เรือนกาหลง ตอนที่ 5
จอกวิ่งหนีรอบโบสถ์ สามคนวิ่งไล่จับแต่จอกวิ่งหนีไปอีก วนไปทางซ้าย สัปเหร่อขาว เฟื้อง โขง วิ่งไล่มาถึงหน้าโบสถ์เหนื่อยหอบ
“วิ่งวนซ้ายครบสามรอบแห่เข้าโบสถ์ได้เลย” โขงพูดไปหอบไป
เฟื้องสวนทันที
“มันไม่ได้บวช”
สัปเหร่อขาวตัดบท
“อย่ามัวโอ้เอ้ ไปตามมัน”
ทั้งสามจะวิ่งตามจอก แต่ไม้เข้ามาขัดไว้
“พ่อไม่ต้องวิ่งตามหรอก รอท่าอยู่ตรงนี้ ประเดี๋ยวมันก็วิ่งวนทบรอบกลับมา”
สามคนคิดตาม
“เออว่ะ...”
จอกวิ่งหนีมาแล้วเจอพวกสัปเหร่อขาว ไม้เข้าไปหา
“จอก เอ็งไม่ต้องกลัว ข้าเอง”
จอกค่อยๆนิ่ง
“ไม้พี่ไม้ของเอ็ง”
จอกหยุดมองไม้ แล้วนิ่งลงกาหลงเดินเข้ามาบริเวณโบสถ์ ยืนอยู่ด้านหลังห่างจากไม้ จอกหันไปมองเห็นกาหลงก็ตกใจ สายตาจอกเห็นกาหลงหน้าซีดเป็นผียืนมองเขาอยู่ จอกตกใจโวยวายลั่นแล้ววิ่งหนี
“ช่วยด้วย”
จอกผลักทุกคนวิ่งหนีออกไปได้ สัปเหร่อขาวตะโกนบอกจัน
“ผีตัวนี้ฤทธิ์มันเยอะ นังจันเอ็งไปเอา ผ้ายันต์กันผีมา”
จันรีบวิ่งออกไปทันที พวกไม้เป็นห่วงจอกรีบวิ่งตามไป
จอกวิ่งหนี กาหลงวิ่งเข้ามาเรียก
“จอก”
จอกวิ่งหนีมาจนมุม ไม่มีทางหนี
“จอกเป็นอะไร”
“ฉันกลัวแล้ว...อย่าหลอกอย่าหลอนฉันเลย”
จอกก้มลงปิดหน้าปิดตากลัวมาก กาหลงคิดตามคำพูดของจอกก็ตกใจ
“เอ็งกลัวข้าวันที่ไปเก็บบัว...”
กาหลงมอง จอกหันมาจ้องหน้ากาหลง ภาพตอนที่เขาพลิกร่างใต้น้ำหันมาเป็นหน้ากาหลงแว่บเข้ามา จอกร้องไห้
“ข้ากลัวแล้ว ข้ากลัวแล้ว”
กาหลงตกใจ
“เอ็งรู้ความจริง”
“ผี...ผี...ผี”
จอกลุกขึ้นร้องไห้โวยวายลั่น กาหลงตกใจ ทันใดนั้นพวกไม้วิ่งเข้ามา สัปเหร่อขาวเอาผ้ายันต์ไปทาบบนหน้าผาก จอกร้องโวยวายแล้วทรุดตัวหมดสติไป โขงตกใจ
“ไอ้จอก”
กาหลงยืนมองด้วยความตกใจ ไม้เข้าไปประคองกลัวเธอจะตกใจ
“กาหลงไม่ต้องกลัว พี่อยู่กับเอ็งแล้ว”
กาหลงมองจอกด้วยความสงสาร ที่รู้ว่าเธอเป็นผี ทำให้สติฟั่นเฟือน
เพชรวิ่งกลับมาที่เรือ แล้วมองไปเห็นด้านหลังใครกำลังรื้อของในเรือ
“ขโมย”
เพชรรีบวิ่งไปที่เรือ ตะโกนพร้อมจับตัวโจรให้หันหน้ามา
“หยุดนะ ไอ้หัวขโมย”
ชบาถูกดึงตัวมา เซเข้ามาอยู่ในอ้อมอก เพชรมองหน้าชบาอึ้งๆในความสวย
“ผู้หญิง”
ชบาตกใจที่อยู่ในอ้อมกอดของเขารีบผลักออก
“ปล่อยฉัน”
“ไม่ปล่อยไอ้หัวขโมย”
เพชรยื้อไว้ ชบาพยายามดิ้นหนี ทั้งสองจึงผลัดตกลงไปในน้ำด้วยกันทั้งคู่
กาเหว่าวิ่งมาใกล้ถึงบ้าน ตะโกนเสียงดังลั่น
“แม่จ๋า ฉันกลับมาแล้วจ้ะแม่”
กาเหว่ารีบวิ่งไปที่เรือน พุดจีบเดินผ่านมา เห็นกาเหว่ากลับมาก็ดีใจ
“กาเหว่า”
ชบาจะลุกขึ้นจากน้ำเพื่อขึ้นฝั่ง เพชรโผล่เข้ามาดึงตัวไว้
“จะหนีไปไหนไอ้โจรห้าร้อย”
“ฉันไม่ได้เป็นโจร ปล่อยฉัน”
“ปากแข็งแต่น่าแปลก” เพชรจับตัวชบา “ตัวนิ่มนักเทียว”
ชบาโกรธ
“ถือดียังไงมาจับต้องตัวฉัน”
ขาดคำ ชบาต่อยหน้าทันที เพชรจมลงไปในน้ำอีกรอบ ชบารีบขึ้นฝั่งวิ่งหนีไป เพชรโผล่จากน้ำ ตะโกนไล่หลัง
“กลับมาก่อนไอ้หัวขโมย”
มุมหนึ่งที่วัด...โขงช่วยนวดตัวจอกที่นอนหมดสติ
“ยันต์กันผีของข้าได้ผลชะงัดนัก” สัปเหร่อขาวบอกอย่างภาคภูมิใจ
เฟื้องแย่งผ้ายันต์โยนทิ้ง สัปเหร่อขาวตกใจ
“เฮ้ย”
“มันก็แค่ผ้าห่อศพ ไอ้ที่มันสลบ มันวิ่งจนเหนื่อยหมดแรง”
“ลบหลู่ประเดี๋ยวของเข้าตัว”
จันหันไปปราม
“เบาๆหน่อย ให้ไอ้จอกมันได้พัก ไม่งั้นมันจะลุกมาอาละวาดหนักข้อกว่าเดิมอีก”
สัปเหร่อขาวไม่พอใจ
“เอ็งเข้าข้างมัน เอ็งมีใจให้ไอ้เฟื้อง”
จันเอือมระอา
“บ๊ะ...ประเดี๋ยวแม่ก็แล่นหอบผ้าไปอยู่กินกับมันหรอก”
ไม้รีบห้าม
“พ่อกับแม่หยุดทะเลาะเถอะสงสารไอ้จอก”
สัปเหร่อขาว จันและเฟื้องจึงยอมสงบศึก โขงสงสัยไม่หาย
“ฉันอยากรู้ทีเดียวเชียว มันพบเห็นอะไรมา”
ไม้หนักใจ
“คงต้องรอให้ฟื้นตื่นมา ถึงจะได้ความ”
กาหลงมองหน้าจอก รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาเป็นอย่างนี้ เธอร้องไห้ออกมา ไม้แปลกใจ
“กาหลงร้องไห้ทำไม”
“ฉันสงสารจอกน่ะจ้ะ”
พุดจีบเข้ามาหาไม้และกาหลง
“กาหลงฉันมาแจ้งข่าวดี กาเหว่ากลับเรือนแล้ว”
กาหลงปาดน้ำตาดีใจ
“กาเหว่า”
ไม้และทุกคนรู้ข่าวต่างก็ดีใจ
กาเหว่าวิ่งเข้ามาร้องเรียกแม่กลอย
“แม่จ๋า”
แม่กลอยตำข้าวอยู่หน้าเรือนมองกาเหว่า
“ไอ้กาเหว่า”
แม่กลอยดีใจ กาเหว่าวิ่งเข้ามากอดแม่
“ฉันคิดถึงแม่เหลือเกิน”
แม่กลอยผลักกาเหว่าออก โวยวายต่อว่า
“ออกไปเลยไอ้ลูกไม่รักดี หายหัวไปไม่บอกกล่าว” แม่กลอยทุบตีกาเหว่า “ปล่อยให้ข้าตั้งตารอตัวเท่าลูกหมาริล่องเรือเที่ยว”
กาเหว่าร้องไห้บอกแม่
“แม่จ๋าฟังฉันก่อน ฉันไม่ได้หนีเที่ยว ฉันถูกพวกไอ้ขาบไล่ฆ่าฉัน”
แม่กลอยตกใจ ชบาตัวเปียกวิ่งเข้ามา
“เอ็งพูดอะไร”
กาเหว่าจึงบอกชบาและแม่กลอย
“ฉันบอกว่าไอ้ขาบมันไล่ฆ่าฉัน”
ชบาแปลกใจ
“มันจะฆ่าเอ็งทำไม เอ็งไปขโมยของมันงั้นรึ”
“ฉันรู้เห็นว่ามันฆ่าพี่กาหลง”
กาเหว่าบอกพร้อมร้องไห้โฮ แม่กลอยและชบาตกใจ
“เอ็งว่าอะไร”
“แม่พวกไอ้ขาบฆ่าพี่กาหลง พี่กาหลงตายแล้ว”
กาเหว่าเข้าไปร้องไห้บอกแม่ แม่กลอยตีแล้วผลักออกไป
“หยุดแช่งชักหักกระดูกกาหลง เอ็งกุเรื่องเอาตัวรอด”
“ฉันพูดความจริงจ้ะ พี่กาหลงตายแล้ว พี่กาหลงตายแล้ว”
กาเหว่าร้องไห้ตะโกนบอกแม่กลอยและชบา กาหลงเดินตรงเข้ามา กาเหว่าเห็นกาหลงก็ตกใจตัวนิ่งชา
“พี่กาหลง”
กาหลงมอง กาเหว่าตกใจตาค้าง
ไม้เดินเข้าตามกาหลงเข้ามา มองกาเหว่าด้วยความแปลกใจ พุดจีบซึ่งตามกาเหว่ามาเดินเข้ามาจ้องมองไปยังกาหลงแปลกใจที่กาเหว่าคิดว่ากาหลงตายแล้ว
“กาเหว่า…เอ็งพูดคำอะไรออกมา รู้ตัวหรือไม่”
กาหลงจะเดินเข้าหากาเหว่า
“กาเหว่า...”
กาเหว่าร้องไห้ตกใจวิ่งไปหลบหลังแม่
“อย่าหลอกฉันเสียเลยนะ...แม่ ช่วยฉันด้วย พี่กาหลงเป็นผี”
กาหลงเสียใจและตกใจ ชบาขัดขึ้น
“มันจะเป็นได้ยังไงเทียว เอ็งก็เห็นว่าพี่กาหลงยืนอยู่นี่”
ไม้มองกาเหว่าไม่พอใจ
“พี่เองก็เพิ่งลงหอกับกาหลง...เลิกพูดพร่ำได้แล้ว ไม่งั้นพี่จะตีเอ็งให้หนัก”
“เชื่อฉันเถอะ...พี่กาหลงถูกพวกขาบจับถ่วงน้ำ พี่กาหลงตายแล้ว พี่แต่งงานกับผี”
ไม้อึ้งตกใจ...พุดจีบหันไปมองเพื่อน กาหลงยืนอึ้งแล้วหันไปมองทุกคนที่จ้องมอง เธอตกใจเหมือนถูกจับได้
“กาหลง...เกิดอะไรขึ้น กาเหว่ากุเรื่องใช่มั้ย”
ไม้ถามเสียงเรียบ กาหลงมองหน้ากาเหว่าแล้วบอก
“กาเหว่าพูดความจริง”
ไม้และทุกคนตกใจ...กาเหว่ายิ่งกลัวมากขึ้น กอดซ่อนตัวหลังแม่กลอยไว้แน่น กาหลงหันมาถามกาเหว่า
“เอ็งเห็นเรื่องทรามในวันนั้น”
กาเหว่าพยักหน้ารับด้วยความกลัว
“ตาเอ็งไม่ฝาดแท้เทียว...พี่ถูกพวกไอ้ขาบจับถ่วงน้ำ”
กาเหว่าหน้าตื่น
“นั่นไง...พี่กาหลงพูดแล้วว่าเป็นผี”
กาหลงสวนทันที
“แต่พี่แก้เชือก ดิ้นเอาตัวรอดมาได้”
“ไม่จริง ฉันช่วยพี่แก้ก็ยังแก้ไม่ออก” กาเหว่าเถียง
แม่กลอยหันมามองกาเหว่า
“เอ็งเห็นศพกาหลงรึ”
กาเหว่าส่ายหน้า
“ฉันช่วยแก้เชือก...ขาบมันดำน้ำมุ่งมาแทงฉัน ฉันจึงต้องหนี จะแข็งใจวิ่งมาบอกแม่ มันก็วิ่งไล่ ฉันเลยลงเรือพ่อค้าหนีไปต่างเมือง”
กาหลงมองหน้าน้องชาย
“กาเหว่า...พี่ขอบน้ำใจเอ็งมากที่คิดช่วยพี่ เอ็งเชื่อพี่เถอะ...พี่สลัดเชือกหลุดมาได้”
กาเหว่ามองด้วยความไม่แน่ใจ
“เอ็งก็เห็นพี่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ผีตนไหนจะมายืนคุยกับเอ็งกลางวันแสกๆ...มาหาพี่สิ”
กาเหว่ายืนมองกาหลง ลังเล
“หรือเอ็งไม่รักพี่แล้ว”
กาหลงนั่งคุกเข่าร้องไห้ กาเหว่าตัดสินใจเดินมาหากล้าๆกลัว กาหลงยื่นมือมา กาเหว่าจับมือแล้วจับหน้า...กาหลงยิ้มให้ กาเหว่ารู้ว่าสัมผัสตัวได้จึงกอดพี่สาว
“ฉันรักพี่นะ”
กาหลงโอบกอดกาเหว่าร้องไห้ด้วยกัน
“พี่ก็รักเอ็ง ถ้าใครทำร้ายเอ็งอีก พี่จะเล่นงานให้สิ้นใจทีเดียว”
แม่กลอยกับชบายืนมองภาพนั้นด้วยความตื้นตันใจ เมื่อรู้ว่ากาหลงรอดชีวิตมาได้...ไม้ยืนมองโกรธที่พวกขาบทำร้ายกาหลง เขาเดินออกไปด้วยความโกรธ พุดจีบหันไปเห็นเดินตามไม้ไป
ไม้เร่งฝีเท้าจะเดินไปเอาเรื่องพวกขาบ พุดจีบรีบตามมา
“พี่ไม้จะไปไหน”
“พี่จะเอาเลือดหัวพวกมันออก”
“พี่ใจเย็นก่อน พี่น่าจะฟังความให้รู้ชัด”
“พุดจีบก็ได้ยินว่ามันทำหนักเกินไปละ พี่จะไปฆ่าพวกมัน”
“อย่าเพิ่งโมโหไม่ทันคิดนักสิพี่”
ไม้ไม่ฟัง วิ่งออกไป พุดจีบมองด้วยความเป็นห่วง
พวกขาบพากันเดินมาที่กลางทุ่ง เพื่อจะไปหาโชติ มั่นเข้ามาจับมือไว้
“กลับมาจะดีรึ ป่านนี้ไอ้กาเหว่ามันไปโพนทะนาทั้งคุ้งแล้วว่าพวกเราฆ่าพี่สาวมัน”
“ใช่พี่...พวกเราต้องโดนจับส่งทางการ หรือไม่...” ปองหวั่นกลัว
“ไอ้ไม้ก็ฆ่าเราให้ตายตกตามกาหลง” มั่นชิงพูด
ขาบหันมาด่า
“ไอ้ตาขาว...พี่โชติอยู่ทั้งคน บารมีพี่โชติกับพ่อผู้ใหญ่คุ้มกะลาหัวพวกเราได้”
ปองและมั่น มั่นใจขึ้น สิงเดินเข้ามาหาพวกขาบ ทุกคนดีใจ
“พี่สิง ช่วยพวกฉันด้วย”
สิงเข้าไปต่อยหน้าขาบแล้วหันไปต่อยมั่น ต่อยปองด้วยความโมโหทันที
ไม้เดินตรงมาหน้ากระท่อมสิง ตะโกนลั่น
“พวกเอ็งออกมา”
โชติเข้ามาถามไม้
“เอ็งมาก่อกวนอะไรอีกวะ”
“เอ็งมันตัวการใหญ่ ไอ้สารเลว”
ไม้พุ่งเข้าต่อยทันที โชติไม่ทันตั้งตัวเซล้ม ไม้ตรงเข้าไปซ้ำ โชติตอบโต้สู้อย่างเต็มที่ พุดจีบวิ่งเข้ามาห้าม
“พี่ไม้ หยุดเถอะ”
ไม้ไม่ฟังเสียงเข้าเล่นงานโชติ
กาหลงยืนมองหน้าเรือน แปลกใจที่ไม้หายไป กังวลใจว่าเขาต้องไปแก้แค้น
“พี่ไม้”
ไม้ต่อย โชติได้ทีก็เล่นงานกลับ ไม้ไม่ยอมแพ้ต่อสู้เต็มกำลัง พุดจีบเข้าไปห้าม
“ฉันขอเถอะ อย่าเพิ่งวู่วาม”
ไม้ไม่ฟังเข้าไปต่อยโชติล้มลงกองกับพื้น แล้วชักมีดขึ้นมาเพื่อจะแทง
“เอ็งฆ่ากาหลงเอ็งก็ต้องตาย”
พุดจีบเห็นอย่างนั้นก็ตกใจ ไม้เงื้อมือจะแทงโชติ พุดจีบตะโกนบอก
“ถ้าพี่ฆ่าพี่โชติ พี่ก็ต้องโทษตายตกไปตามกัน...แล้วกาหลงจะอยู่กับใคร”
ไม้ชะงักหยุดคิด พุดจีบรีบเข้าไปอ้อนวอนไม้
“พี่ยังมีกาหลงที่ต้องดูแล จะทำการใด พี่ต้องคิดเสียให้รอบ”
ไม้คิดตัดสินใจมองโชติแล้วลุกขึ้นเก็บมีด ถอยห่างโชติ หันไปบอกพุดจีบ
“พี่ขอบใจเอ็งมาก”
โชติค่อยๆลุกขึ้น แล้วตะโกนบอกไม้
“เอ็งคิดฆ่าข้า ข้าจะบอกให้พ่อจับเอ็งส่งไปลงโทษ”
ไม้สวน
“เอ็งต่างหากที่ต้องโดนลงโทษ”
มุมหนึ่งที่ทุ่งนา สิงต่อยขาบล้มลงไปกองกับพื้น ชนกับปองที่นอนกองอยู่ สิงกระชากตัวมั่นขึ้นมาจะต่อย มั่นยกมือห้าม
“พอเถอะพี่...ฟันจะร่วงแล้ว ฉันขอ...”
มั่นยกมือไหว้ขอในสภาพหน้าเปรอะเลือด สิงต่อยหน้าอีกหมัด มั่นล้มลงกองกับพื้น
“พวกเอ็งคิดหนี พวกเอ็งต้องตาย”
“พวกฉันไม่ได้หนี พวกฉันมีความใหญ่จะแจ้งพี่โชติ” ขาบรีบบอก
สิงสงสัยอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
ไม้เดินตรงเข้าหาโชติ...
“เอ็งต้องถูกจับเพราะเป็นตัวการใหญ่ สั่งให้ลูกน้องจับกาหลง ถ่วงน้ำ”
โชติตกใจ คิดว่ากาหลงบอกความจริงกับไม้ ทันใดนั้นกาหลงเข้ามาบอกไม้
“พี่ไม้เข้าใจผิดจ้ะ”
ไม้และพุดจีบหันไปมองกาหลง...ไม้ไม่เชื่อ
“หากไม่ใช่มันสั่งการ แล้วพวกไอ้ขาบจะลงไม้ลงมือฆ่ากาหลงด้วยเหตุใด”
กาหลงมองไปที่โชติ เขาหวั่นใจกลัวกาหลงบอกความจริง ไม้และพุดจีบรอฟังคำตอบจากกาหลง...
“พวกมันมีแผนไปขุดกรุพระ ฉันผ่านไปเห็นเข้า มันเลยจะฆ่าฉันปิดเรื่องเสีย โชติไม่ได้มีเกี่ยวเรื่องนี้แม้แต่น้อย”
โชติได้ฟังเรื่องราวก็คลายกังวล กระหยิ่มยิ้มที่กาหลงไม่บอกความจริงเรื่องที่เขาจะขืนใจเธอ
“คงเป็นจริงอย่างเอ็งว่า มันทำผิดหนีหายไปหลายวันแล้ว”
ไม้เจ็บแค้น
“วานบอกพวกมัน...ข้าจะจับมันไปให้ทางการและจะเล่นงานให้สมที่มันทำกับกาหลงเมียข้า”
พุดจีบตัดบท
“รู้ความจริงชัดกันแล้ว...กาหลงพาพี่ไม้กลับเรือนเถอะ”
กาหลงยิ้มรับ แล้วเดินออกไปกับไม้ พุดจีบหันไปมองโชติที่เข้ามาหาเธอ
“ฉันขอบน้ำใจที่พุดจีบเป็นห่วงฉัน...คอยห้ามปรามไอ้ไม้”
“ฉันไม่นึกคิดห่วงพี่แม้แต่น้อย...ฉันเพียงป้องไม่ให้พี่ไม้ต้องติดร่างแหทำชั่วโดยไม่รู้ตัว”
พุดจีบเดินออกไป โชติตะโกนไล่หลัง
“เอ็งเป็นห่วงเป็นใยมัน ทั้งๆที่มันออกเรือนไปกับกาหลงแล้วงั้นรึ”
พุดจีบหยุดคิด รู้สึกสะเทือนใจ แล้วเดินออกไป โชติมองตามพุดจีบ คิดจะแต่งงานกับพุดจีบ
“พุดจีบ...ข้าไม่ยอมเสียเอ็งให้ใครเด็ดขาด”
ไม้เดินมาแล้วหยุดที่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน เขาพูดโดยไม่หันมามองกาหลง
“เรื่องเป็นเรื่องตาย ทำไมกาหลงปิดบังพี่” ไม้หันมาถาม “รึกาหลงเห็นพี่เป็นคนอื่นคนไกล”
“ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้ เพราะฉันไม่อยากก่อกรรมสร้างเวรอีก”
“กาหลงปล่อยพวกมันก็เท่าเสริมส่งให้มันได้ใจ คิดทำชั่วไม่เลิกรา”
“ฉันคิดเสียว่ามันเป็นวิบากกรรมที่ฉันต้องชดใช้...พี่เองก็คงจำ คำสอนของหลวงพ่อได้ดี เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร และการให้อภัยชีวิต ถือเป็นทานอันสูงส่ง”
“พี่เกรงว่ามันจะทำร้ายกาหลง”
กาหลงเดินเข้ามาหาจับมือเขาบอกให้คลายกังวล
“เชื่อใจฉันเถิด พวกมันไม่กล้ายุ่งกับฉันอีก”
กาหลงเข้าซบอกเขา มั่นใจว่าพวกโชติไม่กล้าทำร้ายและเธอก็ไม่เกรงกลัวพวกมันอีก
แม่กลอยเอามือลูบหัวกาเหว่า...
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา เดชะบุญที่เอ็งรอดมาได้ แล้วใครช่วยเอ็งไว้”
“พี่เพชรจ้ะแม่”
แม่กลอยแปลกใจสงสัย
“ใครกัน”
กาเหว่านึกได้
“นี่ก็นานโข พี่เพชรยังมาไม่ถึงเรือนอีก ท่าจะหลงทาง”
กาเหว่าแปลกใจที่เพชรยังไม่มาที่เรือน
มุมหนึ่งบริเวณเรือนแม่กลอย...ชบาตักน้ำราดขัดถูร่างกายให้สะอาดมองเนื้อตัวแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เพชรเข้ามาสวมกอดจับเนื้อตัว ชบาไม่พอใจขยะแขยง
“คนสัปดน เจอหน้าอีกฉันจะเล่นให้หนัก”
ชบารีบจ้วงตักน้ำราดตัว ทันใดนั้นเสียงเพชรดังขึ้น
“น้องสาวจ๊ะ...เรือนของกาเหว่าอยู่ไหน”
ชบาหันไปมองเห็นหน้าเพชรก็ตกใจ
“เอ็ง”
“นังโจร”
“ฉันไม่ได้เป็นโจร”
“ข้ายังไม่ได้ค้นตัวเลยว่าขโมยเงินข้าไปเท่าใด”
เพชรแสร้งจะเข้ามาทำทีเป็นค้นตัวเพื่อแกล้ง ชบาตกใจ
“ออกไปนะ ออกไป...ประเดี๋ยวผ้าหลุด”
เพชรมองแล้วยิ้มเย้ย
“อุบ๊ะ...หนีมาผลัดผ้า เปิดเนื้อเปิดตัว หวังให้ข้าใจอ่อนยอมความ ผิดเสียแล้ว ข้าไม่นึกใคร่หัวขโมย มา ข้าจะค้นตัวเสียให้ทั่ว”
เพชรจะเข้าไปจับตัว ชบาตกใจวักน้ำใส่ ปาขันปาสารส้มใส่
แม่กลอยและกาเหว่าอยู่บนเรือน ได้ยินเสียงเอะอะจากนอกบ้าน
“ออกไปนะ ไอ้ลามก”
แม่กลอยและกาเหว่าได้ยินก็ตกใจ
“พี่ชบา”
แม่กลอยและกาเหว่ารีบลุกออกไปจากเรือนทันที
ชบาหยิบของปาใส่...เพชรร้องลั่น
“โอ๊ย...ข้าไม่เล่นด้วยถึงกับดุร้ายใส่ อย่างนี้ต้องจับเข้าตาราง”
เพชรแกล้งจะเข้าไปจับ ชบากันตัวไว้
“ออกไป ข้าบอกให้ออกไป”
ชบากันท่ายื้อฉุดกัน แล้วเพชรก็ล้มทับร่างของเธอ ชบามองหน้าเขา แม่กลอยและกาเหว่าเดินเข้ามาเห็น แม่กลอยตกใจ
“ไอ้หื่น”
กาเหว่าหันไปหยิบไม้ฟืนส่งให้แม่
“ซัดให้สลบเหมือดเลยแม่”
แม่กลอยคว้าไม้ฟืนแล้วเข้าไปฟาดด้านหลัง เพชรสลบฟุบหน้าทับชบา
“แม่ช่วยฉันด้วย”
“มันเป็นใครกัน ขอดูน้ำหน้าไอ้ชาติชั่ว”
กาเหว่าจับเพชรพลิกตัวเห็นหน้าเพชรนอนสลบก็ตกใจ
“พี่เพชร” กาเหว่หน้าเสีย รู้สึกผิดมากบอกแม่และพี่สาว “ซวยแล้วจ้ะแม่”
แม่กลอยและชบางงๆ
ค่ำนั้น กาหลงยกสำรับกับข้าวมาวางไว้ให้ ไม้ยังน้อยใจ
“ต่อจากนี้...ฉันจะไม่ปิดบังเรื่องใดกับพี่อีก”
“เราสมัครใจป็นคู่กันแล้ว พี่ไม่สิ้นห่วงได้เลย ถึงมีสองกายแต่ก็ใจเดียว จะคิดทำอะไร วานนึกถึงกัน”
กาหลงยิ้มรับคำ
“จ้ะพี่...”
“กาหลงทายใจพี่สิ พี่อยากกินอะไร”
กาหลงมองกับข้าวที่วางไว้ ซึ่งมีน้ำพริกมีผัก มีปลาย่าง แล้วก็แกง เธอบิเนื้อปลา แล้วเอามาคลุกข้าว ป้อนให้เขา
“เอ็งช่างรู้ใจพี่นัก”
กาหลงป้อนข้าวให้ ไม้กินข้าวจากมือของเมียรัก ไม้ตักอาหารจะป้อนให้บ้าง กาหลงทักขึ้น
“พี่ไม่ถามฉันสักคำว่าฉันอยากกินอะไร”
“ใยต้องถาม พี่บอกแล้วไง ว่าใจเราสองเป็นดวงเดียวกัน”
ไม้ป้อนข้าวให้ กาหลงกินข้าวจากมือเขา ทั้งสองผลัดกันป้อนข้าวให้กัน กาหลงมีความสุขใจมาก
พุดจีบนั่งทำน้ำอบน้ำปรุง แม่บุญอิ่มเดินเข้ามาถาม
“ลูกทำน้ำอบน้ำปรุงเสียมากมาย จะจ่ายแจกใครรึ”
“ลูกตั้งใจจะแบ่งให้กาหลงจ้ะ”
แม่บุญอิ่มยิ้มรับแล้วคุยกับพุดจีบ
“ลูกสาวแม่ถึงเวลาออกเหย้าออกเรือนได้แล้ว”
พุดจีบเข้ามาอ้อนแม่
“แม่ไม่รักลูกแล้วเหรอจ้ะ ถึงชอบไส ให้ลูกไปอยู่ที่อื่น”
“อยู่กับแม่ จะตกเป็นขี้ปากให้เขาติฉินได้สิเล่า ว่าลูกแม่ขายไม่ออก”
“ลูกยังไม่สนใจชายใด คงต้องรอให้มีเทพบุตรมาจุติเสียก่อน”
“รอพ่อเทพบุตรท่าจะป่วยการ...แม่คงแก่เฒ่าไม่ทันอุ้มหลาน เห็นทีแม่ต้องจัดการให้เสียแล้วกระมัง”
แม่บุญอิ่มเข้าโอบกอดลูกสาวคิดจะหาคู่ให้ พุดจีบรู้สึกกังวลใจ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เรือนกาหลง ตอนที่ 5 (ต่อ)
พวกขาบกระเด็นลงไปนอนหมอบกับพื้นตรงหน้าโชติ โดยมีสิงคุมเชิง มั่นคลานเข้ามาบอกโชติ
“พี่โชติ เล่นงานพวกฉันทำไม...พวกฉันมีข่าวดีมาบอก”
โชติยิ้มรับ แล้วเตะมั่นกระเด็นออกไป
“ข่าวดีที่พวกเอ็งปล่อยนังกาหลงไปงั้นรึ”
“ไม่ได้กินเสียแหละ พวกเราจับมันถ่วงน้ำ มันตายแล้วนะพี่” ปองบอกอย่างมั่นใจ
“ไอ้กาเหว่ามันเข้ามาเห็น พวกเราจึงต้องไล่จับมัน...ตอนนี้มันกลับมาได้ มันคงบอกเรื่องราวทั้งหมด พวกฉันก็มาพึ่งใบบุญพี่”
ขาดคำของขาบ โชติชักมีดออกมา
“เอ็งหยุดปดเสียทีสิล่ะ...ไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นเสีย”
พวกขาบตกใจ...
“กาหลงมันรอดมาได้ ร่วมหอไปกับไอ้ไม้แล้ว” สิงบอกเสียงเข้ม
ขาบตกใจ
“ไม่จริง”
โชติโกรธมาก
“ข้าจะลากคอพวกเอ็งไปเห็นกับตา หากใช่อย่างที่ข้าพูด ข้าจะฆ่าเอ็ง”
พวกขาบตกใจกลัวตา จำยอมรับฟังอย่างที่โชติบอก
“มันคงสลัดเชือกรอดได้จริงๆ” มั่นพูดเบาๆ
โชติโมโหไม่หาย
“พวกเอ็งยังดวงดีที่กาหลงไม่เอาความ”
พวกขาบค่อยโล่งใจ
“แต่ไอ้ไม้มันจะเอาเรื่อง”
พวกขาบตกใจกลัว...โชติหนักใจ
“พวกเอ็งไปหลบซ่อนที่ท้ายนา ถึงเวลาข้าจะเรียกใช้”
ขาบรับคำ
“จ้ะพี่”
พวกขาบรีบเดินออกไป โชติไม่พอใจนัก
เช้าวันใหม่...ไม้นั่งตีระนาดซ้อมมืออยู่ที่ท่าน้ำท่าน้ำเรือนกาหลง ยิ้มมีความสุขใจ กาหลงเดินมาดู แล้วขยับท่ารำตามจังหวะระนาด กาหลงรำอย่างอ่อนช้อยสวยงาม ไม้วางไม้ตีระนาดแล้วฮึมเสียงดนตรีต่อเนื่องกับเพลงที่ตี กาหลงรำอย่างอ่อนช้อย ไม้ฮัมเสียงดนตรีแล้วรำเข้ามาเกี้ยว ทั้งสองรำคู่กัน ไม้เข้ามารำโอบกอดหอมแก้ม กาหลงเขินอายรำหนีออกห่าง ไม้รำเข้าไปตามเกี้ยว ชาวบ้านพายเรือผ่านท่าน้ำมองไปที่ไม้เห็นเขารำอยู่คนเดียว
“ไม้ท่าจะเพี้ยน รำร้องกรุ้มกริ่มอยู่ผู้เดียว”
ชาวบ้านส่ายหัวแล้วพายเรือออกไป ไม่สนใจ...ไม้รำคู่กับกาหลงอย่างมีความสุข
เพชรนอนอยู่เริ่มรู้สึกตัวมองไปรอบๆจะลุกขึ้น แต่ได้ยินเสียงคนเดินมาจึงล้มลงนอนเอียงข้างหลบหน้า ชบาเดินเข้ามาที่หน้าห้องเรียกหากาเหว่า
“กาเหว่า”
ชบามองไปไม่เจอกาเหว่าแล้วมองเพชรที่นอนอยู่
“สายตะวันโด่ยังไม่ตื่น...ขี้เซานัก”
ชบายิ้มกระหยิ่มคิดแกล้ง เพชรรู้ว่าเป็นชบาจึงแกล้งหลับตา ชบาเดินตรงมาหาแล้วหยิบไม้ขึ้นมาจิ้มตัวให้ตื่น
“ตื่นได้แล้ว...ตื่นๆ”
เพชรรู้สึกจั๊กกะจี้จำต้องทน ชบาเห็นเขานิ่งนานมากชักกังวลใจ
“รึตายแล้ว”
เพชรได้ยินก็นึกสนุก กลั้นหายใจ ชบาจับพลิกตัวเขามานอนหงาย เพชรก็นอนนิ่งแสร้งไม่หายใจ ชบาเริ่มกังวลใจก้มเอาหูแนบเข้าที่อกเขา เพชรยิ้มกริ่มแกล้งเอามือมากอดรัดไว้เหมือนละเมอ
“คร่อก”
ชบาตกใจ
“ปล่อยฉันนะ”
ชบาพยายามเอามือเขาออก เพชรทำทีเป็นละเมอ
“แม่จ๋า...อย่าทิ้งลูก...ลูกคิดถึงแม่”
เพชรแอบลืมตายิ้มสะใจที่แกล้งเธอได้ ชบาพยายามดึงมือออกเห็นเขาลืมตา เพชรตกใจรีบหลับตา
“ปล่อยฉัน ไอ้บ้ากาม นอนละเมอใช่ไหม”
ชบาเอานิ้วจิ้มตาเขาทันที เพชรสะดุ้งตกใจร้องเสียงหลง
“โอ๊ย...ตาบอด”
“หวังจะลวนลามฉัน ไอ้ลามกจกเปรต”
ชบาหยิบมีดพร้าที่ข้างฝาขึ้นมาไล่ฟัน เพชรรีบวิ่งหนีออกไป
ชบาวิ่งไล่ฟัน เพชรวิ่งหลบ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันละเมอ”
ชบาวิ่งไล่ฟัน เพชรวิ่งหนีมาชนกับแม่กลอยที่ถือหม้อข้าว หม้อตกแตก...เพชรมองหน้าแม่กลอยแล้วก็ชบานึกได้มองเท้าเห็นข้าวต้มเลอะเปรอะเท้าร้อนมาก เพชรดิ้น
“ร้อนๆ”
แม่กลอยตกใจ
“ตื่นแล้วรึ เป็นไงบ้าง”
ชบารีบฟ้องแม่
“มันลวนลามฉันจ้ะแม่”
แม่กลอยของขึ้นทันที
“ไอ้สัปดน...เอ็งตาย”
แม่กลอยแย่งมีดพร้าจากมือชบาไล่ฟัน เพชรกระโดดหนีลงจากเรือน
เพชรวิ่งหนีสะดุดล้มลงกับพื้น แม่กลอยเงื้อมือจะฟันด้วยมีดพร้า กาเหว่าวิ่งเข้ามาห้าม
“อย่าจ้ะแม่ อย่าทำร้ายผู้มีพระคุณฉัน”
แม่กลอยจึงยอมหยุด ชบาเข้ามายุแม่
“ฟันหัวมันเสียเลยแม่ มันจะข่มเหงฉัน”
เพชรตกใจ
“ไม่ได้ข่มเหง แค่แกล้งกอดให้สาแก่ใจ”
แม่กลอยและชบาได้ฟังก็ไม่พอใจ เพชรนึกได้รีบแก้ตัว
“ก็เอ็งแช่งชักว่าข้าตาย”
ชบาไม่พอใจ
“มันยอมรับโดยดีว่าตั้งใจกอดฉัน...เอามีดพร้ามาฉันจะฆ่ามันเอง”
ชบาจะแย่งมีด แม่กลอยไม่ให้
“พอเถอะ”
ชบาไม่พอใจ
“แม่เข้าข้างไอ้หื่นกาม”
“อย่างน้อยมันก็ได้ชื่อว่าช่วยชีวิตกาเหว่า”
เพชรดีใจ ยกมือไหว้แม่กลอย
“ขอบคุณจ้ะแม่”
“ข้าไม่ได้เป็นแม่เอ็ง” แม่กลอยเสียงเข้ม
เพชรยกมือไหว้
“ขอบใจจ้ะป้า”
“ทำทะลึ่งตึงตังประเดี๋ยวเหอะ”
แม่กลอยทำท่าเงื้อจะฟัน เพชรหันไปสะกิดบอกกาเหว่า
“แม่จ๋า...ให้พี่เพชรค้างแรมกับเราต่อนะจ๊ะ” กาเหว่าขอร้อง
ชบาไม่พอใจ
“ให้นอนหนึ่งคืนก็ถือว่าตอบแทนคุณที่ช่วยน้องข้า หมดเรื่องก็ออกไปจากเรือนได้แล้ว”
เพชรอึ้ง หันไปมองแม่กลอย เชิงวิงวอน
“ขอบใจ...กลับไปได้แล้ว” แม่กลอยพูดเสียงเฉียบ
เพชรหันไปมองกาเหว่า วิงวอนให้ช่วยรั้งไว้ต่อ
“น้องกาเหว่า”
“ลาล่ะจ้ะพี่” กาเหว่ายกมือไหว้
เพชรอึ้ง
“ถีบหัวส่งกันทีเดียวเชียว”
พุดจีบลงจากเรือน เพื่อจะไปตลาดมองไปที่มุมหนึ่งแล้วแปลกใจ
“พี่ไม้”
ไม้กำลังพรวนดินดูแลดอกไม้ที่เคยมาปลูกให้ พุดจีบเดินมาหา
“พอเถอะ...พี่เอาดอกไม้มาปลูกให้ฉันก็ซึ้งใจแล้ว ยังมาช่วย รดน้ำพรวนดินอีก”
“ไม้จะงามออกดอกออกผลต้องมีคนคอยดูแล มันก็เหมือนคน จะสุขใจได้ก็ต้องมีใครสักคนคอยดูแล”
พุดจีบมองไม้ด้วยความรู้สึกสะเทือนในใจ
“พี่น่าจะอยู่เรือนช่วยงานกาหลง แล้วนี่บอกกาหลงหรือยังว่ามาช่วยฉัน”
“ไม่ได้บอก กาหลงรู้ก็คงเข้าข้างที่พี่ไม่ลืมคุณ พี่กับกาหลงยึดมั่นในใจเสมอว่าพุดจีบมีพระคุณ ที่เราต้องตอบแทน”
พุดจีบยิ้มรับ
“พุดจีบจะไปไหน”
กาหลงกำลังผ่าฟืน อบเชยและเผื่อน งามเดินเข้ามา
“พิโถ...พิธัง นังเผื่อนนังงาม”
เผื่อนและงามเข้ามาเสนอหน้า
“เจ้าคะ”
“เอ็งว่าหรือไม่...เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ยากแค้นแสนเข็ญกว่าจะได้ผัว”
“เจ้าค่ะ น่าสงส๊ารน่าสงสารคุณอบเชยนะเจ้าคะ”
อบเชยหันไปตบปาก งามรีบหลบไปทันที เผื่อนเข้ามาเสนอหน้าเป็นลูกคู่แทน
“ลำบากยังไงเจ้าคะคุณอบเชยขา”
“ได้ผัวไม่ทันข้ามคืน ตื่นมา ผัวหายเสียแล้ว”
“หายไปไหนเจ้าคะ” งามสอดเข้ามา
อบเชยยิ้มหยัน
“ไปหาหญิงอื่นสิวะ”
อบเชยและเผื่อน งามหัวเราะชอบใจ กาหลงไม่พอใจ
“พวกเอ็งพูดถึงใคร”
พุดจีบจะเดินออกไป ไม้เข้ามาขวางไว้
“ไปตลาดก็พายเรือไปสิ เดินทางถึงไวกว่าเดินนัก”
“พี่ก็รู้ว่าฉันว่ายน้ำไม่ได้ ตกน้ำตกท่าจะให้ทำไงล่ะ”
“พุดจีบไม่ต้องกลัว มีพี่อยู่ทั้งคน”
ไม้พูดจบจับมือพุดจีบเดินไปที่บริเวณท่าน้ำ
อบเชยเข้ามายั่วยุกาหลง
“กาหลง...อย่าหาว่าข้าใส่ไฟใส่ความ ข้าเห็นเอ็งเป็นเพื่อนรัก ก็จักมาเตือนด้วยความหวังดี สัญชาติผู้ชายเจ้าชู้ประตูดิน ห่างจากนารีก็กลายเป็นอื่น
“ฉันเป็นเมียพี่ไม้ ฉันรู้จักนิสัยใจคอพี่ไม้ดี พี่ไม้หาใช่ชายโลเล”
“จริงอย่างเอ็งว่า พี่ไม้ซื่อสัตย์หาใช่ชายสองใจ นั่นประไรล่ะ...ดีแสนดีอย่างนี้ เพื่อนรักถึงได้ทึกทักเอาผัวไป”
อบเชย เผื่อนและงามหัวเราะชอบใจ กาหลงยิ่งสงสัย
“เอ็งหมายถึงใคร พูดมาให้รู้ความ”
“ป่านฉะนี้นังพุดจีบพะเน้าพะนอ นั่งเรือชมนกชมไม้สำราญใจ”
กาหลงคิดตามคำพูดของอบเชยที่เข้ามาพูดกรอกหู
“พุดจีบ..คิดหว่านเสน่ห์ดึงใจพี่ไม้ออกห่างเอ็ง”
“หยุดใส่ความเพื่อนข้า...พุดจีบไม่มีความคิดสกปรกโสมมอย่างเอ็ง”
อบเชยเหมือนจะโกรธแต่กลับยิ้มตอบ
“เอ็งไว้ใจเกินตัวระวังจะจนใจ...เอ็งไม่เคยสงสัยบ้างหรือไง เหตุใดพุดจีบถึงครองตัวมิออกเรือน ถ้าไม่หวังแย่งชิงพี่ไม้”
กาหลงคิดตามที่อบเชยพูด อบเชยยิ้มสะใจมั่นใจว่ากาหลงต้องหวั่นใจ กาหลงยิ้มตอบ
“นิทานเอ็งช่างสนุกนัก แต่น่าเสียดาย ข้าไม่ชอบฟัง นิทานหลอกเด็ก กลับไปข้าจะทำงาน”
กาหลงหยิบขวานมาฟันไม้แตกหัก เผื่อนและงามเห็นคมขวานก็กลัวกาหลงจะทำร้าย งามสะกิดอบเชย
“กลับเถิดเจ้าค่ะ ขวานคมกริบ”
งามและเผื่อนขอร้อง อบเชยเดินกลับไปทันที กาหลงมองตามไม่พอใจที่อบเชยมาใส่ความ
อบเชยเดินมาแล้วหยุดที่มุมหนึ่ง...เผื่อนถาม
“ท่าจะเสียน้ำลายแล้วกระมัง”
“นั่นสิเจ้าคะ กาหลงมันใจแข็งเหลือ” งามเสริม
อบเชยแววตามุ่งมั่น
“แข็งปานใด ก็หาทนทานใจได้ ยิ่งรักก็ยิ่งหลง หลงมากก็ต้องห่วงหวงสุดกำลัง มันไม่รู้สึกสะทกสะท้านก็เกินคน”
อบเชยยิ้มอย่างมั่นใจว่ากาหลงต้องหวั่นไหวหึงไม้
กาหลงฟันไม้ฟืนกระเด็นออกไปสองท่อน แล้ววางขวานคิดตามอบเชย เริ่มใจคอไม่ดี...หวั่นใจแล้วทิ้งขวานเดินออกไป
ไม้พายเรือไปตามลำคลอง พุดจีบนั่งอยู่ที่หัวเรือยิ้มรู้สึกดีที่เขาคอยดูแลช่วยเหลือเธอ ไม้ ร้องเพลงพื้นบ้านไปด้วย
“สาวเอยสาวงาม ใครเห็นก็หลงรักว่างามนักงามหนา แม่แก้วโสภีกัลยา เมื่อไหร่หนอจะมอบใจให้ชายชม”
พุดจีบร้องตอบ
“ชาตินี้ไม่มีใจให้ใคร...หัวใจหมดรักหมดหวัง...ชาติที่แล้วคงทำกรรมหนัก ถึงได้อาภัพรักอย่างนี้”
“พุดจีบพูดเสียว่าไปหลงรักใคร บอกได้ไหมพี่จะช่วยเหลือ”
กาหลงยืนมองที่มุมหนึ่ง รู้สึกหวั่นใจ ตัดสินใจตะโกนเรียก
“พี่ไม้”
พุดจีบหันไปมองกาหลง รู้สึกผิดเล็กน้อย กลัวเพื่อนเข้าใจผิด ไม้ยิ้มให้กาหลง
ขาบตะโกนลั่นเสียงดัง ทำเอามั่นและปองซึ่งนั่นกินข้าวอยู่สะดุ้ง
“ข้าล่ะไม่อยากเชื่อ”
มั่นส่ายหน้า
“บ๊ะทำเอาข้าสะดุ้งโหยง”
ปองหันไปถาม
“เป็นอะไรของเอ็ง”
“ข้าดำน้ำลงไปเห็นกับตา...กาหลงมันตายแล้ว” ขาบยืนยัน
มั่นถามให้แน่ใจ
“ตัวมันตายแข็งเป็นตอไม้”
ขาบปฎิเสธ
“ไม่ทันได้จับต้องเนื้อตัว ข้ารีบไล่แทงไอ้กาเหว่าเสียก่อน”
มั่นตบมือฉาดใหญ่
“นั่นประไร มันอาจฟื้นแล้วแกะเชือกถ่วงหิน”
ปองขัดขึ้นเสียงดัง
“ข้าล่ะไม่เชื่อ”
มั่นสะดุ้ง
“บ๊ะ เอะอะอะไรของเอ็ง”
มั่นแปลกใจที่ปองก็ขึงขังขึ้นมา
ไม้พายเรือจอดเทียบท่าเพื่อคุยกับกาหลง
“พี่ช่วยพายเรือพาพุดจีบไปตลาด”
พุดจีบหันไปถาม
“กาหลงอยากได้อะไรล่ะ ฉันจะจัดหามาให้”
“ฉันอยากได้ผ้าแพรสีสวยสักผืน...ขอฉันไปด้วยสิ”
“ลงเรือมาเลยจ้ะ ไปด้วยกันนี่ล่ะ”
ไม้ชวนลงเรือไปด้วยกัน แต่กาหลงบอกไม้...
“พี่ไม้...แม่บ่นอยากกินแกงแคเสียนาน ฉันไม่มีเวลาไปเก็บให้...ฉันไหว้วานพี่ไปช่วยเก็บดอกแคจะได้ไหม”
“ได้จ้ะ”
ไม้ยิ้มรับตกลงจะไปช่วยเก็บแคให้แม่กลอย กาหลงอาสาจะไปตลาดกับพุดจีบ
ปองบอกพวกขาบและมั่น
“ข้ามัดรัดเชือกอย่างแน่นหนา ไม่มีทางที่กาหลงจะสลัดเชือกได้”
“ปาฎิหาริย์มันมีจริงนะเว้ย เอ็งไม่เคยได้ยินรึไง คนดีผีคุ้ม” มั่นแย้ง
ขาบมองหน้ามั่น
“เอ็งจะบอกว่าผีไปช่วยนังกาหลง”
“ใช่...” แล้วมั่นก็นึกได้ “ไม่ใช่ กลางวันแสกๆจะมีผีได้อย่างไร พวกเอ็งก็พูดไป”
“คิดไปก็ปวดขมับ ยังไงกาหลงมันก็รอดตาย นอนเอาแรงรอท่าให้พี่โชติสั่งการเสียดีกว่า”
ขาบล้มตัวลงนอนที่แคร่ ไม่สนใจ มั่นก็นั่งลงกินข้าวต่อ แต่ปองยังคิดติดใจเรื่องกาหลง คิดจะทำบางอย่าง
กาหลงพายเรือ นั่งนิ่งไม่พูดอะไร พุดจีบอึดอัดเป็นฝ่ายพูดกับกาหลงก่อน
“อย่ากังวลใจเลย...ฉันไม่เคยคิดกับพี่ไม้เกินเลยกว่าความเป็นพี่ชาย”
“ไม่ได้กินปูนใยจึงร้อนท้อง...ฉันไม่ได้คิดตำหนิพุดจีบ” กาหลงย้อน
พุดจีบมองกาหลง
“ดวงตากาหลงมันพูดกับฉันอย่างนั้น”
กาหลงมองพุดจีบ แปลกใจที่เพื่อนรู้ความคิดของเธอ
“ฉันรู้ตัวดีว่าหญิงอยู่กับชายสองต่อสองมันไม่เหมาะ”
“แต่พุดจีบก็ปล่อยให้เกิดเหตุอย่างนั้น”
“หากพี่ไม้ยังเป็นโสดมันจะไม่เกิดขึ้น พี่ไม้ลงหอกับกาหลงแล้ว มันทำให้ฉันอยู่ใกล้พี่ไม้ได้อย่างอุ่นใจ”
กาหลงรับฟัง ยังคงไม่ค่อยพอใจ
“ถ้าฉันคิด ฉันทำกาหลงไม่พอใจ ฉันต้องขอโทษด้วยที่พลั้ง”
กาหลงฟังความของพุดจีบก็รู้สึกผิดที่คิดหึงหวง และคล้อยตามแรงยุของอบเชย
“ฉันอ่อนแอเกินไป ใจไม่แข็งพอ เผลอคล้อยฟังแรงยุคำคน สุดท้ายฉันก็เจ็บใจที่ไม่เชื่อใจเพื่อนรัก”
“อย่าได้ตำหนิโทษตัวเองเลย หากฉันเป็นกาหลง ฉันก็พาลคิดเช่นนั้นได้ ขอเพียงให้เชื่อใจในความบริสุทธิ์ใจของฉัน ฉันมิมีวันแย่งชิงคนรักเพื่อนฉัน”
กาหลงหยั่งเชิงถาม
“แม้นในวันที่ฉันจากไป”
พุดจีบมองกาหลงด้วยความแปลกใจ
“กาหลงพูดอะไร”
“ฉันก็ถามไปตามประสาคนเพ้อ อย่าถือสาเอาความ...เร่งไปตลาดเถิด”
พุดจีบยิ้มรับ กาหลงพายเรือพาพุดจีบไปที่ตลาด
ไม้ถือใบตองห่อใส่ดอกแค เดินตรงมาที่เรือนแม่กลอย
“น้ากลอย น้ากลอย”
แม่กลอยเดินตรงมาจากเรือน มองไม้
“เอ็งมันเขยไม่รักดี ไม่เคารพข้าหรือไร”
ไม้นึกได้ ยกมือไหว้ยิ้มตอบ
“ขอโทษจ้ะแม่”
“มีอะไร”
“กาหลงบอกว่าแม่อยากกินแกงแค ฉันไปเก็บดอกแคมาให้จ้ะ”
“ข้าไม่เคยพูดสักคำว่าอยากกินแกงแค”
ไม้แปลกใจที่แม่กลอยบอกอย่างนั้น ชบาเดินตรงเข้ามา ดีใจที่ได้เจอไม้และไม่อยากทำให้ไม้เสียหน้า
“พี่กาหลงไม่ได้สั่ง แต่พี่ไม้อยากเอาใจแม่ยายสิเออ”
ไม้ยิ้มรับ
“ใช่จ้ะ ดอกแคช่วยแก้ไข้หัวลม แก้ร้อนในดีนักเทียว”
แม่กลอยสวนกลับ
“เอ็งแช่งให้ข้าจับไข้ล้มนอนรึไง”
ชบาขัดขึ้น
“ส่งมาจ้ะ...ฉันจะเอาไปทำแกง”
ชบาเข้ามารับห่อดอกแคจากไม้ แม่กลอยหันไปสั่งไม้
“เสร็จเรื่องก็กลับไป”
“ฉันยังกลับไม่ได้จ้ะ”
แม่กลอยและชบาแปลกใจ
“น้ำพร่องตุ่ม ประเดี๋ยวฉันช่วย”
ไม้เดินตรงไปคว้าที่ตักน้ำข้างตุ่มเดินตรงไปที่ท่าน้ำ...ชบาชื่นชม
“พี่ไม้ขยันขันแข็งมีน้ำใจนะจ๊ะแม่”
“หวังจะเอาชนะใจข้า ไม่ง่ายนักหรอก”
แม่กลอยมองเย้ยยังไม่ญาติดีกับเขยจนๆ
เย็นนั้น กาหลงเดินถือของช่วยเหลือพุดจีบกลับเรือน
“ขอบใจมากจ้ะ วันหน้าเราไปหาซื้อของที่ตลาดกันอีก”
“อย่างไรเสียฉันก็อยากให้พุดจีบออกเรือน”
พุดจีบหน้าสลดลง
“มิใช่ว่าฉันคลางแคลงใจพุดจีบ ฉันเพียงอยากเห็นเพื่อนฉันมีคู่มาช่วยดูแล”
พุดจีบยิ้มรับ
“จ้ะ”
กาหลงยิ้มตอบแล้วเดินออกไป พุดจีบมองตามแล้วหันกลับ จะเดินขึ้นเรือน แปลกใจที่เจอโชติ
“พี่โชติ”
กาหลงจะเดินกลับไปยังเรือนแปลกใจมองไปที่มุมหนึ่ง
“ไอ้ปอง”
ปองกำลังเดินตรงไปยังบึงบัว...กาหลงแปลกใจว่าปองจะไปทำอะไร
พุดจีบจะเดินขึ้นเรือน...โชติเข้ามาคว้าตัวไว้
“รังเกียจฉันถึงกับหนีหน้า”
พุดจีบปัดมือโชติออก
“ฉันมิได้รังเกียจ แต่ไม่อยากพูดพล่อยด้วย”
พุดจีบเดินหนีขึ้นบันไดเรือน โชติพูดไล่หลัง
“หนีฉันได้ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วแม่จะรู้ว่า...ต้องอยู่กับพี่ชั่วชีวิต”
โชติพูดไล่หลัง แล้วเดินออกไปด้วยใจกระหยิ่มยิ้มย่อง พุดจีบหันกลับมองตามแปลกใจในคำพูดของโชติ
ปองพายเรือมาถึงกลางบึงบัว แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยมัดเชือกกาหลง
“ข้าจะดูให้รู้ชัด ว่าเอ็งรอดตายแน่แท้”
ปองกระโดดลงน้ำไปทันที กาหลงยืนที่ริมบึงเห็นปองกระโดดลงไปก็ตกใจ กลัวเขาจะเจอซากศพของเธอ...ปองว่ายน้ำอยู่ใต้บึงบัวมองหากาหลงแต่ไม่เจอ ปองแปลกใจ...กาหลงยืนอยู่ริมบึง อธิษฐานจิตให้ปองไม่เห็นซากศพของเธอ...ปองพยายามมองหาซากร่างกาหลงแต่มองไม่เห็นก็ว่ายน้ำหันไปด้านหลัง ปองมองไปซ้ายขวาไม่เห็นทั้งๆที่ศพกาหลงลอยอยู่ตรงหน้า...กาหลงยืนยิ้มพอใจที่ปองไม่เห็นศพเธอ ปองขึ้นจากน้ำเดินตรงมาเจอกาหลงก็ตกใจ
“กาหลง”
“หยุดทำชั่วได้แล้ว...ก่อนที่จะสายเกินไป”
กาหลงพูดจบแล้วเดินออกไป ปองมองตามหลังคิดจะขืนใจกาหลง
ไม้เทน้ำเต็มตุ่ม ตะโกนบอกแม่กลอย
“ฉันตักน้ำเต็มตุ่มแล้ว ฉันกลับเรือนแล้วนะจ๊ะ”
ไม้วางถังแล้วจะเดินออกไป แม่กลอยเดินออกจากเรือน เรียกไม้ไว้
“เอ็งยังไปไม่ได้”
“แม่จะให้ฉันช่วยงานใด”
“ข้าปล่อยให้เอ็งกลับไป ก็เท่ากับข้าเป็นแม่ยายใจยักษ์ใจมาร ขึ้นเรือนมากินข้าวกินปลาซะ”
แม่กลอยเดินกลับเข้าไปในเรือน ไม้ดีใจที่แม่กลอยมีน้ำใจเปิดใจยอมรับไม้มากขึ้น ไม้รีบเดินตามไป
กาหลงเดินมา ปองวิ่งมาขวางหน้าแล้วมองรอบตัวกาหลง
“ข้าไม่เห็นกับตา ไม่มีวันเชื่อว่าเอ็งจะยังอยู่”
“คนที่คิดดีทำดีไม่มีวันตาย แต่คนคิดชั่วอย่างเอ็ง มันจะไม่ตายดี”
กาหลงจะเดินกลับไป แต่ปองคว้าดึงแขนไว้
“แม่เจ้าเว้ย...หลังเอ็งออกเรือนเนื้อนวลผ่องขึ้นเป็นกอง เสน่ห์เร้าใจนัก”
ปองดึงตัวเข้ามากอด กาหลงตกใจ
“ปล่อยข้า...ปล่อย”
ปองไม่สนใจกอดรัด กาหลงพยายามดิ้นแต่ปองออกแรง ผลักกาหลงล้มลงกับพื้น กาหลงตกใจ
เรือนกาหลง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ไม้กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ทำทีตายอดตายอยากมาจากไหน” แม่กลอยแดกดัน
“กับข้าวรสมือแม่ถูกปากฉันนัก วางมือไม่ได้เสียเลย”
“ข้าไม่ได้ทำ นังชบามันปรุง”
ชบาแทรกขึ้น
“ฉันแค่ต้มผักจิ้มน้ำพริก”
“แกงแค ต้มสายบัวที่พี่กินไม่หยุดปาก แม่ฉันทำเองจ้ะ” กาเหว่าบอก
แม่กลอยหันไปดุกาเหว่าที่บอกความจริง ไม้ยิ้มให้แล้วลงมือกินแกงแค ต้มสายบัว
“เห็นท่าฉันคงต้องมาฝากท้องเรือนนี้บ่อยเสียแล้ว”
ไม้กินอย่างเอร็ดอร่อย...แม่กลอยมองด้วยความพอใจ
กาหลงนอนอยู่ที่พื้น ร้องบอกปอง
“เอ็งไม่อยากตาย ปล่อยข้าไป”
ปองยืนหัวเราะ
“ข้าไม่กลัวคำขู่เอ็งหรอก หลังข้าเสพสมใจเอ็งนั่นล่ะที่ต้องตาย”
ปองพูดจบก็ล้มลงทับ กาหลงดิ้นหนี ปองตบหน้ากาหลงเอียงไปด้านหนึ่งแน่นิ่งไป
“ต้องให้ข้าลงไม้ลงมือ...มาม๊ะให้ข้าชื่นหัวใจ”
ปองจับหน้ากาหลงให้หันมากลับมาหน้ากาหลงซีดเป็นหน้าผีตาแดงก่ำ ปองสะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย”
“ข้าเตือนเอ็งแล้ว แต่เอ็งไม่ฟัง”
กาหลงผลักตัวปองออกไปจากตัว ร่างปองกระเด็นออกไปไกลตกที่พื้นเงยหน้ามอง...ตกใจกลัว
“ผี...”
ร่างกาหลงยืนอยู่ตรงหน้าปองสภาพเป็นผีหน้าซีด...ลมพัดมาวูบใหญ่ปองตกใจกลัววิ่งหนีไป
ไม้ยกมือไหว้ขอบคุณแม่กลอย
“ฉันขอบคุณแม่มากจ้ะ ฉันคงต้องขอลากลับแล้ว ฉันเป็นห่วงกาหลง”
แม่กลอยยิ้มรับ แต่ชบาไม่พอใจบ่นอยู่คนเดียว
“ห่วงกันเหลือเกิน”
กาเหว่าได้ยินชบาพูด
“ก็คนเป็นผัวเป็นเมียกัน ก็ต้องมีห่วงมีใยกันสิ”
“เร่งไปเถอะ...กาหลงคงรอท่าคอยเอ็ง” แม่กลอยบอก
“จ้ะแม่...”
ไม้ไหว้ลาแม่กลอยแล้วเดินออกไป
ปองวิ่งหนีหน้าตาตื่นกลัว
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ปล่อยข้าไปเถอะ”
ปองตกใจกลัววิ่งหนีมาถึงไทรงามล้มลง...กาหลงเข้ามาจ้องมอง ปองลุกขึ้นแล้วชักมีดออกมาเพื่อป้องกันตัว
“เอาสิวะ ผีก็ผี ข้าจะแทงให้ตาย”
ปองพุ่งเข้ามาแทงมีดใส่แต่แล้วมือของปองกลับนิ่งแข็งมีดกระเด็นหลุดออกจากมือ ปองจ้องมองกาหลงยืนมองด้วยความกลัวเดินถอยหลังร้องลั่น
“อย่าๆ”
ค่ำนั้น ไม้เปิดประตูเข้าไปในเรือน ร้องเรียก
“กาหลง...”
ปองตกใจกลัวแล้วเดินถอยหลังหนี กาหลงหน้าซีดยืนมองด้วยความโกรธ ลมพัดผมของกาหลงสยายแล้วผมก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ ปองยืนมองที่พื้นผมกาหลงเคลื่อนมาที่ตัวเขา ปองจะวิ่งหนี แต่แล้วผมก็รัดเท้าไว้เขาล้มลงกับพื้น กาหลงยืนมองด้วยความโกรธแล้วเพ่งสายตาไปที่ร่างปองซึ่งถูกผมของเธอรัดเท้าไว้ ผมที่รัดเท้าค่อยๆไหลขึ้นไปรัดที่คอ ปองพยายามเอาออกแต่ผมรัดคอแน่น...กาหลงมองด้วยความโกรธ แล้วเพ่งสายตาลมพัดวูบใหญ่...
ไม้เดินลงมาจากเรือน...แปลกใจที่กาหลงหายไป
“กาหลงอยู่ไหน”
ไม้ไม่เห็นกาหลงก็แปลกใจเป็นห่วง
บริเวณต้นไทร...ปองถูกรากไทรรัดข้อเท้าแขวนหัวตกห้อยอยู่บนต้นไทร กาหลงสะอื้นยืนมองศพปอง น้ำตาไหลด้วยความรู้สึกผิดที่ทำไป
กาหลงเดินมานั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ที่บึงบัวอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้คนตาย เธอนึกถึงเมื่อครั้งที่คุยกับหลวงตา
“หลวงตาเจ้าขา...พวกมันใจร้ายกับดิฉัน จะให้ดิฉันปล่อยวาง ให้พวกมันรอดตัวทำชั่วต่อไปอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” กาหลงร้องไห้ถามหลวงตา
“กรรมมิอาจลบล้างด้วยการหักล้างหรือชำระแค้น คนทำชั่วอาจมีชีวิตรอด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ชีวิตมีสุขได้”
กาหลงรับฟังคำสอนของหลวงตา
“ความผิดบาปนั้นมันเพาะบ่มอยู่ในใจ เดือดเนื้อร้อนใจเฉกเช่น ตกนรกทั้งเป็น แต่หากโยมเลือกที่จะแก้แค้น เอาคืน เท่ากับโยมต่อกรรมชั่วให้ตัวเอง และผลท้ายสุด โยมก็คือผู้รับเคราะห์กรรมในสิ่งที่โยมได้กระทำไป”
กาหลงนึกถึงคำเตือนของหลวงตาก็รู้สึกผิด...
“กาหลงจะไม่ยอมให้ตัวเอง ต้องหมกไหม้กับกรรมนี้อีกแล้ว กาหลงตัดสินใจที่จะไม่ทำร้ายใครอีก
“กาหลง”
กาหลงได้ยินเสียงเรียกหาของไม้ก็ตกใจกลัวไม้จะรู้เห็นการตายของปองหรือเปล่า
ไม้ถือตะเกียงมองหากาหลง เดินมาบริเวณต้นไทร
“กาหลง”
ไม้กำลังจะหันหน้าเงยไปมองบนต้นไทรที่มีร่างของปองห้อยขาแขวนคอตายอยู่ แต่เสียงกาหลงร้องเรียกไม้ขัดขึ้นเสียก่อน
“พี่ไม้”
ไม้หันกลับไม่ทันมองเห็นศพของปอง
“กาหลงออกมาทำอะไร”
“ฉันออกไปตามพี่ที่เรือนแม่ แม่บอกว่าพี่กลับมา ฉันก็กำลังกลับเรือนไปหาพี่ กลับกันเถอะจ้ะ”
กาหลงจูงมือไม้เดินกลับไป โดยที่ไม้ไม่เห็นศพของปองที่ห้อยขาอยู่
เช้าวันใหม่...ขณะที่อยู่ตามลำพังในเรือ เพชรรื้อของในหีบที่มีห่อกำมะถัน ห่อดินประสิว ดินสอพอง เขารื้อหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมาแล้วเปิดดู ทันใดนั้นเสียงกาเหว่าดังขึ้น
“พี่เพชร”
เพชรตกใจรีบซ่อนกล่องไว้ด้านหลัง กาเหว่าปราดเข้ามาจะแย่งกล่องไปดู
“มีอะไรในกล่องหรือ”
“กล่องอะไรของเอ็ง”
กาเหว่าอ้อมไปด้านหลังชิงกล่องมาถือไว้
“นี่ไง”
กาเหว่าจะเปิดกล่อง เพชรรีบบอก
“กงการอะไรเล่า”
กาเหว่าจะเปิด
“ก็ฉันอยากรู้จะทำไม”
“ดินประสิว...ประเดี๋ยวติดเชื้อไฟได้ระเบิดทั้งลำเรือ”
กาเหว่าตกใจ
“ดินประสิว”
กาเหว่ากลัว เพชรชิงเอากล่องคืนมา กาเหว่ากลัวรีบถอยร่นออกไป เพชรยิ้มพอใจ
ชบาจะเดินออกไปจากเรือน แม่กลอยเห็นเข้าก็เอ่ยถาม
“เอ็งจะไปไหน”
ชบาหันมายิ้มตอบ
“ไปหาผู้ชายจ้ะ”
ชบาลอยหน้าลอยตาแล้วเดินออกไป แม่กลอยไม่พอใจ รีบเดินตามไปคว้าตัวมาต่อว่า
“พูดจาบัดสีปาก เป็นสาวเป็นนางรู้จักสงวนเนื้อสงวนตัวบ้าง”
ชบายิ้มเฉลย
“ฉันไม่ได้แล่นไปหาผู้ชาย ฉันไปตามหากาเหว่า จะเรียกไปถอนหญ้าในนา”
“มันน่าตีนัก...เล่นเอาข้าตกอกตกใจ ไป เร่งตามกลับมา”
“จ้ะแม่”
ชบาเดินออกไป แม่กลอยมองตามหลังพินิจรูปร่างของลูกสาว แล้วยิ้มพอใจ
“ชบา...เอ็งโตเป็นสาวเต็มตัว กรึกกรองดูแล้ว จะปล่อยให้ลอยไปลอยมาเสียไม่ได้ เห็นท่าต้องหาผัวให้จะดีเสียกว่า”
แม่กลอยคิดจะหาคู่ให้ชบา
เพชรเดินเข้าไปถามกาเหว่าที่ยืนรออยู่บนท่า
“มีธุระปะปังอะไรมาหาข้าแต่เช้า”
“ฉันเป็นห่วงพี่จะอยู่ยังไง”
“ปะโถ...นึกว่าจะมาง้อให้ไปนอนเรือน”
“ให้นิดเดียวเป็นไม่ได้ ประเดี๋ยวพี่มือไวฉวยพี่สาวฉันทำเมีย”
เพชรแกล้งถาม
“ข้าไม่งามพอจะเป็นพี่เขยเอ็งรึ”
กาเหว่ามอง เพชรยิ้มเก๊กหล่อ กาเหว่าส่ายหน้า เพชรผิดหวัง
“ฉันนับถือพี่เป็นพี่ชายน่ะดีแล้ว...รึพี่ชอบพอพี่ชบา”
เพชรรีบปฎิเสธกลัวเสียฟรอ์ม
“นิดเดียวเป็นไม่มี....คนรูปงามอย่างข้า ไม่เอาผู้หญิงร้ายกาจปากไวมือหนักมาเป็นเมียหรอก ยุ่งใจตาย”
“สมแล้วพี่...ยังไงแม่ไม่รับพี่เป็นเขย เขยของแม่ต้องเป็นลูกเศรษฐีอย่างพี่โชติเขาโน่น แม่ไม่สนพ่อค้าเร่ยากจน”
เพชรถามลองเชิง
“แล้วถ้าข้าไม่ใช่พ่อค้าเร่ เป็นลูกเจ้าใหญ่นายโต แม่เอ็งจะรับข้าเป็นเขยไหม”
กาเหว่ามองหน้าเพชร หัวเราะก๊าก
“น้ำหน้าอย่างพี่เป็นลูกเจ้านาย...ฉันยอมให้เตะก้นสามที”
กาเหว่าหัวเราะเยาะ เพชรจึงหัวเราะผสมโรงไปด้วย แต่ภายในใจยิ้มพอใจที่กาเหว่าไม่สงสัยในตัวเขา
พุดจีบเข้ามาหาแม่
“แม่จ๊ะ เมื่อวานนี้พี่โชติมาเรือนมีเรื่องอะไรรึ”
แม่บุญอิ่มหันไปหยิบผ้าแพรสีสวยส่งให้ พุดจีบรับผ้าแพรมาถือไว้
“สีงามเทียว”
แม่บุญอิ่มยิ้มพอใจ
“พ่อโชติเอามากำนัลลูก”
พุดจีบส่งคืน
“ฉันมีอยู่มากผืน ส่งคืนพี่โชติไปเถอะจ้ะ”
“ได้อย่างไรกัน พ่อโชติเสียน้ำใจแท้เทียว...ผ้าแพรจากเมืองจีน ใช่จะหาซื้อได้ง่ายดาย”
พุดจีบเปลี่ยนเรื่อง
“สายแล้วพี่นวลยังไม่ยกข้าวยกปลามาอีก ลูกไปเร่งพี่นวลนะจ๊ะ”
พุดจีบจะออกไป แม่บุญอิ่มรีบบอก
“อย่าริหนีหน้าแม่...แม่มีความใหญ่จะคุยด้วย”
พุดจีบแปลกใจว่าแม่จะคุยเรื่องอะไร
กาหลงนั่งหุงข้าวอยู่ในครัว ไม้ย่องเข้ามาแล้วเข้ามาหอมแก้ม กาหลงหันหน้ามา
“พี่ไม้ หน้าฉันเปื้อนเขม่า ยังจะมาจับมาหอมอีก”
“จะดำเป็นถ่านพี่ก็รัก” ไม้หอมแก้มอีก
“พี่รอฉันประเดี๋ยว ตำน้ำพริกอีกครู่เดียวก็ยกไปกินได้จ้ะ”
“พี่จะแวะไปเยี่ยมไอ้จอกมันก่อน ไม่ได้เจอะหน้านานวันแล้ว”
“ฉันเองก็เป็นห่วง ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนเถอะ ฉันจะทำกับข้าวเอาไปแบ่งจอกด้วย”
ไม้ยิ้มรับ
“จ้ะคนดีของพี่”
ไม้เข้าหอมแก้มกาหลงอีกจะออกไป แล้วก็กลับมาหอมอีกสองสามครั้ง
“ไปได้แล้ว แล้วฉันจะตามไปที่วัดจ้ะ”
ไม้ออกไปจากครัว กาหลงมองตามแล้วพาลคิดถึงจอกนึกเป็นห่วง
พุดจีบมองหน้าแม่
“แม่มีเรื่องใดจะบอกลูก”
“วานนี้พ่อโชติมาแจ้งใจว่าชอบพอลูก”
พุดจีบตกใจ
“พ่อโชติจะให้ผู้ใหญ่ช่วงมาทาบทามสู่ขอตามประเพณี ลูกคิดเห็นอย่างไร”
“ลูกไม่พร้อมออกเรือนจ้ะ”
แม่บุญอิ่มวิงวอน
“พุดจีบ...แม่เองนับวันจะแก่เฒ่า แม่อยากอุ้มหลานแล้วที่สำคัญหนัก ลูกควรมีชายคนรักคอยดูแลได้แล้ว”
“ลูกไม่ได้รักใคร่ชอบพอพี่โชติ แม่ก็รู้ชื่อรู้เสียงของพี่โชติ ทำเป็นอย่างไร”
“ข้อนั้นแม่ก็ไม่ขัด พ่อโชติเคยเกกมะเรกเกเรคึกคะนองเป็นที่หนึ่ง แต่นิสัยใจคอคนเราก็เปลี่ยนกันได้”
“ก่อนหน้าพี่โชติรักกาหลง เห็นยุ่งใจทำทุกอย่างเพื่อแย่งกาหลงแล้วเหตุใดมื้อนี้แปรใจมารักลูก”
“พ่อโชติยอมรับว่ากาลผ่านมาหลงผิดจิตเสน่ห์กาหลงหาใช่ความรัก...พ่อโชติหลงใจได้ปลื้มลูกมานานแล้ว ในบ้านบัวสีก็หามีใครฐานะเทียมเท่าพ่อโชติ ลูกทั้งสองเหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก”
พุดจีบขัดขึ้น
“ลูกไม่อยากร่วมหอกับพี่โชติ”
แม่บุญอิ่มไม่พอใจ
“ลูกยังรักปักใจกับไอ้ไม้งั้นรึ”
พุดจีบอึ้ง ไม่อยากตอบเรื่องนี้รีบเปลี่ยนเรื่อง
“พี่นวลนี่เสียกระไร...ยังไม่ยกสำรับมา ลูกขอไปเร่งตามจ้ะ”
พุดจีบหาทางหลีกหนีไม่คุยเรื่องโชติเดินออกไป แม่กลอยมองไม่พอใจนัก แต่ไม่ละความพยายาม คิดหาทางให้พุดจีบแต่งกับโชติ
พุดจีบลงจากเรือนมายืนร้องไห้เสียใจที่แม่จะบังคับให้แต่งงานกับโชติ นวลถือถาดสำรับพร้อมกับคนใช้อีกคนเข้ามา
“คุณพุดจีบคะ สำรับกับข้าวพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
พุดจีบไม่อยากให้นวลและบ่าวรู้ว่าเธอร้องไห้ รีบปาดน้ำตาแล้ววิ่งออกไป นวลมองตามด้วยความแปลกใจ
“คุณพุดจีบ”
กระท่อมท้ายนา...มั่นจะออกไปข้างนอก ขาบรั้งตัวไว้
“เอ็งจะออกไปไหน”
“ไอ้ปองหายหัวไปทั้งคืน ข้าสังหรณ์ใจว่ามันจะตาย”
“เอ็งพูดเล่นไป”
“ข้าพูดจริง...เมื่อคืนข้าฝันน่ากลัวมาก ฝันว่ามันถูกสายบัวรัดคอตาย” มั่นน้ำเสียงหวาดๆ
“บัวผีสิถึงได้รัดคนตาย บ๊ะ...ออกไปตามหามันให้เห็นกับตา”
ขาบชวนมั่นออกตามหาปอง
พุดจีบวิ่งออกมาบริเวณทุ่งนา หยุดร้องไห้เสียใจที่แม่บังคับให้แต่งงานกับโชติ เธอปาดน้ำตาพยายามกลั้นร้องไห้
“แม้ใจฉันรักพี่ไม้ ฉันก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้...ฉันขอครองโสด สุขใจกว่าร่วมหอกับชายที่ฉันไม่รัก”
พุดจีบปาดน้ำตาจะเดินกลับเรือนแล้วแปลกใจหันไปมองที่ต้นไทรมองเห็นเหมือนมีใครอยู่ที่ต้นไทร...ไม้เดินผิวปากจะเดินไปที่วัดแต่แล้วมองไปเห็นพุดจีบกำลังเดินไปยังบริเวณต้นไทร ไม้ดีใจที่ได้เจอ
“พุดจีบ”
ไม้คิดจะเข้าไปแกล้งพุดจีบค่อยๆย่องตามเข้าไป พุดจีบเดินไปใกล้ต้นไทรเงยหน้าขึ้นไปมองว่าใครอยู่บนต้นไทร แล้วเธอต้องตกใจเนื้อตัวสั่น ไม้ย่องเข้ามาด้านหลังห่างๆ
“ผีสางนางใดมาสถิตอยู่ ณ ที่นี้หนอ”
พุดจีบเนื้อตัวสั่น ไม้แปลกใจ
“พุดจีบ”
พุดจีบหันหน้าไปหาไม้ ร้องเสียงหลง วิ่งเข้าหา
“พี่ไม้ช่วยฉันด้วย...ช่วยด้วย”
พุดจีบวิ่งเข้ามาไม่ทันถึงตัวไม้ก็หมดสติเป็นลม ไม้ตกใจเข้ารวมตัวนั่งประคองไว้
“พุดจีบเป็นอะไร”
ไม้แปลกใจ หันไปเงยหน้ามองที่ต้นไทรเห็นร่างปองถูกรากไทรมัดเท้าห้อยหัว ไม้ตกใจมาก
กาหลงเดินถือห่อข้าวห่ออาหารที่จะไปเยี่ยมจอก เดินมองแล้วหยุดมองด้วยความแปลกใจ เห็นไม้อุ้มพุดจีบเร่งไปยังเถียงนา กาหลงแปลกใจ และรู้สึกหวั่นใจเมื่อเห็นภาพไม้อุ้มพุดจีบ
ชาวบ้านเดินเข้ามาบริเวณต้นไทรมองเห็นศพของปอง ตะโกนโหวกเหวก ชาวบ้านที่เดินอยู่ใกล้ๆ วิ่งเข้ามาดู...มั่นและขาบเดินเข้ามาดูอยู่ห่างๆ มั่นตกใจ
“ไอ้ปอง”
มั่นจะเข้าไปที่ศพแต่ขาบดึงตัวไว้
“เอ็งจะเข้าไปให้มันจับเอ็งส่งตำรวจรึไง”
มั่นตกใจที่เห็นปองถูกฆ่าตาย ขาบลากตัวมั่นออกไป ชาวบ้านต่างเดินเข้ามามุงดูศพของปอง
ไม้ประคองพุดจีบนอนลงที่เถียงนาแล้วหยิบใบไม้ขึ้นมาพัดวี
“พุดจีบ...พุดจีบเป็นยังไงบ้าง”
พุดจีบค่อยๆรู้สึกตัว เห็นไม้ก็ดีใจโผเข้าสวมกอดทันที
“พี่ไม้ ช่วยฉันด้วยจ้ะ...ช่วยฉันด้วย”
พุดจีบร้องไห้กอดไม้ไว้แน่น เพราะยังตกใจกลัวที่เห็นศพปอง ไม้ปลอบใจ
“พุดจีบไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่แล้ว พี่อยู่เคียงเอ็ง”
ไม้โอบกอด ลูบหัวปลอบใจ พุดจีบกลัวแนบซบที่อก กาหลงเดินเข้ามายืนมองห่อข้าวตกพื้นเสียใจที่เห็นภาพนั้น พุดจีบเงยหน้าจากอกไม้ร้องไห้บอกเขา
“พี่ไม้ มันช่างน่ากลัว...สยดสยองเวทนานัก”
ไม้เช็ดน้ำตาให้
“หลับตาแล้วลืมมันเสีย”
ไม้จับหน้าพุดจีบให้หลับตา เธอค่อยๆทำตาม
“ครานี้ค่อยๆลืมตามองพี่”
พุดจีบค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งมองเขา ไม้ยิ้มให้
“ไม่มีอะไรน่ากลัวสักนิด”
พุดจีบรู้สึกดี มองผ่านด้านหลังไม้ไปเห็นกาหลงยืนอยู่
“กาหลง”
ไม้หันไปมองตาม กาหลงยืนมองแสร้งไม่รู้ไม่เห็นที่ผ่านมา
“พุดจีบเป็นอะไรจ๊ะ”
“พุดจีบเห็นศพปองถูกแขวนที่ต้นไทร ตกใจเป็นลมล้มพับ”
กาหลงตกใจเล็กน้อยที่ไม้พูดถึงเรื่องศพของปอง ซึ่งเธอเป็นคนฆ่า
“เหรอจ๊ะ ปองเป็นอะไรตาย”
“กาหลงมาก็ดีแล้ว พี่วานพาพุดจีบกลับเรือน พี่จะเร่งไปจัดการเรื่องศพ”
“จ้ะ”
ไม้หันไปจับมือพุดจีบ
“หายสะดุ้งใจได้แล้วนะ กาหลงอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
พุดจีบยิ้มรับ ไม้เดินออกไป กาหลงมองไม้ที่ห่วงใยพุดจีบรู้สึกไม่ค่อยดีนักก่อนจะเข้าไปดูแลเพื่อน พุดจีบยิ้มให้ที่กาหลงมาช่วยเหลือ
จอกนั่งถือไม้ตีระนาดอยู่มุมหนึ่งในวัด ฝั่งตรงข้ามเป็นโขง สัปเหร่อขาวและจัน ที่จ้องมอง ทำเสียงดนตรีให้จอกตีระนาดเหมือนที่เคยตี
“หน่อยนอยนอย...น๊อยนอยหน่อยน้อยนอยๆ”
ทุกคนมองลุ้น จอกตีระนาดตามทำนองที่ทุกคนร้องออกมา ทุกคนดีใจ
“เฮ้ย...มันตีได้แล้ว” สัปเหร่อขาวบอกอย่างตื่นเต้น
“ไอ้จอกกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว...ข้าชื่ออะไร...” โขงถาม
จอกมองหน้าแล้วพูดคำท้าย
“ไร”
โขงผิดหวัง สัปเหร่อขาวชี้ตัวเอง
“นี่ใคร”
จอกยิ้มจิ้มหน้าสัปเหร่อขาว
“ใคร”
สัปเหร่อขาวผิดหวัง จันชี้ตัวเองถามจอก
“คนสวยชื่ออะไร”
จอกมอง พยายามนึก
“ข้าชื่ออะไร” จันย้ำ
“จัน”
จันยิ้มดีใจที่จอกจำได้ จอกพูดต่อทันที
“ไร”
จันผิดหวังอย่างหนัก สัปเหร่อขาวหัวเราะจัน
“เอ็งชื่อจันไร...ฮะฮาฮ่า”
เฟื้องวิ่งเข้ามาบอกทุกคน
“ไอ้ขาวมีญาติมาหาเอ็ง”
สัปเหร่อขาวชะงัก
“ใครวะ”
“ไอ้ปองตายเป็นผี”
จอกตกใจ
“ผี”
มั่นวิ่งร้องไห้เข้ามาหาโชติที่กระท่อม สิงยืนอยู่ข้างโชติ
“พี่โชติช่วยพวกฉันด้วย ฉันไม่อยากตาย”
โชติไม่พอใจผลักมั่นออก
“อะไรของเอ็งวะ”
“ไอ้ปองถูกฆ่าตายแล้วพี่”
“ใครฆ่ามัน...ไอ้ไม้”
โชติโกรธคิดว่าไม้เป็นคนฆ่าปอง
บริเวณวัด...ไม้เดินเข้ามากลุ่มชาวบ้านที่มุงดูศพปองแหวกออก ไม้เดินตรงไปยังร่างปองที่นอนมีผ้าคลุมไว้โผล่เฉพาะหัว สัปเหร่อขาววิ่งเข้ามา
“ไม้...โกรธเกลียดกันก็อย่าทำร้ายผี วิญญาณมันไม่สงบสุข”
ไม้เดินกำหมัดตรงมาที่ร่างปองแล้วคลายหมัด ใช้มือลูบปิดตาปองให้หลับลง ทั้งหมดโล่งใจ
“มันได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้ว...ฉันอโหสิกรรมให้”
ไม้บอกกับศพของปองแล้วเอาผ้าคลุมปิดหน้าศพไว้ เฟื้องแปลกใจ
“ใครกันช่างโหดเหี้ยมแรงนักหนา ฆ่ากันผิดมนุษย์มนา”
“มันไม่ใช่คน” สัปเหร่อขาวโพล่งออกมา
ทุกคนตกใจ
“ผี”
ยายมาและตาสรแหวกเข้ามา
“ข้ารู้ข้าเห็นว่าใครฆ่ามัน” ตาสรบอก
ทุกคนหันไปที่ตาสรทันที ยายมาสงสัย
“บ๊ะ...เอ็งรู้เอ็งเห็น ทำไมถึงไม่บอกข้า”
“เรื่องราวมันน่าสยองพองขน จนข้ากระดากไม่กล้าเล่าให้เอ็งฟัง”
“ตาสร...เรื่องราวเป็นมาอย่างไร” ไม้คาดคั้น
ตาสรเชิดหน้าพร้อมจะเล่าเรื่องราวที่ทุกคนอยากรู้
เรือนกาหลง ตอนที่ 5 (ต่อ)
ในเถียงนา...กาหลงถามพุดจีบ
“อาการเป็นอย่างไร”
“ค่อยหายใจโล่ง”
“ฉันต้มยาให้สักหม้อ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ...กาหลงเหตุครั้งนี้ พาลให้ฉันคิดถึงคราวที่จำปาถูกแขวนคอ”
“พุดจีบคิดถึงเรื่องใด”
“จะเป็นไปได้ไหม...ที่ผีจำปาจะเล่นงาน”
กาหลงนิ่งอึ้ง...
ตาสรยืนยืดอก ภูมิใจที่จะเล่า
“เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้...”
ทุกคนสนใจฟัง
“ข้าออกแทงกบ ข้ายกฉมวกแทงลงไป...”
ตาสรเล่าเหตุการณ์เมื่อคืน....ตาสรพุ่งฉมวกแทงกบลงไปสุดแรง เสียงร้องดังขึ้นมา
“อั๊ค”
“ฮ๊า...ร้องซะลั่น ตัวใหญ่แท้เชียว”
ตาสรดึงฉมวกขึ้นมาไม่มีกบติดปลายฉมวก ตาสรงงๆ
“เสียงอะไรวะ”
เสียงปองดังมา
“อย่า...ช่วยด้วย”
ตาสรตกใจ
ตาสรเล่าต่อเนื่องด้วยความตื่นเต้น
“ข้าทิ้งของทุกอย่าง วิ่งไปดูว่าเป็นเสียงร้องของใคร...ข้าวิ่งๆแล้วก็ล้ม ข้าลุกขึ้นวิ่งไปต่อ ข้าก็ล้ม แล้วข้าก็ลุกวิ่งไปอีก แล้วข้าก็...”
สัปเหร่อขาวขัดขึ้นมองขู่ตาสร
“เอ็งล้มอีกครั้งเดียว พวกข้ากระทืบซ้ำ”
ตาสรอึ้ง
“ไม่ล้มจ้ะ...แล้วข้าก็วิ่งไปถึงต้นไทรงาม”
ทุกคนสนใจฟังต่อ...
“ข้าแทบไม่เชื่อสนิท สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าข้า...ร่างผู้หญิงยืนหันหลัง เส้นผมของนางสยายยาว ยาวๆ รัดขาไอ้ปอง แล้วกระชากร่างไอ้ปองแขวนไว้บนต้นไทร ข้าตกใจร้องเสียงหลง ผู้หญิงนางนั้นมันก็หันหน้ามาหาข้า...”
ตาสรชะงักหยุดเล่า ทุกคนรอฟังด้วยความตื่นเต้น
“มันเป็นใคร”
“ข้าตกใจตื่น”
ทุกคนผิดหวังมาก
“เฮ้ย”
เฟื้องถีบตาสรเต็มเท้า
“เรื่องราวที่เอ็งเล่ามาทั้งหมด เป็นความฝัน”
ตาสรจ๋อยๆ
“จ้ะ”
“หลอกให้ฟังอยู่นานสองนาน อ้ายเสียชาติเกิดเอ๊ย”
สัปเหร่อขาวขาวจะเข้าไปกระทืบ ตาสรร้องห้ามไว้
“ถึงเป็นความฝัน แต่มันก็เป็นจริง ข้าฝันว่าไอ้ปองตาย ไอ้ปองก็ตาย มันต้องเป็นเรื่องจริง”
ไม้สงสัย
“แล้วผีผู้หญิงในความฝัน มีรูปร่างพอจะคาดเดาได้ว่า เป็นใคร”
ตาสรมองไม้
“มันคือคนที่เอ็งรู้จักดี”
ไม้แปลกใจ”
ตาสรโพล่งออกมา
“จำปา”
ทุกคนแปลกใจ
พุดจีบกับกาหลงคุยกันอยู่ที่เถียงนา
“กาหลงคิดเห็นอย่างไร ฉันคิดว่าผีจำปาอาฆาตแค้นปอง”
“ฟังคำพ่อขาวมากไปสิเออ ถึงได้คิดเป็นตุเป็นตะ”
“เรื่องผี เขาเล่าขานกันมานานนม มันต้องมีมูล”
พุดจีบมองหน้า กาหลงรีบตอบหาข้ออ้าง
“หากผีมีอยู่จริง เหตุใดฉันจึงไม่เคยพบเห็นพ่อฉัน หรือพุดจีบเคยเจอพ่อของพุดจีบ”
พุดจีบส่ายหน้า
“นั่นประไร คนตายก็ต้องไปผุดไปเกิด วิญญาณไม่สามารถอยู่ได้หรอก”
พุดจีบรับฟัง แต่ยังติดใจสงสัย
“แล้วกาหลง คิดว่าใครฆ่าปอง” พุดจีบถามอีก
กาหลงนิ่งอึ้งแล้วตอบปฎิเสธ
“ฉันไม่รู้ คงเป็นกรรมเวรเข้าแทรก ใครที่ทำชั่วก็ต้องได้รับผลกรรม ไม่มีใครหนีพ้นความผิดที่ก่อไว้ได้”
พุดจีบรับฟังความคิดของกาหลง ยอมรับในความคิดนี้
ตาสรบอกทุกคน
“มันต้องเป็นผีนังจำปา”
“หยุดใส่ความคนรักข้า จำปาตายไปแล้วให้มันอยู่สงบสุขเถอะ” โขงขัดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ
สัปเหร่อขาวหันมาหาโขง
“เอ็งลืมไปแล้วสิ คราก่อนนังจำปาเข้าสิงข้า มันมาเตือนมาบอกบางอย่าง พวกเอ็งไม่รับฟัง มันก็เลยเล่นงานไอ้ปอง”
“ข้าจำได้ ครานั้นเล่นเอาฉันขนลุกเกรียว” ยายมาเสริม
เฟื้องเดินเข้ามาหาสัปเหร่อขาว
“ไอ้ขาว เมื่อไหร่เอ็งจะหยุดหากินกับผี”
“เอ็งนั่นแหละหยุด”
เฟื้องขึงขัง
“ข้าไม่หยุดแล้วเอ็งจะทำอะไรข้า”
สัปเหร่อขาวเจ็บปวดไม่พอใจ
“ข้าบอกให้เอ็งออกไป ข้าไม่ไหวแล้ว”
เฟื้องจ้องหน้า
“เอ็งจะสู้ข้างั้นรึ”
สัปเหร่อขาวส่ายหน้า
“เอ็งเหยียบตีนข้า”
เฟื้องก้มมองสะดุ้งรีบถอยไป สัปเหร่อขาวร้องเจ็บ
“โอย”
“ข้าเชื่อผัวข้า คนที่ฆ่าไอ้ปองคือผีจำปา” จันพูดอย่างมั่นใจ
โชติและสิงเดินแหวกกลุ่มชาวบ้านเข้ามา
“หยุดโยนผิดให้ผี ตัวการฆ่าไอ้ปองมันยืนอยู่ตรงนี้” โชติชี้หน้าไม้
ทุกคนตกใจ
“ไม้”
ไม้มองหน้าโชติ
“เอ็งพูดอะไร”
“ชาวบ้านรู้ให้แซ่กันทั้งบาง ว่าเอ็งหมายเอาหัวไอ้ปอง”
“ใช่...ข้ายอมรับว่าอยากฆ่ามัน และน่าเสียดายที่มันตายก่อนถึงมือข้า หากได้ปะหน้าไอ้คนทำ ข้าอยากขอบน้ำใจมันนัก”
“เลิกเล่นลิ้นทำไขสือ เอ็งนั่นแหละที่ฆ่าไอ้ปอง ข้าไม่ยอมให้ลูกน้องข้าตายเปล่า”
โชติเข้ามาต่อยไม้ล้มลง ไม้ลุกขึ้นมาต่อยโชติ สิงเข้าไปช่วยรุม โขงเข้ามาต่อยสิง
พวกขาวและชาวบ้านพยายามห้ามไว้แต่ไม่ได้ผล ช่วงเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องสองคน
“หยุดได้แล้ว”
ไม้และโชติแยกกันออก
“คนที่ฆ่าไอ้ปองคือเสือหวาด”
ทุกคนตกใจ
“เสือหวาด”
กาหลงเดินมาส่งพุดจีบที่เรือน...
“ขอบใจกาหลงมากจ้ะ”
“พุดจีบ...”
กาหลงยิ้มตอบมองหน้า พุดจีบมองตาก็รู้ว่าเพื่อนคิดอะไร...
“กาหลงหายเคืองใจฉันเถอะ ฉันบริสุทธิ์ใจ มิคิดอะไรกับพี่ไม้”
“แต่ฉันคับใจทุกครั้งที่เห็นพุดจีบอยู่กับผัวฉัน”
พุดจีบอึ้ง
“แล้วจะมีหนทางใดที่ฉันจะทำให้กาหลงอุ่นใจ”
“พุดจีบออกเรือนเสียเถิด”
พุดจีบอึ้ง
ในป่าช้า...ลูกน้องช่วงสองคนขุดหลุม เตรียมฝังศพปอง ช่วงเร่งงาน
“เร่งขุดหลุมฝังเสียก่อนมืดค่ำ”
ไม้เดินเข้ามาพร้อมโขง
“ฉันไม่เชื่อว่าเสือหวาดเป็นคนฆ่าไอ้ปอง”
“ข้าบอกแล้วไง...พวกมันบุกเข้ามาในหมู่บ้าน หวังจะปล้นทรัพย์ แต่ปองมันเข้าไปขวาง เสือหวาดจึงจับมันฆ่าอย่างทารุณ”
“ผู้ใหญ่เล่ายังกะตาเห็น” ไม้แย้ง
“ใช่...ฉันไม่ได้ยินชาวบ้านโวยวายว่าโดนปล้น เห็นท่าจะกุเรื่อง” โขงพูดอย่างไม่เชื่อ
โชติชี้หน้าไม่พอใจ
“พวกเอ็งหาว่าพ่อข้าพูดปดงั้นรึ”
ช่วงยกมือปรามโชติ แล้วบอกพวกไม้
“เอ็งจะรู้เห็นได้ยังไง ในเมื่อมันบุกเรือนข้า”
ไม้และโขงไม่เชื่อใจนัก...ช่วงโกหกต่อ
“ข้าไล่จับมันออกไปนอกหมู่บ้าน แต่พลาดท่ามันหนีไปได้”
โชติฟังเรื่องราวก็แปลกใจ เพราะรู้ดีว่าเสือหวาดไม่ได้บุกเรือน ช่วงเล่าต่อ
“ข้าเพิ่งกลับมาก็เห็นพวกเอ็งท้าตีท้าต่อย เข้าใจผิดเรื่องหยุดใส่ความผีมันเถอะ”
“มันคงจริงอย่างพ่อผู้ใหญ่อ้าง...คนน่ากลัวกว่าผี”
ไม้ยังไม่เชื่อใจเรื่องที่ช่วงเล่านักจะเดินออกไป ช่วงพูดไล่หลัง
“หวังว่าเอ็งไม่ลืมเรื่องที่เสือหวาดมันฆ่ายกครัวเอ็ง”
ไม้รับฟังแล้วเดินหนีไป โขงตามออกไป ช่วงหันไปสั่งลูกน้อง
“เร่งขุดแล้วฝังมัน”
ช่วงเดินออกไป โชติและสิงเดินตามไป...เสือหวาดโพกผ้าหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง รับฟังเรื่องราว
ช่วงเดินกลับจะขึ้นเรือน โชติเข้ามาถามด้วยความสงสัย
“ไอ้เสือหวาดไม่ได้บุกเรือน...มันไม่ได้ฆ่าไอ้ปอง”
ช่วงหันหน้ามายิ้มให้แล้วตบหน้าโชติ
“เมื่อไหร่เอ็งจะมีขมองเอาตัวรอดได้เสียที สักแต่ใช้กำลัง”
“งั้นพ่อบอกฉันสิ ว่าใครกันที่ฆ่าไอ้ปอง”
“ข้าไม่สนว่ามันตายด้วยเหตุใด มันเองก็เป็นหนามตำตีนเอ็ง ไอ้ปองช่างตายได้จังหวะประเหมาะ”
โชติสงสัย
“พ่อกุเรื่องเสือหวาดเพื่ออะไรกัน”
ช่วงยิ้มตอบ
“ข้าเข้าเมืองไปรับฟังข่าวทางการปกครองวิเศษไชยชาญ...ตั้งรางวัลค่าหัวเสือหวาดมากโข ข้าจะใช้โอกาสนี้ใส่ไฟใส่ความมัน ยุให้ไอ้ไม้จัดการกับไอ้มหาโจรที่ฆ่าพ่อแม่มัน แล้วข้าจะเอาหัวมันไปขึ้นเงินรางวัล”
โชติรับฟังความจริงก็เข้าใจเหตุผลของพ่อ โชติเสนอตัว
“ฉันจะช่วยพ่ออีกแรง ฉันจะจับไอ้เสือหวาดมาให้พ่อ”
“อย่าดีแต่ปาก...ทำให้ข้าเห็น”
ช่วงดูถูกโชติแล้วเดินขึ้นเรือน โชติตั้งใจจะทำให้สำเร็จเพื่อให้พ่อภูมิใจ
เสือหวาดเดินเข้ามาหาลูกน้องที่ซุ่มอยู่ในป่า เขาถอดผ้าโพกออก
“พวกเอ็งเตรียมอาวุธให้พร้อม คืนนี้ข้าจะบุกปล้นบ้านบัวสี”
“พี่ตั้งใจจะไปปล้นบ้านอื่น ทำไมจึงเปลี่ยนมาที่นี่”
“ไอ้ช่วงมันโยนผิดให้ข้า ข้าจะเล่นงานให้มันสำนึก ข้าจะบุกปล้นเรือนมัน”
เสือหวาดตั้งใจจะเอาคืนช่วง
กาหลงเดินหน้าเศร้ามายังท่าน้ำที่เรือน นั่งลงแล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่คุยกับพุดจีบ
“ฉันขอให้พุดจีบอยู่ห่างผัวฉัน...คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่พุดจีบจะให้ฉันได้”
พุดจีบยิ้มตอบ
“สิ่งใดที่ทำให้เพื่อนฉันสุขใจ ฉันยอมทำได้เสมอ”
กาหลงเดินออกไปจากเรือน
กาหลงรู้สึกผิดที่พูดอย่างนั้น
“คะเนว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ฉันต้องตัดไฟแต่ต้นลม”
กาหลงนั่งเศร้าอยู่ที่ท่าน้ำแล้วหวนคิดถึงไม้
“พี่ไม้ยังไม่กลับจากวัด”
ไม้เดินมาที่มุมหนึ่งในวัดมองไปเห็นจอกนั่งอยู่หน้าระนาด เอาไม้ตีระนาดตีย้ำอยู่ทำนองเดิม ยิ้มแล้วหัวเราะไปมา ไม้มองจอกด้วยความสงสาร โขงเดินเข้ามายืนข้างไม้
“รดน้ำมนต์อาบน้ำมนต์ก็แล้ว กินยาต้มหมดไปสามสี่หม้อ ก็ไม่ดีขึ้นเลย”
ไม้มองจอกด้วยความสงสารคิดอะไรบางอย่าง
จอกถือไม้ตีระนาดแล้วทำเสียงดนตรีเอง
“หน่อยนอย นอย น้อยนอยน๊อยนอยนอย”
ไม้จูงมือจอกจะออกไป โขงเข้ามาถาม
“พี่จะพามันไปไหน”
“ข้าอยากรู้ความจริง”
ไม้จูงมือจอกออกไป โขงตามไปด้วยความแปลกใจ ตาสรย่องเข้ามาไม่เห็นใครก็ย่องตรงไปยังกฎิหลวงพี่กบ ตาสรเข้าไปในกุฏิบอกหลวงพี่กบ
“ฉันมั่นใจว่าบ้านเราต้องมีผี ฉันอยากได้เครื่องรางของขลังป้องกันตัวจ้ะ”
“อาตมาเป็นพระ จะมาหมกมุ่นเรื่องคาถาอาคมมันไม่สมควร”
“บ๊ะ มันน่าเสียดาย ฉันหวังเอาเงินมาถวายเป็นปัจจัยบุญ งั้นฉันนมัสการลา”
ตาสรยกมือไหว้จะลุกออกไป หลวงพี่กบรั้งไว้
“โยมคับใจด้วยทุกข์ แล้วจะปล่อยให้กลับไปด้วยทุกข์ได้อย่างไร การดับทุกข์ในใจคนถือเป็นกิจของสงฆ์”
ตาสรยิ้ม
“หลวงพี่กบมีดีอะไร”
“ไม่ให้เสียกาล วางปัจจัยถวายบุญในพานก่อนเถอะโยม”
หลวงพี่หยิบพานส่งให้ใส่เงิน ตาสรมองประมาณว่าเขี้ยวนัก จำใจควักเงินใส่พาน
ไม้พาจอกมาบริเวณบึงบัว โขงเข้ามาถาม
“พี่พามันมาทำไม”
ไม้มองไปยังบึงบัว...
“ข้าอยากรู้ว่าก่อนสติมันจะฟั่นเฟือน มันเห็นอะไรถึงได้เป็นอย่างนี้”
ไม้หันไปหาแต่จอกหายไปแล้ว ไม้และโขงแปลกใจ
“ไอ้จอก”
หลวงพี่กบบอกตาสร
“ถอดออกซะ”
“มันจะดีรึ”
“ไม่ถอดก็ไม่ต้องทำพิธี”
ตาสรลุกขึ้นจะถอดโจงออก หลวงพี่กบสะดุ้ง
“เฮ่ย...เอ็งทำอะไร”
“หลวงพี่ให้ถอดผ้าออก”
“ข้าให้ถอดเสื้อ”
ตาสรยิ้มแล้วนั่งลงถอดเสื้อ
“ข้าจะสักยันต์กันผี”
ตาสรตื่นเต้นดีใจ
“สักยันต์”
ไม้และโขงมองหาจอกไปรอบๆ
“จอก”
จอกใส่ดอกไม้ทัดหูร้องเพลง โขงนึกได้
“วันนั้นมันก็ร้องเพลงนี้แหละ ก่อนที่จะลงเรือไปเก็บบัว”
“ลงเรือ”
ไม้คิดหาทางให้จอกกลับคืนมาเหมือนเดิม
หลวงพี่กบหยิบเหล็กอันเล็กๆออกมา ตาสรยิ้ม หลวงพี่กบหยิบมาวางไว้ แล้วหยิบอันใหญ่ขึ้นมา ตาสรยังยิ้มพอรับได้ หลวงพี่กบเอาวางไว้ ตาสรใจเสีย หลวงพี่กบหยิบอันใหญ่กว่าออกมา ตาสรตะลึง หลวงพี่กบจะเอาวางไว้เพื่อหยิบอันใหม่ ตาสรทักไว้
“อันนี้ล่ะหลวงพี่เหมาะมือนัก”
หลวงพี่กบจับเหล็กสักยันต์ไว้มั่นแล้วถามตาสร
“เอ็งเกิดนักษัตรปีอะไร”
“ปีมะโรงจ้ะ”
“ข้าจะสักงูใหญ่...ป้องกันภัยพาลภูติผีทั้งปวง”
ตาสรบ่น
“อยากเกิดปีชวดนัก”
หลวงพี่กบสั่ง
“พนมมือนึกถึงพี่แก้วแม่แก้ว”
ตาสรบ่น
“ยังกะลาตาย”
หลวงพี่กบเสียงดุ
“พนมมือ”
“จ้ะ”
ตาสรนั่งพนมมือ หลวงพี่กบบริกรรมคาถาแล้วสักกระแทกไปกลางหลัง ตาสรเจ็บมากร้องลั่น
“จ๊าก”
ไม้พายเรือมากลางบึงบัว จอกอยู่กลางเรือมองดอกบัว ยิ้มเพลิดเพลินใจ โขงนั่งอยู่หัวเรือ
“ฉันกับมันลงเรือมาเก็บดอกบัวที่กลางบึง ฉันให้มันเก็บมันก็พิรี้พิไร ฉันหมั่นไส้ถีบมันตกน้ำ” โขงเล่า
ไม้ชะงัก
“ตกน้ำ”
ไม้คิดว่าจะทำอย่างไรให้จอกกลับมาเหมือนเดิม
หลวงพี่กบสักเต็มแรง ตาสรเจ็บร้องจ๊าก
“หยุดก่อนหลวงพี่”
หลวงพี่กบหยุด รอยสักหลังตาสรเลือดซิบๆ
“ขัดโน่นขัดนี่ ประเดี๋ยวมนต์เสื่อม”
ตาสรรีบเปลี่ยนเพื่อจะให้เจ็บน้อยลง
“ฉันลืมไป ฉันไม่ได้เกิดปีมะโรง”
“แล้วเอ็งเกิดปีอะไร”
“ปีมะเส็ง งูเล็ก”
“ได้ งั้นข้าสักงูเล็ก”
หลวงพี่กบบริกรรมคาถา แล้วแทงเหล็กสัก ตาสรเจ็บร้องเสียงหลง
กาหลงเดินมายังบริเวณวัดแล้วชะงัก นึกได้ว่าเธอเป็นผี กาหลงก้าวเดินจะเข้าไปแต่ก็ลังเลหยุดคิดตัดสินใจ
จอกนั่งอยู่กลางลำเรือ แล้วค่อยๆชะโงกมองน้ำลงไปข้างล่างหน้าตื่นกลัว ไม้มองตามสายตาจอก มองไปที่น้ำด้านล่าง
“ให้ฉันถีบมันตกน้ำไหม เราจะได้รู้ว่ามันเห็นอะไร” โขงบอกจอก “ไอ้จอก ลุกขึ้น”
จอกลุกขึ้นกล้าๆกลัวๆ โขงตั้งท่าจะถีบ ไม้ห้ามไว้
“อย่า”
“ให้มันตกไปอีกครั้ง เผื่อมันขึ้นมาจะหายเป็นปลิดทิ้ง”
“สติไม่สมประดี ประเดี๋ยวก็จมน้ำตายหรอก”
ไม้เข้ามาจับตัวจอกนั่งลง จอกท่าทีกลัวๆ ไม่กล้ามองน้ำ
“มันอาจมีอะไรใต้น้ำ ฉันจะลงไปดูเอง”
หลวงพี่กบสักกลางหลัง ตาสรร้องห้าม
“หยุดก่อนหลวงพี่”
“อะไรอีก”
“ฉันนึกได้ว่าดวงชะตาฉันไม่ถูกโฉลกกับงู ขอเปลี่ยนเป็นไส้เดือน”
หลวงพี่กบไม่พอใจ
“ไส้เดือน บ๊ะ”
หลวงพี่กบโยนเหล็กสักทิ้งข้างตัว ตาสรสะดุ้ง
“เอ็งคิดลบหลู่วิชาข้า ข้าสักแต่เสือเผ่น หนุมานชาญสมร...ชะหน๋อยแน่ ให้ข้าสักไส้เดือน ไป๊ กลับไปให้เมียเอ็งสัก”
ตาสรดีใจ
“ไม่สักก็ดีจ้ะ...ฉันนมัสการลา”
ตาสรยกมือไหว้รวบเสื้อแล้วจะหยิบเงินในพาน หลวงพี่กบใช้เหล็กสักจิ้มเงินในพานไว้
”เงินบูชาครูเอาคืนไม่ได้ ประเดี๋ยวของจะเข้าตัว”
ตาสรกลัวจึงไหว้ลาออกไป หลวงพี่กบเก็บเงินในพาน
“ปัจจัยหนอ...ทำบุญหนอ”
ไม้ถอดเสื้อวางลงในเรือ
“ข้าจะลงไปดูให้รู้แน่ว่ามีอะไร”
ไม้จะกระโดดลงไป จอกจับมือไม้ไว้แล้วส่ายหัวไม่ให้ไม้ไป
“เอ็งไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ข้าจะได้ช่วยเอ็งได้”
ไม้เอามือจอกออก โขงมาจับตัวจอกนั่งลง ไม้มองไปที่น้ำแล้วกระโดดลงไปจากเรือ
กาหลงตัดสินใจจะก้าวเท้าเข้าไปในวัดแต่แล้วหยุดกึก รับรู้ได้ว่าไม้กระโดดลงบึงบัว กาหลงตกใจกลัวไม้รู้ความจริง
ไม้อยู่ใต้น้ำว่ายน้ำมองหาว่ามีอะไร กาหลงพยายามวิ่งไปเพื่อห้ามไม้ก่อนที่เขาจะเจอซากศพของเธอ...ไม้ว่ายน้ำมองหาเห็นเงาดำๆอยู่บริเวณกอบัว เขาสงสัย...กาหลงรู้ว่าไม้จะเจอร่างเธอตกใจรีบวิ่งไป แต่สะดุดพื้นล้มลง
“พี่ไม้”
ไม้มองไปเห็นเงาดำๆอยู่ใต้น้ำตัดสินใจว่ายน้ำเข้าไปโดยมีกอบัวคั่นอยู่ระหว่างเขากับซากศพทำให้ไม่เห็นซากศพชัดนัก เขาเอื้อมมือจะแหวกกอบัวออก ทันใดนั้นมีมือหนึ่งมาจับมือเขาไว้ ไม้หันไปมองเห็นกาหลงดำน้ำมาจับมือ เขาแปลกใจที่เธอดำน้ำลงมา กาหลงดึงมือไม้ว่ายน้ำขึ้นไป ซากศพกาหลงลอยอยู่ใต้น้ำต่อไป
ไม้ประคองกาหลงขึ้นมาจากน้ำ แล้วนั่งลง
“กาหลงดำน้ำลงไปทำอะไร”
“ฉันผ่านมาเจอโขงกับจอก...ซักถามรู้ว่าพี่ดำน้ำลงไป”
“พี่อยากรู้ว่าจอกมันพบเห็นอะไรถึงได้กลัวนักกลัวหนา”
“มันเป็นเช่นนั้นน่ะสิ...ฉันถึงไม่อยากให้พี่มาที่นี่ จำปาตายไม่ไกลจากตรงนี้ พี่ปองก็เพิ่งตาย มีแต่เรื่องร้ายๆ ฉันหวั่นใจกลัวจะเกิดเหตุร้ายกับพี่”
“โถคนดีของพี่...” ไม้ลูบหัวปลอบใจ “จะมีอะไรให้น่ากลัว มันก็บึงบัวที่เราสองเคยดำว่ายด้วยกันตั้งแต่เล็ก”
“ยังไงก็แล้วแต่ ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ฉันขอนะพี่อย่าได้แวะเวียนมาแถวนี้อีก คิดเสียว่าทำเพื่อฉัน”
“เอ็งขอมีหรือพี่ให้เอ็งไม่ได้”
ไม้โอบกอดยอมทำตามคำขอของเธอ กาหลงอุ่นใจ
“แล้วโขงกับจอกล่ะ”
“ฉันให้โขงพาจอกกลับวัดแล้วจ้ะ พี่เองก็กลับเรือนเถอะจ้ะ”
ไม้พยักหน้ารับแล้วประคองพากาหลงกลับเรือน
จบตอนที่ 5
อ่านต่อตอนที่ 6 เวลา 17.00น.