xs
xsm
sm
md
lg

ธิดาพญายม ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธิดาพญายม ตอนที่ 5

ชายถือดาบทั้ง 5 พรวดตามเข้ามาในโบสถ์ แต่ไม่พบร่องรอยของณัชชากับเอกภพ จนในที่สุดก็มายืนกันที่หน้าภาพฝาผนัง ทันใดนั้นร่างทั้งหมดก็ค่อยๆ มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว แล้วกลายเป็นสายลอยเข้าไปในรูปภาพตรงรูปชายถือดาบยืนเหมือนเดิม ซึ่งก็ยังคงเห็นเด็กหญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังของชายถือดาบเหมือนเดิมที่ต่างก็คือ ขณะนี้มีเอกภพกับณัชชาปรากฏยืนอยู่ในภาพด้วย

“พามาหลบในภาพเลยเหรอครับ” เอกภพกระซิบถามณัชชา
“คิดไม่ออกนี่ว่าจะไปหลบที่ไหน”
ทันใดนั้นได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ณัชชากับเอกภพหันไปก็เห็นเด็ก 8 ขวบคนเดิมยืนยิ้มขำอยู่

นาชะอยู่ที่หน้าถ้ำ
“ทายาททั้ง 4 มีขนปีกของนาชะ เชื่อว่านาชะต้องสัมผัสได้ไม่ช้าหรือเร็ว”
“เราคาดว่าเทพอาคิน ต้องบังคับให้ทายาทเดินทางไปตามเส้นทางของแผนที่อย่างแน่นอน”
“งั้นเราเดินทางไปตามเส้นทาง ได้โอกาสเมื่อไหร่ค่อยลงมือ”
“อืม เป็นความคิดที่ดี นาชะเชื่อว่า องค์หญิงณัชชาต้องทำอย่างเดียวกัน”

ในโบสถ์ที่รูปภาพของณัชชากับเอกภพและเด็กหญิง
“ชายถือดาบคือทหาร กำจัดทุกคนที่ผ่านมา”
“อ้าว ทำไมเหมารวมแบบนี้ล่ะ”
“ที่แท้องค์รักษ์ทั้ง 4 วางแผนป้องกันกุญแจอย่างหนาแน่นไม่ว่าใครก็ผ่านไม่ได้” เด็กหญิงพยักหน้า
“ผมเข้าใจแล้ว ถึงมีรูปชายถือดาบตลอดเส้นทางถึงประตูทางออก”
เด็กหญิงพยักหน้าอีก
“แล้วหนูคือคนที่รู้เส้นทาง ถึงได้มีรูปหนูอยู่กับชายถือดาบ”
เด็กหญิงยิ้มพยักหน้า
“ไม่ต้องการให้ใครผ่าน แต่มีคนรู้เส้นทาง เพื่ออะไร”
“ฉันคาดว่า องครักษ์ทั้ง 4 ยังเปิดทางเลือกไว้ เพื่อให้ฝ่ายดีออกไปได้”
“ขอโทษอย่าหาว่าเรื่องมาก องครักษ์ทั้ง 4 รู้ได้ยังไงว่าใครเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายชั่ว หรือว่าให้เด็กเป็นคนตัดสิน”เด็กหญิงยิ้ม เอกภพเสียอารมณ์ ณัชชายิ้ม เอกภพมองทั้งสองคนอยู่อึดใจ แล้วเหมือนคิดออกในที่สุดก็ยิ้ม “ถ้าฝ่ายชั่วคงไม่เสี่ยงช่วยชีวิตเด็ก จนตัวเองต้องเดือดร้อน” ณัชชากับเด็กหญิงต่างพยักหน้า ยิ้มขำเอกภพ “แต่ในรูปตรงประตู มีแต่ชายถือดาบ ไม่มีรูปหนูนี่”
“ก็หนูหมดหน้าที่แล้วนี่คะ”
ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากัน ในที่สุดต่างก็ยิ้มให้กัน
“องครักษ์ทั้ง 4 ฉลาดจริงๆ”

อาคินกับเทพซ้ายขวา ยืนประจันหน้ากับทายาททั้งสี่ที่ลานของหมู่บ้าน รอบๆ มีทหารโจรที่อาคินปลุกขึ้นมาล้อมอยู่
“ถ้าพวกท่านไม่นำทางเราไปชาวบ้าน ทุกคนจะพบจุดจบ” อาคินยิ้มโหด
ทายาททั้งสี่ต่างมองหน้ากัน
“เราจะปล่อยให้ชาวบ้านตายไม่ได้” ไกรยุทธ์บอก
“นาฬิกาเชื่อว่า พี่ณัชชากับทุกคนต้องรอช่วยพวกเราอยู่”
“ใช่ บีมเห็นด้วย”
“ยังไงพี่นาชะก็ต้องหาเราเจอ เรามีขนปีกของพี่นาชะ”
ไกรยุทธ์พยักหน้า ทายาททั้งสี่ต่างพยักหน้าให้กัน
“ปล่อยชาวบ้านไป แล้วเราจะทำตาม”
อาคินมองทายาททั้งสี่ แล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ

ที่รูปภาพบนฝาผนังโบสถ์ตรงประตูทางออกซึ่งมีรูปของชายถือดาบ 5 คนยืนอยู่ ทันใดนั้นก็มีรูปของเอกภพกับณัชชาและเด็กหญิงปรากฏขึ้นข้างๆ ชายถือดาบในรูปภาพ
“ผ่านประตูนี่คือเส้นทางเดิมตามแผนที่ค่ะ” เด็กหญิงบอก
“แค่สงสัย ตอนนี้ทหารถือดาบทำไมไม่ปรากฏตัวสกัดเราไว้”
“ทหารถือดาบจะออกไปจัดการกับคนที่อยู่นอกรูปภาพเท่านั้นค่ะ องค์หญิงฉลาดที่เข้ามาหลบในรูปภาพ”
ณัชชายิ้ม ยืดมองเอกภพ
“โอเค องค์หญิง ฉลาดสุดๆ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ คงไม่เจอกันแล้วใช่มั้ย”
“หนูตอบไม่ได้”
“งั้นลาก่อน”

เอกภพยิ้มให้ เด็กหญิงยิ้มแล้วค่อยๆ จางหายไป ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากันแล้วเดินออกจากประตูทางออก

ทายาททั้งสี่เดินนำขบวน ล้อมด้วยทหารโจร มีเทพซ้ายขวาเดินตามหลังขบวน
“เอ๊ะ เทพอาคินหายไปไหน” นาฬิกาถามอย่างแปลกใจ
“คงรอให้เราถึงจุดหมายก่อนมั้งถึงจะแวบไป”
“โห ไฮโซน่าดู ไม่ยอมเดิน”
“ปิงปองว่าเราควรหาทางถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด”
“เห็นด้วย”
ทันใดนั้น ปิงปองก็เซเป็นลมล้มลง
“คนเป็นลม เราต้องพัก”
เทพซ้ายขวาสีหน้าเคร่งเครียด ในที่สุดก็พยักหน้า นาฬิการีบเข้ามาดู ปิงปองยิบตาให้แล้วหลับตา
“เนียนมาก” นาฬิกายิ้ม

เอกภพยืนอยู่ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ กราดสายตาไปรอบๆ แล้วเงยหน้าขึ้น เห็นณัชชาอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่
“เป็นไงบ้างครับ”
“ยังไม่เห็นอะไร”
ร่างของณัชชาแวบลงมายืนข้างๆ เอกภพ
“องค์หญิงคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง”
“ณ เวลานี้เทพอาคินต้องคุมตัวทายาทไว้แล้ว และบังคับให้เดินทางไปยังด่านแรกตามแผนที่”
“ผมก็คิดยังงั้นเหมือนกัน หวังว่าท่านธิดากับนาชะปลอดภัย”
ณัชชานิ่งไปอึดใจ
“นาชะคงไม่เป็นไร แต่ท่านธิดาคงป้องกันทายาทจนกว่าเธอจะ...”
“หมดทางสู้”
ณัชชาถึงกับพูดไม่ออก เอกภพสีหน้าเศร้าขบกรามแน่น ทั้งสองต่างมองหน้ากันด้วยความเศร้าเพราะคิดว่าปา
ระนังคงไม่พ้นมืออาคินกับภูตสังหาร เอกภพค่อยๆ ดึงร่างณัชชาเข้ามากอดปลอบใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า
แต่แล้วณัชชาก็ถอยตัวออกมา หันมองไปรอบป่าเหมือนจะพูดกับอาคิน
“เทพอาคิน ท่านอย่าหวังว่าจะได้กุญแจ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่”
เอกภพตาเป็นประกายแข็งกร้าว

ทายาททั้งสี่นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ สายตาจ้องอยู่ที่พวกทหารโจรที่ล้อมรอบอยู่ เทพซ้ายขวายืนคุมห่างออกไป นาฬิกาถือแว่นของกระรอกอยู่ในมือ สายตาจ้องที่แว่นเศร้าใจ ไกรยุทธ์นั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่นิ่งไม่รู้จะพูดอะไร
“มีคนต้องสูญเสียเพราะเรามากมาย”
“ครับ แต่เราก็เห็นว่ากระรอกไปดีแล้ว ไปอยู่สวรรค์”
“ค่ะ” นาฬิกาฝืนยิ้ม มองไกรยุทธ์อย่างสงสัย “แต่คุณไกรยุทธ์กลายเป็นคนมีฝีมือได้ยังไง”
“ความจริงคุณอาเล่าเรื่องทายาทให้ฟังและฝึกฝนวิชาการต่อสู้ให้ตั้งแต่เด็ก สั่งให้ผมปกปิดไว้ห้ามเปิดเผย”
“คุณถึงมาคอยเฝ้านาฬิกา”
ไกรยุทธ์พยักหน้า นาฬิกายิ้มพยักหน้าเข้าใจ ไกรยุทธ์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้
“นี่ครับ ห่อไว้จะได้ไม่แตก”
นาฬิกายิ้ม รับผ้าเข็ดหน้ามาห่อแว่นไว้อย่างดีแล้วเก็บไว้ในเป้
“เอ๊ะ”
ทายาททุกคนหันมามองนาฬิกา
“มีอะไรเหรอครับ”
นาฬิกามองในเป้
“เสบียง แปลก...ยังเหลือเท่าเดิม”
ทั้งหมดต่างสำรวจเป้ของตน
“จริงด้วย”
“เสบียงจัดโดยท่านธิดา คงเป็นอาหารเทพ ไม่มีวันหมด”
“เย้ อย่างน้อยก็ไม่อดตาย”
ทั้งหมดต่างยิ้ม บีมหยิบขาไก่ขึ้นมากิน เทพซ้ายขวาเดินเข้ามา
“ได้เวลาเดินทางแล้ว”
ทายาททั้งสี่ ต่างทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ต้องขยับตัวลุกขึ้น บีมเดินมาตรงหน้าเทพซ้ายขวา กัดขาไก่อีกหนึ่งคำแล้วแกล้งโยนขาไก่ผ่านหน้าเทพซ้ายขวาไป ทันใดนั้นเทพขวาสะบัดมือมีมีดสั้นบินออกไป ขาไก่ติดอยู่ที่ต้นไม้ บีมมองตาม เบ้ปากประมาณว่าไม่เท่าไหร่
“ก็ พอใช้ได้”
ว่าแล้วบีมก็เดินออกไป เทพขวาโกรธ ยกมือจะสะบัด เทพซ้ายยกมือห้ามไว้ แล้วทั้งสองก็เดินออกไป

นาชะบินวนเวียนอยู่เหนือยอดไม้แล้วบินแวบลงมายังด้านล่าง ปาระนังกับราเชนนั่งพักอยู่
“ยังสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”
ปาระนังกับราเชนต่างมองหน้ากันสีหน้ากังวล

ทายาททั้งสี่เดินนำขบวนของอาคินมาตามทางจนพบว่าด้านหน้ามีคล้ายปราสาทอิฐสีแดงตั้งอยู่ จึงหยุดเดินเทพซ้ายขวาเดินแหวกพวกทหารโจรที่คุมทายาทเข้ามา
“หยุดทำไม”
“หยุดดูเด้ อยู่ๆ จะให้เข้าไปเลยเหรอไง”
“ใช่ อาจมีตัวอะไรอยู่ในนั้นโผล่มางาบพวกเราก็ได้”
“แน่จริงก็เข้าไปก่อนซิ”
ไกรยุทธ์ยิ้มมองทุกคนอย่างพอใจ เทพซ้ายขวาต่างมองหน้ากัน
“เราจะเข้าไปดูเอง ท่านคุมพวกทายาทรอที่นี่”
“เดี๋ยว ให้พวกเดนมนุษย์พวกนี้นำท่านไปดีกว่า”
เทพขวาพยักหน้าอย่างพอใจ หันมาทางพวกทหารโจรที่คุมทายาทอยู่ สายตาเคร่งเครียด

เอกภพกับณัชชาต่างเดินไปตามเส้นทางเดินในป่า รอบๆ มีป่าไม้ทึบ ทั้งสองหยุดทบทวนเส้นทาง ดูร่องรอย
“ยังไม่มีรอยผ่านมาทางนี้”
“อาจยังมาไม่ถึง”
“ดี เราไปถึงก่อนจะได้วางแผนดักซุ่ม ชิงตัวทายาท”
“เอ้อ แต่ว่าคุณจะพักก่อนก็ได้นะ”
“ผมไม่เหนื่อย ถ้าองค์หญิงอยากพักก็เชิญครับ”
“ฉันไม่ต้องพักก็ได้ค่ะ”
เอกภพสบตาณัชชาแล้วยิ้มออกมา
“ลืมไปว่านางฟ้า ไม่เหนื่อยไม่หิว ไม่มีความรู้สึก”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พักหน่อยก็ได้ พอใจหรือยัง”
เอกภพยิ้ม ณัชชาเหล่แล้วเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ใต้ต้นไม้ เอกภพยิ้มเดินไปนั่งข้างๆ
“ผมมีเรื่องสงสัย”
ณัชชาหันมามองเป็นเชิงว่าสงสัย
“องค์หญิงบอกว่า ตราบใดที่องค์หญิงมีชีวิตอยู่ตราบนั้นเทพอาคินไม่มีวันได้กุญแจ”
“แน่นอน”
“นางฟ้าเป็นอมตะ เอ้อ...จะตายได้ยังไง”
“ดับสูญ” เอกภพทำหน้างง “นางฟ้าหรือเทพ เป็นอมตะก็จริง แต่สามารถดับสูญสลายไปได้ ถ้าถึงเวลาอายุขัย
หรือถูกอาวุธของเทพด้วยกันทำร้าย”
“องค์หญิงหมายถึง ฟุ้บ หายไปเลยเหรอครับ”
ณัชชายิ้มพยักหน้ารับ เอกภพพยักหน้ารับรู้ มองณัชชาสีหน้ากังวลใจ ณัชชาจ้องเอกภพ ทั้งสองต่างเงียบ

ปาระนังกับราเชนและนาชะต่างเดินทางมาตามเส้นทาง แต่แล้วปาระนังก็เซเล็กน้อย ราเชนประคองไว้ได้ทัน
“ท่านยังไม่หายดี”
“เราไม่เป็นไร”
“นาชะ เราต้องรักษาท่านธิดา”
“เราต้องหาที่ลับตาและปลอดภัย”

ณัชชาทานไก่หมดแล้วโยนเข้าไปในราวป่า
“ท่านธิดาจัดเมนูเสบียงไว้ยอดเยี่ยม”
“คาดไม่ถึงท่านธิดา รู้เรื่องของมนุษย์เป็นอย่างดี”
“ไม่ใช่รู้เรื่องมนุษย์อย่างเดียวนะครับ รู้เรื่องนางฟ้าด้วยครับ”
“ยังไง”
“ท่านธิดาเคยบอกผมว่า องค์หญิงมีภาระหนักจนลืมความรู้สึกของตัวเอง”
“ความรู้สึกอะไร”
“ท่านธิดาไม่ได้บอกผม”
“แล้วคุณคิดว่าฉันมีหรือเปล่า”
“ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ความรู้สึกของตัวเอง” ทั้งสองต่างสบตากัน “และ...”
เอกภพหยุดพูด ณัชชาจ้องอย่างสงสัย อึดใจก็พยักหน้าช้าๆ เมื่อเห็นมือเอกภพค่อยๆ เลื่อนไปที่เอว ทันใดนั้นเอกภพตวัดปืนขึ้นมาในมือแล้วสาดกระสุนเข้าไปในแนวป่า เสียงคำรามดังขึ้นอย่างน่ากลัว เงาแวบหายไป ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น ทั้งสองขยับตัวเตรียมพร้อม

ที่ลานเล็กๆ ลับตาแห่งหนึ่ง ปาระนังนั่งหลับตาอยู่ ราเชนนั่งอยู่ทางด้านหลัง เอามือทาบที่แผ่นหลังของปาระนัง อึดใจปาระนังก็ลืมตาขึ้น
นาชะอยู่บนกิ่งไม้ กราดสายตาไปทั่วและเมื่อมองลงมาก็ปาระนังกับราเชนเดินมาใต้ต้นไม้ นาชะแวบหายลงไปยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสอง
“ท่านธิดาอาการเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้น แต่ยังไม่เต็มร้อย”
“เราเร่งเดินทางกันดีกว่า”

ทั้งหมดออกเดินทางต่อ

 
พวกทหารโจรเดินนำเทพขวาเข้าไปที่ปราสาทอิฐสีแดงจนมาถึงทางเข้าซึ่งเห็นเป็นทางทะลุไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งดูว่างเปล่าเงียบสงบ เทพขวาโบกมือให้เทพซ้ายนำขบวนทายาทตามเข้ามา เทพซ้ายใช้พลังผลักไกรยุทธ์ให้เดินไปข้างหน้า ทั้งหมดจึงต้องเดินตาม จนมาถึงทางเข้า
 
“พวกเจ้า นำทางเข้าไป”
พวกทหารโจรทำตาม พวกมัน 4-5 คนนำทางเข้าไปเหลือคุมพวกทายาทอีก 4-5 คน เทพซ้ายขวาให้ทุกคนรอดูพวกทหารโจรกลุ่มแรกผ่านไป ทุกคนต่างลุ้น กราดสายตามองอย่างตื่นเต้น จนพวกทหารโจรถึงสุดทางอีกด้านหนึ่ง เทพซ้ายหันมาถามไกรยุทธ์กับพวกทายาท
“พอใจหรือยัง”
พวกทายาทต่างมองหน้ากัน

เอกภพกราดปืนไปมาเข้าไปในแนวไม้ที่หน้าทึบ ณัชชากราดปืนไปตามแนวไม้เช่นกัน เสียงคำรามดังมารอบด้าน
“อะไรกันแน่”
เงาวูบพร้อมเสียงคำรามวูบเข้ามาเอกภพเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆ ออกไปแต่เงากลับหายไป ทั้งสองเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง เสียงก็ค่อยๆ หายไป
“พวกมันหายกันไปหมดแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น”
“อาจสัมผัสได้ว่าเราเป็นคนพวกดีก็ได้มั้ง”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน แต่แล้วทันใดนั้นมีสายสีเขียวพุ่งมารัดที่ปืนของเอกภพดึงปืนกระเด็นหลุดไปจากมือ
“เฮ้”

ที่ปราสาทอิฐสีแดง ทายาททั้งสี่ต่างมองหน้ากัน บีมเหล่เทพซ้ายขวาแล้วเดินนำเข้าไป พวกทายาททั้งหมดต่างเดินตาม พวกทหารโจรเดินคุมมีเทพซ้ายขวาปิดหลัง ทั้งหมดเดินไปกราดมองทางด้านบนไป ทันใดนั้นมีร่างสีเหมือนกับสีอิฐโผล่ออกมาจากกำแพงอิฐดึงบีมหายเข้าไปต่อหน้าต่อตา ทายาททุกคนต่างร้องด้วยความตกใจ เทพซ้ายขวาดีดตัวไปที่กำแพงแต่ไม่มีร่องรอยของบีม
“พวกท่านไม่เอาไหน พวกเราหายไปแล้ว”
นาฬิกาต่อว่า เทพซ้ายขวาต่างตั้งท่าป้องกันกราดสายตาไปรอบๆ
“พวกเจ้ากลับมานี่”
พวกทหารโจร เดินกลับเข้ามา ทันใดนั้นมนุษย์ร่างสีอิฐออกมาจากกำแพง ดึงพวกมันเข้าไปในกำแพง พวกมันร้องเสียงหลงแต่หายไปแล้ว พวกมันต่างกราดยิงใส่เสียงปืนใส่ร่างของมนุษย์อิฐที่โผล่ออกมาจำนวนมากลากพวกมันเข้าไป พวกมันต่างถอยพลางยิงพลาง แต่ก็ถูกลากหายเข้าไปในกำแพงร้องเสียงหลง เทพซ้ายขวาปล่อยพลังใส่พวกมนุษย์อิฐถูกแตกกระจาย แต่มนุษย์อิฐกลับออกมาจากกำแพงเต็มไปหมดรุมเข้ามาหาทายาท เทพซ้ายขวาและทายาทต่างถอย แต่แล้วปิงปองก็ถูกดึงเข้าไปในกำแพงอิฐ
“พี่นาฬิกา”
นาฬิกาดีดตัวเข้าไปคว้ามือปิงปองไว้ได้ทันท่วงที แต่สู้แรงไม่ไหว กำลังจะถูกดึงเข้าไป แต่แล้วมือของไกรยุทธ์ก็คว้ามือของนาฬิกาไว้ได้ทันท่วงที
“พวกท่าน เร็วเข้า”
เทพซ้ายขวาสู้กับมนุษย์อิฐพัลวัน เทพขวาหันมาจะเข้ามาช่วยไกรยุทธ์แต่ถูกมนุษย์อิฐเข้ารุม จนเข้ามาไม่ทัน
ไกรยุทธ์พยายามดึงนาฬิกาไว้แต่ในที่สุดก็ถูกดึงหายเข้าไปในกำแพงอิฐด้วยกัน
ทันใดนั้นเสียงของอาคินดังก้องพร้อมพลังวิ่งผ่านเข้ามา พวกมนุษย์อิฐแตกกระจายหายไปจนหมด พอฝุ่นอิฐจางก็เห็นแต่อาคิน เทพซ้ายขวาเท่านั้น ทุกคนหายไปหมด อาคินมองด้วยความแค้นใจ แต่แล้วสายตาของอาคินก็วาวขึ้นในเมื่อเห็นสิ่งหนึ่งตกอยู่ใกล้กำแพง เป็นขนปีกของนาชะนั่นเอง อาคินยกฝ่ามือใช้พลังดูดขนปีกของนาชะขึ้นมามองดู อาคินยิ้มเยือกเย็น

นาชะหันขวับกราดสายตาไปมา
“มีอะไรเหรอนาชะ”
“มีพลังบางอย่าง สะท้อนมาที่นาชะ จากขนปีกของนาชะ”
“ทายาท”
นาชะพยักหน้า ยิ้มอย่างมีความหวัง
“พวกทายาทต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
ปาระนังกับราเชน มองหน้ากันอย่างตื่นเต้น

ณัชชากับเอกภพต่างระวังตัว แต่แล้วสายสีเขียว ซึ่งที่แท้ก็คือเถาวัลย์นั่นเอง หลายสิบเส้นเข้ามารัดตัวคนทั้งสองเต็มไปหมดจนแทบจะไม่เห็นตัว ทันใดนั้นแสงสีแดงจากดาบของณัชชาสาดออกมา สายสีเขียวเหมือนมีเสียงร้องคำรามแล้วคลายตัว ณัชชาสะบัดตัวหลุดจนได้ แล้วดีดตัวเข้าไปดึงเส้นสีเขียวออกจากร่างของเอกภพ มือหนึ่งตบปัดเส้นที่พุ่งเข้ามาอีกมือกระชากเส้นอื่นจนหลุดจากเอกภพจนได้
เอกภพพุ่งไปที่พื้นคว้าปืนขึ้นมาได้ สาดกระสุนเข้าใส่อย่างถี่ยิบ เส้นสีเขียวร้องคำรามหดถอยไป
“อย่า ทำลายชีวิต แค้ป้องกันตัว”
ณัชชาคว้าปืนของเอกภพไว้ กราดสายตาไปรอบๆ
“ล้อเล่นน่า ผมเกือบหายใจไม่ออกตายไปแล้ว”
“เราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามาดี จำได้มั้ย เหมือนพวกทหารถือดาบ”
เอกภพสีหน้าเคร่ง ตวัดปืนเก็บเข้าที่

“ก็ได้ แต่ถ้าผมไม่รอดละก็ ผมเอาเรื่ององค์หญิงแน่”

ธิดาพญายม ตอนที่ 5 (ต่อ)

ณัชชายิ้ม ทันใดนั้นเงาร่างมนุษย์สีเขียว ผมยาวเหมือนกิ่งไม้ใบไม้พุ่งเข้าใส่ณัชชากับเอกภพ ณัชชาเหวี่ยงหมัดออกถูกตัวหนึ่งกระเด็นออกไป
“จำไว้แค่ป้องกันตัว”
พวกมษุษย์สีเขียวบุกเข้ามาล้อมรอบด้าน ในมือถือดาบ หอก สารพัดอาวุธที่ดูเหมือนว่าทำจากไม้ ทั้งสองต่างมองอย่างคาดไม่ถึง

ร่างของทายาททั้งสี่ถูกฝังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมซึ่งอยู่ในกำแพง ทุกคนถูกฝังอยู่ครึ่งตัวขยับตัวไม่ได้ ปิงปองกับไกรยุทธ์อยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง นาฬิกากับบีมอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง ที่พื้นตรงหน้ามีร่างของพวกทหารโจรนอนนิ่งระเกะระกะ พร้อมด้วยเป้สัมภาระของทายาททั้งสี่กองอยู่ด้วย ทายาททั้งสี่เริ่มรู้สึกตัว
“เฮ้ย อะไรเนี่ย”
ทั้งหมดต่างกราดสายตามองรอบๆ
“นี่มันพวกทหารโจรของเทพอาคิน”
“เราหนีเสือปะจรเข้าซะแล้ว เราถูกจับ”
“เฮ้อ สุดยอด”
“ดูนั่น”
ทุกคนมองที่เป้ที่กองอยู่บนพื้น เหมือนมีแสงออกมาจากเป้สามใบ ยกเว้นของปิงปอง
“เกิดอะไรขึ้น แสงมาจากไหน”
“น่าจะเป็นจากขนปีกของนาชะ”
“เย้ ต้องเป็นพี่นาชะกำลังหาเรา”
“แต่ทำไมของปิงปองไม่มีแสงล่ะ”
“เอ้อ ปิงปองเอาออกมาเก็บไว้ที่อกเสื้อ เผื่อว่าพี่นาชะจะสัมผัสพลังได้ง่ายขึ้น เฮ่...แบบสัญญาณโทรศัพท์ไง”
“อ้าว งั้นก็ต้องมีแสงที่อกเสื้อซิ”
ปิงปองก้มมองดูที่อกเสื้อของตน สีหน้าไม่ดี
“แย่แล้ว ขนปีกพี่นาชะหาย”

พวกมนุษย์สีเขียวที่ล้อมเอกภพกับณัชชาใกล้เข้ามา
“แบบนี้ ถ้าไม่ตายก็ไม่โต”
“ใจเย็นน่า คุณถูกยิงจนเละ ยังรอดมาได้”
“นั่นมันเป็นกระสุนของมนุษย์ อย่าลืมนะว่าผมเป็นเทพเหมือนกัน”
มนุษย์สีเขียวเคลื่อนตัวล้อมอยู่ในระยะเดิม ตัวหนึ่งก้าวออกมาจ้องหน้าณัชชา ทันใดนั้นหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นณัชชาจ้องมา เอกภพถึงกับคาดไม่ถึง
“เฮ้ย มีเล่นกลด้วย ยุ่งละซิ”
“ระวัง พวกนี้ใช้พลังบังคับจิต คุณนึกถึงใครพวกมันจะทำให้คุณเห็นคนนั้น หรือไม่ก็เห็นตัวคุณเอง ถ้าเผลอก็จบ”
มนุษย์สีเขียวพุ่งเข้าใส่ ณัชชากับเอกภพต่อสู้ด้วยหมัดและเท้าอย่างดุเดือด เอกภพชกตัวหนึ่งกระเด็นไป อีกตัวหนึ่งบุกเข้ามาแทงด้วยมีดแหลม เอกภพปัดไว้แล้วเงื้อหมัดแต่แล้วต้องหยุดชะงักเพราะมีใบหน้าเหมือนณัชชา แค่ชะงักชั่ววูบทำให้ณัชชาตัวเขียวตวัดมีดแทงเข้าที่ท้องของเอกภพ เอกภพสะดุ้งทรุด ณัชชาตัวจริงหันขวับมาเห็นร่างของเอกภพทรุดมีมีดปักอยู่ที่ท้อง
“ผู้กอง”

ทางด้านทายาททั้งสี่ที่ถูกขังอยู่ภายในห้องสีอิฐ
“สงสัยหายตอนถูกพวกมนุษย์อิฐจับ”
“ไว้ขอพี่นาชะใหม่ก็แล้วกัน”
ทันใดนั้นแสงในเป้ค่อยจางหายไป
“แสงหายไปแล้ว”
“สงสัยสัญญาณขาด”
ทันใดนั้นร่างของมนุษย์อิฐเดินออกมาจากกำแพงสองคน ในมือถือดาบใหญ่จ้องมาที่ทายาททั้งสี่ ทันใดนั้นที่ผนังกำแพงมีใบหน้าซ้อนปรากฏขึ้นมาส่งเสียงอึมอัมประมาณว่าเชียร์ให้ประหารทายาททั้งสี่
“ท่าทางไม่ดีซะแล้ว”
“เราเป็นทายาทขององครักษ์ทั้ง 4 เรามาดี”
ไกรยุทธ์บอก มนุษย์อิฐเหมือนไม่มีความรู้สึก เดินเข้ายืนตรงหน้าของไกรยุทธ์ เสียงอึมอำดังยิ่งขึ้นมันดาบเงื้อขึ้น

เอกภพถูกมีดปักที่ท้องนอนอยู่ที่พื้น ณัชชาดีดตัวเข้ามาตวัดมือตบร่างของมนุษย์ตัวเขียวกระเด็นออกไป ณัชชาประคองเอกภพขึ้นมา เอกภพฝืนตัวยืนแต่แล้วทรุดลงไปอีก ณัชชาโกรธจัดตวัดมือมีดสั้นปลิวติดมากลายเป็นดาบยาวส่งรังสีจ้าไปทั่ว พวกมนุษย์ตัวเขียวต่างถอยกระจาย
“ในเมื่อมาดีไม่ต้อนรับ เราจะให้ท่านเห็นความร้ายของเรา”
ณัชชาบุกเข้าฟาดฟันพวกมนุษย์เขียวแตกกระจายถอยไปไม่เป็นขบวน ทันใดนั้นเสียงคำรามดัง พวกมนุษย์เขียวหยุดการบุก แล้วค่อยๆ จางหายกันออกไปจนหมด ณัชชาสะบัดมือดาบยาวหายไป ณัชชารีบเข้าไปประคองเอกภพดึงมีดสั้นออกมาจากร่างของเอกภพ เอกภพหลับตาสนิทนิ่งเหมือนไม่หายใจ
“ผู้กอง ผู้กอง คุณเอกภพ”
ณัชชาขยับมือกางออกแล้ววนไปที่บาดแผลของเอกภพมีแสงสีทองสาดลงไปที่หน้าอกของเอกภพ แต่ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ณัชชาถึงกับแปลกใจ ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้น
“พลังเทพของท่านไม่สามารถรักษาบาดแผลจากอาวุธในแดนเนรมิตของพวกเรา”
ณัชชาถึงกับพูดไม่ออก

มนุษย์อิฐยืนตรงหน้าไกรยุทธ์ค่อยๆ เงื้อดาบขึ้น ทันใดนั้นร่างของอาคินปรากฏ ในมือถืออาคินถือปีกของนาชะ มนุษย์อิฐสองคนส่งเสียงคำราม แล้วพุ่งเข้าหาอาคินแล้วเงื้อดาบหมายฟัน อาคินสะบัดมือ ปล่อยพลังใส่มนุษย์อิฐ ทั้งสองคนจนแตกกระจายร่วงกราว ทายาททั้งสี่ต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น
ทันใดนั้นใบหน้าที่อยู่ตามกำแพงก็โผล่เป็นมนุษย์อิฐออกมาจากกำแพงล้อมอาคินไว้
“เละแน่ งานนี้”
ทันใดนั้นมนุษย์อิฐบุกเข้าจู่โจมอาคิน แต่อาคินสะบัดมือไปมาพร้อมหลบหลีก พลังถูกมนุษย์อิฐแตกกระจายไม่มีตัวไหนเข้าใกล้จนในที่สุดหายไปจนหมด ทันใดนั้นเทพซ้ายขวาปรากฏ อาคินเดินเข้ามาจ้องที่ทายาททั้งสี่ ปิงปองจ้องที่ขนปีกในมือของอาคิน
“ท่านขโมยของๆ เรา” อาคินจ้องปิงปองอย่างรำคาญ “เอาคืนมา”
อาคินเริ่มเสียอารมณ์ ค่อยๆ ยกขนปีกของนาชะขึ้นช้าๆ ขยับมือเพียงนิดเดียวไฟก็ติดขนปีกของนาชะพรึบ อาคินปล่อยขนปีกลงพื้นมองหน้าปิงปองอย่างสะใจ ปิงปองจ้องหน้าอาคินด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ปลุกไอ้พวกนี้ขึ้นมา แล้วคุมตัวทุกคนออกไป”
อาคินสะบัดมือใส่ผนังด้านหนึ่งแตกกระจายเป็นทางออก แล้วร่างของอาคินก็หายแวบไป เทพซ้ายขวาเข้าไปยืนตรงหน้าของทายาททั้งสี่ที่ยังติดอยู่ในกำแพง เทพขวาสะบัดมือไปที่ทายาททั้งสี่ พลังกระแทกกำแพงกลายเป็นฝุ่นทลายลงมา
ตอนนี้ทายาททั้งสี่ยืนอยู่ที่เดิมแต่กำแพงหายไปแล้ว
“เราควรจะรีบออกไปก่อนที่พวกมันจะกลับมาอีก”

ทายาททั้งสี่ต่างรีบเก็บเป้ข้าวของของตน เทพขวาสะบัดมือไปที่ร่างของพวกทหารโจร พวกมันต่างค่อยๆ ลุกขึ้นมา

เอกภพที่บาดเจ็บอยู่ในอ้อมอกณัชชา ณัชชากราดสายตาส่งเสียงไปรอบๆ
“ถ้ามนุษย์ผู้นี้เป็นอะไรไป เราจะทำลายที่นี่ให้ราบ”
ทันใดนั้นมีแสงสีเขียวพุ่งจากเบื้องบนลงมายังร่างของเอกภพ ครู่หนึ่งเอกภพก็ค่อยๆ ขยับตัวและลืมตาขึ้น
กราดสายตาไปมามองรอบข้างแล้วมาหยุดจ้องณัชชาแต่แล้วหลับตาลงอีก
“ผู้กอง ผู้กอง” เอกภพลืมตาขึ้นอีกครั้ง “คุณยังบาดเจ็บตรงไหน”
“เปล่าครับ ผมแค่อยากให้องค์หญิงกอดผมนานๆ” ณัชชาจะขยับตัวออก “เดี๋ยวครับ” ณัชชาหยุดนิ่ง เอกภพสบตา “ผมทำตามองค์หญิงจนเกือบตายขอผมมีความสุขนิดหน่อยไม่ได้เหรอครับ”
ณัชชาเหล่กลั้นยิ้มแต่ให้เอกภพอยู่ในอ้อมกอดเหมือนเดิม
“โธ่เอ๊ยนึกว่ามีฝีมือ มีดแค่เนี้ยหลบไม่ได้”
“ก็ไอ้ตัวที่แทงมันทำหน้าเหมือนองค์หญิงนี่ครับ”
ณัชชานิ่งไป สายตาทั้งสองต่างสบกัน ทันใดนั้นเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น ทั้งสองหันไปก็ตกใจเมื่อเห็นนาชะยืนยิ้มอยู่ ณัชชาถึงกับยืนขึ้น ปล่อยร่างของเอกภพหล่นตุบลงกับพื้น ณัชชาปราดเข้าหานาชะ
“นาชะมาได้ยังไง”
“ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นมีนาชะ”
“เจ้าอย่าเพ้อเจ้อ ใครมีความรักที่ไหนกัน”
นาชะยิ้มไม่ตอบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ทายาทล่ะนาชะ”
“ถูกเทพอาคินจับตัวไปแล้วค่ะ”
เอกภพกับณัชชาต่างมองหน้ากัน
“แล้วท่านธิดา” ปาระนังเข้ามากอดณัชชา “ดีใจที่ท่านธิดาปลอดภัย”
“ท่าน เอ้อ...ราเชนมาช่วยไว้ได้ทันพอดี”
“ยินดีที่ได้พบองค์หญิงณัชชา ฉายาเทพธิดาพญายมขององค์หญิงทำให้ท่านพญายมปลื้มทีเดียว”
“ดีใจที่ยมโลกส่งคนมาช่วยเรา นี่คือผู้กองเอกภพ ทายาทของหนึ่งในองค์รักษ์ทั้ง 4”
เอกภพพยักหน้ายิ้มให้ ราเชนก้มหัวลงเป็นเชิงรับ
“องครักษ์ทั้ง 4 เป็นผู้ที่เสียสละน่ายกย่อง” เอกภพพยักหน้ารับ
“เราจะทำยังไงดีคะ”
“ผมนึกออกแล้ว เรารอพวกอาคินอยู่ที่นี่”
“ใช่แล้ว พอกองทัพสีเขียวจู่โจมเทพอาคินเราก็ชิงตัวทายาทมุ่งเข้าสู่ประตูทางเข้าทันที”
“กองทัพสีเขียวอะไร”
ณัชชายิ้มแล้วก้าวออกไปข้างหน้าทุกคน
“ท่านผู้มีอำนาจ ท่านรู้ว่าเราคือคนดี โปรดช่วยพวกเรา”
ทั้งหมดต่างกราดมองรอบๆ ทันใดนั้นมีแสงสีเขียวปรากฏออกมาจากต้นไม้หนึ่ง ทั้งหมดต่างมองอย่างตื่นเต้น

ทายาททั้งสี่เดินนำหน้า ตามด้วยทหารโจร และเทพซ้ายขวา โดยไม่มีวี่แววของอาคิน
“ปิงปองเก่งมาก หลอกให้อาคินทำลายขนปีกของพี่นาชะได้”
“อาคินไม่รู้ว่าขนปีกทำให้พวกมันรู้ตำแหน่งของพวกเรา”
“เฮ่...ความจริงจะเอาคืนจริงๆ ไม่ได้แกล้งหลอก”
“ถือว่าเก่งได้เหมือนกัน”
ปิงปองยืด ทายาททุกคนต่างยิ้มขำแล้วรีบเดินนำไป

ณัชชา เอกภพ ปาระนัง ราเชน และนาชะ ต่างจ้องที่แสงสีเขียวตรงหน้า
“ประตูด่านอยู่ทางด้านหลังป่านี้ เราจะปล่อยให้ท่านผ่านไป”
“ขอบคุณในความกรุณา”
แสงสีเขียวจางหายไป ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น
“ทีนี้ก็เหลือแต่รอ”

ณัชชาและทุกคนนั่งชุมนุมกันอยู่ ทันใดนั้นร่างของนาชะแวบขึ้นมา ทุกคนต่างขยับตัวยืนขึ้น
“ออกพ้นจากป่านี้ไปแค่500 เมตรก็ถึงด่านแล้วเพคะ”
“แล้วมีใครป้องกันด่านอยู่หรือเปล่า”
“ไม่เห็นมีกำลังป้องกัน แต่ที่แปลกก็คือ...”
“เจ้ารีบรายงานมา” ทุกคนต่างจ้องที่นาชะรอคำตอบ “เราไปดูกันดีกว่า”
ทั้งหมดมาถึงด่านประตูทางเข้า แต่ก็ต้องมึนตึบเพราะมีแต่กรอบประตูทำด้วยเสาหินตั้งไว้เฉยๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
“ล้อเล่นน่า ไม่เห็นมีน้ำตกอยู่ข้างหลังประตูอย่างในแผนที่เลย”
ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากัน เอกภพเดินเข้าไปในประตู ณัชชาเดินอ้อมเสาประตูเข้าไปเจอเอกภพข้างในแล้วเดินกลับออกมาทางด้านหน้า
“พระธิดาคิดว่าอย่างไร”
ปาระนังส่ายหน้า
“องครักษ์ทั้ง 4 แค่ผ่านเราไป ไม่ได้เอ่ยถึงอะไรทั้งสิ้น”
“อย่าลืมว่าในแผนที่มีพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวอยู่เหนือประตูนะเพคะ”
“ถึงเวลานั้น อาจจะมีอะไรให้เราเห็นก็ได้”

“เรารีบกลับไปดักรอชิงตัวพวกทายาทก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันที่หลัง”

ทายาททั้งสี่เดินนำขบวนมาแล้วหยุด เทพซ้ายเดินเข้ามา
“ถึงที่หมายแล้วหรือ”
“ตามแผนที่ ผ่านป่าข้างหน้าโน้นไปก็จะถึงด่านแรก”
“งั้นก็ควรจะเดินทางต่อไป”
“แล้วถ้ามีตัวอะไรออกมาจากป่าจับเราอีกล่ะ”
“พวกมันต้านพลังท่านอาคินไม่ได้หรอก”
“แต่ท่านอาคินไม่อยู่”
“ใช่”
ทันใดนั้นร่างของอาคินปรากฏ กราดสายตาจ้องทายาท
“ออกเดินทางต่อ”
ทายาทต่างมองหน้ากันแล้วพยักหน้า ทั้งหมดเดินนำทางมุ่งเข้าไปยังแนวป่าตรงหน้า

เอกภพ ณัชชาซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หนาก่อนถึงทางเข้าแดนป่ามนุษย์เขียว ทันใดนั้นก็เห็นขบวนของทายาททั้งสี่ปรากฏในสายตานำด้วยเทพซ้ายขวา ทายาททั้งสี่ ตามด้วยพวกทหารโจร อาคินปิดท้ายขบวน
“เตรียมพร้อม ตามแผนที่วางไว้”

เทพซ้ายขวาเดินมาหยุดตรงทางด้านหน้าของป่าเขียว ทำให้พวกทหารโจรที่คุมทายาทอยู่ตรงกลางหยุดลง อาคินเดินมาตรงทางเข้าป่าเขียวทึบ กราดสายตาเข้าไปในแนวป่า
“พวกเราเหนื่อยกันแล้ว”
ไกรยุทธ์บอก อาคินหันหน้ามาพยักหน้ากับไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์กับทายาทเดินมานั่งลงอีกด้านหนึ่งใต้ต้นไม้ตรงทางเข้า อาคินใช้มนต์ทำให้ก้อนหินปรากฏแล้วนั่งลง เทพซ้ายขวามายืนใกล้ๆ ทายาททั้งสี่ต่างหยิบเป้ของตนออกมาเปิดหยิบเสบียงมากินดื่ม พวกทหารโจรต่างเดินมายืนล้อมไว้
“ไอ้พวกนี้ตามติดตลอด”
“พวกไม่มีวิญญาณ ไม่มีสมอง ทำตามสั่งเท่านั้น”
“ฟังดูคุ้นๆ เหมือนคนบางกลุ่ม”
“เราใกล้ถึงด่านแล้ว ยังไม่มีร่องรอยพี่ณัชชาเลย”
“หรือว่าหลงไปแดนอื่น”
ไกรยุทธ์กราดสายตาไปรอบๆ ทันใดนั้นสายตาก็ฉายแววตื่นเต้นเมื่อเห็นขนปีกของนาชะปักอยู่ที่ต้นไม้ทางเข้าป่าเขียว

ร่างของปาระนังกับราเชนยืนอยู่ที่หน้ากรอบประตู
“ยังไม่เห็นประตูหรืออะไรเลย”
“ดูนั่น บนท้องฟ้า”
บนท้องฟ้าปรากฏเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวจางๆ ขึ้นมา อยู่ในระยะไกล

เมื่อเห็นขนปีกของนาชะไกรยุทธ์ก็กระซิบบอกทายาทที่เหลือ
“พวกเราเตรียมพร้อม คอยทำตามพี่”
“มีอะไรเหรอคะ”
ไกรยุทธ์ค่อยๆ ส่งสายตาไปที่ขนปีกของนาชะที่ปักอยู่ ทายาทที่เหลือต่างมองตามสายตาไป ถึงกับตื่นเต้น ต่างสบตากัน เทพซ้ายเดินเข้ามา
“พวกท่านพักพอหรือยัง”
ไกรยุทธ์ลุกขึ้นทำให้ทายาททั้งหมดลุกตาม ไกรยุทธ์มองเทพซ้ายไม่พูดหันมาพยักหน้าให้กับทายาทที่เหลือแล้วเดินนำออกไป ทายาททุกคนเดินตาม ทั้งหมดค่อยๆ เดินเข้าไปในแดนป่าสีเขียว เทพซ้ายโบกมือให้พวกทหารโจรเดินตาม อาคินค่อยๆ ลุกขึ้นสายตากราดมองเข้าไปในป่าเขียวอย่างระมัดระวัง มองทายาททั้งสี่ที่เดินนำขบวนเข้าไป
“จับตาดูพวกทายาทให้ดี อาจมีตัวประหลาดมาจับไปอีก”
อาคินบอก เทพซ้ายขวาพยักหน้า ไกรยุทธ์เดินนำทายาททุกคน กราดสายตาไปรอบๆ มองหาขนปีกของนาชะอีก ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏตรงหน้า
“ทุกคนตามมา เร็วเข้า”
ร่างของนาชะลอยนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนเร็ว”
บีมวิ่งพรวดออกไปตามด้วยปิงปองนาฬิกาและไกรยุทธ์ปิดท้ายต่างวิ่งตามนาชะไปอย่างรวดเร็ว อาคินโกรธตาวาว
“ตามไป”
พวกทหารโจรวิ่งตามไปติดๆ เทพซ้ายขวาแวบตามไป อาคินดวงตาแดงกล่ำด้วยความโกรธ

นาชะนำทายาททั้งสี่วิ่งตามมา ตามด้วยพวกทหารโจรไล่มาติดๆ ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่น ร่างของพวกทหารโจรกระดอนล้มลง แต่พวกมันลุกขึ้นมาอีก ทันใดนั้นเถาวัลย์สีเขียวต่างพุ่งมาพันตัวพวกทหารโจรจนพวกมันกระดิกตัวไม่ได้ ร่างของเอกภพกับณัชชาโผล่พรวดออกมาจากแนวป่า ทายาททั้งสี่ต่างร้องทักด้วยความตื่นเต้น
“พี่เอกภพ พี่ณัชชา”
“เย้”
ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ ทันใดนั้นร่างของเทพซ้ายขวาปรากฏ พร้อมด้วยอาคิน
“รีบตามนาชะไปก่อน เจอกันที่หน้าด่าน”
ทายาทพรวดกันออกไป ณัชชากับเอกภพตั้งท่าขวางอาคินไว้ ณัชชาสะบัดมือมีดสั้นปลิวจากเอวเข้ามาอยู่ในมือกลายเป็นดาบยาวส่งแสงรังสีสว่างออกมา
“คิดอยู่แล้วว่าเราต้องพบกันอีก”
“แน่นอน นอกจากว่าท่านจะยอมปลิดชีวิตตัวเองไปซะ”
อาคินยกมือขึ้นกำแล้วกางออก ทันใดนั้นควันดำลอยขึ้นภูตสังหาร 9 ตัวปรากฏ ล้อมณัชชากับเอกภพไว้
“พวกเจ้าสองคนยังไม่รีบตามพวกทายาทไป” เทพซ้ายขวาแวบหายไป “เราอยากรู้เหมือนกันว่าองค์หญิงมีแผนยังไง”
“ท่านได้รู้แน่นอน”
ณัชชาแกว่งดาบออกมาจนภูตสังหาร ถอยกระจายมาหนึ่งก้าว ภูตสังหารคำรามพร้อมบุก ทันใดนั้นสายสีเขียวของต้นไม้พุ่งเข้ามามัดร่างของภูตสังหารนัวเนียไปหมด ร่างของมนุษย์สีเขียวนับสิบพุ่งออกมาจากราวป่าเข้าจู่โจมภูตสังหารและอาคินอย่างรวดเร็ว อาคินคาดไม่ถึงตะลึงไปชั่วขณะ

“ผู้กอง”

ณัชชาดีดตัวออกไปตามทางที่กำหนด เอกภพดีดตัวตามไปอย่างรวดเร็ว หายเข้าไปในแนวป่า อาคินคำรามด้วยความโกรธพร้อมปล่อยพลังถูกพวกมนุษย์สีเขียวกระเด็นไปแต่ก็มีออกมาอีก เส้นสีเขียวอีกส่วนหนึ่งวิ่งไปมาสานกันเป็นกำแพงปิดทางไว้หมดทุกด้าน ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งพุ่งกับพันร่างของอาคินกับภูตสังหารนัวเนียไปหมด

นาชะนำทายาทวิ่งมาถึงหน้าประตูที่ปาระนังกับราเชนรออยู่
“ท่านธิดา”
ทุกคนต่างทักทายกันอย่างตื่นเต้น
“ทุกคนนี่ท่านราเชน” ทายาทต่างพยักหน้าทักทายราเชน ตื่นเต้นระคนกัน “ประตูยังไม่ปรากฏ เราต้องรอให้พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเลื่อนมาอยู่เหนือประตู”
นาชะแหงนมองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่เริ่มชัดขึ้นแล้วเคลื่อนมาทางเหนือประตู ทายาทต่างมองตามลุ้น
“พี่พระจันทร์ติดเทอร์โบหน่อยก็ดีนะ”
ทันใดนั้นร่างของเทพซ้ายขวาปรากฏ
“ทายาททั้ง 4 ถอยมา”
ราเชนดีดตัวออกไปประจันหน้ากับเทพซ้ายขวา
“ที่แท้ท่านราเชนทหารเอกของท่านพญายม”
“ท่านพญายมให้เรามาเชิญท่านสองคนไปพบ”
“พวกเราไม่ว่าง”
เทพซ้ายพูดจบก็สะบัดมือมีดาบติดขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่ราเชน ราเชนสะบัดมือมีดาบสั้นคู่หนึ่งปรากฏแล้วตวัดเข้าต้านเสียงดังสนั่น เทพขวาดีดตัวเข้ามาแต่ก็เจอกับดาบจากปาระนังสะบัดออกไปกระแทกจนถอย ทั้งสี่ต่างสู้กันอย่างดุเดือด
ทายาททั้งสี่ต่างถอยมาตรงประตูต่างมองจันทร์เสี้ยวที่เคลื่อนตัวใกล้เหนือประตูเข้ามาทุกที
“จันทร์เสี้ยวอยู่เหนือประตูแล้ว”
ทายาทต่างมองลุ้น ทันใดนั้นที่ประตูปรากฏมีม่านรังสีสว่างเต้นอยู่
“ประตูทางเข้า”

ขณะนี้เถาวัลย์สีเขียวได้สานกันจนแน่นขังพวกอาคินกับภูตสังหารทั้ง 9 อยู่อีกทั้งยังพันตัวภูตสังหารกับพวกทหารโจรจนกระดิกตัวไม่ได้ ทันใดนั้นภูตสังหารกลายร่างเป็นควันดำหลุดจากเถาวัลย์ อาคินคำรามก้อง ปล่อยพลังออกมาเถาวัลย์ขาดกระจุยกระจายหลุดจากตัวอาคินและพวกทหารโจร
“ตามข้ามา”
อาคินพุ่งตัวออกไป พวกทหารโจรวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

ทุกคนยืนมองอยู่ ม่านประตูเริ่มชัดขึ้นในที่สุด
“ทุกคนเข้าไปก่อนเร็วเข้า”
นาชะบอก ทายาทต่างพุ่งตัวหายเข้าไป ทันใดนั้นร่างของณัชชากับเอกภพพุ่งพรวดออกมาจากราวป่าสีเขียวร่างของนาชะแวบมาตรงหน้า
“ประตูเปิดแล้วเพคะองค์หญิง”
“เจ้ารีบเข้าไปดูแลทายาท รอจนทุกคนเข้าไปหมดแล้วค่อยบอกให้เรารู้”
นาชะพยักหน้าแวบหายไป ณัชชากับเอกภพจ้องปาระนังกับราเชนที่กำลังต่อสู้กับเทพซ้ายขวา
“ผมช่วยท่านธิดา”
“โอเค”
ณัชชาพุ่งตัวตีลังกาลงไปตรงกลางระหว่างราเชนกับเทพซ้าย ปล่อยพลังใส่จนเทพซ้ายกระเด็นออกไป
“โชว์ฟอร์มอีกแล้ว”
เอกภพดีดตัวตีลังกาเข้าไประหว่างปาระนังกับเทพขวา มือสองข้างสะบัดขึ้นเป็นปืนสองกระบอกสาดกระสุนเข้าใส่เทพขวาจนกระดอนถอยออกไป
“เชิญท่านธิดารีบไปที่ประตู”
ปาระนังยิ้มแล้วพุ่งตัวออกไป เอกภพตวัดปืนเข้าใส่เทพขวาที่กำลังดีดตัวขึ้นมายิงกราดจนกระดอนออกไป
“ท่านราเชนเชิญที่ประตู”
ราเชนดีดตัวออกไป เหลือเอกภพกับณัชชายืนประจันกับเทพซ้ายขวา เทพซ้ายขวาต่างตั้งท่าพร้อมจู่โจม ราเชนกับปาระนังหยุดที่หน้าประตู หันมามองณัชชากับเอกภพแล้วพยักหน้าให้กัน ทั้งสองพรวดหายเข้าไป ณัชชากับเอกภพต่างสบตากัน ยืนขวางทางเทพซ้ายขวาไว้
ทันใดนั้นร่างของอาคินกับทหารโจรโผล่ออกมาจากแนวป่า เข้ามาประจันหน้ากับเอกภพและณัชชา
“คิดหรือว่าพวกเศษกิ่งไม้ใบหญ้าจะสกัดเราได้”
“ได้หรือไม่ ท่านก็ช้าไปแล้วหนึ่งก้าว”
อาคินกราดสายตาไม่เห็นทายาท ไม่เห็นใคร
“บุกเข้าประตู”
พวกทหารโจรแห่เข้ามาเอกภพยิงสกัด พวกมันกระดอนล้มไป แต่ก็ลุกขึ้นมาอีก เทพซ้ายขวาบุกเข้าหาณัชชา ณัชชาตวัดดาบไปมาเทพซ้ายขวาเข้าไม่ติด อาคินดีดตัวมาตรงหน้าปล่อยพลังเข้าใส่ณัชชากับเอกภพ ณัชชาตวัดกระบี่ปล่อยรังสีออกมาต้านพลังของอาคินไว้ เกิดเป็นแสงชนกันตรงกลางต่างเร่งพลังเข้าทำลายฝ่ายตรงข้าม เอกภพสาดกระสุนเข้าใส่พวกทหารโจรกระดอนไปแต่พวกมันกลับลุกบุกเข้ามากันอีกใกล้เข้ามา
“ทุกคนพร้อมตามแผนแล้วเพคะ” เสียงนาชะบอกณัชชา
“ผู้กอง”
เอกภพสาดกระสุนถี่ยิบแล้วพุ่งตัวคว้าร่างของณัชชาเข้าไปในประตู ทั้งสองกลิ้งเข้ามาตรงหน้าของทุกคนที่ยืนรออยู่ พลังของอาคินเข้ากระแทกประตูโครมใหญ่ม่านประตูสั่นสะท้านแกว่งไปมา
“ท่านธิดา ท่านราเชน”
ปาระนังกับราเชน ปล่อยพลังไปที่ประตูเสียงดังสนั่น ม่านประตูเต้นแรงสั่นไปมา”
“องค์หญิงคิดทำลายประตู รีบตามเข้าไป”

อาคินนำเทพซ้ายขวาและทหารโจรพุ่งเข้ามาที่ประตู แต่แล้วประตูก็ระเบิดตูม ร่างของพวกทหารโจรกระเด็นออกมาล้มกันระเนระนาด อาคินกับเทพซ้ายขวายืนหยัดอยู่ที่เดิม แต่ม่านประตูหายไปแล้ว เหลือแต่โครงกรอบประตูอย่างเดิม อาคินคำรามก้องด้วยความโกรธเสียงดังสะท้อนทั่วป่า

ธิดาพญายม ตอนที่ 5 (ต่อ)

ทุกคนยืนอยู่ตรงหน้าน้ำตก
“น้ำตกที่ปรากฏในแผนที่” ปาระนังบอก
“น้ำตาดิน”
ทายาททั้งสี่ต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น
“คำถามก็คือ จุดหมายต่อไปคืออะไร”
“ลองตรวจดู ต้องมีทางเข้าที่ไหนซักแห่ง นาชะกับทุกคนรอที่นี่ ระวังตัวด้วย”
ทั้งหมดเริ่มแยกย้ายกันค้นหา ทายาททั้งสี่ต่างถอดเป้ลง
“พี่นาชะ เล่นน้ำได้ปะ” บีมถาม
“ใช่ จะได้ล้างตัวซะหน่อย”
“น่าจะได้ แป๊บเดียวนะ”
“เย้”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างยิ้ม

ทายาททั้งสี่เล่นน้ำกันอยู่ที่น้ำตก นาชะอยู่ใต้ต้นไม้ ขณะที่ณัชชากับเอกภพเดินมาพบกับปาระนังและราเชน ทางด้านหลังของน้ำตก
“ด้านโน้นไม่มีทางเข้าเลยองค์หญิง”
“ทางเราก็ไม่มีเหมือนกัน”
“ใกล้ค่ำแล้ว ผมว่าเราหาที่พักกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยหากันใหม่”
เอกภพ ณัชชา ปาระนัง ราเชน เดินออกมาทางด้านหน้าเห็นทายาททั้งสี่คนกำลังเล่นน้ำอยู่
“ท่านธิดา น้ำจะทำให้ท่านมีพลังเหมือนเดิม” ราเชนบอก
“ใช่แล้ว”
ปาระนังเดินลงไปในน้ำที่ทายาทเล่นน้ำอยู่
“เอ นางฟ้าต้องอาบน้ำหรือเปล่าครับ” เอกภพถามณัชชา ณัชชายิ้ม
“พวกเราใช้มนต์”
“งั้นผมขอตัว”
เอกภพปลดสัมภาระออกจากหลัง วางปืนที่พื้น แล้วพุ่งลงน้ำจนน้ำกระจาย พวกทายาทต่างเฮกันอย่างสนุก

พวกทหารโจรยืนระวังล้อมรอบ อาคินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เทพซ้ายขวายืนอยู่ตรงหน้า
“ตามที่เราคำนวณพรุ่งนี้ดวงจันทร์เสี้ยวจะปรากฏ เมื่อถึงเวลาประตูจะเปิดอีกครั้ง เจ้ารีบมารายงาน” อาคินสั่ง เทพซ้ายขวาต่างโค้งรับคำสั่งแล้วถอยออกไป อาคินสะบัดมือ มีขนปีกของนาชะอยู่ในมือ อาคินยิ้มอย่างพอใจ “พวกทายาทนึกว่าจะฉลาดกว่าเรา”
อาคินเพ่งมองที่ขนปีกของนาชะปากขมุบขมิบท่องมนต์ ทันใดนั้นอาคินก็เห็นภาพของทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเป็นภาพที่ทายาททั้งสี่กำลังเล่นน้ำ อาคินยกมือขึ้นโบกช้าๆ พลันบนท้องฟ้าก็มีฝูงค้างคาวบินวนส่งเสียงวี๊ดน่ากลัว ตัวหนึ่งบินลงมาแล้วกลายสภาพเป็นมนุษย์ค้างคาวที่อาคินเสกไว้
“เจ้าคอยติดตามพวกนั้นไป จนกว่าข้าจะเรียกเจ้า”
อาคินโบกมือตรงหน้าภาพที่เห็น ทันใดนั้นฝูงค้างคาวต่างบินกรูกันเข้าไปในภาพตรงหน้าของอาคินจนหมด อาคินยิ้มอย่างเยือกเย็น สะบัดขนปีกของนาชะ ภาพหายไป อาคินสะบัดมือขนปีกหายไป

ลานห่างจากน้ำตก ทุกคนนั่งล้อมกันอยู่ที่กองไฟ ณัชชาลุกจากกองไฟเดินไปหาเอกภพที่ยืนกราดสายตามองไปด้านนอก เอกภพส่งเสียงทักโดยไม่หันมามอง
“คิดถึงผมเหรอครับ”
“มีอะไรผิดปรกติมั๊ย”
“นิดหน่อยครับ”
ณัชชาก้าวขึ้นมายืนคู่กราดสายตาไปข้างหน้า
“คิดว่าเป็นอะไร”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้อยู่ข้างนอก”
ณัชชาหันมามอง
“ที่ไหนเหรอ”
เอกภพชี้ที่หัวใจตัวเอง
“ที่นี่ครับ” ณัชชาเหล่ เอกภพยิ้ม “องค์หญิงถาม ผมบอกความจริง ทำไมต้องเหล่ผมด้วย”
ณัชชาค้อนแล้วยิ้ม
“แน่ใจเหรอว่ามีจริง หรือแค่คิดไปเอง”
“จริงแน่นอนครับ”
ทั้งสองต่างสบตากันอึดใจ
“แล้วข้างนอกล่ะ”
“มีครับ” ณัชชาเหล่ “จริงครับ มีพลังบางอย่างอยู่ข้างนอก แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร”
ณัชชาเพ่งสายตาออกไปแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองต่างกราดสายตาไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง
“ฉันจะออกไปดู”
ณัชชาเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“องค์หญิง เดี๋ยว”

เอกภพมีสีหน้าหงุดหงิด กราดสายตามองตามออกไป

นาชะยื่นขนปีกให้ปิงปอง
“เก็บไว้ให้ดีล่ะ”
“คราวนี้รู้แล้วว่าอยู่ในเป้พี่นาชะก็จับสัญญาณได้”
ทายาทที่นั่งรอบๆ ต่างยิ้ม
“แล้วทำไมพี่นาชะหาพวกเราไม่เจอล่ะ”
“ปัจจัยหลายอย่าง ต่างเวลา ต่างแดน ยิ่งถ้าอยู่กับเทพอาคินอาจจะฝ่าพลังเข้าไปไม่ได้”
“อย่างนี้ต้องเพิ่มเม็กได้แล้ว” ทั้งหมดต่างยิ้มสนุกกัน
“นรกน่ากลัวอย่างที่คนร่ำลือหรือเปล่าคะพี่ราเชน”
“สำหรับคนชั่วแน่นอนอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ พอถูกลงโทษก็ร้องคร่ำครวญ”
“ที่เค้าว่ามีทูตมาคอยรับวิญญาณจริงหรือเปล่าครับ”
“จริง”
“มีวิญญาณหนีบ้างมั้ยครับ”
“มี เรามีหน่วยตามล่า”
“โห ยังกะในหนัง”
“ทุกคนระวัง มีความเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก”
ปาระนังบอก ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น

ณัชชาค่อยเคลื่อนกายอย่างช้าๆ ผ่านต้นไม้รก สายตากราดไปรอบๆ ณัชชาหยุดเงี่ยหูฟัง ทันใดนั้นก็หันกลับวิ่งเข้าที่พักอย่างรวดเร็ว
เอกภพยกปืนในมือกราดไปมาเพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทันใดนั้นร่างของณัชชาพุ่งชนร่างของเอกภพโครม ทั้งสองต่างกลิ้งไปใต้ต้นไม้ ร่างของณัชชาซบอยู่ที่อกกดร่างของเอกภพไว้
“องค์หญิง”
“ค้างคาว ทาสของอาคิน” ณัชชาตะโกนบอ ราเชนลุกขึ้นเอาเท้าเตะกองไฟจนดับอย่างรวดเร็ว “นาชะพาทายาทหลบไป ไม่มีใครส่งเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหว”
“เร็ว”
นาชะนำทายาททั้งสี่หนีเข้าไปในราวป่า ปาระนังกับราเชนตามไปติดๆ ทันใดนั้นเสียงปีกผึบผับแล้วเสียงวี๊ดดังเข้ามา บนท้องฟ้ามีจุดดำๆ เป็นฝูงบินใกล้เข้ามา ณัชชาพูดกับเอกภพเสียงเบา
“นิ่งที่สุด พวกมันมองไม่เห็นแต่จับตำแหน่งได้จากการเคลื่อนไหว”
เอกภพได้แต่มองใบหน้าที่อยู่ห่างไม่ถึงนิ้วหัวใจเต้นโครมคราม เสียงวี๊ดดังสนั่นพวกมันบินวนอยู่ตรงลานพักไม่ยอมไปไหน
“พวกมันไม่ยอมไป” ปิงปองบอกเสียงเบา
“ทุกคนนิ่งที่สุด”
บนท้องฟ้า พวกค้างคาวบินวนอยู่เหนือที่พัก นาชะกับทายาททั้งสี่หลบอยู่ ถัดไปคือปาระนังกับราเชน ณัชชากับเอกภพยังคงอยู่ที่เดิม ณัชชากราดสายตาไปรอบอย่างระมัดระวัง เอกภพได้แต่มองณัชชาใบหน้าที่เกือบชิดกับตนทันใดนั้นเงาร่างดำร่างหนึ่งตุบลงมาบนลานที่พัก มันคือมนุษย์ค้างคาวที่อาคินเสก
ทายาทต่างมองอย่างตกใจ นาฬิกาเผลอส่งเสียงเบาๆ รีบเอามือปิดปากตัวเอง มนุษย์ค้างคาวหันขวับมองมา
นาชะรีบยกมือส่งสัญญาณให้เงียบ ราเชนกับปาระนังต่างขยับตัวเตรียมพร้อมสายตาจ้องเขม็ง ณัชชาจ้องมันตาไม่กระพริบ ในที่สุดมันหันไปมาแล้วออกเดิน ร่างดำเดินส่ายหัวไปมาเหมือนพยายามจับความเคลื่อนไหว มันเดินส่ายหัวไปมากลายเป็นเดินเข้าใกล้ร่างของณัชชาและเอกภพที่หลบอยู่ข้างต้นไม้
ใกล้เข้าไปใกล้เข้าไป ส่ายหัวไปมาจับสัญญาณ ทุกคนจับตามองอย่างตื่นเต้น
“มันใกล้องค์หญิงกับผู้กองทุกที” ปาระนังกระซิบกับราเชน
ราเชนจ้อง ยกมือขึ้นช้าๆ กลายเป็นคันธนูพร้อมลูกธนูอยู่ในมือ มนุษย์ค้างคาวหยุดแล้วส่ายหัวไปมา ณัชชากับเอกภพต่างนิ่งจ้องมันเตรียมพร้อม ทันใดนั้นมีแสงไฟพุ่งจากทางด้านของราเชนพุ่งออกจากลานลอยลิ่วลิบหายไปในความมืด มนุษย์ค้างคาวจับความเคลื่อนไหวได้ ร้องแก๊ก แล้วพุ่งตัวตามแสงไปอย่างรวดเร็ว
พวกมันที่บินว่อนอยู่เหนือท้องฟ้าบินตามไปติดๆ ณัชชาหันกลับมาเห็นเอกภพจ้องตนอยู่ ทั้งคู่ประสานสายตากัน
“ขอโทษนะคะ ที่พุ่งเข้ามาแรงไปหน่อย”
“ด้วยความยินดีครับ”

ทุกคนต่างนั่งล้อมที่กองไฟอีกครั้งหนึ่ง
“ลูกธนูของท่านราเชนสุดยอด ล่อพวกมันไปได้”
“แล้วพวกมันจะไม่กลับมาอีกเหรอครับ”
“คืนนี้ปลอดภัยแล้ว ลูกธนูโลกันต์ของเราเดินทางไกลกว่าห้าร้อยกิโล”
“โห”
ทุกคนต่างยิ้ม บรรยากาศดีขึ้นเป็นครั้งแรกของการเดินทาง

วันต่อมาทุกคนต่างยืนตรงหน้าน้ำตกอีกครั้งหนึ่ง ณัชชาจ้องมองน้ำตกอย่างพิจารณา
“ตามแผนที่ เรามาถึงที่หมายแล้ว แต่ทำไมไม่พบอะไรเลย”
“หรือว่าต้องให้ทายาทตรวจดูแผนที่อีกครั้ง”
ทุกคนต่างหันมามองณัชชา ณัชชานิ่งคิดแล้วพยักหน้า
ทายาททั้งสี่นั่งล้อมวงกันอีกครั้ง ต่างส่งพลังฝ่ามือให้มาพบกันตรงกลาง เกิดเป็นลำแสงมารวมกันเป็นม่านเจอแสดงแผนที่ให้ทุกคนเห็น
ในภาพเห็นภาพของเส้นทางการเดินทางจนมาถึงจุดสุดท้าย ก็เห็นด่านและน้ำตกทางด้านหลังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ได้มีอะไรใหม่แตกต่างไปจากเดิม ทุกคนต่างจ้องมองแผนที่อย่างพิจารณา
“ไม่มีอะไรปรากฏ ทุกอย่างเหมือนเดิม”
“แสดงว่าปริศนาต้องอยู่ที่นี่ เราต้องรีบหาให้พบโดยเร็วที่สุด”

ทุกคนมารวมตัวที่น้ำตกอีกครั้ง
“นาชะกับทายาทรออยู่ที่นี่ นาชะถ้ามีอะไรผิดสังเกตเจ้ารีบรายงาน”
“เพคะ องค์หญิง”
ณัชชามองไปที่เอกภพ ปาระนังและราเชน
“เพื่อให้เร็วขึ้น เราทุกคนแยกกันค้นหา บ่ายตรงกลับมาพบกันที่นี่อีกครั้ง ระวังประตูกลด้วย”
ณัชชาและทุกคนต่างแยกย้ายกันออกไป
“เราน่าจะทำอะไรกันได้บ้าง” ไกรยุทธ์บอก
“แบ่งกำลังกันคอยระวัง” บีมบอก
“ปิงปองกับพี่ไกรยุทธ์คอยดูพลัดแรก นาฬิกากับบีมมาเปลี่ยนที่หลัง”
“ได้เลย”

นาชะยิ้มมองทายาททั้งสี่อย่างพอใจ

ณัชชาค่อยๆ ตรวจมาตามพื้นที่ สังเกตเห็นถ้ำเล็กๆ จึงหยุดพิจารณา ค่อยๆ ยกมือขึ้นปาดผ่านตาของตนแล้วเพ่งมองอีกครั้ง ยังคงเป็นถ้ำเหมือนเดิม ณัชชาก้าวเข้าไปด้านในช้าๆ
อีกด้านหนึ่งของน้ำตก เอกภพค่อยๆ เดินค้นหา สายตากราดไปมาอย่างระมัดระวัง ขณะนั้นปาระนังตรวจอีกมุมหนึ่งและราเชนตรวจอีกด้านหนึ่ง

พระอาทิตย์สาดแสงจ้ายามบ่าย ไกรยุทธ์กับปิงปองยืนระวังภัยอยู่ บีมกับนาฬิกาเดินเข้ามา
“ตาพวกเราบ้างแล้ว”
“ทุกคน ไปนั่งพักกินหนมได้”
ไกรยุทธ์กับปิงปองต่างยิ้มขยับตัว แต่แล้วมีแสงจ้าสาดเข้ามาที่ตาของทุกคน ทุกคนหันไปมองตามแสงก็ต้องถึงกับเอามือบังสายตาของตน ที่เห็นคือแสงแดดยามบ่ายตกกระทบที่พื้นน้ำแล้วสะท้อนไปยังสายน้ำตกเกิดเป็นแสงจ้าเป็นดวงอยู่บนสายน้ำตก
“อะไรเนี่ย”
“แสงอาทิตย์สะท้อนกับน้ำ ไม่มีอะไรหรอก”
“โห แสงจ้าน่าดู ไม่มีแว่นมาซะด้วย”
ทุกคนต่างจ้องมองอย่างสนใจ ไกรยุทธ์เอามือป้องหรี่ตามองดวงแสงอย่างสนใจ อึดใจก็หันมาทางนาฬิกา
“คุณนาฬิกา ผมขอยืมแว่นตาของกระรอกหน่อยได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะรอเดี๋ยวนะคะ” นาฬิกาเดินไปหยิบแว่น ไกรยุทธ์และทุกคนยังคงจ้องมองอย่างสนใจ “นี่ค่ะ”
นาฬิกาส่งแว่นให้ ไกรยุทธ์รับแว่นมาแล้วใส่จ้องมองไปที่วงแสงบนสายน้ำตกแล้วไกรยุทธ์ก็เห็นอะไรบางอย่าง
“ที่แท้...นาชะ ช่วยมาดูที่แสงนี่หน่อยครับ”
ไกรยุทธ์ถอดแว่นส่งให้นาชะ
“ตาของนาชะต้านแสงอาทิตย์ได้ไม่ต้องใช้แว่น ไม่เห็นมีอะไรนี่”
“ผมว่าลองใช้แว่นดีกว่าครับ”
นาชะมองไกรยุทธ์อย่างสงสัยแต่ก็รับแว่นมาสวมดู
“เป็นไปได้ยังไง”

ณัชชาเดินเข้ามาในถ้ำช้าๆ ณัชชากราดสายตาไปทั่ว ไม่พบอะไร ณัชชาหยุดจับเสียงเบาๆ ได้มาทางด้านหลัง จึงหันขวับฝ่ามือเตรียมพร้อมปล่อยพลัง
“ผมเองครับ” เอกภพรีบบอก
“อยากเจ็บตัวหรือไง ย่องมาแบบนี้”
“ขอโทษครับ จะส่งเสียงแต่กลัวว่าจะมีมนุษย์ประหลาดพลอยได้ยินไปด้วย”
ณัชชายิ้มพยักหน้าเข้าใจ ทันใดนั้นณัชชาได้ยินเสียงของนาชะ
“องค์หญิงคะ นาชะว่าองหญิงมาดูที่นี่ดีกว่า”
ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย

นาชะและทายาททั้งสี่ยืนที่ตรงหน้าน้ำตก ร่างของณัชชากับเอกภพแวบเข้ามา แล้วตามติดด้วยร่างของราเชนกับปาระนังที่แวบเข้ามา
“เจ้าจะให้เราดูอะไรนาชะ”
นาชะส่งแว่นตาของกระรอกให้ณัชชา
“ต้องดูผ่านแว่นตานี้เพคะ เป็นแว่นตาที่ผู้พิทักษ์คนหนึ่งมอบให้นาฬิกามา”
ณัชชารับแว่นตามาสวม แล้วจ้องที่น้ำตก
“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง”
ณัชชายังคงยืนมองที่น้ำตกอย่างคาดไม่ถึง
“อะไรหรือเพคะองค์หญิง”
“เราจะให้ทุกคนดู”
ณัชชาเอามือปาดผ่านแว่นบนใบหน้าของตน แล้วยกฝ่ามือหันไปทางน้ำตก ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นภาพของประตูเต้นอยู่ตรงกลางของสายน้ำตก เอกภพ ปาระนัง ราเชน ถึงกับคาดไม่ถึง ทุกคนจ้องอย่างตื่นเต้น

ภายนอกประตูด่าน อาคินถือขนปีกของนาชะกำลังมองตรงหน้าซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนออกมาด้วยพลังที่อาคินใช้กับขนปีกของนาชะ เทพซ้ายขวายืนอยู่ข้างๆ อาคินยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ขอบพระทัยองค์หญิง ที่ชี้ทางให้กับพวกเรา” อาคินหัวเราะก้อง “ทีนี้ เราก็แค่รอให้ประตูด่านเปิดเท่านั้น”
อาคินหัวเราะเสียงก้องฟ้า

ที่น้ำตก ประตูยังเต้นอยู่
“ผมว่าเรากลับกันได้แล้ว”
ทุกคนหันมามองเอกภพอย่างสงสัย ณัชชาถอดแว่นออก ส่งให้ไกรยุทธ์ แต่ประตูยังคงเห็นเหมือนเดิมเพราะณัชชาใช้มนต์เปิดทางไว้แล้ว
“หมายความว่ายังไง”
“องครักษ์ทั้ง 4 เล่นซ่อนปริศนาอย่างนี้ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครหากุญแจพบอย่างแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องลำบากค้นหาอีกต่อไป”
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะผู้กอง ฉันรู้ว่าผู้กองคิดยังไง แต่ถ้าเราหาไม่พบเทพอาคินต้องหาพบอย่างแน่นอน” เอกภพเดินออกไป ทุกคนต่างหันมามองณัชชา ณัชชาหน้าเครียดแวบไปขวางทางเอกภพไว้ “นี่คุณเป็นอะไรของคุณ คุณดูทายาททั้ง 4 ซิ เด็กกว่าคุณทั้งนั้น ฝีมือก็ไม่มี เค้ายังไม่แสดงความย่อท้อออกมาเลย”

“ผมไม่ได้ย่อท้อ ผมเป็นห่วงชีวิตของเด็กพวกนั้น ผมว่ามันไม่เข้าท่า ทำไมเบื้องบนไม่สั่งให้องครักษ์ทั้ง 4 มาเอากุญแจเองซะก็หมดเรื่อง เรื่องจะได้จบๆ ซะที”

ณัชชาจ้องตาเอกภพ เสียอารมณ์
“หลังจากที่เทพอาคินก่อเรื่อง ณ บัดนี้แม้แต่สวรรค์ยังไม่รู้ว่าทายาททั้ง 4 อยู่ที่ไหน” เอกภพถึงกับเงียบไป “ทีนี้ถ้าคุณยังคิดจะนำทายาทกลับไปก็เชิญ ฉันจะเดินทางต่อแม้ว่าจะไม่มีแผนที่ก็ตาม” ณัชชาโกรธ เดินกลับมายังทุกคนที่มองอยู่ แต่แล้วก็หยุด แล้วหันมา “อ้อ...แล้วถ้าเจอเทพอาคินละก็ ทำตัวให้ดีหน่อย เทพอาคินจะได้เอ็นดูปล่อยให้คุณกลับไป”
ณัชชาเดินกลับมายังทุกคน เอกภพโมโห ทันใดนั้นเอกภพก็แวบมาขวางหน้าณัชชาไว้ ทุกคนมองอย่างตกตะลึงที่เอกภพสามารถทำได้ เอกภพกับณัชชาต่างจ้องกัน อารมณ์เสียทั้งคู่

ที่หน้าด่านประตู พระจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่บนท้องฟ้า อาคิน เทพซ้ายขวาและพวกทหารโจรต่างยืนรอเตรียมพร้อมอยู่หน้าประตูด่าน พระจันทร์เสี้ยวเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาตรงตำแหน่งที่แผนที่บ่งไว้อย่างช้าๆ อาคินจ้องมองจันทร์เสี้ยวสีหน้าเยือกเย็น

ส่วนที่น้ำตก เอกภพประสานสายตากับณัชชา ทั้งสองกำลังอารมณ์เสียทั้งคู่ ทุกคนมองอย่างกังวลและไม่สบายใจ
“องค์หญิงก็คิดแต่เรื่องของตัวเอง ลบล้างความผิดให้บิดาไม่สนใจชีวิตผู้อื่น”
“มนุษย์คิดได้แค่นี่เอง สวรรค์ถึงหมดศรัทธาคิดล้างโลก”
“หรือว่าไม่จริง”
“บิดาเราและเรามีหน้าที่ปกป้องสวรรค์และความสงบสุขบนโลกทั้ง 4 อย่าแต่จะลบล้างความผิด แม้แต่ชีวิตก็ไม่เสียดาย”
เอกภพจ้องนิ่งไม่มีคำตอบโต้ ทันใดนั้นนาฬิกาเดินเข้ามาแทรกระหว่างสองคน ทายาทที่เหลือต่างมองหน้ากัน ทั้งหมดจ้องที่ เอกภพ ณัชชา ซึ่งมีนาฬิกายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองคน

นาฬิกาจ้องมองที่เอกภพและณัชชาแล้วแกล้งยิ้มสดใส
“สองคนนี่มัวแต่จีบกันอยู่ได้ รีบไปกันเถอะค่ะ”
เอกภพกับณัชชาหันมามองนาฬิกาที่ยืนตีหน้ายิ้มอยู่ ทำให้คิดได้ ต่างมองหน้ากัน
“จ้ะ เราควรจะไปกันได้แล้ว”
เอกภพจ้องสบตาณัชชา ณัชชาสบตอบแล้วหันมาทางนาฬิกา
“ถ้ายังงั้นก็นำไปเลย”
“เย้” ทุกคนต่างยิ้มออก นาฬิกาวิ่งออกไป เอกภพกับณัชชามองกันอีกครั้งแล้วเดินตามนาฬิกาไป นาฬิกาวิ่งผ่านทุกคนไปที่น้ำตก “ทุกคนตามมา” แต่แล้วก็หยุดกึก หันมาทางณัชชา “เฮ่ ไปได้ยังไง”
ทุกคนต่างยิ้ม ทำให้บรรยากาศดีขึ้น
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำละก็ ต้องพึ่งท่านธิดาแล้ว”
“ได้เลย”
ปาระนังมายืนตรงหน้าน้ำตก ยกฝ่ามือไปที่ประตู ทันใดนั้นน้ำก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นสะพานค่อยๆ ยื่นออกมาจากประตู ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น

สะพานน้ำค่อยๆ ยื่นลงมาช้าๆ จนในที่สุดสะพานก็ยื่นลงมาถึงที่ทุกคนยืนอยู่
“นาฬิกากับทายาท นำทางได้เลย”
“ขอบพระทัยท่านธิดา”
“ด้วยความยินดี”
นาฬิกาหันไปทางทายาทที่เหลือ
“พวกเรามา”
“เย้”
ปิงปองและทุกคนต่างก้าวไปยังนาฬิกาที่ยืนรออยู่ นาฬิกาก้าวนำเข้าไป ทุกคนต่างมองอย่างตื่นเต้นดีใจ บรรยากาศดีขึ้น
“เชิญครับคุณนาชะ”
“ขอบคุณค่ะ”
นาชะเดินไป ตามด้วยไกรยุทธ์ เอกภพชำเลืองมองณัชชา ณัชชาชำเลืองตอบแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะหันไปทางปาระนังกับราเชน
“เชิญท่านธิดากับท่านราเชน”
ปาระนังกับราเชนต่างยิ้มแล้วเดินข้ามสะพานมุ่งไปยังประตู
“เชิญองค์หญิง” เอกภพบอก
“แน่ใจนะว่าจะไม่หนีฉันกลับไป”
“งานนี้ องค์หญิงคงกัดผมไม่ปล่อย”
“แน่นอน”
เอกภพผายมือไปข้างหน้า
“เชิญครับ”
ณัชชายิ้มขยับเท้าก้าวไปบนสะพานน้ำ
“จะไม่รอกันก่อนหรือไง”
ณัชชากับเอกภพหันไปจึงเห็นอาคิน เทพซ้ายขวาและทหารโจรของมันยืนอยู่ ณัชชามัวแต่ทะเลาะกับเอกภพทำให้ขาดความระมัดระวังไป อาคินยิ้มอย่างผู้ชนะ เอกภพตวัดปืนขึ้นมาอยู่ในมือสองข้าง ณัชชาสะบัดมือขึ้นดาบสั้นปลิวติดขึ้นมาแล้วกลายเป็นกระบี่พิฆาตเรืองแสง
“นาชะ นำทุกคนไปยังจุดหมาย ท่านธิดาท่านราเชน ฝากทุกคนด้วย”
ขาดคำณัชชาสะบัดกระบี่พิฆาตฟันที่สะพานน้ำ สะพานน้ำแตกค่อยๆ หดสั้นกลับไปอย่างเดิมอย่างรวดเร็ว
ณัชชากับเอกภพยืนประจันหน้ากับอาคินและทุกคน นาฬิกาตะโกนร้องอย่างตกใจ
“พี่ณัชชา”
สะพานน้ำหดอย่างรวดเร็วจนหายไป ทุกคนยืนอยู่ตรงประตู
“ทุกคนได้ยินองค์หญิงแล้ว รีบไป”
นาชะบอก ไกรยุทธ์ดึงนาฬิกาที่ดิ้นไม่ยอมเข้าไปในประตู พร้อมๆ กับปิงปองและบีม ราเชนกับปาระนังต่างมองหน้ากันและมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่ณัชชากับเอกภพยืนประจันหน้ากับอาคินอยู่
“เราควรไปช่วยองค์หญิง” ราเชนบอก
“เราควรทำตามที่องค์หญิงต้องการ”
ในที่สุดปาระนังกับราเชนก็พ้นประตูเข้าไป

อาคิน เทพซ้ายขวาและณัชชากับเอกภพต่างประจันหน้ากัน
“เรากำจัดท่านสองคนก่อน แล้วข้ามไปก็ยังไม่สาย”
“ยังไงท่านก็สายไปแล้วท่านอาคิน”
ทั้งสองฝ่ายต่างประจันหน้ากัน บรรยากาศเคร่งเครียด เอกภพกราดปืนไปมาจ้องที่เทพซ้ายขวาและอาคิน
“ท่านก็รู้ว่ากระสุนปืนทำอะไรเราไม่ได้”
“กระสุนของเราเพิ่งปลุกเสกมา ก็ต้องลองกันหน่อย”
เทพซ้ายหุบยิ้ม

“เทพซ้ายขวา ถ้าท่านข้ามไปไม่ได้ก็ไม่ควรติดตามเราต่อไป”

ธิดาพญายม ตอนที่ 5 (ต่อ)

อาคินบอก เทพซ้ายขวารู้ตัวรีบดีดตัวไปยังม่านประตูที่ยังปรากฏอยู่ ปืนในมือของเอกภพสาดกระสุนเข้าใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เทพซ้ายขวาไม่กล้าเสี่ยงหลบไปมาเสียจังหวะจนต้องถอยกลับมาที่เดิม
“ก็ได้”
อาคินยกมือขึ้นเตรียมเรียกภูตสังหาร แต่ทันใดนั้นณัชชาพุ่งตัวเข้าใส่อาคิน กระบี่พิฆาตฟันฉับเข้าให้ที่ต้นคอ
อาคินตกใจรีบสะบัดพลังออกไป ต้านปะทะได้ทัน อาคินเสียหลักถอยไปสองสามก้าว ณัชชาถอยไปอยู่ที่เดิม เทพซ้ายขวารีบเข้ามาขวางไว้
“ถึงท่านถอดหัวใจฆ่าไม่ตายแต่ถ้าหัวขาด ก็คงตลกน่าดูเหมือนกัน”
“ไม่แน่ อาจจะดูดีกว่าเดิมก็ได้” ณัชชากับเอกภพยิ้มเยาะสนุก อาคินตาเหลือกด้วยความแค้นและตกใจ ยกมือขึ้นแกว่งทันใดนั้นภูตสังหารปรากฏเป็นควันแล้วกลายร่างล้อม เอกภพกับณัชชาไว้ “ภูตสังหารมีขึ้นเพื่อสังหารเทพทุกองค์ องค์หญิงพลาดก็อาจดับสูญได้เช่นกัน”
“ตัดหัวท่านก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“สังหาร”
ภูตสังหารบุกเข้าจู่โจมอย่างดุเดือดเหี้ยมเกรียมหมายพิฆาตทั้งสองคน เอกภพหลบหลีกแล้วทั้งยิงใส่ทั้งเตะถีบต่อย ต้านไว้ได้ประมาณหนึ่ง ณัชชาสะบัดดาบพิฆาตมารรังสีสาดกระจายสีแดงไปทั่ว ณัชชาแทงดาบใส่โล่ที่หน้าอกเสียงดังสนั่นแต่ก็ไม่ระคายเคือง ทั้งสองต้านได้อยู่พักหนึ่งก็ตกเป็นรองจนภูตสังหารล้อมใกล้เข้ามา
“ทายาทฟังทางนี้ ถ้าท่านไม่ยอมมอบตัว องค์หญิงกับผู้กองต้องตาย”
เสียงของอาคินก้องไปทั่วน้ำตก

ภายในประตูม่านน้ำตก ทุกคนยังไม่ยอมไปไหนต่างยืนมองดูการต่อสู้ผ่านม่านประตูอยู่อย่างตื่นเต้น
“นาชะว่าทุกคนควรจะรีบไปได้แล้วตามคำสั่งองค์หญิง”
“แต่พี่ณัชชากับพี่เอกภพตกอยู่ในอันตรายเราควรออกไปช่วย”
“เทพอาคินคิดว่าเราไปแล้ว ที่ตะโกนขึ้นมาก็เพื่อหยั่งเชิง ถ้าเราออกไปเทพอาคินจะบุกเข้ามาทันทีเราจะต้านไม่อยู่”
“พวกเราควรไปก่อน องค์หญิงกับผู้กองจะได้ไม่พะว้าพะวง”
“ปิงปองไม่อยากทิ้งพี่ณัชชา”
“บีมด้วย”
“เพื่อให้ทุกคนสบายใจ เราจะอยู่คอยช่วยองค์หญิงกับผู้กอง ปาระนังรีบนำทุกคนไป เร็วเข้า” ราเชนบอก
“ทุกคน ตามเรามา อย่าให้ต้องลำบากใจ”
ปาระนังดีดตัวนำออกไป
“เราทุกคนมีหน้าที่อย่าให้เสียงาน รีบตามไป เร็วเข้า”
ไกรยุทธ์บอก นาฬิกา ปิงปอง บีมต่างเศร้าเพราะห่วงณัชชากับเอกภพ แต่ในที่สุดก็ตัดใจวิ่งตามปาระนังออกไป
“ฝากองค์หญิงกับท่านราเชนด้วย”
ราเชนพยักหน้า นาชะแวบตามทุกคนไป

ตรงลานหน้าน้ำตกณัชชายิ้มออกมา
“ท่านเพ้อเจ้อไปแล้ว ทายาททั้ง 4 และทุกคน ณ บัดนี้อยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ อย่าหวังว่าท่านจะตามทัน”
“เทพซ้ายขวา ท่านรออะไรอยู่”
เทพซ้ายขวารีบดีดตัวเข้าไปที่ม่านน้ำตกตรงที่ยังเห็นเป็นม่านประตูทันที ณัชชาขยับตัวแต่ภูตสังหารบุกเข้ามาจนต้องถอย เอกภพสาดกระสุนเข้าสกัดเทพซ้ายขวา แต่ถูกภูตสังหารพุ่งเข้ามาจนต้องถอยเช่นกัน ร่างของเทพซ้ายขวาลอยไปที่ประตู แต่แล้วได้ยินเสียงดังโครม ร่างของเทพซ้ายขวาถูกกระแทกตกลงไปยังน้ำตกเบื้องล่าง อาคินแค่นหัวเราะ
“ที่แท้ ยังมีคนอยู่จริงๆ”
ณัชชากับเอกภพถึงกับคาดไม่ถึง

ทางด้านประตูหลังน้ำตก ราเชนยืนระวังมองทุกคนอยู่เบื้องล่าง ราเชนสะบัดมือ ธนูและลูกธนูโลกันต์ปรากฏเตรียมพร้อม
ลานเบื้องล่าง ณัชชามีสีหน้าเคร่งเครียด
“ใครอยู่ที่ประตู ไม่ต้องรอเรา รีบไป”
“ภูตสังหารแบ่งกำลัง” ภูตสังหารแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ห้าตัวล้อมณัชชากับเอกภพ อีกสี่ตัวถอยมา “บุกเข้าประตู”
ภูตสังหารขยับตัวหันไปที่ม่านประตูซึ่งอยู่กลางน้ำตก แต่แล้วธนูไฟโลกันต์ก็วิ่งผ่านม่านออกมาปักทะลุที่ไหล่ของภูตสังหารตัวหนึ่ง แม้จะทำอะไรไม่ได้แต่ไฟจากปลายธนูลุกลามจนท่วมตัว อาคินถึงกับคาดไม่ถึง
“วิธีนี้ถึงแม้ว่าภูตสังหารจะไม่เป็นไร แต่หัวใจท่านอาจถูกเผาจนสุกได้เหมือนกัน” ณัชชาบอก
“เยส”
ภูตสังหารยืนนิ่งไม่รู้สึกอะไร ทันใดนั้นลูกธนูไฟโลกันต์อีกดอกหนึ่งวิ่งมาปักทะลุอกขวาของภูตสังหารอีกตัวหนึ่งไฟจากปลายธนูลุกท่วมทั้งตัวเช่นกัน
“ต้องมีดอกหนึ่งถูกตัวที่ท่านฝากหัวใจไว้จนได้”
อาคินถึงกับหน้าซีด

อาคินจ้องณัชชาด้วยความแค้น แล้วตัดสินใจโบกมือ ภูตสังหารกลายเป็นควันดำ ไฟที่ติดอยู่ดับลง ลูกธนูตกอยู่กับพื้น ทันใดนั้นลูกธนูอีกดอกหนึ่งพุ่งเข้าใส่อาคิน เทพซ้ายขวาดีดตัวเข้ามาตวัดดาบฟันถูกลูกธนูดังสนั่นลูกธนูกระเด็นหายไป อาคินรีบถอย
“เราต้องได้พบกันอีกองค์หญิง”
อาคินแวบหายไป เทพซ้ายขวาแวบตาม ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากัน
“คาดไม่ถึง ลูกธนูไฟโลกันต์ของท่านราเชน ทำให้อาคินต้องกลัว”
“เทพอาคินแค่ตกใจ เพราะคาดไม่ถึง แต่จริงๆ แล้วทันทีที่ภูตสังหารกลายร่างเป็นควัน ธนูไฟโลกันต์ก็หมดความหมาย”
“ท่านทั้งสองควรรีบมาได้แล้ว ก่อนที่เทพอาคินจะจะได้สติแล้วกลับมาอีก.”
ทั้งสองหันไปก็เห็นราเชนอยู่ตรงหน้าม่านประตู ณัชชากับเอกภพยิ้ม
“เราไม่ควรให้ท่านราเชนรอ”
“งั้นองค์หญิงคงไม่ว่าถ้าผมจะขอไปด้วย”
เอกภพก้าวเข้ามากอดณัชชาไว้
“คุณก็สามารถแวบได้แล้วนี่”
“ผมตื่นเต้นจำไม่ได้ รีบไปเถอะครับเดี๋ยวท่านราเชนจะรอ” ณัชชายิ้ม แต่แล้วก็ดันร่างเอกภพออกห่างแล้วแวบร่างหายไปปรากฏอยู่ตรงม่านประตู “อ้าว องค์หญิง”
ณัชชากับราเชนต่างยิ้ม
“เชิญองค์หญิงตามสบาย”
ราเชนออกไป เอกภพยืนยิ้มแห้งอยู่กับที่ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังควับ ปลายแส้พันที่เอวของเอกภพ ณัชชาตวัดร่างของเอกภพแวบไปปรากฏตรงหน้าของณัชชา
“คุณนี่เหลี่ยมน่าดู” ณัชชาต่อว่ายิ้มๆ เอกภพยิ้ม ณัชชาเหล่แล้วผลักเอกภพออกห่างแต่สุดท้ายก็อดขำไม่ได้

ทั้งสองต่างเดินพ้นจากม่านประตูไป ม่านประตูเริ่มหายไปกลายเป็นน้ำตกอย่างเดิม

ณัชชากับเอกภพกราดตามองก็พบว่าเหมือนอยู่ในถ้ำ เดินต่อมาเรื่อยๆ ก็พบกับทุกคนรออยู่ ณัชชากับเอกภพมองอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น หยุดทำไม รอยยังใหม่อาคินยังตามมาทันอย่างแน่นอน”
“ทางตันเพคะองค์หญิง”
“หา ล้อเล่นน่า”
ทุกคนต่างมองหน้ากันกังวล
นาฬิกากำลังตรวจดูฝาผนังถ้ำ ทุกคนกำลังแยกย้ายกันตรวจดูตามผนังถ้ำทั้งสี่ด้าน
“ต้องมีทางลับอยู่ที่ไหนซักแห่ง เหมือนประตูทางเข้าที่อยู่ตรงน้ำตก เดี๋ยวก่อน” ทุกคนหยุดหันมาทางณัชชา “แว่น แว่นตาของผู้พิทักษ์อยู่กับใคร”
“นี่ค่ะพี่ณัชชา” นาฬิกาส่งแว่นให้
ณัชชารีบใส่แว่นแล้วกราดสายตามองหาไปรอบๆ ผนัง ก็พบประตูอยู่ด้านหนึ่ง แต่ที่ประตูมีกุญแจล็อคอยู่
“เจอแล้ว”
ณัชชายกมือปาดไปตรงประตู ทำให้ทุกคนเห็นประตู
“ต้องมีกุญแจเปิด เราต้องหากุญแจ”
“อาจไม่ต้องใช้กุญแจก็ได้”
ปาระนังสะบัดมือฟาดโครม แต่กุญแจไม่สะเทือน
“น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับทายาทหรือเปล่า”
“พวกเราลองดู”
ทายาททุกคนต่างปล่อยพลังพร้อมกันไปที่กุญแจ ทันใดนั้นกุญแจก็หลุดออก ประตูค่อยเปิดออกอย่างช้าๆ
ทุกคนต่างยิ้มอย่างตื่นเต้น

ร่างของอาคินกับเทพซ้ายขวาปรากฏอีกครั้งหนึ่งที่หน้าน้ำตก
“เราหลงกลแผนขู่ตื้นๆ ขององค์หญิงซะแล้ว” อาคินบอก เทพซ้ายขวามองหน้ากันไม่พูด “ในเมื่อมีประตูก็ย่อมเปิดได้”
“แต่ถ้าเวลาคลาดเคลื่อนอาจไปต่างดินแดน”
“อืม นี่ไม่ใช่ประตูกล แต่เป็นประตูด่านที่ไม่มีกาลเวลาควบคุม น่าจะผ่านได้ในดินแดนเดียวกัน”
อาคินจ้องมองที่สายน้ำตกอย่างพิจารณา

ภายในถ้ำ ทุกคนต่างยืนรายรอบประตูจนประตูเปิดออกเต็มที่ ทายาทขยับตัว
“เดี๋ยว”
ทายาททั้งสี่หยุด เอกภพตวัดปืนขึ้นมาเดินผ่านทุกคนเข้าไป ทุกคนมองตาม เอกภพผ่านประตูเข้าไปด้านในกราดสายตาไปรอบๆ จนไปหยุดอยู่แท่นหินที่ตั้งติดผนังด้านหนึ่ง บนแท่นหินมีสิ่งของอยู่สี่อย่างฝุ่นจับเขรอะใยแมงมุมเกาะเต็มไปหมด
“ทุกคนเข้ามาได้” เอกภพบอกแล้วเดินไปที่แท่นหิน
ทุกคนเข้ามาต่างมองเอกภพยืนอยู่ที่แท่นหิน ทุกคนต่างเดินเข้าไปยืนรอบๆ แท่นหิน
“มีของ 4 ชิ้น”
บนโต๊ะมีสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอวางอยู่บนสมุด เชือกสีขาวเหมือนไนล่อนขดหนึ่ง ผ้าเช็ดหน้าแพรผืนหนึ่ง ถุงมือสีเงินข้างขวาหนึ่งข้าง
“หรือว่าเป็นของทายาททั้ง 4”
“น่าจะใช่ เอ้าทุกคนเลือกดู”
“ผมลุยก่อนก็แล้วกัน”
บีมก้าวเข้าไปใกล้แท่นหินแล้วเอื้อมมือเข้าไป
“เดี๋ยว”
บีมมือค้างอยู่หน้าตาตื่น เอกภพเดินเข้าไปบีมถอยมาหนึ่งก้าว เอกภพก้าวใกล้แท่นหินตวัดมือไปทางด้านหลังมีมีดสั้นติดมือมา เอกภพค่อยๆเอาปลายมีดเขี่ยที่ใยแมงมุม ทันใดนั้นมีดติดไฟลุกพรึบขึ้นมาละลายหายไปครึ่งหนึ่ง
“โว่ว”
เอกภพยกมีดขึ้นให้ทุกคนดู เห็นมีดเหลือครึ่งเดียวควันยังลอยอยู่ ทุกคนมองต่างตื่นเต้น บีมถอยออกมา
“โอ้ย แบบนี้ ไม่เอาดีกว่า”
“องค์รักษ์ทั้ง 4 ป้องกันทุกอย่างได้รัดกุมจริงๆ”
“อาจเป็นได้ที่ของทั้ง 4 ต้องเลือกเจ้าของเอง”
“ทายาททั้ง 4 ก้าวมาที่แท่นแล้วลองตั้งสมาธิดู”
ทายาททั้งสี่ทำตาม ทันใดนั้นของทั้งสี่ชิ้นก็ลอยขึ้นทุกคนต่างมองอย่างตื่นเต้น ของทั้งสี่ชิ้นก็แยกกันลอยเข้ามาหาทายาททั้งสี่อย่างง่ายดาย สมุดกับดินสอลอยมาหาปิงปอง ผ้าเช็ดหน้าลอยมาหานาฬิกา เชือกสีขาวลอยมาหาไกรยุทธ์ ถุงมือข้างขวาลอยมาหาบีม ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น
“เฮ้...ผมได้ถุงมือไมเคิล แจ็คสัน”
บีมใส่แล้วทำท่าเต้น ทุกคนต่างยิ้ม ทันใดนั้นเสียงระเบิดตูมถ้ำสั่นสะเทือน
“เทพอาคิน”
ณัชชาปราดไปที่ประตู
“ทำไมเทพอาคินตามมาได้ ผมคิดว่าต่างเวลาต่างดินแดนซะอีก”
“ประตูนี้อาจจะไม่มีกาลเวลากำหนด”
เอกภพรีบปราดมาที่ประตู คู่กับณัชชา ณัชชาหันไปบอกทุกคน
“รีบหาทางออกเร็วที่สุด”
คนอื่นๆ ต่างรีบค้นหาประตูทางออก แต่ไม่มีร่องรอย
“ต้องลองแว่นดู” นาฬิกาหยิบแว่นขึ้นมากราดสายตามอง ทุกคนหยุดมองนาฬิกาต่างลุ้น “ไม่เห็นอะไรเลย”
ราเชนดีดตัวมาที่ประตู
“เราจะสกัดเทพอาคินถ่วงเวลาไว้”
ณัชชากับเอกภพพยักหน้าแล้วถอยออกไป ให้ราเชนขึ้นไปข้างหน้า ราเชนสะบัดมือขึ้นมามีธนูพร้อมลูกธนูไฟโลกันต์อยู่ในสายคันธนู ราเชนปล่อยธนูไฟวิ่งสวนออกไปยังหน้าถ้ำ เสียงตึม มีแสงไฟสะท้อนแวบๆ เข้ามา ณัชชากับเอกภพและราเชนต่างยืนมองดูอยู่ อึดใจก็เห็นมีเงาวูบวาบเคลื่อนใกล้เข้ามา
“ท่าทางไม่ดีซะแล้ว”
“องค์หญิงกับผู้กองเข้าไปช่วยหาทางออกดีกว่า”
ณัชชากับเอกภพพยักหน้าแล้วเข้าไปในถ้ำ ราเชนตวัดธนูขึ้นเตรียมยิง

ณัชชากับเอกภพเข้ามาด้านใน
“เวลาเหลือไม่มาก ทุกคนเร่งมือ”
ทุกคนต่างค้นหาทางออกอย่างรีบเร่ง แต่ไม่มีใครพบ
“ทุกคนถอยไปทางด้านโน้น”
ทุกคนรีบถอยไปรวมกันอยู่อีกด้านหนึ่ง ณัชชาสะบัดมือปล่อยพลังกระแทกฝาด้านหนึ่งระเบิดดังตูม แต่ผนังไม่สะเทือน
“ประตูกลทั้งหลายจะเปิดเมื่อเราแก้ปริศนาได้เท่านั้น”
“นึกอยู่แล้ว”
“ทายาททั้ง 4 ลองใช้ของที่ได้มาซิว่าจะทำอะไรได้บ้าง”
นาชะบอก ทุกคนต่างลองใช้ของของตน นาฬิกาวิ่งไปเอาผ้าเช็ดหน้าปัดไปตามผนังถ้ำ บีมใส่ถุงมือแล้วยกฝ่ามือขึ้นปรากฏเป็นแสงเงินจากถุงมือไปที่ฝาผนังบีมกราดไปทั่วทุกแห่งแต่ก็ไม่เห็นประตู ไกรยุทธ์มองขดเชือกของตนแล้วจนปัญญา ปิงปองมองดูสมุดของตนซึ่งเต็มไปด้วยกระดาษเปล่า ถือดินสอมองอย่างมึนงง..
“กระดาษดินสอ จะหาประตูได้ยังไงเนี่ย” ทันใดนั้นดินสอลากมือของปิงปองวาดรูปไปบนสมุดอย่างรวดเร็ว ปิงปองมองอย่างคาดไม่ถึง “ทุกคนดูนี่”
ทุกคนหันมาก็เห็นปิงปองชูสมุดให้ดูซึ่งขณะนี้มีรูปวาดของประตูอยู่ ทันใดนั้นเสียงดังตึมพื้นดินสั่นสะเทือนเสียงของราเชนดังเข้ามา
“เทพอาคินใกล้เข้ามาแล้ว”
“เร็วเข้ารีบเอาออกมาแล้วไปแปะไว้ที่ผนัง”
ปิงปองดึงกระดาษรูปประตูออกจากสมุด ขยับตัวจะไปที่ผนังแต่แล้วกระดาษก็ปลิวหลุดจากมือลอยไปที่ผนังด้านหนึ่ง ทันใดนั้นกระดาษรูปประตูกลายเป็นประตูบานหนึ่งปรากฏบนผนัง

“ประตู”

ในถ้ำทางด้านหน้าประตู ราเชนปล่อยลูกธนูวิ่งไปยังร่างของอาคินที่เดินนำเทพซ้ายขวาใกล้เข้ามาเสียงระเบิดตูมไฟลุกท่วม ราเชนจ้องมองอย่างระมัดระวัง แต่ร่างของอาคินกับเทพซ้ายขวาเดินฝ่ากองไฟออกมา ราเชนจ้องสีหน้าเคร่งเครียด
ร่างของราเชนพรวดกลับเข้ามาด้านใน
“ได้เวลาต้องไปแล้วครับ”
“เร็วเข้า”
ทุกคนพรวดออกไปด้านนอกประตูอย่างรวดเร็ว เอกภพรออยู่
“คุณราเชนเชิญ ตาผมสกัดเทพอาคินมั่ง” ราเชนยิ้มพยักหน้า

ในถ้ำตรงประตูทางออก
“ทางออกอยู่ข้างหน้า”
นาฬิกาบอก ทุกคนมองไปก็เห็นอุโมงค์ยาวมีแสงสว่างเป็นจุดขาวอยู่ตรงหน้า
“นาฬิกานำไป”
ทุกคนต่างวิ่งตะบึงไป แต่แล้วปิงปองวิ่งย้อนกลับมา
“ปิงปองจะไปไหน”
“หาพี่เอก แป๊บนึง”
ปิงปองวิ่งเข้ากลับเข้าประตูหายไป ณัชชายืนรออยู่
ร่างของปิงปองพรวดเข้ามา เอกภพหันกลับมาอย่างสงสัย
“ปิงปอง กลับมาทำไม”
“ดินสอของปิงปองวาดรูปให้พี่รูปหนึ่ง”
ปิงปองส่งกระดาษให้ เอกภพรับมาแล้วยิ้ม
“ขอบใจมาก รีบไป”
ปิงปองพรวดกลับออกไป เอกภพหันไปมองที่ประตู จ้องที่กระดาษที่ปิงปองให้มาเป็นรูปปืนใหญ่โบราณอยู่ในกระดาษ เอกภพโยนกระดาษออกไปก็ปรากฏเป็นปืนใหญ่โบราณหนึ่งกระบอก เอกภพเอาปืนจ่อที่ฉนวนของปืนใหญ่.ทันใดนั้นอาคินก้าวผ่านประตูพรวดเข้ามา เอกภพยิงเปรี้ยงเข้าที่ฉนวนของปืนใหญ่ไฟติด
“ยินดีต้อนรับ” อาคินจ้องมองยังไม่ทันตั้งตัว ปืนใหญ่โบราณก็ยิงลูกปืนใหญ่ออกไปตูม กระแทกร่างของอาคินกระเด็นหายออกไปจากประตู “เยส”
เสียงณัชชาดังขึ้น
“ผู้กองรีบออกมาเร็วเข้า ก่อนที่ทางออกจะปิด”
เอกภพหันหลังกลับดีดตัวออกไปนอกประตู ไม่เห็นใครอยู่ในอุโมงค์แล้ว เห็นแสงสว่างทางออกค่อยๆ เล็กลง
เอกภพวิ่งสุดฝีเท้าแล้วพุ่งพรวดออกไป
อาคินพรวดกลับเข้ามาสะบัดมือใส่ปืนใหญ่โบราณที่ขวางอยู่ระเบิดกระจายไป สีหน้าแค้นเคือง

ร่างของเอกภพกลิ้งออกมาที่พื้นพร้อมควันพุ่งตามหลังมา แล้วเงยมองทุกคน
“ว้าว แม่น้ำ” เอกภพเห็นทุกคนยืนอยู่ ด้านหลังคือแม่น้ำสายหนึ่ง เอกภพลุกขึ้นมา ปัดเสื้อผ้าไปมา “ที่ไหนครับเนี่ย”
“เดี๋ยวก็รู้”
ทันใดนั้นทุกคนก็ต้องตื่นเต้นเมื่อเห็นร่างของนาชะมีรังสีชมพูจางๆ ปรากฏ
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกค่ะ แค่สัญญาณความรักของมนุษย์ น่าจะมีหมู่บ้านอยู่แถวนี้ นาชะจะไปแผลงศรรักซะหน่อย เดี๋ยวมานะเพคะองค์หญิง”
นาชะกระพือปีกออกมาจากทางด้านหลัง แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นหายแวบไป ทุกคนต่างยิ้มบรรยากาศดีขึ้น

ที่ประตูทางออกในราวป่า อาคินกับเทพซ้ายขวายืนกราดสายตาซึ่งตรงหน้ากลายเป็นป่าทึบซึ่งเป็นคนละที่กับพวกณัชชา
“เราคลาดกับพวกองค์หญิงแล้ว”
“ต่างเวลาแค่นิดเดียว ก็ต่างดินแดนซะแล้ว”
อาคินยิ้มเยือกเย็น เทพซ้ายขวามองอย่างสงสัย

ที่ริมแม่น้ำ ทุกคนล้อมวงอยู่ที่กองไฟยกเว้นนาชะ
“ปัญหาก็คือ ทำไมเทพอาคินถึงตามเรามาพบเราได้แม่นยำรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อต่างเวลาก็จะกลายเป็นอีกดินแดนหนึ่งทันที”
“หรือว่าเทพอาคินมีพลังมากกว่าที่เราคาด”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ เราพ้นเทพอาคินมาได้ตลอด”
“จนกระทั่งองค์หญิงใช้พลังช่วยเด็กผู้หญิงที่หมู่บ้าน”
“แต่หลังจากนั้นเราก็พ้นจากเทพอาคิน”
“หรือว่าเทพอาคินปล่อยพลังไว้ที่ทายาทคนหนึ่งคนใดเหมือนที่เคยปล่อยไว้ที่คุณไกรยุทธ์มาแล้ว”
“เราควรรีบตรวจดู ก่อนที่เทพอาคินจะโผล่มาอีก”
ทุกคนต่างมองไปที่ทายาททั้งสี่

อาคินนั่งสมาธิมือถือขนปีกของนาชะ เกิดเป็นม่านจางๆ ขึ้นมา แต่มองไม่เห็นอะไรเพราะนาชะไม่อยู่ อาคินลืมตาขึ้นสีหน้าแปลกใจ
ณัชชากราดสายตามองทายาททั้งสี่อย่างสงสัย
“แปลกมาก ไม่มีพลังของเทพอาคินที่ทายาททั้ง 4 แต่ทำไมเทพอาคินตามรอยเราได้”
“มีใครจำอะไรผิดปรกติตอนที่อยู่กับเทพอาคินมั่งหรือเปล่า”
ทายาททั้งสี่ต่างคิด อึดใจทุกคนได้แต่ส่ายหน้า แต่แล้วปิงปองก็นึกขึ้นมาได้
“ปิงปองจำได้” ทุกคนมองปิงปองเป็นตาเดียว “เทพอาคินขโมยขนปีกนาชะของปิงปองไป”
“ขนปีกของนาชะ ใช่แล้ว นาชะให้ทุกคนไว้เพื่อนาชะจะได้ตามหาตำแหน่งของทุกคน”
“เทพอาคินมีพลังสูง อาจใช้ขนปีกของนาชะหาตำแหน่งของพวกเรา”
“แต่เทพอาคินก็เผาไปแล้วนี่ครับ”
“เทพอาคินเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว อาจยังซ่อนไว้ก็ได้”
“ทุกคนรีบเอาขนปีกของนาชะออกมา เร็วเข้า” ทายาททั้งสี่รีบเอาขนปีกของนาชะออกมาส่งให้ณัชชา ณัชชารับมาถือไว้ในมือ “ของคุณด้วยผู้กอง”
เอกภพรีบล้วงในเสื้อแจ็คเก็ตส่งให้ ณัชชารับไว้แล้วยื่นออกไปตรงหน้านั่งสมาธิ ทันใดนั้นมีม่านจางๆ เกิดขึ้นม่านจางๆ ค่อยๆ กลายเป็นภาพใบหน้าของอาคินปรากฏ ทุกคนถึงกับคาดไม่ถึง
“เทพอาคิน”
ทันใดนั้นราเชนสะบัดมือเป็นเปลวไฟพุ่งเข้าใส่ขนปีกของนาชะในมือของณัชชาไหม้พรึบ ภาพของอาคินหายวับไป
อาคินถึงกับผงะขนปีกนาชะมีไฟติดยังอยู่ในมือ อาคินรีบปล่อยขนปีกของนาชะออกไป สีหน้าเสียอารมณ์

ปาระนังเดินมาที่กองไฟ ราเชนส่งมือให้ปาระนังจับมือแล้วนั่งลงที่ขอนไม้ใกล้ๆ กัน ห่างออกไปทายาททั้งสี่นอนเรียงกันอยู่โดยมีไกรยุทธ์กับบีมอยู่ทางด้านนอก นาฬิกากับปิงปองอยู่ตรงกลาง ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏขึ้นแล้วเดินมาที่กองไฟ ปาระนังกับราเชนยิ้มให้
“ความรักอยู่ที่ไหน นาชะอยู่ที่นั่น”
ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน
“แน่ใจหรือจ๊ะว่าตรงนี้” ปาระนังโบ้ยหน้าไปอีกด้านหนึ่ง นาชะหันไปก็เห็นเอกภพกับณัชชายืนระวังภัยจากด้านนอก
“ตรงนี้แน่นอนกว่า” ราเชนยกมือปาระนังขึ้นจูบเบาๆ ปาระนังยิ้มให้ลึกซึ้ง “ตรงโน้นยังปากแข็งกันอยู่”
ทั้งสามมองไปที่เอกภพกับณัชชาต่างยิ้มให้กัน
“นาชะหายไปนานเลยนะ มีคนรักกันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่มากขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่วนไปเวียนมาสำรวจดู เราอยู่ในยุคกรุงศรี อยู่ห่างเมืองหลวงมากทีเดียว”
“ยุคกรุงศรีเลยเหรอ”
“ไม่น่าเชื่อ แต่ต้องเชื่อ”
แล้วทั้งสามก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบีมลุกขึ้นมาท่าทางยังง่วงอยู่เดินผ่านมาที่กองไฟ
“จะไปไหน” นาชะถาม
“เฮ่...ไปฉิ้งฉ่องครับ”
ทุกคนต่างขำ ราเชนส่งคบไฟที่ปักอยู่กับพื้นให้ บีมรับแล้วเดินผ่านเข้าไปในราวป่า
“จำทางให้ดี อย่าหลงเข้าไปในประตูกลล่ะ”

ปาระนังบอก บีมยกมือขึ้นเป็นเชิงรับโดยไม่หันมามอง นาชะยิ้มขำชอบใจ

 
ณัชชายืนกราดสายตาไปทางด้านนอก เอกภพยืนอยู่ข้างๆ คอยระวังเช่นกัน
 
“องค์หญิงคิดว่าการเดินทางจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่”
“เมื่อเราทำลายกุญแจได้”
“ฮ่า ฮ่า ขำ ผมหมายถึงกี่วัน กี่เดือนหรือว่าปี”
“ทำไม คุณมีนัดกินข้าวกับสาวที่ไหนเหรอถึงได้รีบ”
“เฮ่ เปล่าครับ จริงๆ แล้วอยากให้นานๆ ซะด้วยซ้ำเพราะเดินทางกับองค์หญิงตื่นเต้นดี แล้วก็...”
“ดีใจที่คุณชอบ” ณัชชาจ้องเอกภพแล้วถอนใจ “แต่ทุกอย่างต้องมีกำหนดเวลามิฉะนั้นจะเกิดผลที่ตามมา”
“ผมไม่เข้าใจ”
“มีบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้บอกทุกคน”
“โอ๊ะ โอ ท่าทางไม่ดี”
“ภายใน 3 อาทิตย์ ถ้าเราทำลายกุญแจไม่ได้สวรรค์จะทำลายเอง”
“สวรรค์จะทำลายเอง อืม...ฟังแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“สวรรค์จะทำลายกุญแจด้วยการล้างโลกมนุษย์”
“โว้ว ล้างโลกมนุษย์ แบบว่าหายไปหมดยังงั้นเหรอครับ”
“ใช่ เป็นทางเดียวที่จะทำลายกุญแจให้พ้นจากมือของอาคิน”
“อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมซิครับ ยุติสงครามด้วยการทำลาย”
“โลกหนึ่งถูกทำลาย ยังดีกว่าให้สงครามทำลายทั้ง 4 โลกแล้วมีอาคินเป็นใหญ่”
เอกภพถึงกับพูดไม่ออก ในที่สุดก็ก้าวผ่านณัชชาออกไป ณัชชามองตามถอนใจ

เอกภพยืนสีหน้าเคร่งเครียดอยู่อีกด้านหนึ่ง ณัชชาเดินเข้ามาหา
“ฉันเสียใจที่ไม่ได้บอกทุกคนตั้งแต่แรก ไม่อยากให้พวกทายาทต้องใจเสีย”
“ผมเข้าใจ อย่าให้รู้จะดีกว่า มิน่าทั้งโลกสมุทรและนรก ต่างก็ส่งคนมาช่วย”
“ทายาททุกคนล้วนกล้าหาญและฉลาด ฉันเชื่อว่าเราต้องทำสำเร็จ”
“ขอบคุณองค์หญิงที่ลงมาช่วยโลกมนุษย์”
“ดีใจที่ได้ลงมา”
ทั้งสองต่างสบตากันลึกซึ้ง ต่างเคลื่อนกายเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเสียงบีมร้องดังขึ้นมา ณัชชากับเอกภพต่างหันไปตามเสียง
“บีม”

บีมวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเข้ามาหา ปาระนัง ราเชนและนาชะ ตรงกองไฟ
“เกิดอะไรขึ้น”
เอกภพกับณัชชาเข้ามาพร้อมกับทายาทที่เหลือ
“นายบีม แอบไปก่อเรื่องที่ไหนมา”
“คือ...คือว่ามี...” บีมชี้ออกไปทางด้านนอก ทุกคนต่างสีหน้าเคร่งเครียด
“ทุกคนอยู่ที่นี่”
เอกภพดีดตัวออกไปณัชชาตามไปติดๆ หายเข้าไปในแนวป่า ปาระนังกับราเชนยืนเตรียมป้องกัน
“ทายาทไปหลบอยู่หลังต้นไม้ เร็วเข้า”
ทายาททุกคนต่างวิ่งหลบกันวุ่นวาย

ร่างของเอกภพดีดตัวเข้ามาในมือถือปืนกราดตามองเห็นคบไฟของบีมที่ตกอยู่ ณัชชาดีดตัวเข้ามา ทั้งสองเดินไปที่คบไฟ เอกภพหยิบขึ้นมาแล้วแกว่งไปมาเพื่อตรวจดูบริเวณ ใบหน้าทั้งสองเคร่งเครียดสายตาสอดส่าย ทันใดนั้นสายตาก็หยุดลงที่จุดหนึ่ง
“ตรงนั้น”
ทั้งสองเดินเข้าไปก็พบว่าเป็นโครงกระดูกของมนุษย์เกลื่อนกลาดอยู่
“มีคนเข้ามาที่นี่”
“หรือไม่ก็คนที่อยู่แถวนี้”
ทั้งสองตรวจไปรอบๆ
“ดูนี่ครับ”
ณัชชาหันไปมองก็พบว่ามีด ขวาน ตกอยู่กระจัดกระจาย
“อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่ใช่ปืน”
ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างกังวล

บีมกับพวกทายาทจับกลุ่มซุบซิบกันอยู่ นาชะยืนอยู่ใกล้ๆ ปาระนังกับราเชนต่างยืนระวังถัดไป
“มากันแล้ว”
ทุกคนหันไปก็เห็นเอกภพเดินถือคบไฟเข้ามา ณัชชาเดินอยู่ข้างๆ
“ไม่มีอะไรนอกจากโครงกระดูกของคนตาย”
“มีบางอย่างอยู่ในบริเวณนี้ ที่ทำลายชีวิตคนพวกนั้น”
“เราต้องคอยระวังจนตลอดคืนผมกับองค์หญิงจะอยู่ก่อน ท่านธิดากับราเชนรับช่วงต่อจนถึงเช้า”
“ทายาททุกคนไปพักได้ นาชะเจ้าคอยดูแล”
“เพคะ องค์หญิง”
ทันใดนั้นณัชชาขยับตัว หันหน้าออกไปทางด้านนอก
“ไม่ต้องรอถึงเช้าแล้ว บางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมาที่นี่”
ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นเต้น
เอกภพเคลื่อนตัวเข้ามายืนใกล้ณัชชาสายตากราดออกไปในความมืด
“อะไรกันแน่ครับองค์หญิง”
ณัชชากราดสายตาไปมา ทันใดนั้นมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นเหมือนกับปีกนับพันๆ คู่กำลังกระพืออยู่
“แย่แล้ว ผึ้ง ฝูงผึ้ง”
“ฝูงผึ้งกำลังมา ไฟ ควันไฟ เร็วเข้าหาหญ้ามาสุม”
ทุกคนต่างไปที่กองไฟคว้าคบไฟขึ้นมาแกว่งไปมา ไกรยุทธ์กับบีมเอาหญ้าแห้งมาโยนเข้ากองไฟ ราเชนสะบัดมือมีธนูติดขึ้นมาพร้อมลูกธนูไฟโลกันต์
“ท่านราเชน ระวังเทพอาคินจะจับพลังลูกธนูโลกันต์ของท่าน”
“เราจะใช้เมื่อคับขันเท่านั้น”
เสียงหึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เห็นกลุ่มดำมืดเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา
“แย่แล้ว เราหนีไม่พ้นแน่”
“ประตูกล ทุกคนรีบหาประตูกล เราต้องรีบออกไปจากที่นี่”
“ทายาททุกคน เร็วเข้าใช้ทุกอย่างที่มี ช่วยกันหาประตูกล”
“ควัน เพิ่มควัน”
ทันใดนั้นฝูงผึ้งบินเข้าหาทุกคน เอกภพและณัชชาใช้คบไฟเหวี่ยงไปมา ไกรยุทธ์จ่อคบไฟเข้ากับกองหญ้าแห้งเกิดเป็นควันลอยเต็ม ฝูงผึ้งระส่ำระสายแต่ก็บินบนเวียนเต็มไปหมด
“อย่าใช้พลังจนกว่าจะจำเป็น เทพอาคินจะรู้ตำแหน่งเรา” ณัชชาบอก
ฝูงผึ้งบนวนเวียนแล้วจู่โจมลงมาอีกที่นาชะและทายาททั้งสี่ ทันใดนั้นนาชะสะบัดมือปล่อยผงสีชมพูออกไปกลายเป็นม่านชมพูป้องกันเหมือนกระโจมกันตัวนาชะและทายาททั้งสี่ไว้ได้พอดี
“รีบหาประตูกลเร็วเข้า พลังแห่งความรักอยู่ได้เพียงแค่นาทีสองนาทีเท่านั้น”

อาคิน ผลุดยืนขึ้นกราดสายตาไปรอบๆ
“ท่านสัมผัสพลังจากองค์หญิง” เทพขวาถาม อาคินส่ายหน้า
“ดูเหมือนมีคลื่นพลังอะไรบางอย่าง แต่เบามาก”

อาคินสีหน้าเคร่งเครียด

จบตอนที่ 5

อ่านต่อตอนที่ 6 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น