้านายลูกน้อง แต่เราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“เขาคงไม่คิดแบบเมย์มั้ง ไม่งั้นคงไม่ทิ้งครอบครัวไปง่ายๆ หรอก”
มายาวีทอดถอนใจ สีหน้าเศร้าลง
“เราจะลองพูดกับบริษัทของคุณแพรดีไหมคะ ให้เธอกลับมา”
“หนูแพรเป็นคนเด็ดขาด ลงว่าเขาตัดสินใจไปแล้ว คงจะเปลี่ยนใจยาก ดีไม่ดีจะเข้าใจว่าเราใช้อำนาจบังคับนะลูก พ่อว่าถ้าเขาจะกลับมา ก็ให้มาด้วยใจดีกว่า ไม่งั้นเราจะยิ่งมองหน้ากันไม่ติด”
“ก็เมย์เสียดายนี่นา” มายาวีกอดอ้อนซบบรรเลง สีหน้าเศร้าๆ บรรเลงก็ถอนใจกลุ้ม
อิศร์มองทั้งสองอย่างรู้สึกเห็นใจ เริ่มคิดจะทำอะไรบางอย่าง
ในล็อบบี้โรงแรมหรู อีกวันหนึ่ง ผู้คนเดินสวนไปมาขวักไขว่ ไกลออกไป ผู้กองอนุภัทรอยู่ในคราบนักท่องเที่ยว ลดหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นลง กวาดตามองไปรอบๆ
ที่หน้าประตูทางเข้ามีชายคนหนึ่งดูท่าทีระวังตัว เหลียวซ้ายขวา รีบเดินเข้ามาในโรงแรม อนุภัทรมองตามอย่างกระตือรือร้น ชายคนนั้นเดินหันรีหันขวางตรงไปยังร้านกาแฟ อนุภัทรรีบลุกตาม
“เป้าหมายเข้ามาในโรงแรมแล้วครับ ตามเวลานัดพอดี” ผู้กองหนุ่มฟังคำสั่ง “ได้ครับ ผมจะรีบตามไป”
อนุภัทรมองตามชายที่เดินไปนั่งโซนคอฟฟี่ช็อป แล้วขยับตามไปนั่งห่างๆ มองเป้าหมายไม่คลาดสายตา
อนุภัทรพึมพำ “ทีนี้จะได้รู้กันว่าใครมีเอี่ยวกับธุรกิจมืดของแก”
ที่หน้าล๊อบบี้ยามนั้น ธำรงเดินเข้ามา อนุภัทรมองตาม
“เป้าหมายที่สองมาแล้วครับ” เขามองตาม รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แล้วนึกได้ “เฮ้ย นี่มัน...”
ธำรงเดินตรงเข้าไปที่คอฟฟี่ช้อป ไม่ได้สังเกตอนุภัทร ชายคนนั้นที่เป็นเป้าหมายของอนุภัทรลุกขึ้นอย่างดีใจ ทักเสียงดังลั่น
“คุณธำรง”
อนุภัทรมองทั้งสองจับมือกันเขม็ง จำได้ชัดเจนว่าธำรงคือใคร
“ธำรง...ธำรง เดชโชดม ญาติไอ้อิศร์เองเหรอมีส่วนในการฮั้วสัมปทาน”
ส่วนที่บ้านเดชโชดม ไอศูรย์หิ้วกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้านอย่างร้อนใจ ตะโกนลั่นบ้าน
“อริสรา! ลงมาข้างล่างเดี๋ยวนี้ อริส”
ไอศูรย์มองขึ้นไปข้างบนอย่างหงุดหงิด เรณูเปิดประตูออกมา
“อ้าว ศูรย์ ทำไมกลับเร็วจังล่ะลูก ไหนว่าจะไปสามวัน”
ไอศูรย์ไม่สนใจตอบคำถาม “อริสล่ะครับแม่”
“ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วจ้ะ”
“ไปไหน! ไปกับไอ้อิศร์ใช่ไหม”
ไอศูรย์ถามสวนทันที แล้วผลุนผลันออกจากบ้านไป เรณูยืนงง
สุนทรยกกับข้าวในครัวมาวางลงบนโต๊ะ เตรียมจะกินข้าวกับลูก แต่หันไปเห็นไอศูรย์
“คุณไอศูรย์ กลับมาทำไมโทร.ให้ผมไปรับล่ะครับ”
ไอศูรย์ไม่ตอบ แต่พุ่งเข้ามาถึงตัวแล้วกระชากคอเสื้อสุนทรจนเจ้าตัวตกใจ
“ไหนแกรับปากว่าจะคอยเป็นหูเป็นตาให้ฉันไง ไอ้สุนทร”
สุนทรยังงงอยู่ “ร...เรื่องอะไรครับ”
“เรื่องเมียฉันไงไอ้โง่”
ไอศูรย์ชกหน้าทันที สุนทรล้มโครมไปบนโต๊ะกินข้าว จานอาหารตกแตก
“แกรู้ไหมว่าตอนฉันไม่อยู่ เมียฉันกับไอ้อิศร์ไปทำอะไรกันมาบ้าง”
สุนทรตกใจ “เอ่อ ผม...ผมก็ไม่เห็นมีอะไร”
“ไม่มีเหรอ? ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก”
ไอศูรย์ชกหน้าสุนทรอีกที กรองทองได้ยินเสียงรีบโผล่หน้าออกมา
“พ่อ... อย่าค่ะคุณไอศูรย์”
กรองทองวิ่งถลาเข้ามาประคองสุนทรในจังหวะที่ไอศูรย์เงื้อมือชกหน้าทันที เลยโดนลูกหลง
“ว้าย”
สุนทรตะลึง “กรอง”
กรองทองถลาล้มลงไปที่พื้น สุนทรรีบเข้าประคอง ไอศูรย์ได้สติเมื่อเห็นกรองทองเจ็บตัว
ไอศูรย์เห็นกรองทองเป็นเด็กในบ้านคนหนึ่ง ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดลงมือกับผู้หญิงสุ่มสี่สุ่มห้า
“กรอง เป็นยังไงบ้าง กรอง”
กรองทองเอามือกุมหน้า รีบลุกขึ้นมากอดสุนทรไว้
“มีอะไรกันคะคุณไอศูรย์ ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย”
“ก็พ่อเธอ...” ใจจริงไอศูรย์อยากจะโวยวาย แต่รู้สึกผิด เลยเปลี่ยนเรื่อง “เมียฉันไปไหน”
สุนทรอึกอักไม่แน่ใจ แต่กรองทองชิงตอบ
“ไปช้อปปิ้งค่ะ พี่บุญเกิดขับรถพาไป”
ไอศูรย์ชะงัก มองกรองทองอย่างไม่เชื่อถือ กรองทองรีบพูดอย่างรู้ทัน
“ส่วนคุณอิศร์ออกไปหาเพื่อนค่ะ”
ไอศูรย์นิ่งลง แต่ยังไม่วายระแวง
“ฉันจะไปเช็ค แล้วถ้าจับได้ว่าเธอโกหกเพื่อปกป้องใครล่ะก็ โดนหนักแน่”
ไอศูรย์ผลุนผลันไปอย่างโมโห กรองทองถอนใจเฮือก หันไปดูสุนทรที่ปากแตกอย่างสงสาร
ด้านอนุภัทรเดินออกมานอกโรงแรม รีบโทรศัพท์ติดต่อเจ้านาย
“ท่านครับ ผมมีความคืบหน้ามารายงานเพิ่มเติมครับ”
ขณะเดียวกันแพรพลอยแวะมาที่มูลนิธิ วางถุงกระดาษลงบนโต๊ะ 2-3 ใบ อัมพามองสงสัย
“เอาอะไรมาเยอะแยะน่ะแพร”
แพรพลอยหยิบของออกให้ดู เป็นของเล่นฝึกสมองของเด็กหลายช่วงวัย
“เกมฝึกสมองของเด็กๆ น่ะค่ะแม่ พอดีเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลฝากมาให้น้องๆ เอาไว้เล่น”
“จังหวะไม่ค่อยดีเลยลูก วันนี้มีคนเอาของเล่นมาบริจาคเหมือนกัน เห็นเด็กๆ เล่นกันหน้าดำคร่ำเครียดอยู่ข้างนอก คงไม่สนของเล่นแพรแน่”
“ใครมาเหรอคะ” แพรพลอยงง
“ผู้ชายคนที่ขับรถเฉี่ยวเปี๊ยกไง”
แพรพลอยชะงักไป งงว่าอิศร์มาถึงนี่ได้ยังไง
เปี๊ยกกำลังเล่นเกมในไอแพดของอิศร์อย่างเมามัน ส่วนตามมุมต่างๆ เด็กคนอื่นๆ นั่งเล่นแท็บเล็ตกันคนละเครื่อง จับกลุ่มกันเล่นก็มี ส่วนอิศร์ยืนยิ้มมองทุกคน
“โหย เกมในโทรศัพท์ของพี่มันมากเลย” เปี๊ยกลิงโลด
“ไม่ใช่โทรศัพท์ เขาเรียกว่าไอแพด”
อิศร์มองยิ้มอย่างเอ็นดู แต่เปี๊ยกเล่นไปซักพักก็นึกได้ รีบหยุดเล่น ส่งคืน
“อ้าว คืนให้พี่ทำไม”
“เล่นมากๆ เดี๋ยวติด เปี๊ยกไม่มีปัญญาซื้อ” เปี๊ยกว่า
“ก็ไม่ต้องซื้อ พี่ให้”
เปี๊ยกตาโต “ฮ้า จริงเหรอพี่”
“พี่ให้ทั้งหมดที่เอามาวันนี้แหละ รักษาไว้ให้ดีๆ นะ อย่าเพิ่งทำพัง”
เปี๊ยกอ้าปากค้าง คาดไม่ถึง แล้วหันไปหาเพื่อนๆ
“เฮ้ย ได้ยินไหมว่าพี่เขายกให้พวกเราเว้ย เฮ้”
เปี๊ยกกับเด็กๆ ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น ไชโยโห่ฮิ้ว โบกแทบเล็ตไปมา
อิศร์อมยิ้ม “แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย จะช่วยพี่ได้หรือเปล่า”
เปี๊ยกกับเด็กๆ ชะงัก เลิกคิ้วแปลกใจ อิศร์กระดิกนิ้วให้ทุกคนรุมเข้ามา
เวลานั้นอัมพายกหม้อขึ้นเตา เตรียมทำน้ำลำไยเลี้ยงเด็กๆ แพรพลอยขยับเข้าไปช่วย
“แม่ทำน้ำลำไยใช่ไหมคะ เดี๋ยวแพรช่วย”
“แพรน่าจะกลับไปทำงานมากกว่านะ ท่านยังไม่ยอมให้ออกไม่ใช่เหรอ”
แพรพลอยชะงัก แปลกใจ “แม่รู้”
“คุณอิศร์เล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว”
แพรพลอยงง แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ “นายนั่นถือสิทธิ์อะไรเอาเรื่องแพรมาพูด”
“เขาแค่มาปรึกษาว่าจะพูดกับแพรยังไงให้เปลี่ยนใจกลับไปทำงาน”
“นายอิศร์นี่ชักจะยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไปแล้ว”
แพรพลอยผลุนผลันจะออกไปต่อว่า อัมพารีบดึงแขนไว้
“จริงๆ แม่ไม่เคยเห็นด้วยที่แพรต้องไปทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนั้น แต่แม่อยากให้แพรทบทวนให้ดีว่าการลงโทษตัวเองทั้งที่ไม่มีใครโทษเรา มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ เหรอลูก”
แพรพลอยนิ่งไป แล้วถอนใจยาว
“แพรทราบค่ะว่าไม่มีใครอยากให้แพรถอนตัว แต่การคุ้มครองบุคคลสำคัญอย่างท่านบรรเลง ไม่ควรจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ในเมื่อท่านได้รับบาดเจ็บในระหว่างการคุ้มครองของแพร ก็ถือว่าแพรไม่มีประสิทธิภาพพอ ควรจะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาแทน ไม่งั้นจะเสียหายไปถึงบริษัท”
อัมพาเห็นสีหน้าจริงจังของแพรพลอยก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่เซ้าซี้ต่อ
“ถ้าแพรแน่ใจในเหตุผลของตัวเอง แม่ก็ไม่ว่าอะไร”
เปี๊ยกกับเด็กๆ ยังคงนั่งเล่นเกมในแท็บเล็ตอย่างเมามัน มีอิศร์กับกรณ์นั่งสอนอยู่ข้างๆ เปี๊ยกเงยหน้าขึ้นมาเห็นแพรพลอยกับอัมพาเดินมาก็ลุกพรวด รีบวิ่งมาหา
“พี่แพรดูนี่ เกมของเปี๊ยกสนุกมากเลย”
เด็กคนอื่นๆ เห็นแพรพลอยก็รีบลุกตามวิ่งมาหา แย่งกันอวดเสียงดังลั่น แพรพลอยมองแท็บเล็ตในมือเด็กๆ อย่างเซ็งๆ อัมพายิ้มเกรงใจอิศร์
“แจกกันคนละเครื่องเลยเหรอคะคุณอิศร์”
“จะได้ไม่ต้องแย่งกันไงครับ”
แพรพลอยมองเด็กๆ ที่แย่งกันอวด แล้วบอกเสียงแข็ง “เอาคืนคุณอิศร์ให้หมด”
เด็กๆ ตกใจ “ฮ้า พี่แพร”
“พวกเรายังเด็ก ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้หรอก”
“ทำไมอะ มันมีประโยชน์นะพี่แพร ใช้เล่นเกมก็ได้ มีเกมฝึกสมองประลองความรู้ด้วย นี่ไง นี่ๆๆๆ”
เปี๊ยกเปิดเกมใหม่ๆ ให้ดู
“นี่ไง เกมสอนภาษาอังกฤษ พี่แพรจะได้ไม่ต้องมาคอยเคี่ยวเข็ญสอนพวกเรา แล้วเอาเวลาไปคุ้มกันท่านบรรเลง เนอะพวกเราๆ”
เปี๊ยกหันไปเออออกับเพื่อนๆ แพรพลอยมองอิศร์อย่างรู้ทันว่าเป็นคนสั่งให้เปี๊ยกพูด อัมพาเห็นบรรยากาศไม่ดีก็รีบตัดบท
“เอาเถอะลูกหยุดเล่นมากินข้าวกันก่อน...ถ้าคุณอิศร์ไม่รังเกียจก็เชิญด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ ที่จริงผมเตรียมอาหารมาเลี้ยงน้องๆ ด้วย”
อิศร์ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์เขาเหลียวไปมอง เห็นพนักงานส่งพิซซ่าขี่รถเข้ามาพอดี เปี๊ยกกับเด็กๆ หันไปมอง ตื่นเต้นกันใหญ่ วิ่งกรูกันไป
“พิซซ่า เย้ๆๆๆๆ”
แพรพลอยได้แต่มองเด็กๆ ที่กรูกันเข้าไปแย่งถือ กล่องพิซซ่า แล้วถอนใจ
แพรพลอยเปิดตู้ครัว หยิบจาน กับส้อม และมีดสำหรับตัดพิซซ่ามาวาง อิศร์ตามเข้ามาช่วย
“ผมเข้าใจแล้วที่คุณบอกว่าคุณมีน้องๆ เยอะ”
“คุณเมย์คงเล่าให้คุณฟังแล้วว่ามูลนิธิของแม่อัมพาคือบ้านฉัน”
อิศร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รู้แล้วว่าแพรพลอยเป็นเด็กกำพร้า แต่ไม่อยากพูดให้สะเทือนใจ
“ผมต้องขอโทษที่เคยแซวเรื่องคุณกับน้องๆ หน้าไม่เหมือนกัน”
“ไม่จำเป็น ฉันไม่ถือว่ามันเป็นปมด้อย ฉันภูมิใจกับที่มาของตัวเอง”
“คุณควรภูมิใจ”
อิศร์ยิ้มให้อย่างจริงใจ แล้วช่วยรับจานจากมือแพรพลอยมาเรียง สัมผัสมือกันเบาๆ
แพรพลอยรู้สึกเขิน รีบชักมืออก หลบตา เปลี่ยนเรื่องพูด
“มาพูดเรื่องของคุณดีกว่า คุณเมย์ส่งคุณมาใช่ไหม”
“เปล่า ผมมาเอง พอรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ก็เลยอยากเอาของมาให้เด็กๆ”
แพรพลอยมองด้วยสายตาไม่เชื่อ จนอิศร์ละอายใจ สารภาพออกมาเอง
“เอ้อ แล้วก็...รับปากว่าจะมาช่วยเกลี้ยกล่อมให้คุณเปลี่ยนใจเรื่องงาน”
“คุณเอาของมาซื้อใจเด็กๆ แล้วก็โพนทะนาเรื่องฉันให้ทุกคนรู้ หวังจะใช้มวลชนกดดันฉันมากกว่า”
อิศร์ยิ้มเก้อที่ถูกจับได้ เกาหัวอายๆ
“ก็ผมกลัวว่าคุณจะไม่ยอมฟังผม”
“คุณคิดถูกแล้ว ฉันไม่ฟังคุณ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะฟังและเปลี่ยนใจ”
แพรพลอยพูดจบก็ยกจานจะออกไปจากครัว อิศร์รีบไปขวางไว้
“ทำไม หรือมีนายจ้างรายใหม่มาติดต่อคุณแล้ว”
“ใช่ ฉันมีภารกิจใหม่ที่ต้องคุ้มครองคนเป็นสิบๆ ชีวิตที่นี่ คงไปทำหน้าที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว”
แพรพลอยพูดจบก็ยกจานเดินเลี่ยงอิศร์ออกไป อิศร์ส่ายหน้าให้กับความรั้นของแพรพลอย
อ่านต่อหน้า 4
บอดี้การ์ดสาว ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทางด้านเปี๊ยกกับเพื่อนๆ กินพิซซ่าอยู่ที่โรงอาหาร แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากแท็บเล็ตที่วางข้างตัว แพรพลอยเดินดู แล้วหยิบมาปิด เพื่อบังคับให้เด็กๆ กินข้าว อิศร์ยืนมองอยู่มุมหนึ่งสีหน้ากลุ้มๆ จนอัมพาเดินมาทัก
“กล่อมแพรไม่สำเร็จใช่ไหมคะคุณอิศร์”
“ลูกสาวคุณป้าดื้อมากเลยครับ”
อัมพายิ้ม “แพรเขาเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง อะไรที่เขาคิดว่าถูกแล้ว ไม่มีใครทำให้มันผิดง่ายๆ หรอกค่ะ”
“ผมสงสารเมย์กับคุณลุงบรรเลง พวกเขารักคุณแพรมากนะครับ”
“แพรก็รักพวกเขามากค่ะ ถึงได้ห่วงว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะคุ้มครองท่านกับคุณเมย์ให้ดีไงคะ”
“แล้วละแวกมูลนิธินี้อันตรายมากเหรอครับ”
อัมพางง “คะ”
“เห็นคุณแพรบอกว่า งานใหม่ของเธอคือต้องคอยคุ้มครองคนที่นี่”
อัมพาทำหน้างง สักพักก็หัวเราะออกมา
“ไม่หรอกค่ะ ยายแพรแกคงหมายถึงจะพักงานมาช่วยดูแลน้องๆ มากกว่า”
ส่วนแพรพลอยนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ เปี๊ยก กำลังกินพิซซ่าเหลือๆ ในกล่อง มองไปเห็นเปี๊ยกแอบเปิดไอแพดใต้โต๊ะเล่นอีก แพรพลอยเสียงดุ
“เปี๊ยก”
เปี๊ยกสะดุ้งโยง รีบเอาไอแพดซุก กลัวโดนริบ
แพรพลอยอ่อนใจ “มันสนุกมากเลยหรือไง ถึงเล่นไม่ยอมกินข้าวกินปลา”
“ก็มันเพลินอะ ไม่เชื่อพี่แพรลองเล่นดูสิ”
เปี๊ยกคะยั้นคะยอ แพรพลอยรับมาเขี่ยๆ ดูโปรแกรม
“ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“นี่” เปี๊ยกขยับมาใกล้ “พี่แพรอยากเล่นเกมลับสมองป่ะ เดี๋ยวเปี๊ยกเปิดให้”
เปี๊ยกหยิบมาเปิดเกมอย่างคล่องแคล่ว เป็นเกมบวกเลข sodoku
“อันนี้แหละ สนุกสุด ลองดู”
แพรพลอยมองหน้าจอเกมอย่างสนใจ แล้วเริ่มกดเล่น
เวลาผ่านไปแพรพลอยยังเล่นเกมไม่ยอมวาง สีหน้าดูจริงจังหมกมุ่น เปี๊ยกแอบมองแล้วอมยิ้ม กินพิซซ่าต่อ แพรพลอยกดเล่นเกมอย่างเมามัน เป็นเกมแนวลับสมอง ท่าทางเคร่งเครียดแอบกัดเล็บ ซักพักก็สะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงข้อความเตือน
“อุ๊ย อะไรน่ะ”
แพรพลอยมองงงๆ แล้วเผลอกดปิดเกม แต่เห็นมีสัญลักษณ์ข้อความที่ line แสดงขึ้นมา เลยกดดู
แพรพลอยเห็นข้อความ “สนุกใช่มั้ยล่ะ” ตามด้วย สติ๊กเกอร์หน้ายิ้ม
แพรพลอยมองชื่อเห็นชื่อ “Itt” หรือ “อิศร์” เหนือกล่องแชท ก็เลยมองหาแต่ไม่เห็นอิศร์
ซักพักเสียงข้อความเข้ามาอีก แพรพลอยก้มลงอ่าน
“กิ๊วๆ แย่งเด็กเล่น ติดใจล่ะซี้”
แพรพลอยเงยหน้ามองหาอิศรือีก เสียฟอร์มที่ถูกจับได้ อิศร์ส่งข้อความมาอีก แพรพลอยก้มดู
“ถ้าชอบ เดี๋ยวผมซื้อให้เครื่องนึง แต่กลับไปทำงานนะ”
แพรพลอยมองอิศร์อย่างหมั่นไส้ แล้วก้มลงกดข้อความตอบไปว่า
“ไม่! เงินของคุณซื้อฉันไม่ได้”
อิศร์นั่งหันหลังแอบเล่น line แหย่แพรพลอย เห็นข้อความแพรพลอยส่งมาพร้อมสติ๊กเกอร์ No ตัวใหญ่ ก็ยิ้มขำ
“แหมะ แป๊บเดียวใช้คล่องเชียวนะเจ๊”
อิศร์ยิ้มขำ แล้วพิมข้อความตอบกลับไป
“ผมไม่ได้ซื้อ แต่จ้าง งั้นถ้าไม่เอาไอแพด เอาไอโฟนไหม หรือกาแลกซี่ เอหรือจะเอาวินโดว์โฟนก็จัดให้ได้”
อิศร์มองหน้าจอ ซักพักก็มี สติ๊กเกอร์ No ตัวใหญ่ ยิงเข้ามาหลายตัว อิศร์ส่ายหน้า เกาหัว แล้วพิมพ์ต่อ
“งั้นคุณอยากได้อะไร”
เสียงแพรพลอยตะคอกใส่หู “ไม่อยาก”
อิศร์สะดุ้งโหยง หันไปมองเห็นแพรพลอยยื่นหน้ามาตะโกนใส่หู อีกมือถือไอแพดอยู่
“ฉันไม่อยากได้อะไรจากคุณทั้งนั้น เลิกตอแยฉันซักที ฉันจะเล่นเกม”
อิศร์ชี้หน้า “แน่ะ! ไหนว่าไม่อยาก แล้วเอาของเขาไปเล่นทำไม”
แพรพลอยชะงัก นึกได้ มองไอแพดในมือแบบเสียฟอร์มสุดๆ แล้วรีบยัดใส่มืออิศร์
“งั้นเอาคืนไป... ไม่เล่นก็ได้”
แพรพลอยบ่นเสียงอุบอิบ รีบเดินหนีไปอย่างอายๆ อิศร์ยิ้มขำ มองตาม
ฟากสุนทรนั่งทำแผล ติดพลาสเตอร์ แล้วลูบแก้มบวมแดงของตัวเองเบาๆ
กรองทองถือยากับน้ำเดินมานั่งข้างๆ
“กินยาแก้ปวดหน่อยนะจ๊ะพ่อ”
สุนทรรับยามากินอย่างว่าง่าย กรองทองมองใบหน้าระบมของพ่ออย่างสงสาร
“คุณไอศูรย์โมโหร้ายขึ้นทุกวัน กรองกลัวจังเลย”
“เราก็อยู่ส่วนของเรา ถ้าไม่หาเรื่องให้แกโกรธก็ไม่มีอะไร”
“แล้ววันนี้พ่อหาเรื่องตรงไหนจ๊ะ เราอยู่ของเราดีๆ คุณไอศูรย์ก็ตึงๆ มาชกพ่อ”
“พ่อผิดเองที่ทำงานไม่ดี”
“งานจับผิดคุณอริสไม่มีใครทำได้ถูกใจคุณไอศูรย์หรอก คนเราลงได้ระแวงกัน ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ระแวงอยู่ดี แย่งของรักเขามาก็เป็นอย่างนี้แหละ”
สุนทรเสียงดุ “กรองทอง! พ่อสอนว่ายังไง อย่าวิจารณ์เจ้านาย! จะผิดจะถูกเขาก็เป็นผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเรา!”
กรองทองจ๋อย ก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดอะไรอีก
บุญเกิดขับรถมาจอดหน้าบ้าน เปิดประตูให้อริสราลงมา แล้วรีบไปเปิดท้ายรถหยิบถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรัง อริสราจะเดินเข้าบ้าน แต่ไอศูรย์เดินออกมาขวางเสียก่อน อริสราชักสีหน้าเซ็งๆ
“ผัวกลับมาถึงบ้าน จะไม่ทักให้ชื่นใจซักคำเลยหรือไง”
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะกลับวันนี้”
ไอศูรย์ยิ้มร้าย “ก็คิดถึงเมีย”
ไอศูรย์ตรงเข้าไปจะกอดหอม อริสราสะบัด ผลักออก
“อย่ามาทำรุ่มร่าม อายคนอื่นบ้าง”
ไอศูรย์ดึงเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบดุ “แล้วที่คุณไปรุ่มร่ามกับไอ้อิศร์ตามที่สาธารณะ อย่านึกว่าผมไม่รู้นะ”
อริสราฉุนกึก “นี่คุณให้คนสะกดรอยฉันเหรอ”
ไอศูรย์แค่นยิ้มรับ แล้วเข้ากระชากแขนอริสรา
อริสราแปลกใจ “จะพาฉันไปไหน”
“ผมกลับมาแล้ว ทีนี้เป็นคิวผมได้ควงคุณบ้าง”
ไอศูรย์ลากอริสราไปที่รถของตัวเอง แล้วผลักขึ้นรถ ก่อนจะขับรถทะยานออกไป
อิศร์นั่งกินข้าวอยู่กับมายาวีในร้านอาหารหรู สีหน้าเซ็งทั้งคู่
“ขอบใจนะที่ไปเจรจากับคุณแพรให้ แม้จะไม่ได้เรื่องก็ตาม”
อิศร์สะดุ้ง “เอ๊ะ นี่มันลูบหลังแล้วตบหัวกันนี่หว่ายายเมย์ ฉันอุตส่าห์ช่วย”
“งั้นเปลี่ยนใหม่ นายนี่ไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็ขอบใจนะ”
อิศร์ส่ายหน้า “แหม ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก.....”
มายาวีหัวเราะขำ “เหอะน่า เอาเป็นว่าฉันขอบใจ เดี๋ยวมื้อนี้เลี้ยงเอง อยากกินอยากดื่มอะไร จัดเต็มมาได้เลย”
มายาวียกมือเรียกบ๋อยให้
ขณะเดียวกันบ๋อยเดินนำอริสรากับไอศูรย์เข้ามาที่โต๊ะที่มีนักธุรกิจนั่งรออยู่ 2 คน
“คุณไอศูรย์ สวัสดีครับ เชิญๆ” นักธุรกิจคนแรกทัก
ไอศูรย์โอบอริสราอย่างอวดๆ
“นี่คุณอริสราภรรยาผมครับ”
อริสราฝืนยิ้มแล้วยกมือไหว้ทั้งสอง ก่อนจะนั่งลงเซ็งๆ
นักธุรกิจ 2 ยิ้ม “เชิญตามสบายนะครับ อยากทานอะไรสั่งได้เลย”
บ๋อยแจกเมนูให้อริสรากับไอศูรย์ อริสราเปิดดู แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นอิศร์กับมายาวีอีกโต๊ะ
ไอศูรย์ถามขณะอ่านเมนู “อริสอยากทานอะไรจ๊ะ”
ไอศูรย์เห็นอริสราเงียบไม่ตอบเลยมองหน้า พอเห็นอริสราหันไปมองโต๊ะอื่นก็มองตาม ไปหยุดที่โต๊ะอิศร์กับมายาวีเหมือนกัน ก่อนจะคลี่ยิ้มพอใจที่เห็นอิศร์อยู่กับผู้หญิงอื่น
ไอศูรย์กระซิบ “นั่นไอ้อิศร์มากับใคร อ๋อ ใช่สิ ลูกสาวรัฐมนตรีบรรเลง กิ๊กที่เมืองนอกของมันนี่นา”
อริสราไม่ตอบ แต่ยังจ้องเขม็งไปที่โต๊ะของอิศร์ ไอศูรย์ยั่วซ้ำอีก
“คุณจะลุกไปทักก็ได้นะ ผมไม่ว่า แต่ระวังตัวเองจะเป็นส่วนเกิน หึๆๆ”
อริสราหันกลับมามองไอศูรย์ เจอรอยยิ้มเยาะไอศูรย์ก็ยิ่งเจ็บใจ หันไปมองอิศร์กับมายาวีอีก
อิศร์นั่งกินอาหารไปเงียบๆ มายาวีมองไปรอบๆ แล้วไปหยุดที่สายตาของอริสราที่มองมาพอดี
“อ้าว นั่นคุณอริสนี่”
อิศร์ชะงัก เงยหน้ามองตามมายาวีไปทันที เห็นอริสรามองมา สายตาเว้าวอน
“เราควรเข้าไปทักเขาไหม”
“อย่าเลย พี่ไอศูรย์มาด้วย ฉันไม่อยากมีปัญหา”
“แต่ท่าทางกิ๊กเก่า เอ้ย พี่สะใภ้เธอเขาคงจะอยากมีนะ ดูมองสิ หยาดเยิ้มซะขนาดนั้น”
อิศร์เห็นสายตาของอริสราแล้วรีบหลบตา รวบช้อน
“ตกลงเธอจะสั่งขนมไปฝากคุณลุงหรือเปล่า ถ้าไม่สั่งก็เช็คบิลเถอะ”
มายาวี นึกขึ้นได้ ตกใจ “ว้าย แย่แล้ว พูดถึงคุณพ่อ ท่านให้ฉันไปเอาเอกสารของท่านที่พรรค ตายแล้วๆ ป่านนี้เค้าไม่ปิดแล้วเหรอ”
มายาวีรีบร้อนขึ้นมาทันที อิศร์โล่งใจจะได้ไปจากตรงนี้ จะได้ไม่ทำให้อริสราและไอศูรย์อึดอัด
ส่วนที่โต๊ะไอศูรย์ อริสราเห็นอิศร์และมายาวีออกไปจากร้านก็แปลกใจ แต่ไอศูรย์ชอบใจเย้ยอริสรา
“อ้าว ไปซะแล้ว ไม่รู้ว่ากินอิ่มแล้วหรือจะไปกินกันต่อ คุณว่าไงอริส ฮ่ะๆๆ”
อริสราทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้น ไอศูรย์ตกใจ รีบหับไปมองแขกที่ทำหน้าตกใจ
“อริส! คุณจะไปไหนครับ”
อริสราไม่ตอบ แต่หันไปฉีกยิ้มให้แขก
“คุยกันไปก่อนนะคะ พอดีอริสเพิ่งเห็นเพื่อน เดี๋ยวจะไปทักซะหน่อย”
อริสรารีบเดินออกไป ไอศูรย์หน้าเจื่อน ระแวงกลัวอริสราไปหาอิศร์ แต่ก็ไม่กล้าทิ้งแขก ได้แต่มองตามอย่างกังวล
มายาวีเดินลิ่วๆ มา โดยมีอิศร์เดินตาม อริสราตามมาด้านหลัง รีบร้องเรียก
“อิศร์ ! อิศร์คะ”
มายาวีกับอิศร์ชะงักหันไป อริสรายิ้มแฉ่งตรงมาหา
“บังเอิญจังเลยที่เจออิศร์ที่นี่” หล่อนส่งยิ้มทักมายาวี “นี่กำลังจะกลับบ้านใช่ไหมคะ ขออริสติดรถไปด้วยนะ”
“อ้าว แล้วพี่ศูรย์ล่ะครับ”
“เขายังคุยธุระอยู่น่ะค่ะ ไปกันเถอะ”
อริสราถือวิสาสะลากแขนอิศร์ ไม่สนใจมายาวีที่ยืนเหวอ มายาวีได้สติ รีบคว้าแขนอิศร์อีกข้าง
“อุ๊ย เดี๋ยวๆๆๆ อิศร์ยังกลับไม่ได้นะจ๊ะ เราจะไปต่อกันไม่ใช่เหรอ”
“จะไปไหนกันเหรอคะ ให้ฉันไปด้วยได้ไหม”
“อ้าว ทิ้งสามีมาเฉยๆ แบบนี้จะดีเหรอคะคุณอริส” มายาหวีเหน็บ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันอยู่ไปก็ฟังเขาคุยกันไม่รู้เรื่อง” หล่อนหันมาอ้อนอิศร์ “ให้อริสไปด้วยนะคะ”
“แต่ที่เราจะไป มันเข้าได้แค่สองคนนะคะ ถ้ามีคนที่สามไปด้วย เมย์เกรงว่าคุณอริสจะอึดอัดเปล่าๆ เพราะห้องมันก็แคบๆ น่ะค่ะ”
อิศร์ทำหน้างง ไม่รู้ว่ามายาวีพูดถึงที่ไหน อริสราก็งงไปเหมือนกัน
“หรือคุณอริสคิดจะไปยืนดูเราสองคนเฉยๆ คะ”
อิศร์อ้าปากเหวอ ข้องใจกับสิ่งที่มายาวีพูด แต่มายาวียังทำหน้าเฉย
“บอกก่อนนะคะว่าเราสองคนคงจะเสียงดังกันมาก แถมคงจะเหงื่อออกเหม็นตลบไปทั้งห้องอีก คุณอริสแน่ใจเหรอคะ”
อริสราหน้าเสีย งง “พวกคุณจะไปไหนกัน”
“ไปตีสควอชค่ะ” มายาวีแกล้งชี้หน้า “คิดอะไรอ่ะ”
อริสราทำหน้าเก้อ มายาวีถือโอกาสรีบดึงอิศร์ออกไปทันที
“ไปเร้วอิศร์ ! แล้วเจอกันนะคะคุณอริส บาย” พลางโบกมือลา
จากนั้นมายาวีรีบลากอิศร์ไป ทิ้งให้อริสรายืนงง
มายาวีควงแขนอิศร์ออกมา เมื่อพ้นหน้าร้าน มายาวีเอาแขนออก หัวเราะลั่น
“ยัยเมย์ เธอนี่เหลือเกินนะ คิดได้ไงไม่อายเลย”
“อายทำไม คนที่คิดทะลึ่งต่างหากต้องอาย ฉันบริสุทธิ์ใจย่ะ ใครไม่บริสุทธิ์ก็เห็นๆ กันอยู่”
“สงสารอริส คงเหวอไปเลย”
“อ๊ะๆๆๆ ความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรักนะ นายแน่ใจเหรอที่จะโดดลงบ่อนี้”
“ความสงสารของฉันก็คือความสงสาร ไม่ใช่บ่อเกิดของอะไรทั้งนั้นแหละ”
“แน่นะ”
“นี่เธอไม่เชื่อมั่นในตัวเพื่อนเลยหรือไง”
“ก็เพื่อนชอบทำท่ามีเยื่อใยกับพี่สะใภ้ตัวเองอยู่เรื่อย ฉันก็ต้องถามบ่อยๆ ให้แน่ใจสิ”
อิศร์สบตากับมายาวี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันกับอริสเป็นเพื่อนกันมานาน ต่อให้ไม่ได้รักกันแล้ว ก็ตัดกันไม่ขาดหรอก”
“ไอ้ตัดไม่ขาดนี่แหละ ทำให้คนคอขาดเพราะพิษรักแรงหึงมาเยอะแล้วจำไว้” มายาวีเตือน
อิศร์ถอนใจ ส่ายหน้า ไม่อยากคุยต่อแล้ว
“ไหนว่าจะไปเอาอะไรที่พรรคไง”
มายาวีนึกได้ “อุ๊ย จริงด้วย! ชอบชวนคุยอยู่เรื่อยเลยตาบ้า ไปแล้วนะ”
มายาวีวิ่งไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป อิศร์มองตาม แล้วเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ตัวเองก่อนจะขี่ไป
มายาวีขับรถมาจอดที่หน้าตึกพรรค เห็นบรรยากาศเงียบเหงา ยามกำลังเดินไล่ปิดหน้าต่างอาคาร
“ว้าย อย่าเพิ่งปิดนะ”
มายาวีรีบลงจากรถแล้ววิ่งไปเข้าประตูที่เปิดทิ้งไว้ไป โดยที่ยามไม่เห็น
อีกทางหนึ่ง อนุภัทรเดินออกมา เจอยามที่ใส่หูฟังมือถือ กำลังเดินปิดหน้าต่าง
“ลุง อย่าเพิ่งปิดประตูนะครับ ขอผมเข้าไปเอาของแป๊บนึง”
ยามทำท่าเหมือนพยักหน้า แล้วเดินปิดหน้าต่างต่อไป โดยกำลังฟังเพลงโยกตัวตามจังหวะเพลงอยู่
อนุภัทรมองไม่คิดอะไร รีบเดินเข้าประตูไป
ส่วนยามกำลังเดินปิดหน้าต่าง แล้วใส่หูฟังเพลงเต้นยึกยักอยู่ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ขณะที่มายาวีก้มๆ เงยๆ เปิดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะบรรเลง เปิดแค่โคมไฟบนโต๊ะ แสงสลัวๆ ทันใดนั้นหล่อนก็ต้องสะดุ้งวาบ เมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจ่อด้านหลัง มายาวีพยายามหันไปมอง แล้วสะดุ้งอีกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่จ่ออยู่คือกระบอกปืน
“แกเป็นใคร แกจะทำอะไรฉัน” มายาวีตกใจ
เป็นอนุภัทรจ่อปืนที่หลังมายาวีอยู่ ความมืดทำให้ต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็น
“เธอเข้ามาทำอะไรที่นี่”
“แล้วแกล่ะ มาทำอะไรที่นี่”
“ตอบ” อนุภัทรจี้ปืนคาดคั้นมากขึ้น
“อ๊าย... กลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันนะ แกอยากได้อะไรเอาไปเลย แต่อย่าปล้ำฉันนะ”
อนุภัทรทำหน้างง รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินเสียงมายาวีมาก่อน
“ยกมือขึ้น แล้วหันมา ช้าๆ อย่าตุกติก”
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
มายาวีหลับตาปี๋ ค่อยๆ หันมา แสงไฟบนโต๊ะทำให้เห็นชัดขึ้นว่าเป็นมายาวี
“คุณนี่เอง”
มายาวีลืมตาขึ้น ตกใจ “นายผู้กอง ! เข้ามาทำอะไรห้องพ่อฉันเนี่ย”
“มาเอาของ”
อนุภัทรพูดจบก็เดินเบียดเข้ามาพลิกดูแฟ้มบนโต๊ะ มายาวีรีบเข้าไปห้าม
“อ๊ะๆ จะทำอะไร ขโมยของคุณพ่อเหรอ เอามานะ”
มายาวีจะแย่ง อนุภัทรหมุนตัวหลบ มายาวีแย่งไม่ได้หยิบแฟ้มอื่นมาฟาดอนุภัทร
“ไอ้บ้า ไอ้หัวขโมย”
“โอ๊ย! คุณ จะบ้าหรือเปล่า”
“ฉันจะฟ้องพ่อ ฉันจะแจ้งความ คุณขโมยเอกสารราชการ นี่แน่ะๆ” มายาวีตีๆๆๆ ไม่ยั้ง “แล้วก็เมื่อกี๊บังอาจจี้ปืนข่มขู่ฉัน”
“เฮ้ย คุณ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ ผมทำงานกับ...โอ๊ย นี่แฟ้มของผม”
มายาวีไม่ฟัง “ฉันจะฟ้องคุณพ่อ นายมาขโมยของ นาย...ว้ายย”
อนุภัทรหลบไปยืนนิ่ง หยิบปืนจากซองพกข้างเอว เล็งมาทางมายาวี
“ดูชัดๆ นี่แฟ้มของผม ผมทำคดีนี้ ส่งมารายงานท่านบรรเลง จบนะ”
มายาวีชะงัก “คุณทำงานให้พ่อฉันเหรอ”
“ทำไมชอบถามอะไรซ้ำซาก สมองช้าหรือไง”
อนุภัทรส่ายหน้าระอาแล้วเดิน มายาวีอ้าปากค้าง เพราะโดนด่า
สักครู่หนึ่งอนุภัทรเดินมาที่ประตู แล้วเห็นประตูปิด จะเปิดก็ไม่ได้ เพราะล็อคไว้
“อ้าวเฮ้ย ลุงจร ยังไงวะเนี่ย ลุง”
อนุภัทรพยายามเคาะประตู มายาวีตามออกมา
“ทำอะไร เปิดประตูสิยะ อีตาสมองไว”
“มันล็อค”
“อะไรนะ ตายแล้ว” มายาวีเข้าไปพยายามเปิดบ้าง “เอากุญแจมาไขสิ”
“ผมไม่มีกุญแจ”
“ไหนคุณบอกว่าทำงานที่นี่ไงล่ะ แล้วจะไม่มีกุญแจได้ยังไง”
“ผมเป็นตำรวจสืบสวนนะ ไม่ใช่ยาม จะได้มีกุญแจไขประตูเข้าออกตามใจชอบ”
“แล้วจะทำยังไง จะออกไปได้ยังไงกัน”
อนุภัทรกอดอก นึกอยากแกล้งมายาวี เลยยักไหล่
“ก็...ถ้าลุงจรแกกลับบ้านไปแล้ว คงต้องรอถึงเช้าให้แกมาเปิด”
“บ้าสิ ไม่มีทาง ฉันโทร.หาพ่อ”
มายาวีจะวิ่งกลับห้อง ฉับพลันไฟในตึกก็ดับพรึ่บลง มายาวีชะงัก
“แสดงว่าลุงจรแกกลับไปแล้วจริงๆ เพราะระบบไฟที่นี่จะตัดโดยอัตโนมัติหลังจากล็อคประตู 5 นาที รวมถึงโทรศัพท์ด้วย”
“นี่แปลว่าฉันต้องติดอยู่ที่ทั้งคืน” มายาวีมองอนุภัทรอย่างระแวง “กับคุณอย่างนั้นเหรอ”
อนุภัทรยักไหล่ “ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว บางครั้งเวลาทำงานดึกผมก็เคยนอนที่นี่ หาที่ซุกหัวเอาแถวๆ นี้”
มายาวีมองไปที่พื้นแบบแขยงๆ เกิดมาไม่เคยนอนพื้น
“จ้างให้ฉันก็ไม่นอนที่นี่ ฉันจะหาทางออก”
มายาวีคลำทางเดินไป อนุภัทรอมยิ้ม แล้วพูดต่อ
“ที่จริงมันก็พอจะมีทางออกอยู่”
มายาวียืนอยู่ในห้องน้ำ อนุภัทรปีนขึ้นไปเปิดฝ้าแผ่นหนึ่งออก
“ผมเคยใช้ปีนเข้าออก มันจะต่อออกไปที่ฝ้าด้านนอกตึก”
มายาวีแหงนมอง “ปีนขึ้นไปบนนี้เนี่ยนะ”
“ใช่ ทุลักทุเลหน่อย แต่คุณก็ไม่ต้องถูกขังอยู่ในตึกนี้ เลือกเอาแล้ว ผมจะไปนอนล่ะ”
อนุภัทรแกล้งหาวแล้วจะเดินไป มายาวีลังเลแล้วตัดสินใจเรียก
“เดี๋ยว! ฉันจะออกไป คุณช่วยฉันหน่อยสิ ฉันปีนไม่ถึง”
“แน่ใจนะ”
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่กับคุณ”
อนุภัทรส่ายหน้า “พูดจาน่าช่วยมาก”
แล้วอนุภัทรขยับเข้าไปใกล้ แล้วโอบมายาวีไว้ มายาวีตกใจ สะบัดโดยอัตโนมัติ
“อุ๊ย”
มายาวีดิ้นอยู่ในอ้อมแขนอนุภัทร รู้สึกเขินๆ ที่อนุภัทรมาใกล้ชิด
“ยืดตัวขึ้นไปสิ เร็วๆ แขนจะหัก ตัวคุณนี่ไม่ใช่เบาๆ เลยนะ”
มายาวีหมดอารมณ์มองอนุภัทรตาเขียว แล้วค่อยๆ เอื้อมมือจับขอบฝ้า ก่อนจะดึงตัวขึ้นไป
มายาวีปีนขึ้นมาอยู่บนฝ้า มองไปรอบๆ มืดสนิท เห็นหยากไย่รอบตัว ก็ก้มลงไปคุยกับอนุภัทร
“ทำไมข้างบนมันสกปรกอย่างนี้”
“ก็มันไม่มีใครขึ้นไปอยู่บนนั้นนี่คุณ คุณคลานตรงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะเจอฝ้าที่มันทะลุ มีแสงไฟแลบเข้ามา ยกแผ่นนั้นออกนะ แล้วก็ปีนลงไปได้เลย ใต้ฝ้าจะเป็นโต๊ะสูงๆ พอดี”
“รู้แล้วน่า”
“งั้นผมปิดนะ คุณไม่กลัวใช่ไหม”
“ฉันไม่กลัวผี”
“งั้นก็ขอให้โชคดี”
อนุภัทรยิ้มขำ แล้วค่อยๆ ปีนเอาฝ้าปิด ทิ้งให้มายาวีอยู่ในความมืดตามลำพัง
มายาวีมองไปรอบๆ “ไหนล่ะ ไม่เห็นมีแสงไฟอะไรเลย อีตาบ้า”
มายาวีค่อยๆ คลานไปพลางปัดหยากไย่ที่ติดตามตัวไปด้วย
ด้านอนุภัทรเงยหน้ามองบนฝ้า ได้ยินเสียงตุบตับเหมือนมายาวีกำลังไต่อยู่ข้างบน อนุภัทรล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วอมยิ้ม ก่อนจะกดหายาม แล้วเดินออกไป
ส่วนมายาวีคลานไปก็คันยุกยิก หนูวิ่งผ่านหน้า ก็ตกใจกระโดดหนี หัวชนกับคานดังโป๊ก
“อ๊ายๆๆๆ โอ๊ย” มายาวีลูบหัวป้อยๆ เอามือทาบอกใจหายใจคว่ำ
“เมื่อไรจะถึงเนี่ย นายผู้กองบ้าหลอกเราหรือเปล่า”
มายาวีคลานต่อ จนเห็นแสงไฟส่องมาจากพื้น ก็รีบคลานตรงไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเปิดฝ้าออก พอเห็นพื้นด้านนอกก็ถอนใจโล่งอก
มายาวีค่อยๆ ปีนลงมาบนเก้าอี้ที่วางอยู่ เห็นหยากไย่เต็มตัว หน้ามอม ผมขาวโพลนจากฝุ่น
“เฮ่อ นึกว่าจะไม่รอด”
มายาวีก้มลงปัดเสื้อผ้า แล้วเหลือบไปเห็นอนุภัทรเดินออกมากับยามพอดี
ยามยกมือไหว้ “ขอโทษทีนะผู้กอง ผมไม่เห็นผู้กองเข้าไปจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับลุง”
อนุภัทรไหว้ขอบคุณลุง แล้วเดินแยกไป มายาวีอ้าปากค้าง โกรธจัดที่โดนผู้กองแกล้ง
อนุภัทรเดินมาที่รถอย่างอารมณ์ดี มายาวีปราดเข้ามายืนขวางหน้า
“คุณทำอย่างนี้หมายความว่าไง อยากจะเป็นศัตรูกับฉันใช่ไหม
อนุภัทรเห็นสภาพมายาวีมอมแมมก็พยายามกลั้นหัวเราะ
“ยังจะหัวเราะอีก”
“ก็คุณดูหน้าตัวเองสิ”
มายาวีจับหน้าตัวเอง แล้วชะโงกมองกระจกข้างรถ ก่อนจะทำหน้าตกใจ แล้วหันมาพาลต่อ
มายาวีก็เพราะคุณนั่นแหละ คุณหลอกให้ฉันปีนขึ้นไปบนฝ้า ทั้งๆ ที่คุณโทรเรียกลุงยามให้มาเปิดได้
“ผมไม่ได้หลอก จำได้ไหมว่าคุณเป็นคนถามหาทางออกเอง”
“ก็ทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะว่าคุณมีโทรศัพท์”
“เพราะคุณไม่ได้ถามไง” อนุภัทรยิ้มเย้ย แล้วเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป
มายาวีมองตาม เจ็บใจนัก แต่ทำอะไรไม่ได้
ฟากไอศูรย์ลากอริสราลงมาจากรถพาเข้าบ้านมา อริสราดิ้นไม่ยอมให้จับ
“มานี่”
“ปล่อยฉันนะ”
“คุณทำให้ผมอับอายขายหน้ามากเลยนะ”
“ฉันก็ไม่อยากจะฉีกหน้าคุณต่อหน้าแขก แต่คุณเป็นคนลากฉันไปพบพวกเขา”
“ก็ใครมันจะไปคิดว่าคุณจะเสียมารยาททิ้งแขกวิ่งตามชู้ไปอย่างนั้นล่ะ หน้าไม่อาย”
“คำก็ชู้สองคำก็ชู้ อิศร์เขาเป็นน้องคุณนะ”
“แต่มันกำลังจะเป็นชู้กับเมียผม”
“งั้นก็หย่าให้ฉันสิ เขาจะไม่ต้องเป็น”
อริสราสะบัดแขนจากไอศูรย์แล้วเดินฉับๆ เข้าบ้านไป ไอศูรย์ตะโกนเรียกอย่างอารมณ์เสีย
“อริส! อริส”
เรณูได้ยินเสียงเอะอะแต่แรก พอเห็นไอศูรย์เดินหน้าบึ้งเข้ามาก็รีบตรงเข้าไปหา
“ศูรย์ มีอะไรกันน่ะลูก”
“เขาท้าผมหย่า”
เรณูกลุ้มใจ “แม่บอกแล้วให้คุยกันดีๆ ก่อน ใช้อารมณ์กันทั้งคู่ ปัญหามันก็ไม่จบหรอก”
“อริสไม่ได้ปฏิเสธด้วยซ้ำ เรื่องที่ไปไหนมาไหนกับไอ้อิศร์”
“ก็มันเป็นเรื่องจริง แม่ก็รู้เห็นตลอด แต่ของแบบนี้มันเจตนานะลูก เท่าที่แม่ดู ก็ไม่เห็นว่าอิศร์เขาจะ...”
ไอศูรย์ระเบิดอารมณ์ใส่ “แม่ไม่ต้องพูดดีกว่า ยังไงแม่ก็เห็นลูกสะใภ้กับหลานชายดีเลิศประเสริฐศรีอยู่แล้วนี่”
เรณูถอนใจ พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“แม่รักลูกนะ นี่แม่พยายามจะช่วย”
“ไม่มีใครช่วยอะไรผมได้หรอก ผมจะจัดการปัญหานี้เอง”
ไอศูรย์พูดจบก็ฮึดฮัดขึ้นห้องไป เรณูส่ายหน้ากลัดกลุ้ม
ขณะที่อิศร์นั่งเปิดไอแพดดูภาพแอบถ่ายของตัวเองกับอริสราอย่างไม่สบายใจ แล้วรีบบอกเรณู
อิศร์ถอนใจ “ผมนึกแล้วว่ามันต้องกลายเป็นเรื่อง แต่จริงๆ มันไม่มีอะไรเลยนะครับคุณป้า ผมแค่พาอริสไปทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่เขาเท่านั้น”
“ป้ารู้จ้ะ แล้วป้าก็พยายามอธิบายให้ศูรย์เข้าใจแล้ว”
อิศร์ดักคอ “แต่พี่ศูรย์ไม่เชื่อ”
เรณูไม่ตอบ ได้แต่ถอนใจ
“คุณป้าจะให้ผมทำยังไงครับ ให้ผมไปคุยกับพี่ศูรย์ไหม”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ อิศร์ก็รู้ว่าศูรย์เขาเป็นคนยังไง” เรณูลังเล แล้วตัดสินใจพูด “ป้าว่าทางออกที่ดีที่สุดก็คืออิศร์พยายามอย่าไปวุ่นวายกับหนูอริสเลยนะจ๊ะ”
อิศร์สบตากับเรณูกลุ้มๆ ไม่รู้จะบอกยังไงว่าอริสรามายุ่งกับตนเอง
เรณูเดินออกจากบ้านไป โดยมีอิศร์ยืนส่ง ป้าดวงขยับเข้ามาบ่น
“เฮ้อ แทนที่คุณเรณูจะกำราบลูกชายกับลูกสะใภ้ ดันมาพูดเหมือนคุณอิศร์เป็นคนผิด ทั้งๆ ที่คุณอริสนั่นแหละหาเรื่องมายุ่งกับคุณอิศร์เองแท้ๆ”
อิศร์ส่ายหน้า “คุณป้าก็คงไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
“ก็เลี้ยงลูกกันผิดๆ มาแต่แรกแล้วไงคะ ให้ท้ายจนเป็นเทวดา ถึงคุมคุณไอศูรย์ไม่อยู่ กลายเป็นคุณอิศร์เดือดร้อน”
“ไม่เดือดร้อนหรอกครับป้า ก็แค่ต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้นเอง”
“ป้าว่าคุณอิศร์รีบหาแฟนเถอะค่ะ”
อิศร์สะดุ้ง “อุ้ย เอางั้นเลยเหรอป้า”
“ป้าพูดจริงๆ นะ ถ้าคุณมีแฟนไปซะ คุณไอศูรย์ก็จะได้สบายใจ คุณอริสก็คงไม่กล้ามาวุ่นวายกับคุณ”
อิศร์คิดตาม แต่ทำหน้ายุ่ง ดวงมองคาดคั้น
“คุณไม่มีใครที่พอจะรักชอบซักคนเลยหรือไงคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ณ จุดนี้อ่ะ”
อิศร์สะดุ้งอีกรอบ แล้วยิ้มเจื่อนๆ
อิศร์เข้ามาในห้อง ครุ่นคิดถึงคำพูดของป้าดวง ฉาก 2/73
“ป้าพูดจริงๆ นะ ถ้าคุณมีแฟนไปซะ คุณไอศูรย์ก็จะได้สบายใจ คุณอริสก็คงไม่กล้ามาวุ่นวายกับคุณ”
อิศร์คิดตาม แต่ทำหน้ายุ่ง ดวงมองคาดคั้น
“คุณไม่มีใครที่พอจะรักชอบซักคนเลยหรือไงคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ณ จุดนี้อะ”
อิศร์นึกตามแล้วขำป้าดวง ส่ายหน้า ข้อความใน line ดังขึ้นพอดี อิศร์กดดู เห็นเป็นรูปภาพร้องไห้ พร้อมข้อความจากเปี๊ยกว่า “พี่อิศร์ ช่วยด้วย!”
อิศร์ทำหน้าแปลกใจ รีบกดโทรศัพท์กลับไปหาเปี๊ยกทันที
“เปี๊ยก เกิดอะไรขึ้น”
ไม่นานต่อมาเปี๊ยกร้องไห้สะอื้น ส่งไอแพดคืนให้อิศร์
“พี่แพรทำเกมเปี๊ยกหายไปไหนหมดไม่รู้ พี่แพรแกล้งเปี๊ยกอะพี่อิศร์ ฮือๆ”
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ” แพรพลอยหน้าจ๋อย “ฉันเล่นอักษรไขว้อยู่ แล้วเผลอไปกดอะไรไม่รู้ เกมอื่นๆ มันก็หายไปเลย”
อิศร์หัวเราะขำ แพรพลอยแหว
“ขำอะไร”
“นี่คุณแย่งเปี๊ยกเล่นมาตั้งแต่กลางวันใช่ไหมเนี่ย”
แพรพลอยจะอ้าปากปฏิเสธ แต่เปี๊ยกแย่งตอบ
“ใช่ พี่แพรยึดไปทั้งวันเลยพี่อิศร์”
แพรพลอยอาย อึกอักแก้ตัว
“ฉันก็แค่พยายามศึกษาว่ามันมีประโยชน์กับเด็กๆ จริงหรือเปล่า”
“แล้วสรุปว่า”
“ก็ดี...แต่เล่นมากๆ จะเสียสายตานะเปี๊ยก ทำให้สมาธิสั้นด้วย”
อิศร์ส่ายหน้า ดึงเปี๊ยกมานั่งที่ตัก
“มานี่มาเปี๊ยก เดี๋ยวพี่สอนให้ เกมมันไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่พี่แพรเขาเฟอะฟะเอามันไปซ่อนไว้ตรงนี้ เปี๊ยกทำอย่างนี้นะ ลากมันออกมาวางไว้ที่เดิม แค่นี้ก็เล่นได้แล้ว”
อิศร์ทำมือลากไปมาบนจอไอแพด เปี๊ยกมองอย่างสนใจ
แพรพลอยจ้องดูอย่างหมั่นไส้ แล้วสะบัดหน้าเดินไป
แพรพลอยเดินมานั่งเล่นที่ชิงช้าในสนามเด็กเล่น อิศร์เดินตามมา
“ผมว่าคุณกลับไปทำงานดีกว่านะ อยู่ที่นี่คุณคงแย่งเปี๊ยกเล่นเกมทั้งวันแน่”
“ฉันเลิกเล่นแล้ว”
“ให้มันจริงเฮอะ”
แพรพลอยรำคาญ หันมาถามตรงๆ
“ฉันถามจริงๆ คุณเป็นอะไรนักหนากับการที่ฉันจะทำหรือไม่ทำงานให้ท่านบรรเลงเนี่ย”
“ก็ผมอยากให้คุณลุงบรรเลงมีคนเก่งๆ ดูแล”
“ตอนนี้ท่านได้บอดี้การ์ดคนใหม่แล้ว เจ้านายฉันเพิ่งโทรมาบอก เป็นผู้ชาย ผ่านการฝึกมาจากเมืองนอก เคยเป็นการ์ดให้นักการเมืองฝรั่งมาหลายคน รับรองได้ว่าฝีมือดี ทีนี้เลิกเซ้าซี้ฉันได้หรือยัง”
อิศร์ได้ยินก็ยักไหล่
“แล้วคุณจะทำอะไรต่อ กลับมาสอนเด็กๆ ที่นี่ตลอดไปเหรอ”
“ฉันจะช่วยแม่ดูแลน้องๆ ซักพัก จนกว่าจะมีงานใหม่ที่น่าสนใจ แล้วถึงจะกลับไปทำ”
“ให้ผมช่วยหาไหม ผมรู้จักกับพวกวีไอพีหลายคนนะ”
“อย่าเลย ฉันชอบเป็นบอดี้การ์ดให้คนที่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดจริงๆ ไม่ได้อยากเป็นแค่เครื่องประดับให้ไฮโซไว้อวดใครต่อใครว่ามีปัญญาจ้างผู้ติดตาม”
แพรพลอยพูดจบก็ลุกหนีไป
อัมพากับเปี๊ยกเดินมาส่งแพรพลอยกับอิศร์ ที่จอดมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไว้
“ทีหลังไม่ต้องเรียกคุณอิศร์มาดึกๆ ดื่นๆ รู้ไหมเปี๊ยก เกรงใจพี่เขา”
อิศร์ไม่เป็นไรหรอกครับ ปกติผมนอนดึก (หันไปลูบหัวเปี๊ยกที่ยังกดไอแพดเล่นอย่างเอ็นดู) อย่าเล่นมากเกินไปจนไม่เป็นอันกินข้าวนะเปี๊ยก เดี๋ยวจะเสียสายตาและสมาธิสั้นเหมือนพี่แพรเขา
เปี๊ยกคร้าบ ฮ่าๆๆๆ
แพรพลอยมองค้อนอิศร์ แล้วหันไปพูดกับอัมพา
“แพรก็กลับเลยนะคะแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่”
“ไม่ค้างที่นี่เหรอลูก ดึกแล้วนะ”
“แพรต้องกลับไปสะสางเรื่องงานนิดหน่อยค่ะ”
“ดึกดื่นอย่างนี้ แม่ไม่อยากให้ขี่รถไปคนเดียวเลย”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งเองครับ คุณป้าสบายใจได้”
“ฉันไม่ไปกับคุณ”
“คุณก็ขี่นำไปสิครับ เดี๋ยวผมตามประกบ คอยดูแลความปลอดภัยให้”
แพรพลอยมองอิศร์อย่างหมั่นไส้รำคาญ แต่อัมพาอมยิ้ม
“ไปนะคะแม่”
แพรพลอยรีบขึ้นรถแล้วบิดออกไปทันที อิศร์มองตามอย่างลนๆ
“งั้นผมไปด้วย ลานะครับ”
อิศร์รีบไหว้ แล้วกระโดดขึ้นรถ บิดตามแพรพลอยออกไป อัมพามองตา ยิ้มถูกชะตา
แพรพลอยขี่รถออกมาจากมูลนิธิ มองไปทางกระจก เห็นรถของอิศร์ตามมา
“นี่จะตามาจริงๆ เหรอเนี่ย น่ารำคาญชะมัด”
แพรพลอยมองกระจก เห็นอิศร์กะพริบไฟทัก
“เอาซิ ถ้าอยากตาม ตามให้ทันแล้วกัน”
อิศร์มองเห็นรถแพรพลอยพุ่งหนีไป ยิ้มเยาะ
“คิดจะสู้กับแชมป์อย่างอิศร์ เดชโชดม ระวังจะหงายเงิบนะเจ๊”
อิศร์เร่งเครื่องตาม
รถของแพรพลอยขี่ไปตามถนนสายเงียบด้วยความเร็ว มีอิศร์ตามมาห่างๆ แพรพลอยมองอิศร์ที่ตามมา แล้วเร่งความเร็ว ฉวัดเฉวียนไปตามเส้นทาง
อิศร์เร่งความเร็วตามไม่ยอมแพ้
ทั้งคู่ขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามกันไปไม่ลดละ มาตามถนนกรุงเทพยามราตรี ดูสวยงาม บรรยากาศดูโรแมนติกมากกว่าลุ้นระทึก
แพรพลอยมองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น ซักพักก็ได้ยินเสียงบีบแตร พอหันไปมองข้างก็เห็นอิศร์ขี่มาเทียบจนได้
“คอนโดคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมนำทางให้ อิอิ”
แพรพลอยเจ็บใจ เร่งความเร็วไปข้างหน้า พยายามแซงอิศร์ไป อิศร์ตามขึ้นมาอีก
“เลิกตามฉันได้แล้ว”
“ผมรับปากคุณป้าไว้ว่าจะคุ้มครองคุณไปตลอดทาง”
“ฉันคุ้มครองตัวเองได้”
แพรพลอยพูดจบก็บิดคันเร่งพุ่งหนีไปข้างหน้า
อิศร์ขับไล่ตามแพรพลอยไปอีก แพรพลอยหันไปมองอย่างขัดใจ แล้วพยายามบิดคันเร่งหนี
รถเริ่มฉวัดเฉวียนมากขึ้นเรื่อยๆ แพรพลอยขี่นำไป ก็เหลือบมองอิศร์ที่ยังตามมาไม่ลดละไปด้วย
แพรพลอยเริ่มลืมตัว มัวแต่คิดจะเอาชนะอิศร์ด้วยการขับหนีให้อิศร์ตามมาไม่ทัน เลยพะวงกับการมองกระจกข้าง ไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่วิ่งเป๋มา เพราะคนขับเมา อิศร์ขับตามเห็นรถคันนั้นก็ตกใจ รีบบีบแตร ตะโกนลั่น
“คุณแพร ระวัง”
แพรพลอยเหลือบมองไปข้างหน้า เห็นรถพุ่งมาตรงหน้าเหมือนจะชนก็รีบหักหลบ รถพุ่งเฉียดฉิวการชนไปอย่างหวุดหวิด แต่แพรพลอยยังหยุดรถได้ด้วยท่าเท่ๆ โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ
“เฮ้ย ไอ้บ้า”
อิศร์ตะโกนไล่หลัง ขณะรถคู่กรณีรีบพุ่งตัวหนีไป อิศร์รีบจอดรถลงมาหาแพรพลอยที่ยังยืนใจเต้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณแพร”
แพรพลอยส่ายหน้า แต่อิศร์ไม่เชื่อตรงมาจับเนื้อจับตัว แพรพลอยตกใจอยู่เลยไม่สะบัด
“แน่ใจนะคุณ”
“ฉันไม่ได้โดนชน แค่เกือบ”
อิศร์มองเป็นห่วง “คุณขี่ต่อไปไหวหรือเปล่า”
แพรพลอยเห็นสายตาห่วงใหญ่ของอิศร์ก็รู้สึกละอายใจที่ตัวเองบุ่มบ่าม เลยท่าทีอ่อนลง พยักหน้า
“ไหวค่ะ ใกล้ถึงคอนโดฉันแล้ว”
แพรพลอยสวมหมวกกันน็อคแล้วขี่ต่อไป อิศร์มองตามห่วงๆ แล้วขึ้นรถตัวเองตามไปเช่นกัน
แพรพลอยถึงคอนโด ก้าวลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคแล้วเดินมาหาอิศร์ที่จอดรถต่อท้าย
“ขอบคุณที่ตามมาส่งนะคะ”
อิศร์ยิ้มร่า แล้วมองตึกคอนโด
“คุณจะไม่เชิญผมขึ้นไปกินกาแฟ ขนมนมเนยบ้างเลยเหรอ”
แพรพลอยมองอย่างรู้ทัน แล้วชี้ไปที่เซเว่นหน้าคอนโด
“นั่นไง มีทั้งกาแฟ ขนมนมเนย ข้าวกล่อง มาม่า คุณเลือกได้ตามสบาย”
“ห้องคุณไม่มีอะไรให้กินเลยเหรอ”
“มี แต่ฉันเหนื่อยแล้วก็อยากนอนมาก ฉันไม่มีเวลามาชงกาแฟหรือทำอะไรให้คุณกินหรอก เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”
“แสดงว่าผมมาส่งคุณได้อีกเหรอ”
แพรพลอยอึ้ง รู้ตัวว่าพลาดไป ตีหน้าเฉยเมย
“ถ้าฉันยังไม่ย้ายคอนโดหนีคุณไปซะก่อน ก็คงมีโอกาสมั้งคะ”
แพรพลอยจะเดินไป แล้วนึกได้หันกลับมา
“อย่าบอกแม่เรื่องที่ฉันเกือบเกิดอุบัติเหตุวันนี้นะ”
“ก็ได้ แต่คราวหลังก็อย่าเสี่ยงแบบนั้นอีก คุณไม่จำเป็นต้องทำกับผมเหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่อยากอยู่ใกล้ ผมแค่พยายามจะเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้น”
อิศร์พูดอย่างจริงใจ จนแพรพลอยอึ้งไป
แพรพลอยเริ่มรู้สึกดีกับอิศร์ แต่กำแพงในใจที่ไม่ค่อยเปิดรับใครง่ายๆ ทำให้ไม่ยอมแสดงออกมา นอกจากพยักหน้ารับรู้อย่างเฉยเมย แล้วเดินออกไป
อิศร์มองตาม ยิ้มนิดๆ ที่แพรพลอยไม่ปฏิเสธมิตรภาพ แล้วเดินไปที่รถ
อิศร์ขึ้นมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แล้วขับออกไป แพรพลอยยืนมองอยู่จากหน้าต่างห้อง รำพึงเบาๆ
ทำไมต้องอยากเป็นเพื่อนกับเรา” นึกแล้วส่ายหน้า “พิลึกคน”
อริสรานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องรับแขก มองไปหน้าบ้านอย่างกระวนกระวาย สลับกับนาฬิกา เสียงเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามา อริสราลุกพรวดไปชะโงกดูอย่างดีใจ แล้วหายเข้าครัวไป อริสราออกมาอีกทีพร้อมถาดใส่นมอุ่น เตรียมจะเอาไปให้อิศร์ แต่ดันเจอไอศูรย์ดักหน้าอยู่
“จะไปไหน”
อริสราไม่ตอบ พยายามจะเบี่ยงตัวหนี แต่ไอศูรย์ขวางไว้
“ฉันจะเอานมไปให้อิศร์ เมื่อตอนค่ำอิศร์กับคุณมายาวีไปเล่นกีฬากัน คงจะเหนื่อย”
ไอศูรย์ยิ้มเยาะ “กีฬาบางประเภทมันก็ไม่เหนื่อยหรอก”
“อย่ามาพูดสกปรกนะ”
“คุณไม่กล้าคิดล่ะสิ ว่าเขาสองคนพากันไปไหนมา”
อริสราสะบัดหน้าหนีอย่างฉุนๆ ไอศูรย์หยิบแก้วนมมากินเองจนหมด
อริสราหันมาเห็นก็โมโห “คุณไอศูรย์”
“ถ้าคุณอยากจะโด๊ป โด๊ปผมดีกว่า” ไอศูรย์ยิ้มเยาะ “ตอนนี้ผมมีแรงแล้ว”
ไอศูรย์เข้าฉวยตัวอริสราอุ้ม ถาดแก้วนมหล่นดังเพล้ง อริสราดิ้น
“ปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไร”
ร่างอริสราถูกโยนลงบนเตียง รีบถอยหนีอย่างระแวง
“คุณจะทำอะไรฉัน”
“นี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแอ๊บ หึๆๆ”
ไอศูรย์พูดพลางปลดสายเสื้อคลุมนอน แล้วขึ้นมาบนเตียง
อริสราถอยหนี “อย่านะ”
“ทำเป็นไม่เคยไปได้” ไอศูรย์ขยับเข้าใกล้ ลูบคอ ลูบไหล่อริสราอย่างหื่นๆ
อริสรารีบสะบัด แล้วพยายามจะลุกหนี แต่ไอศูรย์คว้าแขนดึงกลับมา อริสราล้มลงบนเตียงอีก ไอศูรย์โถมเข้ามาอย่างหื่นกระหาย
“เอาสิ ถ้าคุณคิดจะใช้กำลังกับฉันก็เอาเลย แต่ขอให้รู้ไว้ว่าฉันจะไม่ยอมมองหน้าคุณ ฉันจะหลับตา ! แล้วฉันก็จะคิดว่าเป็นอิศร์ ไม่ใช่คุณ !
ไอศูรย์ชะงัก ถลึงตาอย่างโกรธแค้น
“ฉันจะคิดว่าคนที่แตะต้องฉันอยู่ คือคนที่ฉันรักเท่านั้น”
ไอศูรย์มองอริสราอย่างเสียใจ แค้นใจ แล้วโถมเข้าหาอริสราสุดแรง อริสราร้องวี๊ด
อิศร์กำลังจะเดินเข้าบ้าน ชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องดังแว่วมาจากบ้านอำพล อิศร์มองไป เห็นหน้าต่างห้องไอศูรย์เปิดไฟ มีเสียงโต้เถียงของอริสรากับไอศูรย์แว่วมาเบาๆ จับใจความไม่ได้
อิศร์หยุดมองสีหน้าไม่ดี ลึกๆ ก็เป็นห่วงอริสราเหมือนกัน แต่ดวงเดินออกมาเรียกเสียก่อน
“คุณอิศร์คะ เข้าบ้านเถอะค่ะ”
อิศร์สบตากับดวงอย่างกังวล แล้วมองไปทางบ้านอำพลอีก ดวงพูดอย่างรู้ใจ
“ยิ่งคุณอิศร์เข้าไปเกี่ยวข้อง ปัญหามันก็จะยืดเยื้อนะคะ”
"แต่..." อิศร์ใจอ่อนอีก
"คุณไอศูรย์เธอรักเมีย โกรธแค่ไหนก็ทำร้ายคุณอริสไม่ลงหรอกค่ะ"
อิศร์คิดตามเห็นด้วย เลยเดินตามป้าดวงเข้าบ้าน แต่ไม่วายมองไปที่บ้านอำพลอีกครั้ง
รุ่งเช้า ไอศูรย์หลับอยู่บนเตียง แล้วพลิกตัวมาทางฝั่งอริสรา ก่อนจะสะดุ้งตื่น เมื่อไม่เห็นอริสราอยู่ข้างๆ
“อริส”
ไอศูรย์โงหัวขึ้นมา เห็นเบญพยายามลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกไปจากห้องพอดี
“ทำอะไรน่ะ”
เบญสะดุ้งโหยง ไอศูรย์มองงงๆ อริสราเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เสร็จแล้วใช่ไหม ฉันเอาไปเอง”
อริสราทำเป็นมองไม่เห็นไอศูรย์ แล้วดึงกระเป๋าจากเบญลากออกไป ไอศูรย์งง
อริสราลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องอีกห้อง ไอศูรย์รีบตามมา
“คุณกำลังจะทำอะไรอริส”
“ตั้งแต่นี้ต่อไปฉันจะนอนที่ห้องนี้”
“ทำไม”
“เพราะฉันไม่มีความสุขที่จะอยู่ใกล้คุณ”
ไอศูรย์หน้าเสีย เห็นอริสรามองด้วยสายตาชิงชัง รีบอ่อนลง
“อริส ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน ผมขอโทษ คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไงบอกมาเถอะ อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ”
ไอศูรย์กอดอ้อน อริสราสะบัดออก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ฉันรังเกียจคุณ ! ออกไป”
อริสราผลักไอศูรย์ออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูใส่หน้าดังปัง !
ไอศูรย์ผลุนผลันกลับเข้ามาในห้อง ตัวสั่นด้วยความโมโหและเสียใจ มองไปตู้เสื้อผ้าที่เปิดทิ้งไว้ เหลือแต่ความวางเปล่า ไอศูรย์ปราดเข้าไปกระชากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง ข้าวของไม่มีเหลือเพราะเจ้าตัวยกไปหมด ก็ยิ่งโมโห ปาทิ้งอย่างแค้น
“ไอ้อิศร์ เพราะแกคนเดียวทำให้อริสเป็นอย่างนี้”
สีหน้าไอศูรย์คั่งแค้นสุดขีด
อ่านต่อตอนที่ 3