xs
xsm
sm
md
lg

ธิดาพญายม ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธิดาพญายม ตอนที่ 14

ณัชชาค่อยดึงเชือกออกมาจากแท่งศิลา ไกรยุทธ์กับนาฬิกาเข้ามาช่วยดึง
“ทุกคนจับเชือกไว้”
ณัชชา ไกรยุทธ์ นาฬิกา ค่อยๆ ดึงเชือกออกมาก็เห็น ปิงปอง บีม ราเชน ปาระนัง จับเชือกก้าวออกมาจากแท่งศิลาจนหมดทุกคน ปิงปองกับบีมวิ่งมาหาณัชชากับเอกภพด้วยความดีใจ
“พี่ณัชชา พี่เอก”
“ผมคิดถึงพี่สองคนน่าดูเลย”
“พี่ก็คิดถึงพวกเรา”
ทุกคนต่างยิ้มให้กัน ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง
ไกรยุทธ์ม้วนเชือกเก็บใส่เป้ นาฬิกาเข้ามาใกล้
“เก่งจัง” นาฬิกาเอ่ยชม
ไกรยุทธ์ยิ้มยืด ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน

“ที่แท้เป็นเพราะบีมซนนี่เอง” เอกภพบอก
“ขออภัยเป็นอย่างสูงครับทุกท่าน”
“อย่างน้อยทุกคนก็ปลอดภัย” ณัชชาบอก นาฬิกาดูแผนที่
“พี่ณัชชาเส้นทางในแผนที่จางลงจนเกือบมองไม่เห็นแล้วค่ะ”
“เราควรรีบเดินทาง ก่อนที่จะสายเกินไป”
ณัชชาเดินนำทุกคนออกไป

ณัชชาวิ่งนำทุกคนมาหยุดตรงเนินแห่งหนึ่ง ทุกคนหยุดตาม
“มีแสงจ้ามาจากตรงโน้นครับ” บีมบอก
“นั่นคือจุดหมายของเรา”
ทันใดนั้นมีเสียงร้องของฝูงอีกาสาวกของอาคินดังก้อง ทั้งหมดกราดสายตาบนท้องฟ้า
“สาวกพวกอาคิน”
“ดูนั่น แสงกำลังจางลง”
“เร็วเข้าทุกคน”
ณัชชานำออกไป ทุกคนรีบตาม

ที่หน้าจุดนัดพบ กำแพงส่งแสงจ้าออกมา ทุกคนพรวดเข้ามาที่กำแพง ต่างเข้าไปสำรวจตรงกำแพงมีรูปสัญญลักษ์เหมือนดวงตาดวงใหญ่หนึ่งดวงรอบๆ ดวงตามีพระจันทร์ล้อมอยู่สี่ดวง
“พระจันทร์สี่ดวง ทายาทสี่คน ใครมีอะไรลองคิดดู”
ทุกคนช่วยกันคิด
“กุญแจ ทุกคนมีกุญแจอยู่” เอกภพบอก
ทายาทต่างดึงกุญแจจากเป้ของตนออกมาถือไว้ในมือ
“แต่ไม่มีที่ให้ไขนี่ครับ” บีมบอก ทันใดนั้นกุญแจเริ่มเรืองแสงขึ้น
“มีแสงจากกุญแจค่ะ”
ทายาททั้งสี่มองอย่างตื่นเต้น
“ทุกคนชูกุญแจขึ้นมา”
ทุกคนทำตาม ทันใดนั้นแสงจากปลายกุญแจทั้งสี่ดอกพุ่งมารวมกันเป็นจุดเดียวกลางอากาศ แล้วกลายเป็นหนึ่งลำแสงพุ่งออกไปยังรูปดวงตา ทันใดนั้นแสงจากดวงตาขยายขึ้นเป็นม่านแสงค่อยๆ ขยายออกเป็นประตูทางเข้าต่อหน้าทุกคน แสงจากกุญแจค่อยๆ จางลงเหลือแต่แสงของม่านประตู
“ประตูเปิดแล้ว”
“ทายาททุกคนเร็วเข้า”
ทายาททุกคนต่างวิ่งเข้าไปในประตู ตามด้วย นาชะ ปาระนัง ราเชน
“องค์หญิง”
ณัชชากับเอกภพเข้าเป็นสองคนสุดท้าย ทั้งหมดเข้ามาในประตูจนได้ ทุกคนต่างจ้องมองที่ประตู ม่านแสงค่อยๆ แคบลงทีละนิดทันใดนั้นมีแสงพุ่งเข้ามาตรงม่านแสงประตู เกิดเป็นแสงสว่างจ้า ทุกคนยกมือบังตาไว้ พอแสงจางลงร่างของอาคินกับเทพอัครายืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า
“สกัดไว้อย่าให้พวกมันเข้ามาได้”
ณัชชาบอก เอกภพดีดตัวออกไปพร้อมกันปาระนังและราเชนขวางทางเข้าไว้ ต่างประจันหน้ากับอาคินและเทพอัครา ราเชนสะบัดมือมีดสั้นปรากฏ ปาระนังมีกระบี่ปลายแหลมอยู่ในมือ
“ส่งตัวทายาทออกมา” เทพอัคราบอก
“ได้เลย รับทายาทลูกปืนไปก่อน”
เอกภพตวัดมือขึ้นปืนปรากฏในมือสองกระบอก เอกภพกราดกระสุนยิงออกไปเปรี้ยงๆๆ
เทพอัครายิ้มแล้วตวัดมือปล่อยเส้นกระแสไฟหลายสายเข้าหาเอกภพ
“ผู้กองหลบมา”
ราเชนบอกแต่ช้าไปกระแสพลังพุ่งเข้าหาเอกภพเต็มๆ เอกภพร่างเหมือนถูกกระแสไฟช๊อต เกร็งสั่นกระดิกตัวไม่ได้
ราเชนกับปาระนังพุ่งเข้าใส่เทพอัครา แต่อาคินดีดตัวมาสกัดไว้ ปาระนังกับราเชนต่อต้านกับอาคินติดพัน
เทพอัคราปล่อยพลังกระแสใส่ร่างของเอกภพสั่นสะท้าน เอกภพกัดฟันกราดปืนมายิงสวนเข้าหาแต่กระสุนระเบิดตรงหน้าของเทพอัคราเข้าไม่ถึง เอกภพออกแรงต้านพลังกระแสไฟของเทพอัคราร่างกายสั่นสะท้าน
ภายในประตู นาฬิกาขยับตัวจะไปช่วยเอกภพ
“พี่เอก”
ณัชชารีบเข้ามาขวางไว้
“นาชะ เจ้ารีบพาทายาททั้งสี่หลบไปก่อนเร็วเข้า”
“แต่ว่า” นาฬิกาจะแย้ง
“ไม่มีแต่ เราสี่คนไม่มีทางกำจัดเทพอัคราได้ แค่ต้านได้ระยะหนึ่งเท่านั้น”
ทายาททั้งสี่ต่างมีสีหน้าไม่ดี
“ทุกคนตามพี่มาเดี๋ยวนี้”
นาชะพรวดออกไป นาฬิกาวิ่งไปหันกลับมาพลาง ไกรยุทธ์ดึงตามไปในที่สุด ณัชชาจ้องพวกทายาทด้วยความห่วงใย ทันใดนั้นร่างของเอกภพ ปลิวเข้ามาตรงหน้าของณัชชาแน่นิ่งไป ณัชชาปราดเข้าไปดูเอกภพอึดใจก็ลุกขึ้นหันกลับไปจ้องเทพอัคราอย่างแค้นใจ ณัชชาพุ่งตัวออกไปเผชิญหน้ากับเทพอัครา ต่างจ้องกัน

ขณะนั้นปาระนังกับราเชนรุมต่อสู้กับอาคินอย่างติดพัน ดุเดือดนัวเนีย ณัชชาจ้องเทพอัคราตาไม่กระพริบ
“ทายาทพ้นจากมือท่านไปแล้ว”
ทันใดนั้นเทพอัคราหันไปทางปาระนังกับราเชนปล่อยพลังแสงออกไปถูกทั้งสองอย่างจัง ร่างของปาระนังกับราเชนกลิ้งไปกับพื้น
“ลอบกัด”
ณัชชาพุ่งเข้าใส่เทพอัคราดาบในมือตวัดฟาดฟันออกไป เทพอัคราปล่อยพลังต้านหลบไปมา
“อาคิน เจ้ายังไม่รีบตาม”
“รับคำสั่ง”
อาคินพุ่งเข้าประตูไป
“อย่าคิด”
ณัชชาผละจากเทพอัคราพุ่งเข้าสกัดเทพอาคินแต่แล้วเทพอัคราสะบัดมือปล่อยพลังออกไป เสียงตูมดังขึ้นพร้อมไฟสว่างจ้า ร่างของณัชชากระเด็น กลิ้งไปกับพื้น เทพอัครายิ้มปราดเข้ามายกมือหมายปล่อยพลัง แต่ณัชชาหมุนตัวกลับมาพร้อมสะบัดมือดาบพิชิตมารพุ่งออกไปยังเทพอัครา ดาบพุ่งไปยังเทพอัครา แต่แล้วร่างของเทพอัคราก็หายแวบเข้าประตูไป ดาบพุ่งไปปักกำแพงดังตึบ ณัชชาลุกขึ้นสะบัดมือออกไปดาบกลับเข้ามาในมือของณัชชา ณัชชาปราดเข้าไปที่ปาระนังกับราเชนที่เพิ่งตั้งตัวได้
“ทุกคนประตู”
ทั้งสามต่างพุ่งเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว ประตูปิดวูบเป็นแท่นหินเหมือนเดิม

ภายในประตู ร่างของเอกภพนอนนิ่ง ทั้งหมดปราดเข้าไปหาเอกภพ ณัชชาเอามือวนที่ใบหน้าของเอกภพอึดใจ
เอกภพลืมตาขึ้นมาเห็นภาพเบลออยู่ตรงหน้า อึดใจภาพก็ชัดขึ้นเป็นใบหน้าของณัชชา
“องค์หญิง”
เอกภพกราดสายตาก็เห็นปาระนังกับราเชนยืนอยู่ถัดไป เอกภพกราดสายตาไปมา
“เด็กๆ ล่ะครับ”

นาชะนำทั้งหมดวิ่งไปอย่างรวดเร็ว อาคินแวบไล่ล่ามาเป็นระยะ นาชะและทายาททั้งสี่พุ่งออกไป
ร่างของอาคินปรากฏในราวป่า อาคินกราดสายตาไปรอบๆ อึดใจร่างของเทพอัคราก็ปรากฏ
“เจ้าไม่พบทายาท”
“ขออภัยท่านพ่อ ข้าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย”
เทพอัครามีสีหน้าไม่พอใจ กราดสายตาไปมาหาทางสัมผัสพวกทายาท อึดใจก็ถอนใจหันมามองอาคินสีหน้าเคร่งเครียด
“เสียเวลาอย่างที่สุด เจ้าใช้ไม่ได้จริงๆ”
เทพอัคราแวบหายไป อาคินแวบตาม อึดใจก็มีละอองสีชมพูปรากฏ ร่างของทายาททั้งสี่และนาชะอยู่ภายใต้การครอบคลุมของละอองสีชมพูอึดใจละอองสีชมพูก็ค่อยจางหายไปจนหมด
“โชคดีที่เทพเลวพวกนี้ไม่สามารถสัมผัสละอองของความรักได้”
ทายาททุกคนต่างหายใจอย่างโล่งอก
เอกภพเดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วงทายาททั้งสี่
“เทพอัคราพลังยิ่งใหญ่ ทางเดียวที่จะพอต้านได้ก็คือต้องจู่โจมพร้อมกัน”
“ผมใจร้อนไปหน่อย เป็นความผิดผมเอง เราต้องรีบหาทายาทให้พบเร็วที่สุด ไม่มีพวกเราป้องกัน ทายาทไม่มีวันพ้นมือพวกมันแน่”
“แต่ฉันคิดว่า เราอยู่ห่างทายาทไว้เป็นดี”
“แปลว่าอะไรครับองค์หญิง”
“แปลว่า เทพอัคราจับความเคลื่อนไหวของเราได้แม้ว่าเราจะไม่เคลื่อนไหวเลยน่ะซิ”
“ที่แท้พวกเราคือตัวบอกตำแหน่งของทายาท”
“ตกลงเราจะปล่อยให้ทายาทเดินทางตามลำพังหรือครับ”
“อาจต้องเป็นเช่นนั้น”
ทันใดนั้นเสียงอีการ้องก้องมาบนท้องฟ้า ณัชชากราดสายตามอง
“สาวกของเทพอาคินโผล่ออกมาแบบนี้ เรามั่นใจว่านาชะพาทายาทพ้นไปได้”
ณัชชาบอก ทุกคนต่างมีสีหน้าดีขึ้น
“พวกเราควรแยกกันเดินทาง”
“ความเห็นของท่านธิดาถูกต้องแต่เราต้องเดินทางให้ใกล้ทายาทพอที่จะช่วยเหลือได้ทันท่วงที”
“และก็ห่างพอที่จะไม่ดึงอันตรายเข้าไปหาพวกทายาท”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนการ

“หวังว่าเทพอาคินคงไม่ย้อนกลับมาอีก” นาชะหันมาบอกกับทายาททั้งสี่
“มีใครเจ็บมั่งหรือเปล่า” นาฬิกาหันมาถาม ทุกคนต่างสำรวจกัน
“พวกเราไม่เป็นไร” ไกรยุทธ์บอก
“เราต้องรอพี่ณัชชากับทุกคนหรือเปล่าคะพี่นาชะ”
ทุกคนหันมามองนาชะเป็นตาเดียว
“ไม่รู้เหมือนกัน”
ทุกคนต่างสีหน้ากังวลต่างมองหน้าปรึกษากัน
“ผมว่ารอดีกว่า”
“เอางี้ ไกรยุทธ์นำทุกคนเดินทางกันไปก่อน พี่จะลองแวบไปแวบมาค้นหาทุกคนดูแล้วจะรีบตามไป” นาชะบอกทายาทต่างมองหน้ากันไปมาอึดใจ
“ดีครับ”

ณัชชาสะบัดมือมีแผนที่ปรากฏอยู่ในมือ ณัชชาตรวจดูแผนที่
“อย่างที่คาด แผนที่ปรากฏเส้นทางใหม่และจุดนัดพบใหม่” ณัชชาตรวจดูแผนที่พลางอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ “นอกจากระหว่างทางจะมีอุปสรรคมากกว่าเดิม ก่อนถึงจุดนัดพบ ยังต้องผ่าน ขุนเขาใหญ่สองลูก” ณัชชาพับแผนที่แล้วเดินมาส่งให้ราเชน ราเชนรับไว้ “แผนที่ฉบับนี้เป็นฉบับที่ลอกมาจากแผนที่ของทายาท ถ้าถึงมือเทพอาคิน เท่ากับว่า...”
“เราจะรักษาไว้เป็นอย่างดี”
ณัชชาพยักหน้าพอใจ
“เราจะแยกกันเดินทาง ท่านราเชนกับท่านธิดาเดินทางด้วยกันไป หาทางเข้าใกล้ทายาทให้มากที่สุด”
ราเชนกับปาระนังพยักหน้ารับ
“ถ้าเช่นนั้นเราสองคนขอตัวก่อน”
ณัชชากับเอกภพพยักหน้า ราเชนกับปาระนังเดินแยกออกไป
“เชิญครับองค์หญิง”
ณัชชาพยักหน้าแล้วเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง เอกภพเดินตามออกไป

ในราวป่ากันดาร นาฬิกานำขบวนไปข้างหน้า ปิงปองกับบีมตาม ไกรยุทธ์ปิดท้าย
“พี่นาชะหายไปไหนแล้ว”
“คงหาทางสัมผัสพลังของพี่ณัชชาอยู่มั๊ง”
ทันใดนั้นนาฬิกายกมือขึ้นเป็นความหมายให้ทุกคนหยุด ไกรยุทธ์ก้าวขึ้นข้างหน้า
“มีอะไรหรือครับ”
“เหมือนได้ยินเสียงคลื่นอยู่ข้างหน้า”
“เรามาถึงทะเลเหรอเนี่ย”
นาฬิกาไม่ตอบกราดสายตาพยายามฟัง
“ปิงปองว่าพัทยาหรือภูเก็ตครับ” บีมถามปิงปอง
“พูดมากเดี๋ยวหลุดไปอีกหรอก”
“ก็ดีซิ จะได้อาบแดดซะเลย”
“อย่าทำเป็นเล่นกัน ทุกคนระวังตัว”
บีมกับปิงปองเงียบลงนาฬิกาก้าวออกไป บีมกระซิบกับไกรยุทธ์
“ดุแบบนี้พี่ไกรยุทธ์ไม่รอดแน่”
บีมทำมือปาดที่คอตัวเอง ไกรยุทธ์ยิ้มดันบีมกับปิงปองให้ตามนาฬิกาไป ไกรยุทธ์อยู่ท้ายกราดสายตาหนึ่งรอบแล้วเดินตามไป

เบื้องหน้าเป็นชายหาดที่มีคลื่นลมสงบสวยงาม
“ไม่น่าเชื่อ ทะเลจริงๆ ด้วย”
นาฬิกาบอกอย่างตื่นเต้น ทุกคนมองอย่างคาดไม่ถึง ตรงหน้าเป็นทะเล รอบๆ คือชายหาดเป็นอ่าวเล็กๆ ไม่มีผู้คน
“โห ยังกะไพเรทอ๊อฟคาริบเบี้ยนน่ะ”
“อยู่ใกล้ๆ กันไว้ก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัย”
“ถ้าพี่ปาระนังอยู่ละก็ สบายเลย”
“เงียบยังกะหาดร้าง”
ทุกคนต่างเพ่งสายตาตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
“ดูโน่นครับ มีใครมาก่อกองทรายไว้”
ทั้งหมดมองไปข้างหน้าเห็นตามที่บีมบอก ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน
ทั้งหมดต่างเดินอย่างระมัดระวังไปที่ชายหาด
“กองทราย จริงๆ ด้วยค่ะ”
ทั้งหมดมองไปตรงหน้า แต่ยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไร ปิงปองขยับตัววิ่งออกไป
“ช้าไว้ก่อนปิงปอง ดูให้ดี” ไกรยุทธ์เตือน ปิงปองหยุดวิ่ง
“แค่กองทรายเองพี่ไกรยุทธ์”
“อย่าประมาท บีมกับปิงปองอยู่ข้างหลังพี่ไกรยุทธ์” นาฬิกาบอก
ปิงปองกับบีมรีบทำตาม ไกรยุทธ์ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

ทั้งหมดจ้องกองทรายอย่างแปลกใจ กองทรายถูกก่อไว้เป็นรูปหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง เป็นหลังคา
มุงจากทั้งหมด มีเกวียนเล็กๆ ควาย ฯลฯ มีหุ่นคนตั้งเป็นจุดๆ เป็นหุ่นหมู่บ้านจำลองที่สวยมาก
“หรือว่ามีคนอยู่แถวนี้”
ทั้งหมดกราดสายตารอบๆ แต่ไม่พบอะไรเลย
“แปลกมาก มีคนก่อกองทราย ก็น่าจะมีรอยเท้าอยู่รอบๆ หรือรอยเดินไปที่อื่น”
“มีคนเดินอยู่ที่นี่”
ปิงปองบอก ทั้งหมดหันไปกราดสายตาดูรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร
“ไม่เห็นมีใครเลยปิงปอง”
ทุกคนหันมามองปิงปอง
“มีคนอยู่ในบ้าน” ปิงปองชี้บ้านที่กองทรายก่อไว้ ทุกคนมองที่บ้านหลังหนึ่งในกองทรายที่ก่อไว้ แล้วมองหน้าปิงปองอย่างตื่นเต้น “ปิงปองเห็นจริงๆ ว่าหุ่นคนที่ยืนอยู่เดินเข้าไปในบ้าน”
“หุ่นจะเดินได้ยังไง”
“เอาล่ะไม่ต้องเถียงกัน เราพักที่นี่รอพี่นาชะก่อน”
“เดี๋ยว” ทุกคนหันมาทางไกรยุทธ์ “พี่เห็นคนเดินอยู่ในนั้นเหมือนกัน”
ทุกคนตื่นเต้นเริ่มตึงเครียด
“คุณไกรยุทธ์อย่าล้อเล่นน่า”
“ผมเห็นจริงๆ”
“บอกแล้วไม่เชื่อ”
บีมกับนาฬิกาต่างมองหน้ากัน แล้วมองไกรยุทธ์กับปิงปอง
“สองคนนี่เจอแดดเข้าหน่อยเพี้ยนไปแล้ว” นาฬิกายังไม่เชื่อ
“บีมก็ว่ายังงั้น”
แต่แล้วทันใดนั้นปรากฏมีแสงจ้าขึ้นมาจากหมู่บ้านกองทรายที่ก่ออยู่ ทุกคนต่างยกมือขึ้นป้องสายตา ทันใดนั้นได้ยินเสียงวูบแสงหายไปทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“แสงอะไรก็ไม่รู้ ตาเกือบเหล่”
“โห อะไรเนี่ย”
ทุกคนหันไปมองปิงปอง สีหน้าของปิงปองแตกตื่น ทุกคนเริ่มรู้ตัวกราดสายตาไปรอบๆ ปรากฏว่าทุกคนมาอยู่ในหมู่บ้านซะแล้ว
“เอ๊ย เรามาอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้ยังไง”
“ท่าทางไม่ดี ทุกคนเกาะติดกันไว้”

ร่างของณัชชากับเอกภพเดินออกมาจากราวป่า ณัชชากราดสายตารอบๆ
“จำไว้ เราเป็นตัวล่อ ดังนั้นอย่าพยายามต่อสู้ยืดเยื้อ รีบหนีให้เร็วที่สุด”
“ด้วยความยินดีอยู่แล้วครับ” ณัชชายิ้ม “สมมุติว่าเราเพิ่มพลังให้แรงขึ้นอีกหน่อยดีมั๊ยครับ เช่นระเบิดอะไรเล่นแถวนี้ เรียกเทพอาคินมาคุยด้วย”
“ไม่ต้องทำซ่าเลย”
ณัชชายิ้มส่งมือให้เอกภพ เอกภพยิ้มรับมือณัชชา ทั้งสองพากันเดินออกไป

ทั้งหมดเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
“แล้วพี่นาชะจะหาเราเจอได้ยังไงเนี่ย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นมีพี่นาชะ” ปิงปองพยักเพยิดไปทางไกรยุทธ์กับนาฬิกา
“ทางโน้นมีคน”
ทุกคนหันไปก็พบชาวบ้านเดินอยู่ประปราย
“ไปถามชาวบ้านดีกว่า”
ไกรยุทธ์วิ่งออกไป นาฬิกา ปิงปอง บีม มองกันแล้วเดินออกไป

ทั้งหมดวิ่งไปถึงหมู่บ้าน ไกรยุทธ์ก็เข้าไปหาป้าคนหนึ่งที่เดินสวนมา
“ป้า ที่ไหนครับนี่”
“ก็หมู่บ้านน่ะซิ”
นาฬิกากับทุกคนเดินเข้ามาสมทบ
“มีชื่อหมู่บ้านมั๊ย”
“แบบว่า เนินช้างเหยียบ ทุ่งหมาหลงอะไรประมาณนี้น่ะป้า”
“ข้าไม่รู้”
ป้าเดินออกไป ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างแปลกใจ

ราเชนจูงมือเดินมากับปาระนัง
“ท่านราเชนแน่ใจหรือว่า เราไม่ห่างทายาทจนเกินไป”
“ท่านธิดาอย่าได้กังวล เรายังมีองค์หญิงกับผู้กองคอยระวังอยู่ใกล้ๆ ทายาทเช่นกัน” ปาระนังพยักหน้า
“หลังจากภารกิจจบลง พี่จะให้ท่านยมบาลไปสู่ขอท่าน”
ปาระนังหยุดเดิน
“ท่านอย่าล้อเล่น กฎของโลกทั้งสี่ท่านก็รู้ดีว่าห้ามเทพของต่างโลกรักกัน”
“ถ้าองค์หญิงณัชชานำกุญแจกลับไปสำเร็จ เทพอัคราและเทพอาคินพ่ายแพ้ ไม่มีสงครามสี่โลก บางทีกฎอาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้”
“ท่านหมายถึงองค์หญิงกับผู้กองเอกภพ”
“ใช่...ถ้าองค์หญิงกับผู้กองเอกภพ มีสิทธิ์รักกันได้เราสองคนย่อมมีสิทธิ์ด้วย”
ปาระนังยิ้มอย่างมีความหวัง ดวงตาเป็นประกาย ในที่สุดทั้งสองก็อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

นาชะแวบโผล่มาที่ชายหาด กราดสายตารอบๆ
“เด็กสี่คนนั่น เจอเมื่อไหร่ต้องตีซะให้เข็ด”
นาชะกราดสายตามองไปนอกทะเลเห็นคลื่นซัดเข้ามาแล้ววิ่งมาที่ตนยืนอยู่ จึงถอยตัวหนี พลันสายตาเห็น
รอยเท้าจางๆ ของทายาททั้งสี่ มองตามรอยเท้าไปตามชายหาด
“พวกนั้นเดินไปถึงไหนกันแน่” นาชะบ่นพลางกราดสายตาไปมา มองขึ้นไปบนท้องฟ้า “อย่างน้อยยังไม่มีสาวกของอาคิน”

ที่องค์กรของอาคิน อาคินเปิดประตูห้องสมาธิเข้ามาพบเทพอัครานั่งสมาธิอยู่ เทพอัคราลืมตาขึ้น
“ข้าต้องกลับไปที่ร่างของข้าอย่างน้อยหนึ่งวัน”
“เกิดอะไรขึ้นท่านพ่อ”
“ข้าต้องเสริมพลังจากร่างจริงของข้า” เทพอัคราเดินไปเดินมา “ระหว่างนี้ส่งสาวกเจ้าออกไป ตามหาพวกองค์หญิงณัชชาชิงแผนที่ตามหาพวกทายาทให้ได้”
“แล้วพวกทางการ”
“จัดการพวกมันตามแผนที่วางไว้ เราจะเอาภูตดำจากคุกนิลกาลเป็นกำลังก่อสงครามใช้โลกมนุษย์เป็นฐานบัญชาการเอาพวกมนุษย์เป็นทาสรับใช้เรา”
“รับคำสั่งท่านพ่อ”
อาคินโค้งพอเงยขึ้นมาเทพอัคราหายไปแล้ว

ปาระนังเดินออกมาจากราวป่า กับราเชน ทันใดนั้นลมพัดหมุนวน ทั้งสองหยุดกราดสายตาแต่ไม่มีวี่แววของสาวกอาคินบนท้องฟ้า
“อะไรกันแน่” ราเชนกราดสายตามองรอบๆ ทันใดนั้นใช้ฝ่ามือดันร่างของปาระนังห่างออกไป “ระวัง”
พลังแสงพุ่งเข้ามาผ่านทั้งสองคนไปถูกต้นไม้ทางด้านหลังระเบิดตูม ทั้งสองหันไปเห็นพลังแสงพุ่งเข้ามาสามสี่
จุดทั้งสองต่างวิ่งออกไปยังแนวป่าแล้วพุ่งตัวข้ามไปหลังพุ่มไม้ พลังแสงพุ่งเข้าหาพุ่มไม้ตูมๆๆ ไฟลุกท่วม
ราเชนกับปาระนังดีดตัวขึ้นมาจากพุ่มไม้ สายตากราดมอง เห็นเงาสองเงาพุ่งไปข้างหน้า ราเชนสะบัดมือปล่อยลูกธนูเพลิงวิ่งออกไปเป็นชุดถูกต้นไม้กระจัดกระจาย แต่เงาสองเงาพุ่งหนีพ้นไปได้ทั้งสองดีดตัววิ่งตามเงาสองเงาไปอย่างรวดเร็ว
ราเชนร่อนลงมาจากยอดไม้ ตามด้วยปาระนัง ทันใดนั้นพลังพุ่งเข้ามาสามสี่สายเข้าหาทั้งสองอีก ราเชนสะบัดมือปล่อยธนูออกไปสกัดสายพลังที่พุ่งเข้ามาตูมๆๆ กระจายหายไป ทั้งสองกราดสายตามองไปรอบๆ
“ด้านโน้น”

ธิดาพญายม ตอนที่ 14 (ต่อ)

ราเชนหันไปก็เห็นเงาร่างสองเงาพุ่งหนีไป ราเชนพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ปาระนังกราดสายตาแล้วพุ่งไปดักอีกทางหนึ่ง
เงาสองเงาพุ่งผ่านราวป่าคือร่างของคนสองคนใส่ชุดดำคลุมทั้งตัวขี่ไม้กวาดพุ่งผ่านแนวป่าไป อึดใจก็เห็นร่างของราเชนก็พุ่งตามไปติดๆ
เงาสองเงาต่างนั่งไม้กวาดพุ่งผ่านราวป่า ทันใดนั้นแสงพุ่งเข้าใส่ตูมๆๆ เงาร่างสองร่างกระเด็นกลิ้งไปอยู่ที่พื้น
ร่างของปาระนังก้าวมาตรงหน้าพวกมัน
“ลอบกัดแล้วคิดหนี หาใช่นักสู้ไม่”
มันสองคนดีดตัวขึ้นมา ร่างของราเชนก้าวเข้ามาประจันหน้ากับพวกมัน
“พวกข้าไม่เคยเห็นพวกเจ้าถ้าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าก็จะไม่เอาความ”
พ่อมดยามินหัวเราะแค้นเคืองดุดัน
“เจ้าทำลายชีวิตภรรยาข้า”
“เจ้าทำลายชีวิตน้องสาวข้า ชีวิตต้องชดใช้” กาตงบอก
“ท่านหมายถึงแม่มดชั่วสองตัวนั่นกระมัง”
ปาระนังกับราเชนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นควันดำพุ่งเข้ามาตรงหน้า ร่างของอาคินปรากฏพร้อมภูตสังหารแปดตัว ปาระนังกับราเชนคาดไม่ถึง
“ที่แท้พวกเจ้าเป็นเศษสวะของเทพอาคินนี่เอง”
“เจ้า”
พ่อมดยามินกับกาตงขยับตัวเข้าหาราเชนกับปาระนัง
“พวกเจ้าสองคนถอยไปก่อน”
พ่อมดยามินกับกาตงถอยออกมา อาคินจ้องราเชนกับปาระนังยิ้มอย่างเหนือกว่า
“ท่านอาคินคงเสียเวลาเปล่าทายาทไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ที่สำคัญคือแผนที่” ปาระนังลอบสบตากับราเชนจ้องอาคินสีหน้าเคร่งเครียด “อีกอย่าง กำจัดท่านสองคนก็ถือว่าไม่เสียหาย”
“ท่านอาคิน ท่านบอกพวกนี้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนกำจัดแม่มดสาวันนา”
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร”
“ภูตสังหาร”
ภูตสังหารพุ่งเข้าหาปาระนังกับราเชนอย่างรวดเร็ว เกิดการต่อสู้ประชิดตัว อาคินหันมาทางพ่อมดยามินกับกาตง
“เจ้าสองคนไปได้ ตามหาพวกทายาทให้พบ”
พ่อมดยามินกับกาตงจ้องอาคินอึดใจ แต่แล้วก็คว้าไม้กวาดขี่ออกไป อาคินจ้องภูตสังหารรุมล้อมปาระนังกับราเชนอย่างพอใจ
ราเชนกับปาระนังต่อสู้กับภูตสังหารอย่างดุเดือด เวลาผ่านไปก็เริ่มเสียเปรียบ ราเชนถูกกระแทกกระเด็นไป
ปาระนังเข้ามาสกัดไว้ทันท่วงทีสะบัดดาบฟาดฟันพวกภูตสังหารออกไปได้ แต่ภูตสังหารก็บุกเข้ามาอีก รุมล้อมทั้งสองคนไว้อย่างหนาแน่น อาคินยืนมองอย่างสะใจ

มุมหนึ่งในหมู่บ้าน ใต้ต้นไม้
“ก่อนที่จะทำอะไร เราดูแผนที่ก่อนดีกว่า”
นาฬิกาเปิดเป้ดึงม้วนแผนที่ออกมา กางดู
“นึกแล้ว แผนที่มีเส้นเดินทางใหม่ มีจุดนัดพบใหม่”
“แล้วก็เจอปัญหาใหม่ด้วย เผลอๆ หมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านผีดิบสาวกของเทพอาคินก็ได้”
ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏ
“พี่นาชะ นึกว่าหลงไปไหนซะแล้ว”
“เกือบเหมือนกัน”
“พวกเราหลุดเข้ามาในหมู่บ้านกองทราย”
“รู้แล้วพี่เห็นรอยเท้าของพวกเราถึงรีบตามมา เราต้องรีบออกไปจากหมู่บ้านประหลาดนี่ให้เร็วที่สุด”
“ออกไปยังไงล่ะพี่นาชะ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ต่างเริ่มระวังตัว
ทั้งหมดเดินมาตามทางเพื่อออกจากหมู่บ้าน
“เอ๊ะ ทำไมพวกชาวบ้านหายไปไหนหมด”
“หรือว่าที่นี่...”
“ใช่แล้ว ดูนั่น”
ทุกคนหันไปดูตามบีม ก็พบว่าพวกชาวบ้านล้วนเป็นผีสาวกของพวกอาคินนับสิบ ยืนขวางทางอยู่มีป้าที่ทุกคนถามทางอยู่ด้วย
“โห...ป้าก็เป็นกับเค้าด้วย”
ไกรยุทธ์ตวัดขวานขึ้นมา
“ถอย”
“ตามมาทางนี้”

นาชะกลายเป็นตัวเล็กมีปีกกระพือ แล้วบินนำไป ทุกคนรีบตามไป ไกรยุทธ์จ้องพวกผีสาวกของอาคินที่เดินเข้ามาแล้วรีบวิ่งตามทุกคนไป
นาชะบินนำทุกคนวิ่งออกมาจากมุมหนึ่งของหมู่บ้านบินตรงมา แต่แล้วก็หยุด ทุกคนหยุดตามจ้องไปข้างหน้าอย่างคาดไม่ถึง ต่างตื่นเต้น
“ดูนั่น ทะเล”
ทุกคนเห็นทะเลอยู่ข้างหน้า
“เย้ ชายหาด”
“เร็วเข้ารีบออกไปที่ชายหาด”
นาชะบินนำทุกคนลิ่วไปที่ชายหาด ทุกคนวิ่งตาม แต่แล้วร่างของนาชะก็เหมือนกระแทกกำแพงใส กระเด็นเป็นร่างตัวใหญ่เหมือนเดิมกลิ้งลงมาที่พื้น ทุกคนรีบวิ่งมาดู นาฬิกาเข้ามาประคองนาชะ นาชะขยับตัว
“พี่นาชะ”
“พี่ไม่เป็นไร” นาชะรีบลุกขึ้นมาบิดตัวไปมา “โอย...ต้องระบมแน่เลย”
ไกรยุทธ์วิ่งเข้ามาถึงพอดี
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ออกไป”
“ออกไปแล้ว แต่เด้งกลับมา”
“หา... เป็นไปได้ยังไง”
“เป็นไปแล้วครับ ดูเหมือนว่าหมู่บ้านจะไม่ยอมให้เราออกไป”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน เคร่งเครียด
ไกรยุทธ์จ้องตรงหน้าอย่างไม่เชื่อนัก
“ให้มันรู้ไป ทุกคนถอย”
ทุกคนถอย ไกรยุทธ์ควงขวานแล้วขว้างออกไป ขวานพุ่งไปข้างหน้าออกไปตกที่ชายหาด
“เฮ้...กำแพงหายไปแล้ว” ทุกคนยิ้มอย่างตื่นเต้น “ตามบีมมา”
บีมวิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
“บีม ระวัง”
ขาดคำของนาชะ ร่างของบีมก็กระแทกกำแพงเด้งถอยมากลิ้งที่พื้นเหมือนนาชะ ทุกคนวิ่งเข้ามาดู ปิงปองเข้าไปประคองบีม
“ไงล่ะบีม” บีมหน้าเบี้ยว
“ถูกมันหลอก”
บีมลุกขึ้นปัดไม้ปัดมือ ปิงปองถอยห่างออกมา
“แบบนี้ต้องเจอนี่”
บีมสมาธิร่างกลายเป็นวุ้นเหมือนตอนพรางตัว แล้วเดินออกไป แต่แล้วก็กระแทกกำแพงไปไม่ได้ ร่างบีมค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม
“มีพลังบางอย่างควบคุมที่นี่”
“หรือว่าที่นี่คือกับดักของเทพอาคิน”
“พวกมันมากันแล้ว”
ทุกคนหันไปเห็นพวกชาวบ้านสาวกผีของอาคินนับสิบต่างเดินเข้ามา ทุกคนถือดาบ จอบ เสียม กระบองครบมือ
“เร็วเข้า รีบเข้าไปในบ้านหลังนั้นก่อน” นาชะรีบบอก
ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปในกระท่อมหลังหนึ่ง กระจุกกันอยู่ในนั้น ไกรยุทธ์เปิดประตูแง้มไปดูพวกมัน เห็นพวกมันยืนกระจัดกระจายกันอยู่หน้าบ้าน
“ดูเหมือนพวกมันจะเฝ้าอยู่ข้างนอก ไม่เข้ามา”
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าเราถูกพวกมันคุมตัวไว้ที่นี่”
“พวกมันไม่เข้ามาก็ดีแล้ว ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดว่าจะทำยังไง”
“ต้องมีพลังบางอย่างควบคุมที่นี่ไว้อย่างคุณนาฬิกาว่า พลังขวานทำอะไรไม่ได้เลย”
“ใช่ ขนาดผมพรางตัวก็ยังไม่เวิร์ค
“เทพอัคราร้ายกาจจริงๆ”

ณัชชาหันขวับมาตามเสียง
“เสียงพลังต่อสู้”
“ทายาทเหรอครับ” เอกภพถาม
“รุนแรงกว่า ทางนี้”
ณัชชาพุ่งตัวออกไป
“เดี๋ยวครับ”
ณัชชาหยุด หันมาส่งมือให้เอกภพ เอกภพคว้ามือณัชชาไว้ แล้วแวบหายไป

อีกด้านหนึ่ง ร่างของปาระนังกระเด็นมาที่พื้น ภูตสังหารตามเข้ามาปาระนังหมุนตัวสะบัดมือปล่อยพลังกระแทกออกไปแล้วดีดตัวขึ้น ราเชนพรวดเข้ามาช่วยสกัดไว้ ภูตสังหารบุกลุย สถานการณ์คับขัน ทันใดนั้นแสงสีแดงพุ่งเข้ามาตรงหน้าภูตสังหาร ระเบิดตูมภูตสังหารกระจายกลายเป็นควันดำหายเข้าไปในร่างของเทพอาคิน ร่างของณัชชาปรากฏ ยืนตรงหน้าอาคิน
“องค์หญิงณัชชา”
“ท่านราเชน ท่านธิดา รีบไป” ราเชนประคองปาระนังพุ่งลอยตัวขึ้นออกไป “ท่านราเชน ท่านปาระนัง ระวังภูตสังหารด้วย”
“เราไม่หลงกลส่งภูตสังหารตามล่าพวกนั้นหรอก ภูตสังหารต้องอยู่ที่นี่จัดการกับท่าน”
“ที่แท้ท่านกลัวเรานี่เอง”
“แต่ตอนนี้ท่านต้องกลัวเรา ลำพังท่านไม่มีทางต้านเราได้”
“ลืมผมเสียแล้วหรือครับเทพอาคิน” เสียงเอกภพดังขึ้น
เอกภพก้าวเข้ามายืนคู่กับณัชชา ในมือถือปืนส่องมาทางอาคิน อาคินจ้องทั้งสองยิ้มอย่างเยือกเย็น
“มีท่านสองคน ก็ยังไม่พอมือเรา”
“ลองดู”
ณัชชาพุ่งตัวเข้าไปพร้อมใช้ดาบฟาดฟัน อาคินสะบัดมือตวัดดาบสีดำขึ้นมารับไว้ได้อย่างทันท่วงทีเสียงดังสนั่นร่างของณัชชากระเด็นออกมาเซไปสองสามก้าว อาคินพุ่งตัวเข้ามาเงื้อดาบหมายฟัน แต่เสียงปืนดังสนั่นขึ้นเปรี้ยงๆๆ ร่างของอาคินกระดอนตามแรงกระสุน ถอยกลับไปที่เดิม เอกภพก้าวเข้ามาใกล้ณัชชากราดปืนจ้อง
“แบบนี้ ท่านคิดว่ายังไง พอมือท่านหรือเปล่า”
อาคินยิ้มเยือกเย็น ตั้งดาบตรงหน้าแล้วเร่งพลัง ควันดำค่อยๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวอาคิน ทันใดนั้นลูกธนูเพลิงสามสี่ดอกพุ่งออกมาจากแนวป่าเข้าปักร่างของอาคินตึบๆๆๆ อาคินถูกแรงธนูกระแทกถอยหลังไปหนึ่งก้าว อาคินเสียสมาธิ ควันดำสลายไป ไฟเริ่มลุกติดท่วมร่างของอาคิน
“ผู้กอง”
เอกภพยื่นมือออกมาณัชชาคว้าไว้แล้วแวบหายไป อาคินจ้องตามด้วยความแค้นใจ ร่างเต็มด้วยไฟจากลูกธนู
อาคินขยับตัวเรียกพลัง ไฟก็ค่อยสลายตัวและดับไปจนหมด อาคินมองตามอย่างแค้นใจ

นาฬิกาเดินไปเดินมาอยู่ในกระท่อม ขณะที่ทุกคนต่างกระจัดกระจายใช้ความคิดกัน ไกรยุทธ์คอยดูพวกมันที่หน้าประตู แต่แล้วทันใดนั้น...
“เดี๋ยว” ทุกคนถึงกับสะดุ้งหันมาทางนาฬิกา “ลองดูแผนที่ซิ” นาฬิกากางแผนที่ออกมา กราดสายตาดู “เยส หมู่บ้านเพิ่งปรากฏอยู่ในแผนที่ มีเส้นลากไปจนถึงจุดนัดพบ แบบนี้เรายังมีหวัง”
“มีหวังยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”
“ฟังนะ ถ้าไม่มีหมู่บ้านอยู่ในแผนที่ก็แสดงว่าเราหลงหลุดโลก การที่มีหมู่บ้านอยู่ในแผนที่หมายความว่าเรามาถูกทางหมู่บ้านนี้เป็นด่านที่องค์รักษ์ทั้งสี่วางไว้”
“เจอด่านผีดิบแบบนี้ ปิงปองเลือกเอาหลงทางดีกว่า”
“มีด่านให้เข้ามา มีความหมายดีอีกอย่างหนึ่งก็คือต้องมีทางให้ออกไป”
ทุกคนมองนาชะอย่างมีความหวัง
“ทางออกต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง”
“ในแผนที่ไม่ได้บอกอะไรไว้เหรอครับ”
นาฬิกาตรวจดูแผนที่อีกครั้ง
“มีรูปคล้ายแสงส่องออกไปจากหมู่บ้านขึ้นไปหาพระอาทิตย์ แทนที่จะเป็นแสงจากพระอาทิตย์ลงมาที่หมู่บ้าน”
“นั่นคือปริศนาที่เราต้องแก้ เพื่อหาทางออกไปจากที่นี่”
ทุกคนมองนาชะ ต่างพยายามคิดแก้ไขปริศนา

พวกชาวบ้านผีสาวกของอาคินยังคงเดินไปเดินมาอยู่หน้ากระท่อม ไกรยุทธ์ซึ่งคอยมองทางประตูหันมาทางทุกคน
“พวกมันไม่ยอมไปไหนเลย”
นาฬิกาเดินไปเดินมา สีหน้าเคร่งเครียด
“แปลกมาก บางอย่างไม่ลงตัว”
ทุกคนหันมาทางนาฬิกา นาฬิกายังคงเดินไปเดินมา
“พี่นาฬิกา คิดอะไรอยู่บอกกันมั่งก็ได้นะครับ”
“อ้อ...คือ ทุกครั้งที่ต้องผ่านด่านหรือหมู่บ้าน เราต้องช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นจากสาวกของเทพอาคิน”
“แต่คราวนี้คงไม่ใช่มั๊ง ไม่เห็นมีชาวบ้านให้ช่วยเหลือเจอแต่ผีสาวกของอาคินเต็มๆ”
“หรือว่าชาวบ้านถูกพวกมันจับไปไว้ที่ไหนซักแห่ง”
“ยังงี้เราต้องออกไปลุยพวกมันให้หมดแล้วหาชาวบ้านให้พบหรือไงครับ”
“อาจเป็นหนทางเดียวที่จะพาเราออกไปจากที่นี่”
ทุกคนมองนาฬิกา ต่างมองกัน เริ่มคิดว่าน่าจะเป็นไปได้
ไกรยุทธ์กระแทกประตูปิด
“พวกมันไม่ยอมไปไหนเลยจริงๆ”
“แบบนี้ก็ต้องลุยแล้วครับ”
“ทำไมพวกมันไม่กล้าบุกเข้ามา”
“หรือมีอะไรในบ้านนี้ที่ทำให้พวกมันกลัวลองช่วยกันคิดซิ”
“จะว่าเป็นตัวบ้านก็ไม่ใช่ ไม่มีหิ้งพระ ไม่มีเสาตกน้ำมัน”
“โห...พี่นาฬิกาอะ ปิงปองอุตส่าห์ไม่พูดแล้วเชียว มีเสาตกน้ำมันก็ต้องมีผีน่ะซิ”
ปิงปองขยับตัวเข้ามาใกล้นาชะ นาชะยิ้ม
“เป็นครั้งแรกที่พี่ผ่านไปไหนไม่ได้ มนต์ของเทพอัครามีพลังเกินคาดจริงๆ”
“แบบนี้คนก็ไม่ได้อินเลิฟกันหลายคู่เลยซิครับ”
“น่าจะเป็นแบบนั้น”
“ยังดีมีอินเลิฟที่นี่คู่หนึ่ง ถือว่าโอเค”
นาฬิกาเหล่ ยกกำปั้นให้บีม ทุกคนต่างยิ้มขึ้นมาได้แป๊บนึง
“ใช่แล้ว พี่รู้แล้วว่าจะช่วยชาวบ้านยังไง”
ทุกคนหันไปมองไกรยุทธ์ที่ประตูอย่างตื่นเต้น

ร่างของณัชชากับเอกภพปรากฏที่ราวป่า ทั้งสองกราดสายตามองหาราเชนกับปาระนัง
“ท่านราเชน ท่านธิดา” ร่างของราเชนและปาระนังแวบปรากฏขึ้น ปาระนังเซเล็กน้อย ราเชนประคองไว้ “ท่านธิดา”
ณัชชาเข้าไปใกล้ ปาระนังยิ้มให้
“เราไม่เป็นไร โชคดีองค์หญิงมาได้ทันเวลา”
“ขอบคุณท่านราเชนกับท่านธิดาที่ซุ่มคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ”
“นั่นนะซิครับ ไม่งั้นผมกับองค์หญิงแย่แล้ว”
ทุกคนพอยิ้มออกมาได้
“เราเห็นว่าเทพอาคินไม่ได้ส่งภูตสังหารออกมาตามล่าพวกเรา คิดอยู่ว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง”
“ท่านราเชน มีความสามารถคาดการได้แม่นยำ”
“คาดไม่ถึงว่าเทพอาคินจะประมาท ปล่อยให้ลูกธนูผ่านเข้าไปถึงตัว”
“เทพอาคินไม่ได้ประมาท แต่ตอนที่เทพอาคินใช้พลังเรียกภูตสังหาร ชั่วแวบเดียวกลับมีจุดอ่อนที่เปิดให้ลูกธนูผ่านเข้าไปได้”
“องค์หญิงหมายความว่า ถ้าเราใช้เวลาช่วงนี้ จู่โจมเทพอาคิน ก็สามารถทำลายเทพอาคินได้”
“ทำลายคงยาก เพราะเทพอาคินถอดหัวใจเก็บไว้ที่ภูตสังหารทั้งเก้า แต่อย่างน้อยก็พอที่จะทำให้เราหนีรอด”
“ผมว่าเทพอาคินมีจุดอ่อน ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย”

ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น มีความหวัง
“มีอีกเรื่องหนึ่งของเทพอาคินที่ปาระนังสังเกต ภูตสังหารของเทพอาคินหายไปหนึ่งตัว”
“จริงด้วย เก่งมากน้องปาระนัง”
“ทำไมหรือครับ อีกตัวนึงอาจจะท้องเสีย หรือว่าลาหยุดก็ได้ จริงๆ แล้วยิ่งดี จะได้ไม่หนักพวกเรา”
“เทพอาคินฝากหัวใจไว้ที่เก้าภูตสังหารตัวที่หายไป อาจเป็นเพราะมีหัวใจของเทพอาคินอยู่”
“เพื่อความปลอดภัยเลยซ่อนไว้ไม่ให้โผล่มา”
“คงเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นกังวล”
“อีกเรื่องหนึ่งเราพบพ่อมดสองตัว อาจก่ออันตรายให้กับทายาทได้”
“ถ้าเช่นนั้น เราต้องคอยประกบทายาทให้ใกล้มากกว่าเดิม”

ที่กระท่อม ทายาททั้งสี่กำลังปรึกษากันเพื่อทางออกออกจากหมู่บ้าน
“ทุกครั้งที่เราผ่านหมู่บ้านหรือสถานที่ต้องมีการช่วยเหลือชาวบ้านหรือช่วยแก้เหตุการณ์อะไรซักอย่างเพื่อพบปริศนาหรือผ่านด่านใช่มั๊ยครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ทุกครั้งสาวกของเทพอาคินไม่เคยที่จะหยุดเล่นงานพวกเราถูกมั๊ยครับ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วทำไมตอนนี้พวกมันถึงไม่บุกเข้ามา”
“นี่...ตกลงจะเล่นถามปัญหากันหรือไง”
“นั่นน่ะซิ ถามอีกคำละก็หูยานแน่ มีอะไรก็รีบบอกมา”
“ที่แท้พวกผีดิบคือพวกชาวบ้านที่รอความช่วยเหลือจากเรา”
ทุกคนต่างมองไกรยุทธ์อย่างเคร่งเครียด ประมาณว่าบ้าหรือเปล่า...
“ล้อเล่นน่า”
“เอาให้หูยานเลยพี่นาฬิกา”
นาฬิกาเหล่ไกรยุทธ์
“นั่นนะซิ” “
เดี๋ยวก่อน” ทุกคนหันมาทางนาชะ “อาจเป็นไปได้ พวกมันถึงไม่บุกเข้ามา”
ทุกคนต่างเริ่มคิดพิจารณา
“ผมว่าใช่”
“แล้วปริศนาล่ะ ตีความออกหรือยัง”
“ผมว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อน คือแสงจากหมู่บ้านออกไปยังพระอาทิตย์แทนที่แสงจากพระอาทิตย์จะลงมายังหมู่บ้าน ลองคิดดูว่าเพราะอะไร”
“เพราะว่ามีกำแพงกั้นอยู่”
“ถูกต้อง”
“ที่แท้คนพวกนี้ถูกขังอยู่ในกำแพง เหมือนกับเรา”
“สรุปคนพวกนี้มาเพื่อให้เราพังกำแพง ไม่ได้มาขัดขวางเรา”
“น่าจะเป็นยังงั้น”
ทุกคนต่างมองหน้ากันต่างเริ่มคิดตรงกันว่าน่าจะเป็นไปได้
“ปัญหาคือใครจะเป็นคนออกไปถามพวกมันว่าเป็นชาวบ้านหรือว่าเป็นผีสาวกของเทพอาคิน”
ทุกคนต่างมองหน้าบีมเป็นตาเดียว
“ผมเหรอ โห...คิดกันได้ยังไงเนี่ย โน...โน...โน...ไม่มีทาง”
บีมรีบปฏิเสธ ทุกคนต่างมองหน้าบีมเคร่งเครียด
“ใจเย็นก่อนบีม ฟังก่อน”
บีมเดินไปเดินมาส่ายหัวเป็นเจ้าเข้า
“โนเว”
“ปิงปองออกไปเอง” บีมหยุดเดินกึก
“เว่อร์น่า ปิงปอง ตัวเองกลัวผีมากกว่าเพื่อนไม่ต้องทำเป็นพูดเลย”
“ไม่ใช่พูดอย่างเดียว ทำด้วย”
ปิงปองประสานสายตากับบีมมุ่งมั่น บีมหันมาทาง ไกรยุทธ์ นาฬิกา นาชะ
“ตกลงพี่ๆ จะปล่อยให้ปิงปองออกไปเหรอครับ”
“คืออย่างนี้บีม...”
นาฬิกายกมือตรงหน้าไกรยุทธ์ไม่ให้พูด พลางขยิบตาแล้วยิ้ม ไกรยุทธ์ยิ้มตอบ พยักหน้า
“ในเมื่อบีมไม่ออกไป ปิงปองก็ต้องไป” นาฬิกาบอก
“โห...ไม่น่าเชื่อจริงๆ พี่สองคนมีฝีมือมีพลังแต่ไม่ยอมออกไป จะให้เด็กๆ ออกไปแทน”
“ปิงปอง เต็มใจอาสา”
ไกรยุทธ์กับนาชะลอบมองกันแล้วกลั้นยิ้ม
“ใช่ ปิงปอง อาสา”
บีมจ้องหน้าปิงปองนิ่ง อึดใจก็ถอนใจ
“บีมไม่ให้ปิงปองไปหรอก บีมจะไปเอง”
“ไม่ต้องหรอก ปิงปองไปเองได้ ของหมูๆ”
“ไม่ได้ ไม่รู้เหรอว่าบีมเป็นห่วงแค่ไหน”
ปิงปองนิ่ง นาฬิกา ไกรยุทธ์ นาชะ ต่างกลั้นยิ้ม บีมจ้องหน้าปิงปองนิ่ง
“บีมออกไปเอง”
ปิงปองได้แต่พยักหน้า บีมหันมามอง ไกรยุทธ์ นาฬิกา นาชะ แล้วเดินไปยังประตู
“บีม”
“ไม่ต้องเลยครับ ผมทำได้”
ไกรยุทธ์กับทุกคนต่างกลั้นยิ้ม
“พี่อยากจะบอกว่า อย่าลืมแปลงร่างให้เหมือนพวกผีชาวบ้านก่อน จะได้ไม่มีเรื่อง”
บีมหันมามองทุกคนเห็นทุกคนยิ้มกัน บีมนึกออก ตาโต
“โห เล่นแสบจริงๆ”

ธิดาพญายม ตอนที่ 14 (ต่อ)

ปิงปองเข้ามาใกล้บีม
“ที่พวกพี่ๆ ให้บีมกับปิงปองไป เพราะพวกเราแปลงร่างได้ไงล่ะ” บีมยิ้มเขิน “แต่ปิงปองขอบใจที่บีมห่วงปิงปอง” บีมยิ้มแก้เขิน ปิงปองจับมือบีม “เอางี้เราสองคนออกไปด้วยกัน”
บีมพยักหน้า ปิงปองยิ้ม ทันใดนั้นร่างของปิงปองก็กลายเป็นแต่งตัวเหมือนชาวบ้านหน้าตาซีดเป็นผีดิบยิ้มให้บีม บีมพยักหน้าแล้วกลายร่างเป็นชุดกระรุ่งกระริ่งหน้าซีดเป็นผีดิบบ้าง ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“เอาล่ะผีทั้งสองออกไปกันได้แล้ว”
“มีอะไรผิดปกติก็รีบพรางกายกลับมา”
บีมกับปิงปองพยักหน้า แล้วเดินออกนอกประตูไป นาฬิกากับนาชะ ไกรยุทธ์ ต่างยิ้มกัน
“บอกแล้ว ความรักอยู่ที่ไหน นาชะอยู่ด้วย”

ราเชนกับปาระนังนั่งสมาธิอยู่ในลานเล็กๆ บังไปด้วยต้นไม้พุ่มไม้ ห่างออกไป ณัชชากับเอกภพยืนระวังอยู่
“หวังว่าท่านราเชนกับท่านธิดาคงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง”
“ไม่หรอก แค่เติมพลังสมานอาการบาดเจ็บภายในเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“ใช้พลังแบบนี้คงไม่เป็นการส่งสัญญาณเรียกเทพอาคินนะครับ”
“เหล่าเทพหรือภูตล้วนมีพลังแบบเดียวกัน เทพอาคินกับเทพอัคราคงตามไม่ถูกหรอก”
“ดีครับ”
ณัชชากราดสายตารอบๆ สีหน้าครุ่นคิด
“แปลกมาก ท้องฟ้าเงียบ สาวกเทพอาคินหายไปไหนกันหมด”
เอกภพกราดตามอง
“อืม ผมก็เพิ่งสังเกตนี่และครับ”

บีมกับปิงปองหายออกไปไม่นานก็กลับมาที่กระท่อม ร่างของปิงปองกับบีมปรากฏเป็นร่างของผีดิบ แต่แล้วก็สั่นไหวกลายมาเป็นบีมกับปิงปองอย่างเดิม
“ไง...คุยกันรู้เรื่องหรือเปล่า” นาชะถาม
“พวกนั้นคือชาวบ้านที่ถูกมนต์ครอบงำให้เป็นผีดิบอย่างที่พี่ไกรยุทธ์คาดจริงๆ ครับ”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างพอใจ
ไกรยุทธ์ นาฬิกา บีม ปิงปอง กลับมายืนตรงทางออกไปสู่ทะเลตรงจุดเดิม ต่างกราดตามองว่าควรจะทำยังไง มีพวกชาวบ้านผียืนอยู่ห่างออกไปมีป้ายืนอยู่ด้วย
“ลองเอากุญแจของพวกเราออกมาดูซิ”
ทุกคนต่างเอากุญแจออกมาถือไว้ แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนต่างมองกันอย่างผิดหวังและมึนตึบ
“ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ทันใดนั้นพระอาทิตย์เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ลำแสงจากพระอาทิตย์เป็นลำสาดลงมาแต่ไม่ถึงพื้นเพราะมีกำแพงกันอยู่ เห็นเป็นจุดวงกลมอยู่บนกำแพงใสเป็นดวงใหญ่
“คุณนาฬิกาเป้าที่จุดวงกลมบนกำแพง”
นาฬิกาสะบัดมือ ขวานที่สะพายไว้ข้างเป้ติดขึ้นมา นาฬิกาควงขวานติ้ว
“ทุกคนระวัง”
นาฬิกาขว้างขวานขึ้นไปที่จุดวงกลมของแสงจากลำแสงที่ลอยอยู่ ขวานพุ่งไปถูกจุดวงกลมอย่างจังเกิด
ระเบิดตูมแสงกระจายออกไป ทุกคนยกมือขึ้นบังสายตา นาฬิกายกมือขึ้นขวานกลับเข้ามาอยู่ในมือ
ทันใดนั้นลำแสงจากพระอาทิตย์ส่องเข้ามาถึงพื้นดินในหมู่บ้าน แล้วกระจายออกเป็นวงกว้างครอบคลุมไปทั่ว
เห็นแสงกระจายครอบพวกผีชาวบ้าน ทุกคนกลับเป็นชาวบ้าน ต่างยกมือส่งเสียงเฮกันอย่างดีใจ ทายาททุกคนเดินเข้ามาที่นาฬิกา ทั้งหมดมองชาวบ้านอย่างโล่งใจ ต่างดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาด

ณัชชากราดสายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า เช่นเดียวกับเอกภพ
“แปลกมาก อยู่ๆ พวกมันก็หายไป หรือว่าพวกมันจับตำแหน่งพวกทายาทได้”
“งั้นเราก็ต้องรีบไป”
ราเชนกับปาระนังเดินเข้ามา
“พวกเราพร้อมที่จะออกเดินทาง”
“ดี เราแยกเดินทางกันตรงนี้ พยายามทำให้เทพอัคราสับสนมากที่สุด”
“เราจะคอยระวังทายาทอยู่ทางด้านหนึ่ง”
“เช่นกัน เราก็จะคอยระวังพวกทายาทอยู่อีกด้านหนึ่ง”
“พบกันที่สองขุนเขาใหญ่”
“แน่นอนที่สุด”

อีกด้านหนึ่งที่องค์กรของอาคิน อาคินเดินไปตามทางในโกดังเก็บของ จนมาถึงห้องหนึ่งอาคินเปิดประตูผลักเข้าไป ประตูเปิดกว้างออกเห็นภายในคือนายอำนาจกับสมุนนับสิบของมันยืนตัวแข็งอยู่ ที่แท้พวกมันกลายเป็นผีดิบไปหมดแล้ว อาคินจ้องมองอึดใจ ก็ยกมือเร่งพลังขึ้นมา ควันดำล้อมรอบตัวอาคิน อาคินสะบัดมือปล่อยออกไป ควันดำพุ่งไปครอบคลุมพวกของนายอำนาจกับพวกมือปืน ทควันดำค่อยๆ จางลง พวกนายอำนาจกับมือปืน ลืมตาขึ้นมา
“ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำ”

ทายาทและทุกคนเดินไปตามชายหาด ไกรยุทธ์หยุด เมื่อเห็นขวานปักอยู่บนพื้นทรายตรงหน้า
“นั่นไงขวานของพี่ไกรยุทธ์”
“ยังดีที่ไม่มีใครมาเอาไป”
ไกรยุทธ์ดึงขวานขึ้นมาจากพื้นทราย ทันใดนั้นเป็นลำแสงพุ่งขึ้นมาจากพื้นทรายขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผมแค่ดึงขวานขึ้นมาเท่านั้น”
ลำแสงพุ่งขึ้นท้องฟ้า ทันใดนั้นลำแสงหมุนติ้วราวกับใต้ฝุ่น ทุกคนซวนเซ
“ลำแสงกำลังดูดพวกเราเข้าไป”
ลำแสงหมุนเร็วขึ้นกลายเป็นใหญ่ขึ้นดูดทุกคนเข้าไป
ร่างของทุกคนกลิ้งม้วนลงมาที่พื้นดิน กระจัดกระจาย ต่างค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น อย่างลำบากยากเย็น
“พี่นาชะอยู่ไหน”
“อยู่นี่” ทุกคนแหงนหน้ามองตามเสียง ร่างของนาชะแขวนอยู่บนยอดไม้ นาชะขยับตัวแล้วค่อยๆ หย่อนตัวเองลงมาจากยอดไม้ “โห เจอแสงใต้ฝุ่น ปีกกางไม่ออกเลย”
นาชะสะบัดปีกกางออกมา เป็นการทดลอง เห็นปีกยับพอสมควร นาชะสะบัดสองสามครั้งปีกก็เรียบอย่างเดิม แล้วพับเก็บหายไป
“เราอยู่ที่ไหนกันอีกแล้วครับ”
เสียงอีกาดังก้องมาบนท้องฟ้า ทุกคนแหงนมอง
“ที่ไหนก็ช่าง รีบหลบพวกมันก่อน”
ทุกคนต่างรีบเคลื่อนตัวออกไป

กองบัญชาการกรมตำรวจ เจนศักดิ์เดินไปเดินมาคุยโทรศัพท์อยู่
“บอกทุกคนให้พร้อมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงพวกมันอาจลงมือได้ทุกเมื่อ” ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นขึ้นมาจากด้านนอก “พบกันที่จุด บี”
เจนศักดิ์วางสาย ประตูเปิดพรวดพวกมือปืนของนายอำนาจโผล่เข้ามาสองสามคน เจนศักดิ์พุ่งตัวหลบไปที่โต๊ะ แล้วโผล่พรวดออกมาพร้อมปืนในมือสาดออกไปเปรี้ยงๆๆ พวกมันทรุด เจนศักดิ์ดีดตัวออกไปนอกประตู แต่แล้วพวกมือปืนกลับค่อยๆ ลุกขึ้นมาอีก เพราะพวกมันไม่ใช่คน
เจนศักดิ์วิ่งพรวดไปที่ห้องของ ผ.บ. สิทธิชัยเปิดประตูพรวดเข้าไป พวกมือปืนสองคนหันมา เจนศักดิ์สาดกระสุนออกไป เปรี้ยงๆๆ พวกมันทรุด
“ท่าน ผ.บ...ท่าน ผ.บ.”
“อยู่นี่”
เจนศักดิ์หันไป ผ.บ.สิทธิชัยออกมาจากซอกตู้เอกสาร ส่องปืนมายังเจนศักดิ์
“เทพอาคินลงมือแล้วครับ เราต้องไปจากที่นี่”
“แย่แล้ว ห้องประชุม”
ผ.บ.สิทธิชัยพรวดออกไป เจนศักดิ์พรวดตาม
ผ.บ. สิทธิชัยมาถึงหน้าห้องประชุม ร่างของเจ้าหน้าที่ล้มอยู่สองคน ทั้งสองตวัดปืนในมือเตรียมพร้อม เจนศักดิ์ขยับตัวไปที่ประตูเปิดพรวดเข้าไป แต่ก็ต้องคาดไม่ถึงเพราะตรงหน้าคือรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่คนสำคัญห้าคนนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม ต่างตัวแข็งเหมือนถูกสะกด ทั้งสองขยับปืน เจนศักดิ์เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เพื่อตรวจดู
“เรามาช้าไป”
ควันดำพวยพุ่ง ร่างของอาคินปรากฏ
“ท่านเหล่านี้ตกอยู่ในกำมือของข้าแล้วพวกเจ้าสองคนอยากจะร่วมด้วยก็ย่อมได้”
“ขอบคุณท่านอาคินที่หวังดี”
เจนศักดิ์พูดจบก็สาดกระสุนเข้าใส่เปรี้ยงๆๆ แล้วพุ่งตัวลาก ผ.บ.สิทธิชัยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว อาคินมองตามสายตาเยือกเย็นไม่สนใจ กราดมองพวกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมห้าคนอย่างพอใจ ประตูเปิดนายอำนาจ เดินเข้ามากับพวกมือปืนผีของมันสามตัว
“สองคนนั่นคือศัตรู จัดการพวกมัน”
นายอำนาจกับมือปืนผีเดินออกไป อาคินกลายเป็นควันดำแล้วหายไปในที่สุด

ที่โกดังลึกลับแห่งหนึ่ง ประตูโกดังเปิด รถคันหนึ่งวิ่งเข้ามา มีชายสามสี่คนอาวุธพร้อมปิดประตูอย่างรวดเร็ว
รถวิ่งเข้ามาจอดด้านใน มีชายฉกรรจ์อีกสามคน ยืนคอยอยู่อาวุธครบมือระวังอย่างเต็มที่ประตูรถเปิด ร่างของเจนศักดิ์ กับ ผ.บ. สิทธิชัยก้าวออกมา
“นี่คือหน่วยพิเศษชุดลับสุดยอดครับ”
“พวกรัฐมนตรีพวกนั้น ตกเป็นทาสของอาคินเท่ากับเราพึ่งกำลังของทางการไม่ได้เลย”
“ผู้กองเอกภพให้ผมคอย แสตนบายด์รออยู่ครับ”
“ผมเสียใจที่ตอนนี้ผมไม่มีอำนาจอะไรที่จะช่วยคุณได้”
“ผมจัดเซฟเฮ้าส์ไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ครอบครัวของท่านรออยู่ พร้อมกำลังคนส่วนหนึ่งคอยคุ้มกัน”
“ขอบคุณมาก”
“ครับผม”

ปาระนังกับราเชนต่างเดินจูงมือกันหลบเลี่ยงมาตามต้นไม้ สายตากราดจ้องบนท้องฟ้า เห็นพวกอีกาสาวกของอาคินบินอยู่บนท้องฟ้าในระยะไกล
“สาวกเทพอาคินบินกันให้ว่อน”
“แน่ละ เทพอาคินรู้ว่าทายาทใกล้ถึงกุญแจนิลกาลเข้าไปทุกที”
“ภารกิจของเราก็ใกล้จบลงทุกทีเหมือนกัน”
ปาระนังหยุดดึงมือให้ราเชนหยุดด้วย
“มีบางอย่างรบกวนจิตใจท่าน”
“ปาระนังกำลังคิดว่าเมื่อถึงจุดหมายได้กุญแจนิลกาลแล้ว พวกเราจะต้านเทพอัคราหรือเทพอาคินได้หรือไม่ ผลสุดท้ายเทพชั่วทั้งสองก็จะได้กุญแจนิลกาลไปอยู่ดี”
“พี่เชื่อว่าถึงยามนั้น องค์หญิงณัชชาต้องแลกทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตขององค์หญิงเอง กุญแจต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน”
“ไม่มีทางอื่นที่จะป้องกันเลยเหรอคะ”
“ถ้าถึงเวลานั้นก็ไม่มีทางอื่นนอกจากทุกคนต้องเสียสละ องค์หญิงคงเป็นด่านสุดท้าย หลังจากที่เทพอัครากับเทพอาผ่านพวกเราทุกคนไปแล้ว”
“ก็ดี วิญญาณเราจะได้อยู่ด้วยกัน รักกัน โดยไม่ต้องเกรงว่าจะผิดกฎของโลกทั้งสี่อีกต่อไป”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ในที่สุดต่างอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

เอกภพเดินออกมาจากราวป่า เหลือบมองณัชชาซึ่งยืนกราดสายตารอบๆ อยู่ ณัชชาหันมาเห็นเอกภพก็อดยิ้มขำไม่ได้
“โธ่ ทำไงได้ครับ ผมยังเป็นมนุษย์ ยังปวดฉี่อยู่นี่ครับ”
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไปกันได้หรือยัง”
“ครับผม แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมสงสัยว่า เทพหรือนางฟ้ามี เอ้อ ป่งปวดอะไรมั่งหรือเปล่า”
“มีซิ”
“หา ปวดฉี่เนี่ยนะ”
“อ้าว ไม่ยังงั้นจะมีฝนเหรอ”
“เฮ้ย ล้อเล่นน่า ฝนเนี่ยนะ” ณัชชาขำคิก
“ฉันล้อเล่นหรอกน่า”
“เฮ้อ โล่งอกไปที ตอนเด็กๆ ผมซัดน้ำฝนเข้าไปหลายอึก”
ณัชชาอดขำอีกไม่ได้ เอกภพยังทำหน้าเลี่ยนขำไม่ออก
“ไปกันได้แล้ว”
ณัชชาก้าวเดินออกไป
“เดี๋ยวครับ ยังไม่ได้บอกผมเลย”
เอกภพรีบเดินตามณัชชาจนทัน ทั้งสองเดินคุยกันไป
“เทพหรือนางฟ้า มีกายทิพย์ ไม่ต้องพึ่งน้ำพึ่งอาหาร ไม่มีป่งไม่มีปวดอะไรทั้งนั้น”
เอกภพอึ้งหยุดเดิน ณัชชาเดินเลยไป เอกภพรีบวิ่งตาม

พอตกกลางคืน กองไฟลุกโชน บีมกับไกรยุทธ์ต่างหอบฟืนออกมาจากราวป่า เดินเข้ามากองไว้ข้างๆ กองไฟซึ่ง นาฬิกา ปิงปอง นาชะนั่งอยู่
“โห แท็งคิ่ว แมนสุดๆ”
“ด้วยความยินดีครับ สาวๆ”
ทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีวี่แววสาวกของอาคิน”
“นาชะจะแวบไปสังเกตการก่อน”
“กลางคืนเนี่ยนะ”
“กามเทพเดินทางกลางคืนอยู่แล้วจ้ะช่วงโรแมนติกไง”
“อย่าหลงนา พี่นาชะ”
“เรานั่นแหละ ระวังให้ดี อย่าซนจะหลงหายไปอีก”
“ไม่แล้วครับผม เข็ด”
“พี่อาจจะผ่านเวลาไปนานหน่อย ไกรยุทธ์ดูแลทุกคนให้ดี”
“โดยเฉพาะใครคนหนึ่งเป็นพิเศษ” บีมแซว
นาฬิกากับไกรยุทธ์มองกันด้วยสายตาลึกซึ้ง บีมกับปิงปองต่างยิ้ม นาชะแวบหายไป

ไกรยุทธ์โยนฟืนเข้ากองไฟแล้วเดินมานั่งข้างๆ นาฬิกา ตรงข้ามกับบีมและปิงปอง
“พี่ว่า บีมกับปิงปองไปพักได้แล้วพี่กับพี่นาฬิกาจะคอยอยู่ระวังเอง”
“แต่ผมอยากช่วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก เราสองคนจัดการได้”
“พวกเราทำได้นะครับ”
“พวกเราคุยกับผีดิบมาแล้วด้วย ไม่ใช่จิ๊บๆ นะครับ”
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”
“โอเค เราไปกันเถอะปิงปอง”
บีมลุกขึ้นส่งมือให้ปิงปอง ปิงปองยื่นมือมาจับ บีมดึงปิงปองขึ้นมา
“กู๊ดไนท์นะคะ”
บีมกับปิงปองเดินห่างออกไปนั่งตรงจุดที่วางเป้ไว้
“คุณดูทางด้านโน้น ผมดูทางด้านนี้” ไกรยุทธ์บอกนาฬิกา
“โอเค เลย”
ทั้งสองต่างลุกขึ้นแล้วแยกไปคนละด้าน

บีมจัดแจงเอาใบไม้มาโรยทำที่บริเวณที่นอนพักของตนกับปิงปองจนเรียบร้อย
“เอ๊ะ พี่ไกรยุทธ์กับพี่นาฬิกาไปไหนแล้ว” ปิงปองแปลกใจเมื่อหันไปไม่เจอไกรยุทธ์กหับนาฬิกา
“คงออกไปตรวจรอบๆ แถวนี้ เดี๋ยวคงมา เอ้า...เชิญครับ บริการทุกระดับประทับใจ”
“โห ยิ่งกว่าโรงแรมชั้นหนึ่งอีกนะเนี่ย”
บีมโค้งแล้วนั่งลง แบมือตรงหน้า
“ทิปครับผม”
ปิงปองเอามือตีมือบีมออกไป ต่างหัวเราะกัน
“ปิงปองต้องขอบใจบีมมากนะที่เป็นห่วงคอยดูแลปิงปอง”
“อยู่แล้ว ก็ปิงปองเป็น เอ้อ...คือ...”
“ปิงปองรู้น่า”
บีมถึงกับอึ้งไป ปิงปองจ้องหน้าบีมนิ่ง
“เอ้อ อืม...คือ...บีม...เฮ่ รู้ได้ไงครับ”
“โห ดูแลแบบนี้ ผู้หญิงคนไหนไม่รู้ก็บ้าแล้ว”
“นั่นน่ะซิครับ”
“นี่ ว่าปิงปองบ้าเหรอ”
“หา คือ เอ้อ...ไม่ใช่นะครับ” ปิงปองขำ “ เอ้อ...แล้วปิงปอง”
“ปิงปองจะเก็บความรู้สึกดีๆ ไว้ แต่บีมต้องสัญญาว่าต้องให้เราเรียนจบกันก่อน แล้วถึงคุยเรื่องนี้ต่อ”
“บีมรู้ บีมก็ไม่ชอบหรอก ผู้หญิงที่คิดแต่เรื่องนี้ในวัยเรียน”
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน ต่างยิ้มให้กัน

กองไฟยังลุกโชนส่องสว่างไปรอบๆ บริเวณ นาฬิกาเดินตรวจกราดสายตาไปมาทันใดนั้น ลมพัดจนผมปลิว นาฬิกามองไปข้างหน้าเห็นการเคลื่อนไหว นาฬิกาเคลื่อนกายเข้าไปอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นมีมือ เอื้อมมาปิดปากของนาฬิกาไว้ นาฬิกาขยับตัวแต่แล้วเป็นไกรยุทธ์
“ผมเอง” นาฬิาพยักหน้าไกรยุทธ์ปล่อยมือออก “ปลุกสองคนนั่น เราต้องรีบหลบพวกมัน”
นาฬิกาค่อยๆ ออกไป ไกรยุทธ์กราดสายตามอง เห็นเงาวูบวาบอยู่ในราวป่า ไกรยุทธ์สะบัดมือขวานปรากฏ
นาฬิกาเข้าไปปลุกบีมกับปิงปอง
“บีม ปิงปอง” ทั้งสองคนตื่นขึ้นมางัวเงีย “เงียบที่สุด”
บีมกับปิงปองหายง่วงทันที พยักหน้ารับ ไกรยุทธ์พรวดเข้ามา
“ได้เวลาไปแล้ว”
ทั้งหมดหลบหายเข้าไปในราวป่า อึดใจพวกผีดิบสาวกของอาคินก้าวเข้ามาตรงบริเวณกองไฟ พวกมันต่างเดินไปมาค้นหาทายาททั้งสี่
นาฬิกานำบีมกับปิงปอง วิ่ง ผ่านราวป่าไปอย่างรวดเร็ว ตบท้ายด้วยไกรยุทธ์ ทั้งหมดวิ่งผ่านไปอึดใจใหญ่ก็หยุดลง
“เราวิ่งกันมาทั้งคืน คงพ้นพวกมันแล้ว”
“บีมก็ว่ายังงั้น”
“พักที่นี่กันก่อนก็ได้ ทุกคนอยู่ที่นี่พี่จะไปดูรอบๆ”
ไกรยุทธ์ออกไป นาฬิกา บีม ปิงปองต่างทรุดตัวลงนั่งพัก
“พี่นาชะหายไปเลย”

“พี่นาชะเก่งออก ต้องไม่เป็นไร”

ธิดาพญายม ตอนที่ 14 (ต่อ)

วันต่อมา ณัชชาก้าวออกมาจากราวป่า หยุดสำรวจพลันสายตาเห็นกองไฟที่มอดอยู่
“ทายาทพักที่นี่เมื่อคืน”
ทั้งสองเดินเข้าไปที่บริเวณค่ายพักของทายาท
“มีรอยเท้าเต็มไปหมด”
“ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ พวกนั้นฉลาดหลบพวกมันไปได้”
“เราเร่งฝีเท้าอาจจะไปได้ทัน”
“ไม่จำเป็น ทิ้งระยะห่างแบบนี้จะดีกว่า”
“ผมเกรงว่าจะหาทายาทพบไม่ทันการยามที่ทายาทได้รับอันตราย”
“ทายาทตอนนี้มีฝีมือขึ้นมากเชื่อว่าสามารถต้านพวกมันได้ระยะหนึ่ง” ณัชชากราดสายตามองบนท้องฟ้าเห็นพวกอีกกาสาวกของอาคินบนว่อนอยู่ในระยะไกล “อีกอย่าง เมื่อถึงตอนนั้นพวกมันจะบอกตำแหน่งของทายาทให้เราเอง”
เอกภพกราดสายตามองเห็นพวกอีกาบินว่อนอยู่เบื้องบน หันมายิ้มให้ณัชชาเป็นเชิงยอมรับ ณัชชาวางมาดยืด
แล้วเดินออกไป เอกภพยิ้มแล้วเดินตาม

พวกอีกาบินว่อนอยู่บนท้องฟ้า ราเชนจ้องมองสังเกต
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“พวกมันแค่บินว่อนยังไม่มีทีท่าตื่นเต้น”
“ดีค่ะ แสดงว่าทุกคนปลอดภัยไม่มี ใครเจอเทพอาคิน” ราเชนจ้องหน้าปาระนัง
“ท่านธิดามีอะไรในใจกระมัง”
“เราสัมผัสได้ถึงแหล่งน้ำ”
“แย่จริง พวกเรามัวแต่หนีเทพอาคิน ไม่ทันคิดว่าท่านธิดาอยู่ห่างจากน้ำนานเกินไปแล้ว”
“ท่านราเชนคงไม่รังเกียจถ้าเราจะแวกว่ายเรียกพลังซักระยะเวลาหนึ่ง”

ร่างของปาระนังแหวกว่ายอยู่ในแอ่งน้ำตก สีหน้าสดชื่น ราเชนยืนอยู่บนโขดหินคอยระวัง
“พลังไฟของท่านคงไม่มอดไหม้กระมังถ้าจะลงมาเล่นน้ำกับเรา”
“เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เชิญท่านธิดาตามสบาย”
ปาระนังยิ้มแหวกว่าย ไปมาอย่างมีความสุข

ไกรยุทธ์นำทุกคนเคลื่อนตัวไปตามพุ่มไม้น้อยใหญ่ สายตากราดมองเบื้องบน พวกอีกาสาวกอาคินบินว่อน
“อย่าให้พวกมันเห็นได้เป็นดี” ทั้งหมดเคลื่อนไหวมาถึงลานเล็กๆ มีต้นไม้ปกคลุมเป็นกำบังอย่างดีจากพวกอีกา ไกรยุทธ์ส่งสัญญาณให้หยุด “ขอเช็คแผนที่ดูหน่อย”
นาฬิกาเดินเข้ามาใกล้ไกรยุทธ์ที่กำลังกางแผนที่ออก บีมกับปิงปอง เดินไปพักที่ต้นไม้ ต่างถอดเป้ออกจากไหล่
บีมหยิบผลไม้ส่งให้ปิงปอง ปิงปองรับมา
“แท็งค์ คิ่ว”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“ผ่านป่านี่ไปก็จะถึงด่าน สองขุนเขาใหญ่ หลังจากนั้นก็จะถึงจุดนัดพบตามแผนที่”
“เส้นทางยังไม่จางลง แสดงว่าเราทำเวลาได้ดี”
“เราพักตรงนี้ได้นานหน่อย”
“ก็ดีค่ะ เผื่อรอพี่นาชะด้วย”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏ
“ใครบ่นถึงเรา”
ทุกคนต่างดีใจที่เห็นนาชะ
“โห ทำไมไปนานจัง”
“ดีแล้วค่ะที่ไม่อยู่ เมื่อคืนเจอสาวกเทพอาคินวิ่งกันตับแลบ”
“พอสัมผัสพี่ณัชชาบ้างหรือเปล่าครับ”
“พี่รู้สึกว่าองค์หญิงอยู่ไม่ห่างจากเรา พี่พอสัมผัสพลังได้บ้าง”
“งั้นเรารอยู่ที่นี่ดีมั๊ย”
“ก็ดี พี่จะลองแวบไปตรวจดู”

ณัชชากับเอกภพเดินลุยออกมาจากราวป่า ณัชชากราดสายตามองบนท้องฟ้ายังเห็นพวกมันบินวนอยู่ในระยะไกล
“ดูเหมือนว่าพวกมันแผ่วไป เหมือนว่าเทพอัคราอ่อนพลังลงไป”
“เป็นไปได้หรือครับ”
“อย่างที่บอก เทพอัคราถอดร่างมาพลังไม่คงที่เหมือนร่างจริง”
ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏ
“องค์หญิงเพคะ”
“สวัสดีครับคุณนาชะ”
“ผู้กองดูแลองค์หญิงดีหรือเปล่าคะ”
“นาชะ เจ้าอย่าเหลวไหลทายาทเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเห็นร่องรอยสาวกของเทพอาคิน”
“ทุกคนปลอดภัยดีค่ะ อยู่ข้างหน้านี้เองนาชะบอกว่าองค์หญิงอยู่ใกล้ๆ ทุกคนดีใจรอองค์หญิงอยู่เพคะ”
“เจ้าบอกทายาททุกคนว่า เดินทางตามลำพังจะปลอดภัยกว่า พวกเราจะคอยคุมอยู่ใกล้ๆ”
“อ้าว ทำไมเป็นยังงั้น”
“องค์หญิงเชื่อว่า เทพอัคราสามารถสัมผัสพลังของทุกคนได้ ยกเว้นทายาท”
“เข้าใจแล้วเพคะ”
“เจ้ายังไม่รีบไป”

“เพคะ บ๊าย บาย ค่ะผู้กอง”

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

นาชะแวบหายไป  เอกภพกับณัชชาต่างมองหน้ากัน
“เราก็ต้องเดินทางด้วยเหมือนกัน”
ณัชชาเดินออกไป เอกภพยิ้มแล้วเดินตาม ณัชชากับเอกภพเดินผ่านใต้ต้นไม้ใหญ่ไป บนต้นไม้ร่างของนาชะ
นั่งอยู่โปรยละออกสีชมพูลงมาบนร่างของณัชชาที่เดินผ่านไป นาชะยิ้มชอบใจรอจนเอกภพเดินผ่านไป แล้วแวบหายอย่างรวดเร็ว
ณัชชากับเอกภพผ่านต้นไม้ได้อึดใจก็หยุดเดิน ณัชชาหันมายิ้มให้เอกภพ เอกภพมองอย่างสงสัย
“ฉันคิดถึงคุณ”
“เฮ่ ล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ”
ณัชชาเดินเข้าใกล้ยิ้มหวานให้ เอกภพมองอย่างสงสัย ณัชชาค่อยๆ เอามือประคองใบหน้าของเอกภพ ดึงเข้ามาใกล้หอมแก้มทั้งสองข้าง เอกภพหน้าเหวอ ณัชชายิ้มหวานให้อีกแล้วค่อยๆ ยื่นใบหน้าเข้ามาหมายจูบเอกภพ เอกภพยกมือขึ้นดีดนิ้วเป๊าะ ณัชชากระพริบตาถี่ๆ แล้วจ้องหน้าเอกภพ เอกภพยิ้มให้ ทันใดนั้นณัชชาผลักเอกภพออกห่าง 
“คุณทำอะไร” เอกภพยิ้ม “บอกมา คุณคิดจะทำอะไร”
“เปล่าครับ แต่องค์หญิงกำลังจะจูบผม”
“ฉันเนี่ยเหรอ”
“ครับ องค์หญิงหอมผมไปสองฟอดแล้ว”
ณัชชาถอยออกเสียอารมณ์สายตาจ้องเอกภพอึดใจก็นึกออก
            “นาชะ” ณัชชากราดสายตาไปรอบๆ “นาชะเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้”
“ผมว่าคุณนาชะเผ่นไปไกลแล้วครับ”
ณัชชาหันมามองหน้าเอกภพหรี่ตามอง
“แล้วฉัน...”
“เปล่าครับ”
“แล้วคุณ”
เอกภพยิ้ม แกล้งจ้องณัชชาเป็นเลศนัย ณัชชาเหล่
“ผมดีดนิ้ว องค์หญิงก็รู้สึกตัว”
ณัชชาถอนใจโล่งอก ค่อยยิ้มออกมาได้
“ทำไม”
“ผมไม่ชอบจูบใครโดยไม่ได้รับ อนุญาต”
ณัชชายิ้มเดินเข้ามาใกล้ดึงเอกภพเข้ามา
            “งั้นมานี่” เอกภพยิ้ม ณัชชาดึงเอกภพเข้ามาใกล้ สบตา “อนุญาต”
“เอ้อ คือ...”
“กล้าขัดใจเหรอ”
เอกภพยิ้มแล้วก้มลงจูบณัชชาในที่สุด
 
นาฬิกาเดินไปเดินมารอนาชะ
“พี่นาชะบอกว่าองค์หญิงอยู่ใกล้ๆ ทำไมยังไม่มาอีก”
“ใกล้ของพี่นาชะ อาจจะเหมือนกับกิโลแม้วก็ได้ เดินกันเป็นวันๆ”
ทันใดนั้นนาชะแวบปรากฏตัว
“ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีนาชะ” นาชะยิ้มร่าเริงกราดสายตามองทุกคน บีมกับปิงปองเขินแต่ทำไก๋ไม่รู้ไม่ชี้
“พี่ณัชชาอยากให้พวกเราเดินทางตามลำพัง”
“เยส องค์หญิงสั่งมาแบบนี้”
ทายาททุกคนต่างมองหน้ากัน
            “พี่เข้าใจแล้ว เทพอัครามีพลังสูงสามารถรู้ตำแหน่งของทุกคน ยกเว้นพวกเรา” ไกรยุทธ์บอก
“องค์หญิงป้องกันพวกเราจากเทพอาคิน”
“เยส ถูกต้อง ในหนังฝรั่งเค้าว่ายังไงนะ แจ็คพอทหรือว่าบิงโก ที่แปลว่า โดนเต็มๆ น่ะ”
“ได้ทั้งสองอันเลย พี่นาชะ”
“งั้นเราก็ลุยต่อได้เลย”

นาฬิกาเดินนำ บีมกับปิงปอง เดินออกมาจากราวป่าทึบ ปิดท้ายด้วยไกรยุทธ์ แต่แล้วก็หยุด ทุกคนตามมาทันต่างมองตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง
“ทำไมป่าบริเวณนี้ถึงมืดผิดปกติทั้งๆ ที่เป็นกลางวัน”
ทันใดนั้นเสียงอีการ้องก้องดังแว่วมา ทุกคนกราดสายตามองเห็นพวกฝูงอีกาบินวนอยู่ในระยะไกล
            “ทุกคนระวังตัว”
นาฬิกานำทุกคนเดินผ่านเข้ามาในป่ามืดครึ้มอย่างช้าๆ ในมือถือขวานพร้อม เช่นเดียวกับไกรยุทธ์ซึ่งปิดท้ายอยู่ อึดใจก็หยุดกราดสายตามองรอบๆ
“บรรยากาศแถวนี้ไม่ค่อยดีเลย อึดอัด”
“ใช่ หายใจไม่ค่อยออก”
“ดูนั่น”
ทุกคนหันไปมอง
“แค่พ้นช่วงนี้ไป ป่าก็เป็นเหมือนเดิมแล้ว”
“นาชะว่ารีบออกไปดีกว่า นาชะรู้สึกไม่ดี”
“ทุกคนตามมา”
นาฬิกาเดินนำไปยังป่าเขียวชอุ่มตรงหน้า ทุกคนต่างเดินตาม จนกระทั่งใกล้จะพ้นป่าที่มืดครึ้ม แต่แล้วทันใดนั้น
“ว้าย”
ปิงปองร้องออกมา ทุกคนหันไปก็คาดไม่ถึง เพราะมีเงาสีดำเหมือนมือสองข้างโผล่มาจากต้นไม้ในป่ามืดกอดปิงปองไว้จากข้างหลัง ปิงปองดิ้นไม่หลุด
ปิงปองพยายามดิ้น แต่เงามือยิ่งกอดแน่น ไกรยุทธ์ นาฬิกา กระชับขวานในมือ แยกกันหาทางที่จะเข้าไป
“ปิงปอง พรางตัว” ปิงปองได้สติ หลับตาสมาธิร่างเริ่มจาง “คุณนาฬิกาพร้อม”
“ชัวร์”
นาฬิกาขยับขวานไปมา ร่างของปิงปองจางลง แล้วหายวูบไปในที่สุด แต่แล้วเงามือสองข้างกลับยื่นออกมาหาทุกคน
“ลุย”
นาฬิกาสะบัดขวานออกไปเช่นเดียวกับไกรยุทธ์ ขวานสองเล่มพุ่งไปปักที่ต้นไม้อย่างจัง เสียงร้องกรี๊ด เงาพุ่งพรวดออกไปจากต้นไม้               
“ผีไม้ป่าเหรอว๊ะเนี่ย”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น
            “รีบออกไปให้พ้นเขตของพวกมัน”
ทุกคนต่างวิ่งพรวดออกไป
ทุกคนวิ่งผ่านป่ามืดทันใดนั้นมีมือดำยื่นออกมาจากพวกต้นไม้ ออกมาไขว่คว้าหมายดึงทุกคนไว้ นาชะวิ่งพลางตะโกนบอก
“บีม พรางตัว”
บีมวิ่งฝ่าพวกมือดำๆ ที่ยื่นออกคว้าจับเต็มไปหมด ร่างค่อยๆ จางลงแล้วหายแวบไป ร่างของนาชะแวบหายไปเช่นกัน ไกรยุทธ์กับนาฬิกาหยุดหันกลับไปยื่นมือออกมา ขวานสองเล่มที่ปักอยู่บนต้นไม้วิ่งเข้ามือของทั้งสอง ทั้งสองหันวิ่ง มุ่งไปยังทางออก ไกรยุทธ์ กับนาฬิกาวิ่งพลางกวัดแกว่งขวานไปมาสกัดเงาที่ยื่นออกมาขวางทางเสียงพวกมันส่งเสียงร้องกรี๊ดๆๆ ในที่สุดไกรยุทธ์กับนาฬิกาก็พุ่งพรวดออกไป
 
ร่างของไกรยุทธ์กับนาฬิกากลิ้งไปกับพื้นพ้นเขตป่าลึกลับออกมาได้ในที่สุด ไกรยุทธ์เข้ามาประคองให้นาฬิกาลุกขึ้น ร่างของนาชะปรากฏ อึดใจ ร่างของบีมก็ปรากฏ ต่างมองหน้ากันถอนใจโล่งอก  บีมกราดสายตาไปมา
“ปิงปอง”
ร่างของปิงปองปรากฏยืนใกล้บีม แล้วเดินเข้ามาหาบีม บีมกอดไว้ปลอบใจ
“เราพ้นป่ามืดแล้วครับ”   
ปิงปองพยักหน้า แต่แล้วทั้งสองคนนึกได้ หันมาเห็น ไกรยุทธ์ นาฬิกา นาชะ มองมาเป็นตาเดียวกัน ทั้งสองมองดูตัวเองเห็นว่าต่างอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน
“นาชะอยู่ที่ไหน ความรักอยู่ที่นั่น”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกายิ้ม ปิงปองถอยออกจากบีม        
            ทั้งหมดมองออกไปยังเขตป่าลึกลับ
“ที่แท้ป่ามืดเพราะไอ้พวกผี นรกมาสิงสู่ทำลายป่านี่เอง”
“พวกมันมีพลังสูงส่งเกินกว่าพวกเราจะต้านทาน มันกำลังรุกล้ำไปทั่ว”
เสียงก้องดังขึ้น ทุกคนต่างกราดสายตาหาที่มาของเสียง
“ท่านเจ้าป่าหรือเทพารักษ์โปรดปรากฏตัวด้วย”
ทันใดนั้นต้นไม้ต้นหนึ่งเรืองแสงขึ้นมา ทุกคนมองไปเห็นแต่แสงเรืองอยู่ในต้นไม้
            “พวกเราจะจัดการกับพวกมันครับ” บีมบอก แสงเรืองรองค่อยๆ จางลงแล้วหายไปในที่สุด “เอ้อ...คือผมโมโหไปหน่อย พี่สองคนจัดการพวกมันได้ใช่มั๊ยครับ”
“ยังไงพี่ก็ต้องจัดการกับพวกมันอยู่แล้ว”
“พี่ไม่ปล่อยพวกผีนรกพวกนี้ไว้หรอกจ้ะ”
“เย้”
“ฮะแอ้ม...คือว่า”
“พี่นาชะ นาฬิการู้ว่าเราต้องเร่งเดินทางแต่จะปล่อยให้พวกผีนรกกินป่าพวกนี้ให้รอดไปไม่ได้”
“พี่เพียงแต่จะบอกว่า พี่คงช่วยอะไรไม่ได้เพราะพี่ถูกกำหนดให้สร้างความรักไม่ใช่ทำลาย”
“พี่นาชะไม่ต้องทำอะไรเลยครับ แค่เชียร์พวกเราก็พอ”
“ถ้างั้น ทำลายพวกมันให้สิ้นซาก”
ทุกคนต่างยิ้มบีมกับปิงปองเอามือตีกัน นาชะยิ้มให้ทุกคนวางมาดเหี้ยม
           
ไกรยุทธ์ควงขวาน สีหน้าเคร่งเครียด แล้วหันมาทางนาฬิกา  นาฬิกาควงขวาน แล้วพยักหน้าให้ว่าพร้อม
นาชะ ปิงปอง บีม ต่างยืนลุ้นด้วยความตื่นเต้น  ทันใดนั้นไกรยุทธ์พยักหน้ากับนาฬิกา ทั้งสองพุ่งตัวเข้าไปในป่ามืด
ร่างของไกรยุทธ์กับนาฬิกากลิ้งม้วนตัวลงมาที่พื้นพร้อมกันตรงใจกลางพื้นที่ของป่ามืด แล้วม้วนตัวยืนขึ้นพร้อมกัน ทันใดนั้นเงาดำทั้งหลายโผล่มาจากต้นไม้พุ่งเข้าหาทั้งสองคนรอบทิศทาง
“ขวานคู่”
ทั้งสองสะบัดคมขวานเข้ากระทบกันเสียงดังแคร๊ง ประกายแสงพุ่งออกไปจากขวานคู่รอบทุกทิศทางเสียงร้องโหยหวนดังระงมเงาดำดิ้นไปดินมาเต็มไปหมด เกิดแสงระเบิดตูมกระจายสว่าง
ปิงปอง บีม นาชะ ต่างส่งเสียงพร้อมกัน ด้วยความดีใจ
            “เย้”
ทั้งสามคนมองไปข้างหน้า เห็นนาฬิกากับไกรยุทธ์ยืนประกบขวานกันอยู่ แต่ป่าลึกลับกลายเป็นป่าเขียวกลับเป็นปกติเรียบร้อยไปแล้ว ปิงปอง กับ บีม ต่างเต้นกันพลางส่งเสียงร้อง โอเล้ โอเล้ โอเล่ นาชะยืนยิ้มอย่างสนุก สะบัดมือ ละอองผงสีชมพูโปรยปลิวกระจายครอบคลุมไปทั่ว ปิงปองกับบีมจับมือกันเต้นร้องสนุกกันใหญ่
อ่านต่อเวลา 17.00น.

ณัชชากับเอกภพ อยู่อีกมุมหนึ่ง ณัชชาหันไปทางเสียง          
“เสียงอะไรกันแน่”
ณัชชากราดสายตาสดับฟังรอบๆ เอกภพช่วยมองหาทิศทาง
“แรงสะท้านมาถึงนี่ แสดงว่าอยู่ไม่ไกล”
“ที่สำคัญถ้าเราสัมผัสได้ เทพอาคินย่อมสัมผัสได้”
“พวกสาวกของเทพอาคิน”
ณัชชากราดสายตาขึ้นท้องฟ้า เห็นฝูงอีการ้องก้องแล้วบินผ่านไป
            “เราตามพวกมันไปดีกว่าครับ ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”
“เดี๋ยวก่อน ฉันจับสัมผัสนาชะได้ ทางนี้”
ณัชชาพุ่งตัวไปทางทิศเดียวกับพวกสาวกอีกาของอาคินบินอยู่  ทุกคนพรวดตามไปอย่างรวดเร็ว
 
ปาระนังกับราเชนยืนหันไปมาหาทิศทาง
            “ผมคิดว่าเสียงมาจากด้านโน้น”
“น่าจะใช่”
ราเชนแหงหน้ามองท้องฟ้า เห็นฝูงอีกาบินว่อนส่งเสียงร้อง
“ผมว่าตามพวกมันไปดีกว่า”
ปาระนังกราดสายตามองตามราเชนเห็นพวกอีกาบนท้องฟ้า  ราเชนพุ่งตัวออกไป ปาระนังพุ่งตาม
           
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างมองหน้ากัน ควงขวานเก็บแล้วเดินเข้าหากันอย่างใกล้ชิด
            “คุณเก่ง”
“คุณก็เก่ง”
“เราเก่ง”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ทันใดนั้นละอองสีชมพูลองลงมาจากด้านบนปกคลุมคนทั้งสอง ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าหากัน
 
ณัชชาพุ่งไปข้างหน้า ตามด้วย เอกภพ  ทั้งสองพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ราเชน พุ่งไปข้างหน้า ตามด้วยปาระนัง ไปยังทิศทางของเสียง
แสงเรืองรองจากต้นไม้ ทายาททั้งสี่และนาชะมองหน้ากันแล้วเดินเข้าไปใกล้
            “พวกเราขอสัญญาว่าจะตามกำจัดความชั่วร้ายจนสุดความสามารถตราบเท่าที่เราจะทำได้”
“ความดีย่อมชนะความชั่ว ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัย”
นาชะและทายาททุกคนต่างยกมือไหว้ 
ทายาททุกคนเดินทางมาตามราวป่า  นาฬิกาเป็นผู้นำ ไกรยุทธ์ตบท้าย
“พี่นาชะไปไหนอีกแล้ว”
“คงบินแวบอยู่แถวนี้ล่ะ”
ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏขึ้นตรงหน้า
“อายุยืนน่าดู บ่นถึงก็มาเลย”
“เร็วเข้า นาชะสัมผัสพลังของเทพอาคินได้”
“เทพอาคิน มาถึงที่นี่ได้ยังไง”
“คงเป็นเพราะพลังขวานคู่ของเธอนั่นแหละ” เสียงอีการ้องก้อง ทุกคนกราดสายตาขึ้นมองเห็นฝูงอีกาบินว่อน
“ตามมาเร็วเข้า”
นาชะกลายเป็นตัวเล็กมีปีก แล้วบินนำไปอย่างรวดเร็ว ทายาททุกคนวิ่งตามไปสุดฝีเท้า             
 
ไกรยุทธ์ใช้ขวานฟันกิ่งไม้ใบไม้ที่ขวางอยู่ข้างหน้านำทุกคน ทุกคนตามมา พอฟันก้านสุดท้ายออกก็พบแสงสว่างสาดจ้าเข้ามา  ตรงหน้าคือพื้นที่ภูเขากว้างเห็นวิวตรงหน้าสวยงาม แต่ที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ อาคินยืนอยู่ตรงหน้าของทุกคน มีพ่อมดยามินกับกาตงยืนอยู่ข้างๆ อาคิน
“ที่แท้เสียงพลังดังก้องป่า มาจากฝีมือของพวกทายาทนี่เอง”
นาชะกางมือกวาดบีมกับปิงปองไว้ทางด้านหลัง ไกรยุทธ์กับนาฬิกาสะบัดมือควงขวานเตรียมพร้อม สถานการณ์คับขัน
“พี่นาชะ พาบีมกับปิงปองหนีไป”
“บีม ปิงปอง พรางตัว” นาชะสะบัดปีกออกมากลายเป็นตัวเล็ก ขณะที่ บีมกับปิงปอง กลายเป็นร่างวุ้นใสๆ “ตามพี่มา”
ร่างของนาชะกลายเป็นผงสีชมพูพุ่งหายเข้าไปในราวป่า ร่างวุ้นของบีมกับปิงปองวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าทั้งสองรีบตามไป” อาคินสั่ง พ่อมดยามินกับกาตงสะบัดมือมีไม้กวาดปรากฏ ทั้งสองขึ้นขี่แล้วแวบหายตามไปอย่างรวดเร็ว “ยอมจำนน แล้วจะปลอดภัย”
“ได้เลย พี่ไกรยุทธ์จัดให้ท่านหน่อย”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกา สะบัดคมขวานเข้าหากัน เสียงดังเปรี้ยง ประกายสว่างจ้า อาคินสะบัดมือรับ เสื้อปลิวเพราะถูกพลังกระแทก แต่ร่างของอาคินไม่สะเทือนตรึงอยู่กับที่ อึดใจก็สงบ อาคินจ้องตรงหน้า มีแต่ความว่างเปล่า อาคิน แค้นใจแวบตามไปอย่างรวดเร็ว

 จบตอนที่ 14

อ่านต่อตอนที่ 15 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น