ธิดาพญายม ตอนที่ 11
ณัชชาเลี้ยวมุมโค้งมาก็เจอกระสุนกราดเข้าใส่ เอกภพตามมาถึงพอดีดึงณัชชากลับเข้ามาติดแผ่นอกยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ลืมแล้วเหรอครับ ภูมิต้านทานองค์หญิงแผ่ว เพิ่งได้รับบาดเจ็บ”
“มีพวกมันเฝ้าหน้าห้องสมาธิกับห้องประตูเหล็กเพียบ”
เอกภพพยักหน้าขยับตัวแล้วโผล่หน้าออกไปดูอย่างรวดเร็ว พวกมันสาดกระสุนเข้าใส่เอกภพถอยกลับ
“ผมเล่นงานพวกทางด้านขวา”
“โอเค ด้านซ้ายที่เหลือเป็นของฉัน”
“หนึ่งถึงสาม”
“ได้”
“หนึ่ง...สอง...”
เอกภพพรวดออกไปก่อนเพื่อเป็นกำบังให้ณัชชา
“โกง...นี่...”
ณัชชาพรวดตาม ปืนคู่ในมือทั้งสองต่างเหนี่ยวไกสาดกระสุนใส่พวกมันตามแผน พวกมันหมุนคว้างทรุดลงทีละคนตามลำดับแต่ทางด้านขวาของเอกภพยืนเหลืออยู่หนึ่งคนมันยืนจ้องปืนมา
“ของคุณพลาด”
“ผมไม่พลาด”
“แล้วนั่นอะไร” ณัชชาพูดเพิ่งจบไอ้หมอนั่นล้มลง เอกภพยิ้มกวน ณัชชาเหล่แล้วพรวดไปยังหน้าประตูเหล็ก “กุญแจ”
เอกภพสะบัดมือกุญแจปลิวไปยังณัชชา ณัชชาตะปบมือคว้าไว้ได้ ณัชชาพรวดเข้าไปไขประตูเหล็กเอกภพเข้า
มาหันกราดปืนไปมาคุ้มกัน ณัชชาไขอึดใจแล้วดึงเปิดประตูออก ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปข้างใน
ณัชชาก้าวเข้ามาก่อนตามด้วยเอกภพ กราดสายตาตรงหน้าเห็นแท่นหินสี่เหลี่ยมสูงคล้ายเสาหินตั้งอยู่ บนแทนหินมีดาบห่อผ้าวางพาดอยู่
“ดาบขององค์หญิง”
ณัชชายิ้มปราดเข้าไปคว้าดาบขึ้นมาสะบัดผ้าออกไป เห็นดาบปรากฏ ณัชชาถึงกับคาดไม่ถึง
“ไม่ใช่ดาบพิชิตมาร” เอกภพถึงกับคาดไม่ถึง
“เราถูกหักหลังซะแล้ว”
“เสียใจด้วยองค์หญิง”
เอกภพกับณัชชาหันกลับไปก็พบอำนาจกับพวกมือปืน กำลังจ้องปืนเข้ามา
อำนาจยิ้มอย่างผู้ชนะ สมุนอำนาจเอาปืนจ่อเอกภพและณัชชาอยู่
“พวกงูเห่าสองหัวนี่เอง”
“คนฉลาดต้องเลือกอยู่กับฝ่ายที่ได้เปรียบ”
“อ้า ที่แท้นายวางแผนจะเล่นการเมือง”
อำนาจยักไหล่ยิ้มระรื่น
“แกเป็นคนเอาดาบไปซ่อน แม้แต่เทพอาคินยังไม่รู้”
“คนฉลาดก็ต้องมีแผนสำรอง”
“ถ้าเทพอาคินกำจัดฉันได้ แกก็ลอยนวลแต่ถ้าเทพอาคินพลาด แกก็หาทางคืนดาบให้ฉันเพื่อกำจัดเทพอาคิน แกได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” อำนาจก้มหัวยิ้มรับ
“ผมฉลาดสุดๆ ไม่ใช่แค่จูบก้นรับคำสั่งเทพอาคินไปวันๆ”
“แกลืมไปอย่างหนึ่ง ถ้าเทพอาคินรู้ว่าแกหักหลังแกจบแน่นอน”
“ขอบคุณที่เตือน เทพอาคินบ้าอำนาจจนกลายเป็นโง่ คิดว่าใครๆ ต้องยอม”
ทันใดนั้นณัชชาพรวดเข้าคว้าคอเสื้อของอำนาจไว้หมับพอดี พวกมือปืนตวัดปืนใส่ แต่เอกภพหมุนจระเข้ฟาดหางใส่พวกมือปืนกระเด็นหงายออกไป เอกภพดีดตัวเข้าใส่พวกมันเกิดการต่อสู้ประชิดตัวห้ารุมหนึ่ง ณัชชาลากคออำนาจหลบมาอีกทาง
“เคยได้ยินมั๊ยคนโง่มักจะคิดว่าตัวเองฉลาด”
ณัชชายิ้มเครียด อำนาจตาเหลือกพยักหน้าหงึกๆ
“ครับ ผมโง่ครับ”
ณัชชาหันไปทางเอกภพ
“นี่...คุณไหวมั๊ย”
เอกภพชกพวกมันคนหนึ่งกระเด็นไป
“เชิญองค์หญิงตามสบาย”
“กู๊ด” ณัชชาสะบัดมือปืนปรากฏในมือ จ่อที่นายอำนาจ “คนฉลาดอย่างแกน่าจะรู้ว่าฉันกับผู้กองเป็นใครมีพลังแค่ไหน มนุษย์เลวๆ อย่างพวกแกไม่มีวันหยุดพวกเราได้” อำนาจหน้าซีดพูดไม่ออก “ดาบของฉัน”
อำนาจลนลานรีบตอบ
“ผมจะพาไปครับ”
ณัชชาหมั่นไส้ตบด้วยด้ามปืนเปรี้ยง อำนาจทรุดณัชชาดึงคอเสื้อขึ้นมา ณัชชาหันไปทางเอกภพ
“คุณ รีบหน่อย”
เอกภพหมุนตัวไปมาระหว่างพวกมือปืนเสียงดังตึบๆๆ พวกมันล้มลงจนหมด เอกภพเอามือปัดผมตัวเองแล้วเดินเข้ามา
“องค์หญิงว่าอะไรนะครับ ผมไม่ทันได้ยิน”
ณัชชาเหล่ค้อนแล้วดันอำนาจออกไป เอกภพยิ้มแล้วเดินตามไป
ปาระนังเดินนำทุกคนเดินเข้าไปในถ้ำโดยมีราเชนปิดท้าย
“ข้างนอก เจอหุ่นไล่กาเดินได้ หวังว่าข้างในคงไม่เจอก้อนหินเดินได้นะครับ”
“นี่ นายบีม เรื่องนี้เค้าห้ามพูด เดี๋ยวก็เจอดีหรอก”
“แบบนี้ บีมพูดว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง บีมก็ถูกน่ะซิ”
“โอเค เตือนไม่ฟัง เจอแล้วอย่าร้อง”
“ไม่ร้องอยู่แล้วแค่เผ่น” ปิงปองค้อนทำท่าเงื้อจะทุบ บีมถอยได้ทัน เอ...ทางลัดทำไมไกลแบบนี้ ชักหิวแล้วซิ”
“เราพักกันก่อนดีกว่า”
“เย้”
บีมวิ่งไปนั่งลงที่ก้อนหิน รีบเปิดเป้เสบียงคว้าขาไก่ขึ้นมากินตุ้ย ทุกคนต่างยิ้มกัน แล้วพากันนั่งลงต่างรื้อเสบียงของตน แต่แล้วได้ยินเสียงสะท้อนตึบๆๆ มาจากด้านในถ้ำ
“เสียงอะไรครับ”
ทุกคนต่างขยับตัวมองหน้ากัน
“เสียงเหมือนก้อนหินกระแทกพื้น”
“บอกแล้วห้ามพูด” ราเชนขยับตัวลุกขึ้น
“พี่จะไปดูเอง”
ราเชนก้าวออกไป ทุกคนอยู่ที่เดิม
“พี่เชื่อว่าเป็นเสียงก้อนหินหล่นมากกว่าไม่มีอะไรหรอก”
ราเชนก้าวกลับเข้ามา
“ก้อนหินหล่น จากผนังไม่มีอะไร”
“เป็นไงบีมเงียบเลยเรา”
“เฮ่...ก็แค่เตรียมพร้อม เท่านั้นเองครับ” บีมกินขาไก่ต่อ
“เตรียมพร้อมเผ่นใช่มั๊ยล่ะ”
“อ๋อ แน่นอน เผ่นไว้ก่อน อาจารย์สอนไว้”
ทุกคนต่างยิ้มหัวเราะ บรรยากาศดีขึ้น แต่แล้วมีเสียงตึบๆๆ ด้านในอีก
“ท่าทางจะไม่ใช่แค่หินหล่นจากผนังแล้วมั๊งครับ”
“อาจจะเป็นพี่ณัชชากับผู้กองแวบมาโผล่ที่นี่ก็ได้นะครับ”
“บ้าน่ะซิ ระดับพี่ณัชชากับพี่เอกแวบมาไม่ดังขนาดนี้หรอก”
“ทุกคนเตรียมพร้อม เราจะเข้าไปดู”
ปาระนังนำทั้งหมดเคลื่อนกายไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เสียงดังตึบๆๆ เป็นจังหวะดังขึ้นอีก
“เสียงอยู่ตรงโค้งหน้านี่เอง”
ทุกคนต่างพยักหน้ารับ ปาระนังนำทุกคนเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างช้าๆ จนทุกคนมาหยุดที่ก้อนหินมุมหนึ่ง ได้ยินเสียงตึบๆๆ ทั้งหมดค่อยๆ โผล่หัวขึ้นไปดู ถึงกับตื่นเต้นเพราะตรงหน้าคือร่างของชายผอมในชุดรุ่งริ่ง หน้าตาแก่สองคน มือหนึ่งถือไม้กวาด ต่างเอาไม้กวาดเดินไล่เคาะตามผนังถ้ำ เหมือนจะหาอะไรซักอย่าง
“ตัวอะไรกันแน่”
นาฬิกาถามไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์ส่ายหน้าไม่รู้ ทั้งหมดจ้องพวกมันตาไม่กระพริบ พวกมันเคาะผนังตึบๆๆ แต่แล้วบีมขยับตัวก้อนหินตรงหน้าร่วงตกกลิ้งไปเสียงดังตึบ พวกมันหันกลับมาขวับ สายตาทั้งสองฝ่ายประสานกันอย่างจัง พวกมันสองตัวร้องคำราม พุ่งตัวเข้ามา ราเชนตวัดมือออกไปกลายเป็นไฟพุ่งเข้าหามันสองตัว มันร้องลั่น
แล้วถอย ทุกคนจ้องมันอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นมันสองตัวหันหลังกลับวิ่งหนีเข้าไปในถ้ำอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทุกคนก้าวออกมา ต่างถอนใจ
“ตัวอะไรคะพี่ปาระนัง”
“พี่เห็นไม่ถนัด”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน
“อาจมีพวกมันรออยู่ข้างหน้าทุกคนระวังตัว พี่นำเอง”
“พี่จะปิดท้าย”
ราเชนเดินนำออกไป บีมกับปิงปองเดินตาม ติดด้วยนาฬิกาและไกรยุทธ์ โดยมีปาระนังปิดท้าย
รถตู้ของอำนาจวิ่งมาจอดที่หน้าโกดังเก็บของ พวกมือปืนที่หน้าประตูรีบเปิดประตูให้รถผ่านเข้าไป รถตู้วิ่งเข้าไปด้านใน รถจอดสนิท คนขับลงจากรถมาเปิดประตู อำนาจลงจากรถด้านหลังมีเอกภพเอาปืนจี้อยู่ตามด้วยณัชชา
“ถ้านายยังฉลาดอยู่ละก็อย่าตุกติก”
“บอกพวกเราเปิดทาง”
มือปืนพยักหน้ารับ รีบถอยออกไป ณัชชากับเอกภพต่างยิ้มด้วยความพอใจ
อำนาจเดินนำเอกภพและณัชชาเข้าไปด้านในโกดัง อึดใจก็มาถึงหน้าตู้เซฟใบใหญ่ใบหนึ่งเป็นเหล็กหนาแข็งแกร่งทนทานด้านหน้ามีตัวเปิดเป็นระบบดิจิตอล
“ฟิ้ว....ระบบเปิดปิดด้วยคอมพิวเตอร์ใช้ลายนิ้วมือทั้งห้านิ้ว”
“เร็วเข้า หรือจะให้ฉันตัดมือ”
เอกภพอดขำไม่ได้
“ไม่ต้องครับ ผมยินดีเปิดให้ครับ”
อำนาจรีบเดินเข้าไปเอามือทาบตรงส่วนที่เป็นจอด้านหน้า เสียงดังตื๊ด อำนาจหมุนที่เปิดลักษณะคล้ายพวงมาลัย ประตูเซฟค่อยๆ แง้มออก อำนาจเอื้อมมือเข้าไปหยิบดาบซึ่งมีผ้าของแม่มดสาวันนาคลุมอยู่ออกมาส่งให้ณัชชา ณัชชารับมา จับที่ปลายดาบตวัดผ้าที่คลุมอยู่ปลิวหลุดออกไป ปรากฏมีแสงรังสีดาบกระจายออกมา
“ดาบพิชิตมาร”
ณัชชาตวัดดาบไปมาอย่างพอใจ เอกภพจับตามองชื่นชม รังสีดาบสาดจ้าจนมองอะไรไม่เห็น พอแสงจางลง ชุดของณัชชากลับเป็นชุดรัดกุมเช่นเดิม
ณัชชาควงดาบอย่างพอใจครู่หนึ่งก็สะบัดมือดาบกลายเป็นมีดสั้น ณัชชาพกไว้ที่เอว
“เราไปกันได้แล้ว”
เอกภพหันไปชกอำนาจโครม อำนาจกระเด็นไป เอกภพเดินตามติดกระชากคอเสื้อขึ้นมา
“องค์หญิงบอกว่าจะปล่อยผม นางฟ้าพูดแล้วไม่คืนคำ” อำนาจรีบบอก
“ว่าไงครับองค์หญิง” ณัชชาพยักหน้า เอกภพปล่อยอำนาจโครมลงกับพื้น ณัชชายิ้มแต่แล้วกลับเซไปก้าวหนึ่งถึงตั้งตัวได้ “องค์หญิง”
“เราต้องรีบออกไปให้พ้นจากกาลเวลานี้ไกลจากเทพอาคิน”
เอกภพเดินเข้ามาอุ้มณัชชาขึ้นมา
“พร้อมนะครับ องค์หญิงนำไปได้เลย”
ณัชชาพยักหน้า เอกภพหลับตาแล้วแวบหายไป
เสียงดังวูฟเกิดเป็นแสงจ้า ร่างของเอกภพกับณัชชา ปรากฏอยู่กลางถนนสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ทันใดนั้นแสง
ไฟสาดจ้าเข้ามาตรงหน้า เสียงแตรดังสนั่น รถพุ่งเข้ามายังร่างของเอกภพที่อุ้มณัชชาอยู่ รถวิ่งผ่านร่างของเอกภพกับณัชชาไปเสียงดังวูฟใหญ่ เอกภพพาณัชชาหายไปได้ทันท่วงที
ร่างของเอกภพอุ้มณัชชาปรากฏบนชายหาดหน้าบ้านหลังหนึ่ง ณัชชากอดคอของเอกภพอยู่หลับตาพริ้ม
“องค์หญิงครับ”
ณัชชาลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
“พลังของฉันไม่มากพอเรายังติดอยู่ที่นี่”
“ครับ ผมเลยถือโอกาสพาองค์หญิงมาเที่ยวทะเลบ้านพักผมเองครับ”
“เราต้องรีบ ก่อนที่เทพอาคินจะพ้นจากการนั่งสมาธิ”
“บอกมาเลยครับว่าจะทำยังไง”
“รังสีของดาบพิชิตมาร ทำลายพลังมนตร์ภูตสังหาร”
“ใช้เวลานานมั้ยครับ”
“ฉันไม่แน่ใจ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งวัน”
“เรายังมีเวลาครับ”
ณัชชาฝืนยิ้มพยักหน้า
“คุณคงเดาออก เวลาดาบทำลายมนตร์ภูตสังหาร”
“ห้ามมีการรบกวน ไม่ยังงั้นธาตุไฟแตกเหมือนหนังกำลังภายใน” ณัชชาพยักหน้า
“แต่ปัญหาก็คือพอเราเริ่มพิธี เทพอาคินสามารถสัมผัสพลังของดาบพิชิตมารได้ทันที”
เอกภพถึงกับนิ่งไปอึดใจ
“ถึงเทพอาคินมาก็ไม่มีทางผ่านผมเข้าไปได้”
“ฉันเชื่อคุณ”
ทั้งสองต่างสบตากัน ในที่สุดวงแขนของณัชชากอดคอเอกภพกระชับซบหน้าลงที่ไหล่ของเอกภพนิ่งนาน
“ผมพาองค์หญิงไปพักก่อนดีกว่า”
เอกภพอุ้มณัชชาเข้าไปในบ้าน
เอกภพวางร่างณัชชาลงบนเตียง ณัชชาลืมตาขึ้น
“ขอฉันพักซักหนึ่งชั่วโมง แล้วเราจะเริ่มพิธีกัน”
“ผมจะอยู่ข้างนอกคอยระวัง”
ณัชชาพยักหน้าแล้วหลับตาลง เอกภพมองอย่างห่วงใยลึกซึ้ง
อีกด้านหนึ่ง ภายในถ้ำกองไฟลุกสว่าง ปาระนัง ราเชน และทายาททั้งสี่นั่งล้อมวงอยู่
“เฮ้อ...ปิงปองเกิดมาเพิ่งเห็น หุ่นไล่กาอาละวาดแล้วยังมาเจอตัวอะไรอีกก็ไม่รู้ เป็นเพราะบีมแท้ๆ พูดไม่ระวัง”
“เฮ้...ไม่ใช่ตัวหินที่บีมพูดซะหน่อย” ทั้งหมดต่างยิ้มขำ “เฮ้อ...ชาวบ้านบอกว่ามีทางลัดตัดทะลุเขา นึกว่าจี๊ดเดียวถึง ที่ไหนได้ยังไกลสุดกู่ไม่เห็นทางออกแถมยังมีตัวอะไรอีกก็ไม่รู้”
“บ่นอยู่ได้ ไม่ถูกมันลากไปก็บุญแล้ว”
ปาระนังกับราเชนต่างยิ้มขำ
“พรุ่งนี้น่าจะทะลุออกอีกด้านหนึ่ง”
นาฬิกาส่งเสบียงให้ไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์รับไว้
“ขอบคุณครับ”
“คิดว่ามาทัวร์ผจญภัยก็แล้วกัน”
“จะเรียกว่าทัวร์ฮันนีมูนก็ได้นะพี่นาฬิกา”
“เอ๊ย...”
“เอ๊ยอะไรอีกล่ะ ตกใจหมด”
“ผมเห็นบางอย่างแวบผ่านไปตรงโน้นครับ”
ทุกคนต่างมองกัน ปาระนังหันหน้ามอง ตั้งใจจับสัมผัส
“มีการเคลื่อนไหวจริงๆ”
ทุกคนต่างขยับตัวเตรียมพร้อม
“ทุกคนอยู่ในรัศมีกองไฟ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยค้นหาดูว่าเป็นอะไรกันแน่”
“ทุกคนพักผ่อนได้เต็มที่ พี่กับพี่ราเชนจะอยู่คอยระวัง” ปาระนังบอก
“ผมจะอยู่ช่วยครับ”
“นาฬิกาด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งข้างๆ บีมกับปิงปอง
“บีมคิดว่าเห็นอะไรเหรอ ไอ้ตัวนั่นหรือเปล่า” ปิงปองถามบีม
“ไม่ใช่หรอก ตัวมันเล็กๆ ผีมั๊ง” ปิงปองทุบบีมบึกเข้าให้
“นิสัยไม่ดี คนยิ่งกลัวผีอยู่”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาขำ บีมทำไม่รู้ไม่ชี้ ปิงปองโมโห กราดสายตาไปมาใจไม่ค่อยดี
“คุณนาฬิกาพักเถอะครับ” ไกรยุทธ์เอาแขนโอบไหล่นาฬิกา นาฬิกาซบที่อกของไกรยุทธ์ “หลับให้สบายนะครับ ผมจะระวังเอง”
“ขี้โม้ ไม่มีอะไรผ่านพี่ปาระนังกับพี่ราเชนเข้ามาได้หรอก”
“โห...จะเป็นพระเอกซะหน่อย”
นาฬิกายิ้มขำ ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ปาระนัง ไกรยุทธ์ บีม ปิงปอง นาฬิกา ราเชน เคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังสายตา ทุกคนกราดรอบๆ ทุกซอกทุกมุม ทุกแง่ก้อนหิน ทันใดนั้นเงาร่างเล็กๆ วิ่งผ่านวูบ ไปยังหลังก้อนหิน ไกรยุทธ์สะบัดมือปล่อยพลังออกไป แต่ปาระนังยกมือกันไว้ทำให้พลังไปกระแทกผนังถ้ำดังตูม
“ทุกคนอย่าเพิ่งลงมือ พี่ขอดูก่อน”
ปาระนังก้าวเท้าเข้าไปหลังก้อนหิน ในที่สุดสายตาก็กระทบเข้ากับใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารักแต่
มอมแมมเสื้อผ้าที่สวมใส่เก่าและขาด
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ”
เด็กกราดสายตาไปมาหาทางหนี แล้วพรวดออกไปอีกทาง แต่ปาระนังแวบไปดักจับไว้ได้ เด็กหญิงดิ้นส่งเสียงดัง
“ช่วยด้วย”
ทันใดนั้นก็มีก้อนหินพุ่งเข้ามาหลายก้อนเข้าใส่ทุกคน ราเชนสะบัดมือเป็นกำแพงมนต์กั้นพวกก้อนหินไว้ได้ ทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเด็กชายหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันสิบกว่าคนแต่งตัวมอมแมมต่างขว้างก้อนหินเข้าใส่ ปาระนังจึงตัดสินใจปล่อยเด็กหญิงวิ่งออกไปหาเด็กคนอื่นๆ เพียงครู่เดียวเด็กทั้งหมดก็สลายตัวไป
“เด็กพวกนั้นมาจากไหนกันแน่”
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัย
“สังเกตดูแต่ละคนมอมแมมหิวโซน่าสงสาร”
“มีอันตรายบางอย่างที่ทำให้เด็กต้องเข้ามาหลบในนี้”
“เหตุผลของไกรยุทธ์น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด”
“ไม่มีใครอยู่ให้ถามซะด้วย”
“พี่รู้แล้วว่าจะทำยัง”
ทุกคนต่างหันมาทางปาระนังตั้งใจฟัง
กองไฟสองสามกองมีไก่ย่างเสียบไม้อยู่เหนือกองไฟกองละสองตัว ส่งกลิ่นคลุ้ง มีร่างของเด็กชายคนหนึ่ง เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกินไก่เสียบไม้ตัวหนึ่งอยู่อย่างอร่อย สายตากราดไปทั่วเด็กหญิงค่อยๆ สะกิดเด็กชายให้หันไปมอง เด็กชายหันไปก็พบว่ามีใบหน้าของเด็กชายหญิงสิบกว่าคนค่อยๆ โผล่มาจากซอกหินและมุมต่างๆ ของถ้ำ
“ปิงปองว่าแผนของพี่ปาระนังที่ให้เราปลอมเป็นเด็กได้ผล พวกนั้นออกมาหาเรา”
“บีมว่าเป็นเพระกลิ่นไก่มากกว่า”
บีมซึ่งปลอมเป็นเด็กชายพูดจบก็กวักมือเรียกเด็กหญิงชายที่โผล่หน้าให้เข้ามา เด็กชายหญิงหลายคนค่อยๆเข้ามาใกล้ๆ บีมกับปิงปองต่างส่งไก่ให้คนที่ใกล้ตัว
“มากินกันให้อิ่ม มีเยอะ”
บีมหยิบไก่เสียบไม้สองตัวจากกองไฟ ทันทีที่บีมหยิบออกก็มีไก่อีกสองตัวปรากฏขึ้นมาแทนที่ ด้านข้างมุมหนึ่งของถ้ำ ปาระนัง ราเชน ไกรยุทธ์ และ นาฬิกา ต่างซุ่มตัวมองอยู่
“เราปล่อยให้บีมกับปิงปองสอบถามพวกนั้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“แผนพี่ปาระนังยอดจริงๆ”
ทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน มองเด็กๆ ซึ่งกินไก่ด้วยความหิวโหยอย่างเอร็ดอร่อย
ณัชชากับเอกภพเดินออกมาที่หน้าบ้านตรงชายหาด
“นึกไม่ถึง ฉันรู้สึกเหมือนแค่หลับตาได้แว๊บเดียวกลับกลายเป็นเช้าไปแล้ว”
“องค์หญิงร่างกายอ่อนแอเพราะมีมนต์เก้าภูตสังหารอยู่ในร่างไงละครับ”
ณัชชายิ้มไม่ตอบ เอกภพกราดสายตารอบๆ
“ฉันว่าเรารีบเริ่มพิธีกันดีกว่า”
“ผมพร้อมอยู่แล้วครับ”
“อย่างที่บอก เมื่อดาบเริ่มทำลายมนต์เก้าสังหารฉันจะถูกรบกวนไม่ได้”
เอกภพพยักหน้ารับสีหน้าเคร่งเครียด
“ถ้าเทพอาคินผ่านไปถึงองค์หญิง แสดงว่าชีวิตของผมจบแล้วเท่านั้น”
ณัชชามองเอกภพด้วยสายตาลึกซึ้งเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ซบอก ทั้งสองต่างอยู่ในวงแขนของกันและกัน
ทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน อึดใจณัชชาก็ถอยออก
“ดาบพิชิตมารเป็นของฉันคนเดียวไม่มีเทพหรือซาตานแม่มดหรือมนุษย์คนไหนแตะต้องได้ นอกจากฉันจะยอมให้”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ส่งมือคุณมาให้ฉัน” เอกภพส่งมือให้ณัชชา ณัชชารับมือเอกภพด้วยมือซ้าย “คุณไม่รังเกียจถ้าฉันจะขอเลือดจากฝ่ามือคุณซักหยดสองหยด”
“จากหัวใจของผมยังได้”
“คุณนี่เว่อร์น่าดู”
“เฉพาะกับองค์หญิงครับ”
“พร้อม”
เอกภพพยักหน้า ณัชชาสะบัดมือ ดาบพิชิตมารกลายเป็นมีดสั้นกระชับมือ ณัชชามองหน้าเอกภพ แล้วบรรจงเอาปลายมีดกรีดที่ฝ่ามือของเอกภพเห็นเลือดวิ่งเป็นทางตามรอยกรีด เอกภพได้แต่จ้องนิ่ง ณัชชาตวัดมีดสั้นกรีดที่ฝ่ามือตนบ้าง หลังจากนั้นก็จับมือของเอกภพประกบด้านบาดแผลเข้าหากัน
“หลั่งเลือดหมั้นกันเหรอครับ”
“ประมาณนั้น”
“หา...” เอกภพคาดไม่ถึง ณัชชายิ้ม
“ตกใจเลยเหรอ”
“คือ ไม่คิดว่าจะมีวาสนาครับ”
ณัชชายิ้มสะบัดมีดสั้นออกไปปักตรึงอยู่ที่ต้นมะพร้าว
“ทีนี้คุณเรียกมีดสั้นกลับมา”
เอกภพสีหน้าสงสัยแต่ก็ยื่นมือออกไป เห็นมีดสั้น เริ่มสั่นเล็กน้อยอึดใจก็หลุดจากต้นมะพร้าว เข้าใส่มือของเอกภพ เอกภพจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง
เอกภพจ้องที่มีดแล้วมองณัชชาสลับกัน
“โว่วไม่น่าเชื่อจริงๆ”
“ลองดูซิคะ” เอกภพสะบัดมีดสั้นสองสามครั้งมีดสั้นกลายเป็นดาบพิชิตมาร “ถ้าเทพอาคินมา แล้วฉันยังไม่รู้สึกตัวคุณสามารถใช้ดาบต้านเทพอาคินได้”
“หมายความว่ายังไงครับ ถ้าองค์หญิงไม่รู้สึกตัว”
“ถ้าฉันถูกรบกวนในระหว่างการทำลายมนต์เก้าภูตสังหารจนตกใจออกจากภวังค์ ฉันจะเป็นอันตรายแต่ถ้าฉันสะกดตัวเองหลับไปเลยอย่างน้อยก็ยังปลอดภัยแม้ว่าการแก้มนต์ยังจะไม่เสร็จสิ้นก็ตาม”
“วิธีนี้ผมสามารถพาองค์หญิงและดาบหนีไปได้อย่างสบาย”
“นั่นคือแผนที่ฉันเตรียมไว้”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ในถ้ำเด็กชายหญิงหลายคน ต่างนั่งบ้าง นอนบ้าง หลับอยู่ตามซอกหิน ด.ช.บีมกับ ด.ญ.ปิงปองค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากกลุ่มของเด็กๆ แล้วค่อยๆ ย่องออกมา
ด.ช.บีมกับ ด.ญ.ปิงปองเดินมาตามทางของถ้ำอึดใจหนึ่ง ร่างทั้งสองก็สั่นๆ ซ้อนกันแล้วกลายเป็นร่างของบีมและปิงปองยืนอยู่แทน ทั้งสองบิดตัวไปมาแก้เมื่อย ต่างหันมายิ้มให้กัน
“เมื่อยน่าดู”
“บีมว่าเป็นเด็กอีกก็หนุกดีเหมือนกันนะ”
“โห...ยังกะตอนนี้เป็นผู้ใหญ่เต็มที่”
ปิงปองพูดจบก็เดินออกไป บีมเหล่แล้วเดินตามไป
ทั้งคู่เดินมาหาปาระนัง ราเชน ไกรยุทธ์และนาฬิกา
“เด็กๆ พวกนี้มาจากหมู่บ้านซึ่งอยู่นอกปากทางออกอีกด้านหนึ่งของถ้ำ”
“เด็กๆ แอบเข้ามาอยู่ในถ้ำเพื่อหนีพวกแม่มด”
ทุกคนนั่งล้อมปิงปองกับบีม ต่างฟังอย่างไม่เชื่อหู
“พวกแม่มด”
ธิดาพญายม ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทุกคนต่างมองหน้ากันคาดไม่ถึง สีหน้าทุกคนต่างเคร่งเครียด
“ครับ เด็กๆ บอกว่ามากันสองตัว”
“ตอนหลังนี่พวกมันไม่มา แต่ส่งพวกทาสของพวกมันมาไล่จับเด็กๆ แทนมีสองสามคนที่พี่น้องถูกจับไป”
“ที่แท้ที่เราเห็นคือพวกตองกอยทาสของแม่มดนี่เอง”
“ยี้ ตัวก็น่าเกลียด ชื่อก็น่าเกลียด”
ทุกคนอดยิ้มขำปิงปองไม่ได้
“เด็กๆ บอกว่าต้องอยู่กันอย่างเงียบๆ ถ้าเด็กๆ เล่นกันหรือคุยกันเสียงดังเมื่อไหร่พวกมันจะรู้ และโผล่มาตามล่าทุกคน”
“ที่มันเคาะผนังถ้ำ เพราะหาเด็กๆ นี่เอง”
ปาระนังหันมามองราเชน ราเชนคิดสีหน้าเคร่งเครียด
“น่าจะเป็นสามแม่มดแห่งทิศปัจฉิม แปลกที่มีแค่สอง”
“เรื่องราวเป็นยังไงคะพี่ปาระนัง”
“สามแม่มดแห่งทิศปัจฉิม มีอายุหลายร้อยปีแต่ยังอยากคงความสวยงามไว้”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเด็กๆ พวกนี้ด้วย”
“แม่มดพวกนี้คิดว่า ลมหายใจบริสุทธิ์ของเด็กๆ จะทำให้คงความสาวความสวยไว้ได้”
“ใช้พลังดูดลมหายใจออกจากร่างจนหมด”
ปาระนังพยักหน้า ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
“เลวที่สุด”
“ไอ้พวกทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้ ปล่อยไว้ไม่ได้”
“พวกเราจะจัดการกับมันอย่างแน่นอน”
“บีมกับปิงปอง กลับไปอยู่กับพวกเด็กๆ บอกว่าไม่ต้องกลัว บอกเด็กทุกคนว่าจะมีคนมาช่วย และจะหาทางช่วยคนที่ถูกจับไปกลับมาให้ได้”
“ได้ค่ะ”
“อย่าลืมไก่ย่างด้วยนะครับ พี่ปาระนัง เด็กๆ ชอบครับ”
“เด็กหรือบีมชอบกันแน่”
ทุกคนต่างยิ้มขำบีม
ร่างของณัชชานอนอยู่บนเตียงในห้องนอน ดาบพิชิตมารวางอยู่บนหน้าอก ดาบค่อยๆ ลอยขึ้นแล้วกระจายรังสีปกคลุมร่างของณัชชา ณัชชาหลับตาพริ้มนิ่งสนิท เอกภพยืนมองอย่างห่วงใย
เอกภพเดินไปมาอยู่ในห้องรับแขก กำลังคุยโทรศัพท์สายอยู่กับเจนศักดิ์
“ผมต้องการเจ้าหน้าที่ที่คุณไว้ใจได้ ทั้งหมดพร้อมอาวุธเต็มพิกัดมาที่บ้านพักชายหาดของผมเร็วที่สุด”
“ผมเตรียมทุกคนพร้อมอยู่แล้วครับ”
“ขอบคุณมาก”
เอกภพวางสาย หันไปมองทางประตูห้องนอน สีหน้าเคร่งเครียด
เอกภพยืนอยู่หน้าห้องนอน ตรงหน้าคือโต๊ะกินข้าว บนโต๊ะกินข้าวมีปืนกลสองสามกระบอก ระเบิดสี่ห้าลูกแมกบรรจุกระสุนเรียงอยู่เป็นสิบ
“ดีที่องค์หญิงยังมีพลังดึงอาวุธพวกนี้ออกมาให้เราก่อน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเอกภพก้าวออกมาจากหลังโต๊ะกินข้าวไปเปิดประตู ร่างของเจนศักดิ์ก้าวเข้ามา
“ผมได้มาสิบคนครับ กระจายซุ่มตัวอยู่รอบบ้านสามารถปรากฏตัวได้ทันที ถ้ามีการบุกรุก ส่วนตัวผมจะอยู่ที่นี่กับผู้กอง”
“งั้นก้อ ตามสบายเลย”
เจนศักดิ์ยิ้มถอดเสื้อแจ็คเก๊ตออกเห็นเสื้อกันกระสุนใส่ทับเสื้อยืดสีดำอยู่ พลันแสงสะท้อนวูบ ที่แท้เป็นสร้อยห้อยเขี้ยวเสือ เอกภพจ้องอย่างสนใจ เจนศักดิ์เอาเสื้อพาดไว้บนเก้าอี้แล้วหันมาสังเกตเห็นเอกภพจ้องที่เขี้ยวเสือ“อ้อ...เขี้ยวเสือของคุณพ่อผมให้ไว้เองครับ ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่”
“อืม...ของเก่าแก่ ขอดูหน่อยซิ”
“เชิญครับ”
เจนศักดิ์ถอดสร้อยส่งให้เอกภพ เอกภพรับมาดูแต่แล้วถึงกับคาดไม่ถึง
“นายบุญ” เอกภพพึมพำออกมา
เอกภพจ้องเขี้ยวเสือในมือนิ่งนานที่แท้คือเขี้ยวเสือที่ห้อยคอนายบุญที่ใส่ไว้ให้ลูก แล้วเอกภพก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ได้เจอกับนายบุญระหว่างผ่านกาลเวลา
“ฉันจะไปพร้อมกับบุญ”
ชายฉกรรจ์พยักหน้าแล้วนำทั้งหมดออกไป บุญเข้าไปหาบัว อุ้มเด็กมากอดแล้วส่งให้บัวอุ้มไว้
“เอ็งดูแลลูกให้ดี บอกมันว่าพ่อมันไปสู้ศึกป้องกันแผ่นดิน”
บัวพยักหน้าร้องไห้เอกภพได้แต่ถอนใจ บุญเอามือลูบหัวเด็กแล้วถอดสร้อยที่คล้องคอให้กับเด็กมีเขี้ยวเสือห้อยอยู่ แล้วหันมาทางเอกภพ
“ไป...เอ็งไปกับข้า”
เอกภพพยักหน้า ทันใดนั้นเอกภพต่อยบุญเข้าที่ปลายคาง บุญล้มสลบไป บัวร้องด้วยความตกใจอุ้มเด็กถอยไปเอกภพสีหน้าเคร่งเครียด
“ฉันไม่ทำอะไรหรอก”
“แก...แก...”
“เอาเชือกล่ามมันไว้สามวันแล้วให้มันพาไปกรุงศรีเพราะบางระจันจะล่มไม่มีใครรอด” บัวพยักหน้าหงึกๆ ยังตกใจอยู่ เอกภพยิ้มเข้ามาลูบหัวเด็ก “พ่อหนูเป็นคนกล้าหนูโตแล้วอย่าคิดขายแผ่นดิน”
เอกภพหันเดินจากไป บัวอุ้มเด็กมองตามน้ำตาไหลซึม
กลับมาปัจจุบัน เอกภพยิ้ม
“ผมมั่นใจว่าคนในตระกูลของคุณทุกคนเป็นคนกล้าหาญสละชีวิตเพื่อหน้าที่และแผ่นดิน” เอกภพส่งสร้อยคืนเจนศักดิ์ “คุณควรภูมิใจ”
“ครับ”
เจนศักดิ์ใส่สร้อยกลับอย่างเดิม เดินออกไป เอกภพมองตามยิ้มอย่างชื่นชม
“ที่แท้เจนศักดิ์เป็นลูกหลานนายบุญ นายบุญ ลูกหลานนายบุญเป็นคนดีไม่เสียชาติเกิดจริงๆ”
ประตูห้องสมาธิของอาคิน เปิดออกอย่างช้าๆ ควันดำพวยพุ่งออกมา จากนั้นร่างของอาคินก็ปรากฏ อาคินกราดสายตาไปทั่ว ควันดำม้วนตัวกลับเข้าร่างอาคิน อำนาจกับพวกมือปืนห้าคนยืนเรียงรายระวังอยู่หน้าห้อง อาคินมีสีหน้าสงสัยกราดสายมองทุกคน
“ท่านอาคิน คือ...ท่าน”
อาคินจ้องอำนาจเขม็ง อำนาจถึงกับพูดไม่ออก
ร่างของอำนาจกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น อำนาจค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นมาอย่างลำบากอยากเย็น อาคินเดินเข้ามาใกล้ตวัดมือขึ้นแต่สังเกตเห็นบนใบหน้าอำนาจมีแผลที่เกิดจากณัชชาตบ อาคินจึงหยุดมองอึดใจ
“พวกเราไม่สามารถต้านองค์หญิงณัชชาได้สูญเสียนับสิบ” อำนาจบอก
“องค์หญิงรู้ได้ยังไงว่าดาบอยู่ที่นี่”
“คือ...ตอนที่องค์หญิงเปิดประตูออกผมเห็นดาบพุ่งเข้าหาองค์หญิงทันที แสดงว่าดาบอาจจะนำองค์หญิงมาที่นี่ก็ได้”
อาคินจ้องรอยดาบที่แก้มของอำนาจ
“อืม...เรื่องนั้นก็จริง แต่มาตอนที่ข้านั่งสมาธิพอดีนี่ซิข้าสงสัย”
อาคินจ้องอำนาจ
“ผม...ผม...ว่าเป็นความบังเอิญมากกว่าท่านองค์หญิงท่าทางไม่แข็งแรง คงเร่งลงมือหาดาบให้เร็วที่สุด คือคงไม่ได้สนใจว่าท่านจะนั่งสมาธิหรือเปล่า”
“ข้านึกว่าเจ้าจะโง่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะคิดได้มีเหตุผลดี” ทันใดนั้นอาคินหันควับไปทางหนึ่ง “องค์หญิงยังอยู่ที่นี่”
“เป็นไปได้ยังไง องค์หญิงไปตั้งนานแล้วไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้” อำนาจบอกอย่างตกใจเพราะกลัวว่าณัชชาจะบอกเรื่องที่ตนเก็บดาบไว้ อาคินยกมือห้าม
“ข้าสัมผัสพลังของดาบพิชิตมารพวกเจ้าตามข้ามา”
ในถ้ำ ด.ช.บีมแจกไก่ย่างให้กับเด็กๆ ที่ล้อมวงกันตรงหน้า เด็กๆ รับมากินกันอย่างอร่อย
“ทุกคนฟังทางนี้”
เด็กทุกคนหันไปก็พบว่า ด.ญ. ปิงปอง ยืนอยู่ด้านหลังคือปาระนัง ราเชน ไกรยุทธ์และนาฬิกา ด.ช. บีมเดินเข้ามายืนคู่กับ ด.ญ. ปิงปอง
“นี่คือพี่ๆ ที่จะมาช่วยพวกเรา”
เด็กๆ ทุกคนต่างเฮ ทันใดนั้นร่างของ ด.ช.บีมแล ด.ญ.ปิงปอง สั่นสะท้านและกลายเป็นบีมกับปิงปองขึ้นมาเด็กๆ ต่างเฮ ปาระนังและทุกคนต่างยิ้มอย่างพอใจ
ในถ้ำ เด็กๆ นั่งพิงถ้ำเป็นกลุ่มๆ ตามผนังถ้ำและมุมหิน หลับกันหมด บีมออกมาจากมุมหนึ่งในซอกถ้ำ ตรวจเด็กๆ ที่นั่งหลับอยู่ แล้วเดินมานั่งกับปิงปองที่นั่งมองเด็กๆห่างออกไป
“สงสารเด็กๆ พวกนี้ คงเพิ่งจะได้หลับสนิทเป็นครั้งแรก”
“พี่ๆ หายไปไหนกันหมด”
“พี่ราเชนกับพี่ปาระนัง ระวังอยู่ใกล้ปากถ้ำ พี่นาฬิกากับพี่ไกรยุทธ์ ระวังอยู่หลังถ้ำ”
“ปิงปองพักก็ได้นะ บีมอยู่ทั้งคนสบายมาก”
“ไม่เป็นไรหรอก ปิงปองอยู่เป็นเพื่อนบีม”
“เห็นเด็กพวกนี้แล้วก็คิดถึงตัวเองไม่ได้ บีมไม่เคยเห็นคุณพ่อกับคุณแม่เลย”
“ปิงปองดีหน่อย คิดว่าเคยนะ”
“ปิงปองจำอะไรเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ได้หรือเปล่า”
“อืม จำได้รางๆ นะ ตอนนั้นปิงปองอายุแค่ 3-4 ขวบ”
ปิงปองบอกแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ภายในบ้านหรูหลังหนึ่งปิงปองซึ่งตอนนั้นอายุ 4 ขวบกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามหญ้ากับหญิงสาวหน้าตาสวยคนหนึ่ง แต่แล้วก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ปิงปองมานี่ลูก”
เด็กหญิงปิงปองวิ่งไปหาชายคนนั้นอย่างดีใจ ชายคนนั้นอุ้มเด็กหญิงปิงปองขึ้นมาหอมแก้มด้วยความรัก หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ถึงเวลาแล้ว”
เด็กหญิงปิงปองร้องให้อยู่ในอ้อมแขนของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นอาของปิงปอง ชายคนนั้นยกมือเรียก ชายหญิงที่เป็นพ่อแม่ของปิงปองเดินมาจ้องเด็กหญิงปิงปองเป็นครั้งสุดท้าย แล้วต่างก็รีบไปขึ้นรถขับออกไป เด็กหญิงปิงปองร้องไห้โบกมือเรียก ทันใดนั้นมีประกายพลังออกมาจากมือของเด็กหญิงปิงปอง ชายที่เป็นอารีบจับมือของเด็กหญิงปิงปองไว้
กลับมาปัจจุบัน
“นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่จำได้ หลังจากนั้นก็อยู่กับคุณอามาตลอด” ปิงปองบอก บีมถอนหายใจ
“เป็นเทพนี่ไม่ดีเลยนะ”
“แล้วบีมล่ะ”
ขณะนั้นราเชนกับปาระนังยืนระวังอยู่หน้าถ้ำ ราเชนกราดสายตา ทันใดนั้นก็เห็นแสงแวบออกมาจากมุมผนังถ้ำราเชนขยับตัว ปาระนังรีบถาม
“อะไรเหรอคะ”
“มีบางอย่างเคลื่อนไหว”
ราเชนนำปาระนังเดินไปยังจุดที่เห็น
ในถ้ำมุมที่มีแสงปรากฏ เห็นแสงแวบๆ ออกมาจากผนัง ราเชนกับปาระนังเดินเข้ามาทั้งสองต่างมองหน้ากัน แล้วเพ่งมองผนังอย่างระวัง
“ประตูกล”
“เราอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า เดี๋ยวจะหลุดไปที่อื่น” ราเชนมีสีหน้าครุ่นคิด
“ปรกติประตูกลจะปิดไม่ปรากฏให้เห็นง่ายๆ อันนี้เหมือนกับว่าเปิดอยู่”
“ถ้ายังงั้นไม่ดีแน่”
“ขืนปล่อยไว้อาจจะมีตัวอะไรโผล่มา พี่จะเข้าไปดู เผื่อว่าจะได้หาทางป้องกันได้ ปาระนังรอคอยระวังเด็กๆ อยู่ที่นี่”
“ระวังจะกลับมาไม่ได้นะคะ”
“งั้นพี่จะลงมนต์เอาไว้ จะได้เข้าออกกลับมาทางเดิม” ราเชนยกมือขวาขึ้นตั้งมือตรงหน้าท่องมนต์ แล้วปล่อยพลังออกไปเป็นเส้นสีแดงเหมือนรังสีปรากฏอยู่รอบประตูกล “เรียบร้อยจ้ะ” ปาระนังยิ้มให้ “เดี๋ยวพี่มา”
ราเชนขยับตัว ค่อยๆ ก้าวผ่านผนังประตูกลเข้าไป ปาระนังกระชากดาบออกมาเตรียมพร้อม
ภายในถ้ำบีมกับปิงปองยังนั่งคุยกันอยู่
“ตอนเด็กบีมจำได้ก็อยู่กับคุณอาแล้ว”
“แต่ปิงปองได้ยินบีมคุยถึงคุณแม่นี่”
“ใช่ คุณแม่โทรมาคุยด้วย บ่อยๆ ตอนบีมโตคุณแม่บอกว่าบีมต้องอยู่กับคุณอาไปก่อนจนกว่าจะถึงเวลา บีมเคยถามว่าทำไม แต่พอเวลาผ่านไปเลยเลิกถาม”
“สุดท้ายความจริงก็เปิดเผยจนได้”
“ใช่ เป็นเพราะเทพอาคินตัวแสบนี่เอง เลวจริงๆ สมน้ำหน้าต้องระเหเร่ร่อนไม่มีสวรรค์จะอยู่ กรรมตามสนองทันตา” ปิงปองอดขำไม่ได้ ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน “แต่บีมก็ดีใจ ที่ได้มาผจญภัยกับปิงปอง กับทุกๆ คน”
“ปิงปองก็เหมือนกัน”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน บีมยกมือเป็นความหมายให้ตี ปิงปองยกมือขึ้นมาตีด้วย แต่แล้วบีมจับมือปิงปองไว้ ปิงปองยิ้มให้ ทั้งสองจับมือกันยิ้มให้กัน
ภายในประตูกล ราเชนก้าวเข้ามาด้านใ ก็ถึงกับแปลกใจ ตื่นตาตื่นใจ เพราะเป็นสวนสวยงาม ราเชนเดินผ่านต้นไม้ดอกไม้สวยเข้ามาก็คาดไม่ถึง เพราะตรงกลางสวนสวยมีเตียงสวยตั้งตระหง่านตรงกลาง บนเตียงกับเป็นร่างของปาระนังนั่งอยู่บนเตียงส่งยิ้มมาให้ ราเชนเหมือนไม่ได้สติเดินตรงเข้าไปหา
อีกด้านหนึ่งภายในถ้ำด้านหลัง ไกรยุทธ์ซุ่มอยู่หลังก้อนหินใกล้ปากทางด้านหลังถ้ำ กราดสายตาไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง นาฬิกาเดินเข้ามาใกล้กราดสายตามองตามสายตาของไกรยุทธ์
“มีอะไรเหรอคะ”
“ผมได้กลิ่นประหลาด” ไกรยุทธ์กราดจมูกจับกลิ่น
“ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย”
“ต้องเป็นกลิ่นพวกมันแน่ๆ นั่นไง”
“ไหนคะ”
“คุณต้องมองตามสายตาผม ทางนี้ครับ”
นาฬิกาเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของไกรยุทธ์เพื่อกราดตามองตามสายตาของไกรยุทธ์
“ไม่เห็นอะไรเลย”
“กลิ่นแรงขึ้น” ไกรยุทธ์สูดกลิ่น นาฬิกากราดสายตาไปมาสีหน้าเคร่งเครียด “กลิ่นมันใกล้เข้ามาแล้ว” นาฬิกายิ่งกราดสายตาไปมามองไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้นไกรยุทธ์หันหน้ามาหอมแก้มนาฬิกาเข้าฟอดหนึ่ง “อยู่นี่เอง”
นาฬิกาสะดุ้งตกใจไกรยุทธ์หัวเราะชอบใจ นาฬิกาทุบเป็นพัลวันไกรยุทธ์เอามือกันหัวเราะขำ แต่แล้วไกรยุทธ์ก็
หยุดสีหน้าเคร่งเครียด
“มีความเคลื่อนไหว”
“อย่ามาหลอก”
ไกรยุทธ์จับนาฬิกาดึงลงให้หลบหลังก้อนหิน สายตาจ้องไปข้างหน้า นาฬิกาจ้องตามถึงกับตื่นเต้นเมื่อเห็นพวกตองกอยเดินถือไม้กวาดออกจากราวป่ามาสองสามตัว ค้นหาตรวจตรา ตามจุดต่างๆ
“รีบไปบอกพี่ราเชนกับพี่ปาระนัง”
นาฬิกาพรวดออกไป ไกรยุทธ์จ้องเขม็ง ตวัดมือสองข้างไปทางด้านหลังตวัดกลับมา มือขวาถือปืน มือซ้ายถือมีดที่ราเชนให้ไว้อยู่ในมือ เตรียมพร้อม
นาฬิกาเคลื่อนตัวเข้ามาในถ้ำอย่างรวดเร็ว จนมาถึงตรงที่บีมกับปิงปองนั่งกันอยู่
“พี่นาฬิกา” ปิงปองเรียก นาฬิกายกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากไม่ให้ออกเสียง
“อะไรเหรอครับ” บีมถามเสียงเบา
“พวกตองกอย รีบปลุกเด็กๆ ให้หลบกันก่อน พี่จะไปตามพี่ปาระนังกับพี่ราเชน” บีมกับปิงปองพยักหน้า “เบาที่สุด อย่าให้มีเสียง”
นาฬิกากำชับแล้วพรวดออกไป บีมกับปิงปองต่างพยักหน้าให้กัน แล้วแยกย้ายกันไปปลุกเด็กที่นอนหลับกันอยู่ ให้ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา พร้อมทำสัญญาณมือให้แยกย้ายกันหลบ
ภายในประตูกลราเชนเดินเข้ามาหาปาระนัง
“ปาระนัง”
“ท่านพี่”
ปาระนังส่งมือให้ราเชน ราเชนรับมือของปาระนัง ปาระนังดึงร่างของราเชนขึ้นมานั่งคู่กันบนเตียง
“เจ้ามาได้ยังไง”
“เราเดินทางมาเหนื่อยยาก เทพยดาคงให้เรามาพบสถานที่นี้ตามลำพัง เพื่อให้เรามีความสุขร่วมกัน”
ราเชนยิ้มจ้องมองปาระนังอย่างหลงใหล
นอกประตูกล ขณะนั้นปาระนังถือดาบยืนกราดสายตาไปมา คอยระวัง ทันใดนั้นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หันไปก็เห็นนาฬิกาเคลื่อนตัวเข้ามา
“นาฬิกา”
“พี่ราเชนล่ะ”
“เพิ่งเข้าไปในประตูกลเมื่อกี้นี้เอง มีอะไรเหรอ”
“พวกตองกอย 3 ตัว ด้อมๆ มองๆ ตรงหลังถ้ำ พี่ไกรยุทธ์ระวังอยู่”
“งั้นเราเข้าไปตามพี่ราเชนกันดีกว่า”
“แล้วเราจะกลับมาที่ได้เหรอคะ”
“ได้จ้ะ พี่ราเชนวางมนต์ไว้แล้ว เข้าออกได้ทางเดียวกัน”
ภายในประตูกล ปาระนังยิ้มหวานดึงร่างของราเชนเข้ามาใกล้ ใบหน้าทั้งสองเคลื่อนเข้าใกล้กัน ในที่สุดก็แนบสนิทจุมพิตกัน ร่างทั้งสองต่างแนบสนิทอยู่ในภวังค์อันหวานชื่นดื่มด่ำ แต่แล้วพอพลิกร่างกลับขึ้นมาร่างของปาระนังก็
เปลี่ยนเป็นสีดำสนิททั้งตัวทับอยู่บนร่างของราเชน ราเชนไม่รู้ตัวกอดรัดอยู่ ทันใดนั้นร่างหญิงดำยกมือขึ้นสูงเห็นกรงเล็บยาวหน้ากลัว พร้อมที่จะตะปบลงมาที่คอของราเชนที่ยิ้มอยู่ในภวังค์อย่างมีความสุข
ทันใดนั้นร่างของปาระนังกับนาฬิกาปรากฏ ปาระนังตวัดดาบปล่อยพลังเข้าใส่ ร่างของหญิงสาวสีดำร้องโหยหวนดิ้นไปมา นาฬิกาจ้องอย่างตื่นเต้น สุดท้ายร่างของหญิงชุดดำก็สลายตัวหายไป ร่างของราเชนเด้งพรวดขึ้นมาจากเตียง มองปาระนังกับนาฬิกาอย่างแปลกใจ
“ปาระนัง นาฬิกา”
ปาระนังพรวดเข้ามาที่ราเชน เอาฝ่ามือซ้ายวนตรงหน้าของราเชน ตรวจดู ราเชนรู้สึกตัวกลับมา
“ปลอดภัยแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านพี่ถูกมนต์นางพรายดำ”
“โชคดีเรามาได้ทันพอดี”
“เราต้องรีบ พวกตองกอยกลับมาอีกแล้วค่ะ”
ด้านหลังถ้ำ ไกรยุทธ์จ้องพวกตองกอยที่เดินใกล้เข้ามาทุกที ปืนในมือพร้อม แต่แล้วพวกตองกอยกลับแหงนหน้ามองท้องฟ้าท่าทางตื่นเต้น ไกรยุทธ์มองตามเห็นบนท้องฟ้ามีพวกฝูงอีกาบินผ่านมาส่งเสียงร้องก้อง พวกตองกอยต่างเคลื่อนไหวลนลาน ในที่สุดพวกมันก็พากันเคลื่อนเข้าราวป่าไป ไกรยุทธ์ผ่อนลมหายใจโล่งอก
“โชคดีที่สาวกอาคินบินผ่านมา พวกมันเลยถอยกันไปหมด” ไกรยุทธ์บอกกับทุกคน
“ต้องขอบใจพวกตองกอยที่มาทำให้เราตามพี่ราเชนเข้าไปได้ทันท่วงที” ปาระนังบอก
“นางพรายดำคืออะไรคะพี่ปาระนัง” นาฬิกาถามอย่างสงสัย
“เป็นพวกภูตหญิงชนิดหนึ่งที่สูบเลือดมนุษย์เป็นอาหาร มีมนต์สามารถสะกดให้เหยื่อเห็นสิ่งที่คิดอยู่ในใจ”
“นี่คือสาเหตุที่พี่เห็นปาระนัง จนหลงกล ไม่รู้ตัว”
“ฮั่นแน่ ที่แท้แบบนี้เอง” ปิงปองแซว ทั้งหมดต่างยิ้มขำ
“บีมกับปิงปองเก่งมาก ที่ช่วยดูแลเด็กๆ ไม่ให้แตกตื่น” นาฬิกาบอก ทั้งหมดต่างหันไปมองพวกเด็กๆ ที่นั่งอยู่ตามมุมต่างๆ
“ผมบอกเด็กๆ ว่าถ้าเงียบๆ จะได้กินไก่ย่างอีกน่ะครับ”
“นึกแล้ว”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำ
“ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวพี่จะจัดการให้เต็มที่เลย”
“เย้...”
“เราจะเสียเวลารอนานไม่ได้ เราต้องล่อพวกตองกอยออกมา ให้มันนำเราไปหาพวกนางแม่มด กำจัดให้ได้โดยเร็ว” ราเชนบอก
“ปิงปองกับบีมต้องกลายร่างเป็นเด็กออกไปล่อพวกมัน”
“บีมสู้อยู่แล้วครับ”
“ปิงปองก็สู้ค่ะ”
“สำคัญพี่พี่ต้องตามบีมกับปิงปองให้ทันนา”
“ไม่ต้องห่วงน่าบีม ปล่อยพลังไก่ย่างออกมาให้แรงๆ ก็แล้วกัน”
ทุกคนขำกัน บีมขำไม่ออก ปิงปองจับมือบีม
“ไปบีม เราออกไปเล่นข้างนอกกัน”
ปิงปองลากบีมออกไป นาฬิกาหันมาทางพวกเด็กๆ ที่ยืนอยู่รอบๆ
“ทุกคนแอบให้ดี เหมือนอย่างที่เคยทำ ห้ามออกมา พี่จะไปจัดการกับพวกแม่มด”
“เย้”
“รีบหลบไปได้แล้ว”
เด็กๆ ต่างแยกย้ายกันหลบหายไปจนหมด
ทั้งหมดยิ้มกันอย่างพอใจ แล้วเดินตามปิงปองกับบีมไป
เสียงเด็กหัวเราะและคุยกันดังล่องลอยอยู่ในบรรยากาศท้องฟ้าอันสดใส ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างของสามเงา
บินเข้ามาในท้องฟ้า เป็นพวกตองกอยทาสของแม่มด พวกมันขี่ไม้กวาดร่อนกันลงมา หน้าตาเหมือนชายแก่ แต่ร่างกายผอมปราดเปรียวใส่เสื้อผ้าเก่าขาดรุ่งริ่ง พวกมันร่อนลงมาที่พื้น เห็นเด็กชายกับเด็กหญิงสองคนกำลังเล่นอยู่ตรงลานบริเวณหน้าปากถ้ำ มันส่งเสียงคำราม ชี้กันให้พวกมันดูแล้วพากันวิ่งลงมายังลานเบื้องล่าง
หน้าลานปากถ้ำ ด.ช. บีมกับ ด.ญ.ปิงปอง วิ่งเล่นไล่จับกันอยู่ตรงลาน แต่แล้วก็หยุดหันมาเจอสาวกแม่มดสามตัว ยืนถือไม้กวาดจ้องมา
“หน้าตาน่ากลัว ไม่ให้เล่นหรอก”
พวกตองกอยต่างมองกันด้วยความสับสน
“ไป ชิ่วๆ”
พวกมันต่างส่งเสียงคำราม แล้วปราดเข้ามาคว้าตัวบีมกับปิงปอง แต่บีมกับปิงปอง แวบหายไปโผล่ข้างหลังพวกมัน
“ผู้ใหญ่รังแกเด็ก ช่วยด้วย”
ขณะนั้นปาระนังกับนาฬิกาแอบซุ่มอยู่อีกด้านหนึ่ง ราเชนกับไกรยุทธ์ซุ่มอยู่หลังก้อนหินอีกด้านหนึ่ง ทั้งหมดจับตามองไม่กระพริบ
“ช่วยด้วย”
พวกมันคำรามแล้วสะบัดมือออกมาเห็นเป็นตาข่ายคลุมร่างด.ช. บีมกับด.ญ.ปิงปองเอาไว้ได้ ด.ช.บีมกับด.ญ.ปิงปอง ต่างดิ้นแต่ไม่หลุด พวกมันหัวเราะก้องแล้วคว้า ด.ช.บีมกับด.ญ.ปิงปอง ขึ้นไม้กวาดไปกับมัน พุ่งออกไป นาฬิกาขยับตัว แต่ปาระนังเอามือกันไว้
“เดี๋ยวก่อน”
พวกมันหันมาตามเสียง มันกราดสายตาไปมา ปาระนังกับนาฬิกาเบี่ยงตัวหลบลึกเข้าไป มันกราดสายตาอยู่ครู่หนึ่งก็ขึ้นไม้กวาดขี่พุ่งออกไป
“ทีนี้เราก็แค่ตามพลังของบีมกับปิงปองไป”
ร่างของอาคินปรากฎที่หน้าบ้านชายหาด ระหว่างนั้นมีเรือเร็วกับเจ็ทสกีวิ่งมาจากทะเล พุ่งเข้ามาจอดที่ชายหาดหน้าบ้านพัก อำนาจและมือปืนนับสิบลงมาจากเรือเร็ว เดินเข้ามาสมทบกับอาคิน
“องค์หญิงณัชชาอยู่ในบ้านหลังนั้น”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ พวกมือปืนทรุดไปสอง เป็นพวกหน่วยพิเศษยิงสาดกระสุนมา
“ผู้กองเอกภพก็อยู่ด้วย”
“บุกเข้าไป”
พวกมือปืนต่างกระจายกำลังบุกเข้าไป สาดใส่พวกหน่วยพิเศษที่ซุ่มอยู่ตามตัวบ้านยิงกราดสกัดออกมาจากตัวบ้าน ต่างสาดยิงอย่างดุเดือด อาคินยิ้มเยือกเย็นเดินตรงเข้าไปยังตัวบ้าน สะบัดมือปล่อยพลังแสงเข้าใส่พวกเจ้าหน้าที่ ระเบิดตูมๆ เจ้าหน้าที่กระเด็นกระจัดกระจายต่างถอยเสียขบวน
“ลุยจัดการให้หมด”
พวกมือปืนไล่ล่าพวกเจ้าหน้าที่ อาคินมองไปบนบ้าน ยิ้มเยือกเย็นแล้วแวบหายไป
ร่างของอาคินปรากฎบนบ้าน แต่ก็เซไปมาเพราะถูกกระสุนปืนสาดยิงใส่ เป็นฝีมือของเอกภพกับเจนศักดิ์นั่นเอง ทั้งสองยืนอยู่หลังโต๊ะที่ขวางหน้าประตู ต่างสาดยิงเข้าใส่อาคิน อาคินยกมือสองข้างขึ้นเป็นม่านแสงบังกระสุนไว้ได้หมด อาคินยิ้มอย่างเยือกเย็น เดินเข้าหาเอกภพกับเจนศักดิ์ ที่กำลังสาดยิงแต่เริ่มเสียเปรียบ
“ผู้กองรีบพาองค์หญิงหนีไปก่อน”
เอกภพยิงสาดแล้วถอยเข้าไปในห้อง เจนศักดิ์ยิงสกัดเสียงปืนดังสนั่น อาคินยิ้มเยือกเย็น
เอกภพพรวดเข้ามาในห้องเห็นร่างของณัชชาหลับสนิทอยู่บนเตียง ดาบพิชิตมารลอยอยู่เหนือร่างของณัชชา
เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ด้านนอก เอกภพตัดสินใจสะบัดมือออกไป ดาบพิชิตมารพุ่งเข้ามาอยู่ในมือของเอกภพ แต่แล้ว ร่างของแม่มดสาวันนาปรากฏขึ้น
“สาวันนา ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“ผู้กองไม่มีทางพาองค์หญิงหนีพ้นพลังจากดาบขององค์หญิงบอกตำแหน่งได้เป็นอย่างดี”
“อาคินสามารถจับพลังของท่านได้เช่นกัน”
“พลังของดาบเหนือกว่าพลังของเราถ้าหากว่าผู้กองนำดาบไปอีกทางหนึ่งเทพอาคินย่อมติดตามท่าน” เอกภพสีหน้าเคร่งเครียด เสียงปืนดังสนั่นมาจากด้านนอก “ผู้กองไม่ต้องห่วง เมื่อองค์หญิงปลอดภัยดาบจะนำผู้กองกลับมาหาองค์หญิงเองที่สำคัญผู้กองต้องหนีอาคินให้พ้นจากกาลเวลานี้เท่านั้น”
เอกภพจ้องณัชชาที่หลับอยู่สีหน้าเคร่งเครียด
“ได้ ตามนั้น” เสียงปืนดังสนั่นเข้ามา “รีบพาองค์หญิงไป”
แม่มดสาวันนาเอามือจับร่างของณัชชา อึดใจก็แวบหายไป เอกภพกราดสายตาไปมา สายตามองไปยังหน้าต่าง เสียงปืนดังอยู่หน้าห้อง เอกภพสีหน้าเคร่งเครียด
ธิดาพญายม ตอนที่ 11 (ต่อ)
เจนศักดิ์สาดกระสุนปืนเข้าใส่อาคินจนกระสุนหมด แล้วคว้าปืนกลสองกระบอกบนโต๊ะที่เอกภพเตรียมไว้ ขึ้นมาสาดใส่อาคินอย่างสุดฤทธิ์ อาคินยิ้มเยาะแล้วขยับมือปล่อยเป็นพลังแสงพุ่งเข้าใส่ เจนศักดิ์พุ่งตัวออกหลบออกไปพลังแสงกระแทกโต๊ะกระจัดกระจาย ควันฟุ้งท่วม พอควันจางร่างเจนศักดิ์หายไปแล้ว อาคินยิ้มเยาะแวบไปตรงหน้าประตูห้อง ยกมือกระแทก บานประตูหลุดกระเด็น อาคินยิ้มอย่างสะใจ
เอกภพมัดผ้าคลุมหัวแล้ววิ่งพุ่งตัวออกจากหน้าต่าง ออกไปอย่างรวดเร็วตัวม้วนสวยงามแล้วพรวดเข้าไปหลบอยู่หลังต้นไม้สายตาจ้องมองตัวบ้านอย่างตื่นเต้น
อาคินขยับตัวก้าวเข้ามาในห้อง สายตามองไปเห็น บนเตียงมีระเบิดวางอยู่ส่งเสียงดังตื๊ดๆๆ แสงไฟกระพริบวิบๆ อาคินจ้องคาดไม่ถึง กราดสายตาไปที่หน้าต่างซึ่งเปิดอยู่
เอกภพตอนนี้มีผ้าคลุมหัวเพื่อ ปลอมเป็นณัชชา ยืนอยู่หลังต้นไม้ ในมือถือเครื่องกดระเบิด
“อัสตะละวีสต้า เบบี้”
มือเอกภพกดสวิทช์ระเบิด ภายในห้องอาคินมีสีหน้าแค้นใจ ทันใดนั้นระเบิดตูมไฟท่วม
เอกภพยืนมองไฟที่ลุกท่วมด้วยความสะใจแต่แล้วเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว อำนาจกับพวกมือปืนโผล่มาสาดกระสุนใส่ เอกภพดีดตัวไปยังชายหาดเข้าหาเจ็ทสกี โดดขึ้น แล้วบึ่งพรวดออกไป ทันใดนั้นร่างของอาคินปรากฏ
“องค์หญิงหนีไปแล้วท่าน”
“ข้ารู้ ข้าสัมผัสดาบพิชิตมารได้ รีบตามไป”
อำนาจกับพวกมือปืน วิ่งผ่านร่างอาคินไปที่ชายหาดโดดพรวดขึ้นไปบนเรือเร็ว บางคนโดดขึ้นเจ็ทสกี เสียงเครื่องเรือและเจ็ทสกีดังกระหึ่ม อาคินยิ้ม แล้วแวบร่างไปบนเรือเร็ว เรือเร็วและเจ็ทสกีพุ่งตามเอกภพที่ปลอมเป็นณัชชาไป
เอกภพยิ้มแล้วบิดเจ็ทสกี มุ่งออกสู่ท้องทะเลมุ่งไปยังชายหาดอีกด้านหนึ่ง แต่แล้วเสียงปืนสนั่นตามหลังมา
เป็นพวกอำนาจกับมือปืนยิงสาด อาคินยืนตระหง่านอยู่บนเรือสีหน้าเคร่งเครียด เอกภพรีบบิดเลี้ยวซิกแซกหนีกระสุน มุ่งไปข้างหน้า แต่แล้วเอกภพก็ต้องตื่นเต้นเมื่อเห็นประตูปรากฏอยู่ข้างหน้า พร้อมกับสีรุ้งปรากฏอยู่กลางทะเล
“ประตูกล ขอบคุณครับท่านเจ้าสมุทร”
เอกภพรีบบิดไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านอาคินดูนั่น ประตูสีรุ้ง”
“เจ้าสมุทรคิดช่วยองค์หญิง เร็วเข้าสกัดไว้”
“ใช้พลังของท่านสกัดไม่ได้หรือครับ”
“ดินแดนของเจ้าสมุทร พลังของข้าไม่อาจล่วงเกิน”
อำนาจโล่งใจ กลัวอาคินรู้ว่าตนหักหลังเรื่องดาบ
“เร็วเว๊ย ยิงมัน”
พวกมือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ราวกับห่าฝน เอกภพซิกแซกแล้วบิดเจ็ทสกีพุ่งเข้าหาประตูสายรุ้งอย่างรวดเร็วเจ็ทสกีพอผ่านประตูสายรุ้งก็หายวูบไป เรือเร็วและเจ็ทสกีของพวกอำนาจพรวดเข้ามาถึงก็พบแต่พื้นน้ำอันว่างเปล่า
“ตามไม่ทันแล้วครับท่าน”
อำนาจโล่งอก อาคินสีหน้าเคียดแค้นทำอะไรไม่ได้
เจ้าหน้าที่พิเศษกับเจนศักดิ์ยืนอยู่บนชายหาด เจนศักดิ์กำลังส่องกล้องทางไกลส่องดูเห็นเรือและเจ็ทสกีของพวกอำนาจลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล และเห็นอาคินสีหน้าเคร่งเครียด เจนศักดิ์ถึงกับยิ้มออกมา
“แผนของผู้กองได้ผล ผู้กองกับองค์หญิงพ้นมือเทพอาคินไปแล้ว”
พวกเจ้าหน้าที่ต่างเฮ เจนศักดิ์ยิ้มอย่างพอใจ
ร่างของณัชชานอนอยู่บนแท่นหินภายในถ้ำลึกลับของแม่มดสาวันนา แม่มดสาวันนายืนระวังอยู่ข้างๆ
“สาวันนาอยู่ใกล้องค์หญิงมากไม่ได้ เทพอาคินอาจปรากฏตัวได้ทุกเวลา สาวันนาต้องไปก่อนนะเพคะ”
แม่มดสาวันนารีบถอยออกไปจากแท่นแล้วแวบหายไป ณัชชายังคงหลับสนิทไม่รู้ตัว
เอกภพหลับตาสลบอยู่ ทันใดนั้นมีน้ำสาดโครมลงมา เอกภพถึงกับรู้ตัวลืมตาขึ้นสะบัดหัวไล่ความมึนงง จึงเห็นพวกชายฉกรรจ์สามสี่คนตรงหน้า
“หลีกทาง”
ชายฉกรรจ์สามสี่คนถอยเปิดทาง เอกภพเห็นสาวสวยอยู่บนแคร่ มีชายฉกรรจ์สี่คนแบกอยู่ ชายฉกรรจ์ค่อยๆ
วางแคร่ลง เอกภพสังเกตเห็นสาวๆ อีกสองสามคน อยู่ข้างๆ แคร่
“ท่านหลงทางหรืออย่างไร”
เอกภพพยักหน้า กราดสายตาพบว่าด้านหลังของสาวสวยมีชายฉกรรจ์อีกหลายคนนับรวมกันแล้วได้สิบคน
เอกภพเลื่อนมือไปที่เอว สัมผัสด้ามมีดสั้นของณัชชาที่พกไว้ พอพบว่ายังอยู่ก็อุ่นใจ สายตากราดทุกคนแล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น แต่ชายสองคนขยับตัวเข้ามา
“พวกเจ้าถอยไป”
ชายฉกรรจ์สองคนถอยไป
“คือ ผม...เอ๊ย ข้าหลงทาง”
“ท่านเดินทางไปกับเราได้”
“ไม่ได้”
หัวหน้าชายฉกรรจ์ขี่ม้าก้าวออกมา สีหน้าดุดัน สาวสวยและเอกภพต่างจ้องหน้ามัน
“ท่าทางของมันไม่น่าไว้ใจ” หัวหน้าชายฉกรรจ์บอก
“ท่านส่าปัน คิดขัดใจเรา”
“แม่นางพิม ถึงท่านเป็นว่าที่ภรรยาของท่านสังกานายเรา แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลานั้นเราย่อมสามารถขัดใจท่านได้”
นางพิมก้าวลงจากแคร่
“เช่นนั้นเราจะอยู่ที่นี่ ท่านคงไม่คิดจะอุ้มเราขึ้นแคร่กระมัง”
ส่าปันหมดหนทาง สีหน้าโกรธแค้น
“ได้ ท่านต้องการให้ชายผู้นี้ไปด้วย ย่อมได้พวกเอ็งยึดอาวุธของมัน แล้วมัดผูกมันไว้กับแคร่ของแม่นางพิม แม่นางพิมจะได้เห็นมันอย่างใกล้ชิด”
ชายฉกรรจ์พรวดเข้ามาคุมตัวเอกภพไว้ พลางดึงมีดสั้นออกไปจากเอว แต่แล้วมันก็ร้องลั่นปล่อยมีดสั้นตกลงกับพื้น ทุกคนต่างตกใจ ต่างกระชากดาบออกมาเตรียมพร้อม
“อาวุธของมันร้อนดั่งไฟ”
“อาวุธของเราลงของขลังไว้ ไม่มีใครจับต้องได้”
เอกภพบอกพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...ณัชชามองเอกภพด้วยสายตาลึกซึ้ง เดินเข้ามาใกล้
“ดาบพิชิตมารเป็นของฉันคนเดียวไม่มีเทพหรือซาตานแม่มดหรือมนุษย์คนไหนแตะต้องได้ นอกจากฉันจะยอมให้”
ปัจจุบัน ส่าปันเดินเข้ามาใกล้เอกภพ เหลือบตามองมีดสั้นแล้วยิ้มเยาะ
“ในเมื่อไม่มีใครจับต้องได้ ก็ทิ้งไว้ที่นี่ เอาตัวมันไป” ชายฉกรรจ์ลากตัวเอกภพไป แล้วผูกมัดข้อมือแล้วโยงเชือกไว้กับแคร่ “แม่นางพิมคงพอใจแล้วกระมัง” แม่นางพิมเชิดหน้าไม่ตอบ ก้าวขึ้นไปนั่งบนแคร่อย่างเดิม “ออกเดินทาง”
เอกภพจ้องส่าปัน จ้องแม่นางพิม สลับกัน ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
แคร่ถูกยกออกเดินทางต่อ ส่าปันคอยขี่ม้าคุมขบวนอยู่ มันหัวเราะอย่างมั่นใจยะโส เอกภพออกเดิน ชำเลืองมองมันแล้วชำเลืองมองแม่นางพิมเห็นสีหน้ากังวลเศร้าสร้อย จ้องมาอึดใจก็ละสายตา เอกภพครุ่นคิด ส่าปันปล่อยให้ขบวนเดินผ่านไปจนหมด มันหมุนม้าหันกลับมาตรงที่มีดสั้นตกอยู่ มองอย่างสงสัย ค่อยๆ ลงจากหลังม้า ทำปากหมุบหมิบเหมือนท่องคาถาแล้วเอื้อมมือมาหยิบมีดสั้นขึ้นมาถือไว้ มันยิ้มอย่างพอใจ แต่แล้วก็ตาเหลือกเพราะมือของมันติดไฟพรึบขึ้นมา
ส่าปันจ้องมองมือที่ติดไฟ แล้วร้องลั่นสะบัดมีดสั้นออกไปปักติดอยู่ที่ต้นไม้ มันจ้องมีดสั้นด้วยความแค้น มันสะบัดมือไปมาจนไฟดับ แล้วรีบขึ้นม้าควบตามขบวนไป ทั้งที่มีดสั้นยังปักตรึงอยู่ที่ต้นไม้และมีไฟติดอยู่ตรงด้ามมีด
ที่หุบเขาปัจฉิม ตองกอยทาสแม่มดสามตัวร่อนไม้กวาดลงมาตรงหุบเขาหน้าถ้ำ พวกมันจับ ด.ช. บีมและ ด.ญ. ปิงปอง โยนลงกับพื้นโครม แล้วก็ร่อนไม้กวาดออกไปบีมกับปิงปองต่างพยักหน้าให้กัน
“ปิงปอง เป็นไรป่ะ”
“ปิงปอง โอ”
มีตองกอยอีกสองตัวเดินเข้ามาลากตัวบีมกับปิงปองเข้าไปในถ้ำ
ร่างของ ด.ช. บีมกับด.ญ. ปิงปอง ถูกผลักเข้ามาในกรงขังที่ทำด้วยกิ่งไม้มาสานกันหนาเหนียวแน่น พวกมันปิดประตูโครมแล้วคำรามจากนั้นก็เดินจากไป พอ ด.ช. บีมกับ ด.ญ. ปิงปองตั้งตัวได้หันไปมองรอบๆ ก็พบว่ามีเด็กสามคนถูกขังอยู่ในกรงถัดไป ทั้งสองต่างปราดเข้าไปข้างๆ กรง
“ยังมีคนอื่นๆ อีกหรือเปล่า”
เด็กในกรงส่ายหน้า
“ไม่ต้องกลัวพวกเรามาช่วย”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเยือกเย็นของแม่มดดังขึ้นมา เด็กทุกคนต่างตกใจถอยรวมไปอยู่มุมหนึ่ง ด.ช.บีมกับ ด.ญ.ปิงปอง ต่างมองหน้ากัน
“หวังว่าพี่ปาระนังตามมาทันเวลา”
ที่ถ้ำลึกลับของแม่มดสาวันนา ณัชชาค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ผู้กอง”
ณัชชาคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...เอกภพจ้องที่มีดสั้นแล้วมองณัชชาสลับกัน
“โว่ว ไม่น่าเชื่อจริงๆ”
“ลองดูซิคะ”
เอกภพสะบัดมีดสั้นสองสามครั้งมีดสั้นกลายเป็นดาบพิชิตมาร
“ถ้าเทพอาคินมา แล้วฉันยังไม่รู้สึกตัวคุณสามารถใช้ดาบต้านเทพอาคินได้”
“หมายความว่ายังไงครับ ถ้าองค์หญิงไม่รู้สึกตัว”
“ถ้าฉันถูกรบกวนในระหว่างการทำลายมนต์เก้าภูตสังหารจนตกใจออกจากภวังค์ ฉันจะเป็นอันตรายแต่ถ้าฉันสะกดตัวเองหลับไปเลยอย่างน้อยก็ยังปลอดภัยแม้ว่าการแก้มนต์ยังจะไม่เสร็จสิ้นก็ตาม”
“วิธีนี้ผมสามารถพาองค์หญิงและดาบหนีไปได้อย่างสบาย”
“นั่นคือแผนที่ฉันเตรียมไว้”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
กลับมาปัจจุบัน
“แย่แล้ว ผู้กอง” ณัชชาค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นมา แต่แล้วก็เซเล็กน้อย “ดาบยังทำลายมนต์เก้าสังหารไม่หมด”
ณัชชาขยับตัวนั่งสมาธิบนแท่น หลับตา
ในถ้ำปัจฉิมแม่มด ร่างของการานะกับนายาวา สองสาวแม่มดปรากฎตัวขึ้น ในมือถือไม้กวาดคนละอัน มีสาวๆ สาวกมารับไม้กวาดไป สาวสาวกอีกคนหนึ่งเข้ามารายงาน
“วันนี้ พวกตองกอยจับเด็กมาได้อีกสองคน”
แม่มดการานะถึงกับแปลกใจต่างมองหน้ากัน
“จับมาจากที่ไหน”
“พวกตองกอยบอกว่าแถวหุบเขาร้าง”
“ยังงั้นเหรอ ข้านึกว่าเด็กมันหายไปหมดแล้วซะอีก”
“แปลกมาก ข้าบินผ่านแถวนั้นบ่อยครั้งไม่เคยเห็นพวกเด็กๆเลย” นายาวาบอก
“ดี เราไปดูกัน”
พวกตองกอยเดินนำหน้าแม่มดการานะกับนายาวา มายังกรงที่ขังเด็กไว้ ทั้งสองแม่มดต่างหัวเราะอย่าง
ตื่นเต้นดีใจ
“ดีมาก เสบียงบำรุงความงามของเราหร่อยหรอลงเต็มที”
ทั้งสองหัวเราะเหมือนเป็นบ้าเสียงดังแสบแก้วหู เด็กๆ ต่างหลบมุม
“อายุของพวกแกตะหากที่หร่อยหรอลงเต็มที” ด.ช.บีมบอก การานะจ้องหน้า ด.ช.บีมกับด.ญ.ปิงปอง
“มีบางอย่างผิดปกติกับเด็กสองคนนี้นายาวา เจ้าลองดูซิ”
นายาวาจ้องพิจารณาแล้วตกใจ
“ครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ”
การานะหัวเราะเสียงแหลมก้อง
“โชคดีอะไรเช่นนี้ ลมหายใจของครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ ยิ่งดีมีค่าต่อความสวยความสาวของเรา”
สองแม่มดหัวเราะเหมือนคนบ้า แต่แล้วร่างของ ด.ช.บีม และ ด.ญ.ปิงปองก็สั่นๆๆ แล้วกลายเป็นบีมกับปิงปองยืนอยู่
“ตัวจริงเสียงจริงซะด้วย”
บีมกับปิงปองจ้องแม่มดสองตัวสายตากราดไปมา
“แต่เสียดายที่ยังอยู่ในกรงขัง หลุดไปไหนไม่ได้”
“ไม่นานหรอก”
ทันใดนั้นร่างของบีมกับปิงปองก็แวบหายไป การานะกับนายาวาจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง
“อยู่นี่”
แม่มดทั้งสองและตองกอยพร้อมสาวกสาวต่างหันไปตามเสียง ก็เห็นบีมกับปิงปองยืนอยู่ แต่ที่เพิ่มมาคือปาระนัง ราเชน ไกรยุทธ์และนาฬิกา ยืนอยู่ด้วย
“โอ๊ะโอ”
“พวกแกเดี้ยงแน่”
พวกสาวกต่างคำรามส่งเสียง
“แม่มดแห่งทิศปัจฉิม เราจะมากำจัดท่าน”
“ทำไมมีแค่สองตัว อย่าบอกนะว่าดังแล้วแยกวง”
“ทำไมเราต้องตอบท่าน”
ราเชนยิ้มเยือกเย็น
“ไม่ต้องตอบ มีสองเราก็กำจัดสอง”
แม่มดการานะกับนายาวาหยุดหัวเราะกราดตามองทุกคน พลางลอบสบตากัน
“ที่แท้ธิดาสมุทรกับราเชนมือขวาท่านพญายมยังคงลักลอบคบกันตามคำร่ำลือ”
“หุบปากเสียของเจ้า มอบชีวิตมา”
“พวกเจ้าตะหากที่ต้องมอบชีวิตมา”
ทันใดนั้นนายาวาสะบัดมือปล่อยแสงพุ่งเข้าหาทุกคน
“ทุกคนหลบ”
ราเชนสะบัดมือปล่อยไฟออกมาชนกับแสงของแม่มดนายาวา ระเบิดเสียงดังตูมสนั่นจนมองไม่เห็นอะไร พอควันจางลง แม่มดทั้งสองหายไปแล้ว ตองกอยสองตัวคำรามก้องวิ่งพรวดเข้ามา ราเชนสะบัดมือ พวกมันกระเด็นไปร้องลั่นกระแทกผนังถ้ำตายไป
“พี่จะจัดการพวกนางแม่มดนั่นเอง”
ราเชนดีดตัวออกไป
“ไกรยุทธ์ นาฬิกา ปล่อยเด็ก บีม ปิงปอง อยู่ใกล้พี่” ปาระนังบอก ไกรยุทธ์กับนาฬิการีบไปที่กรงขัง
“เด็กๆ ถอยไป” เด็กรีบถอยไปติดมุม ไกรยุทธ์สะบัดมือพลังกระแทกประตูหลุดออก “เด็กๆ ออกมา”
เด็กยังกลัวติดมุมอยู่ไม่ยอมออกมา ไกรยุทธ์ถอยออกแล้วหันมาพยักหน้าให้นาฬิกา นาฬิกาพยักหน้ารับแล้วพรวดมาที่ประตูกรง
“มาเด็กๆ มาหาพี่ซิจ๊ะ จะได้กลับบ้านกัน” เด็กๆ มองแล้วพากันออกมา “เรียบร้อยค่ะพี่ปาระนัง”
“ทุกคนตามพี่มา ไกรยุทธ์ นาฬิกาคุมหลัง”
ปาระนังวิ่งนำออกไป
“เด็กๆ ตามพี่มา”
บีมวิ่งพาเด็กๆ วิ่งตามปาระนังไปปิงปองตามติด นาฬิกากับไกรยุทธ์คุมหลัง
ราเชนพรวดออกมาหน้าถ้ำ เห็นแม่มดสองตนขี่ไม้กวาดพุ่งพรวดออกไป เสียงหัวเราะดังก้องราเชนพุ่งตัวตามไปอย่างรวดเร็ว
ปาระนังนำทุกคนมาตามถ้ำ แต่แล้วเงาร่างวูบวาบของพวกตองกอยนับสิบพรวดออกมาสกัดไว้ ปาระนังสะบัดมือดาบปรากฏ
“บีมกับปิงปอง พาเด็กๆ ออกไปก่อน”
“ครับผม”
บีมกับปิงปองต่างจับมือเด็กทั้งสาม อึดใจก็เห็นภาพสั่นไหวบีมกับปิงปองพาเด็กๆ แวบหายไป
“ไกรยุทธ์ นาฬิกา กำจัดพวกนี้ให้หมด”
“ด้วยความยินดี”
ไกรยุทธ์พุ่งพรวดเข้าหาพวกมันต่อสู้ประชิดตัว
“รอด้วยดี้”
นาฬิกาพุ่งเข้าไปร่วมวง เกิดการต่อสู้ประชิดตัว ปาระนังตวัดดาบไปมา พวกมันกระจายล้มคว่ำไป แต่ก็เข้ามารุมล้อมประชิดตัวสุดท้ายก็ทรุดหมด ปาระนังนำทุกคนวิ่งออกไป
ปาระนังวิ่งนำออกมาก็เจอพวกตองกอยโผล่มาตามซอกหลืบและหลังก้อนหิน เข้ามาสกัด แต่ก็ถูกซัดกระจัดกระจายออกไปนอกทาง ทั้งหมดต่างต่อสู้ไปวิ่งออกไปด้านนอกไป พวกมันตามติดและโผล่มาตามรายทางอย่างดุเดือด สุดท้ายพวกมันพ่ายทรุดไปจนหมด ปาระนังดีดตัวพรวด นำทุกคนออกไป
ปาระนังนำทุกคนออกมาหน้าถ้ำ
“บีม ปิงปอง”
ร่างของบีม ปิงปอง กับเด็กๆ ปรากฏตัวขึ้น
“ทุกคนปลอดภัยครับ”
เสียงความเคลื่อนไหว ทุกคนหันไปเป็นราเชนลอยร่างลงมาที่พื้น
“พวกแม่มดหนีไปได้”
“แบบนี้พวกมันก็กลับมาจับเด็กๆ ได้อีกแน่ๆ”
“เราปล่อยไว้ไม่ได้นะคะ”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน สีหน้าเคร่งเครียด
“เราพาเด็กกลับบ้านก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง”
แม่มดสาวันนาปรากฏตัวที่หน้าถ้ำ กราดตามองรอบๆ แล้วเดินเข้าไปในถ้ำของตน
“สบายดีหรือน้องเรา”
แม่มดสาวันนาหันมาก็พบกับ แม่มดการานะและนายาวายืนอยู่ แม่มดสาวันนาสีหน้าเคร่งเครียด
“ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกท่าน” แม่มดสาวันนาบอก
“อะไรกันน้องพี่ จะตัดขาดกันจริงๆ หรือ”
แมท่มดสาวันนากราดตามองจับพิรุธ
“พวกท่านไปก่อเรื่องที่ไหนมาถึงได้หนีซมซานมาถึงนี่”
“เราถูกพวกเทพตามล่า”
“เราเตือนพวกท่านแล้ว ให้เลิกคิดทำร้ายผู้คนปลงในสังขารของตนเอง แต่ตอนนี้กลับนำความหายนะมาถึงเราด้วย”
“เชอะ เจ้าพูดมากไปแล้ว เจ้าทรยศต่อเผ่าพันธุ์ของตัวเอง”
“ป่วยการพูด พวกท่านรีบไปก่อนที่เรา...”
แม่มดสาวันนายังพูดไม่ทันจบ แม่มดนายาวาก็สะบัดมือปล่อยพลังแสง กระแทกร่างของแม่มดสาวันนากระเด็นไปกระแทกผนังถ้ำจนร่างทรุดลง แม่มดสาวันนาดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วสะบัดมือ มีไม้เท้ากะโหลกปรากฏ สีหน้าดุดัน แม่มดสาวันนาสะบัดไม้เท้าใส่แม่มดนายาวาเป็นพลังแสงกระแทกร่างแม่มดนายาวากระเด็นไปกระแทกผนังถ้ำจนพังทรุดลงมา
แม่มดสาวันนาก้าวเข้ามาตวัดไม้เท้าชี้หน้า แต่แล้วแม่มดการานะก็พรวดเข้ามาขวาง
“หยุด เจ้าอย่าลืมว่าเราเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”
“พวกเจ้าไม่ไป เราจะไม่ยั้งมือ”
แม่มดสาวันนายกไม้เท้าขึ้น
“เดี๋ยว พวกเราไปแล้ว”
แม่มดการานะประคองแม่มดนายาวาออกไป สุดท้ายสะบัดมือมีไม้กวาดปรากฏ ทั้งสองค่อยๆ พากัน
เดินออกไปหน้าถ้ำ แม่มดสาวันนามองตามตาไม่กระพริบจนกระทั่งแม่มดทั้งสองขี่ไม้กวาดพุ่งพรวดหายไป แม่มดสาวันนายืดตัวขึ้นแต่แล้วก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่ ในที่สุดร่างก็ทรุดสลบไป
ร่างของแม่มดการานะกับแม่มดนายาวาร่อนลงมาในหุบเขา สะบัดมือไม้กวาดหายไป ทั้งสองต่างกราดสายตามองว่าปลอดภัย แม่มดการานะประคองให้แม่มดนายาวาทรุดตัวลงนั่งเพื่อเข้าสมาธิฟื้นพลัง
“นางสาวันนา ทำเป็นกลับตัวกลับใจ”
“แต่ข้าสังเกตว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลนางสาวันนาซ่อนเร้นบางอย่างไว้”
“เจ้าสมาธิรักษาตัวก่อน ข้าจะออกไปดูนางสาวันนา ว่ามันซ่อนเร้นอะไรอยู่”
“เด็กที่เราจับมา ถูกชิงตัวไปจนหมด เราต้องส่งพวกตองกอย ออกไปล่าหาจับเด็กมาให้เรา”
“ข้าจะจัดการเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”
แม่มดนายาวาพยักหน้าหลับตาสมาธิ แม่มดการานะสะบัดมือไม้กวาดปรากฏ แล้วขี่พรวดออกไป
ขบวนของแม่นางพิมเดินทางมาตามป่า
“ข้าขอบใจแม่นางที่ช่วยเหลือ” เอกภพบอก
“เจ้าหลงมาจากที่ใด” แม่นางพิมถามเอกภพ
“เอ้อ พระนคร”
“อืม เจ้ามาทำอะไรที่ สุโขทัย”
“ตามหาคน”
“คนรักเจ้ารึ”
“คือ”
ทันใดนั้นฝักดาบฟาดลงมาที่เอกภพจนทรุด ทั้งสองหันไปก็พบส่าปันอยู่บนหลังม้า
“แม่นางพิม ท่านกำลังจะตกแต่งกับนายเรามิควรที่จะสนทนากับชายอื่น” เอกภพจ้องส่าปันสีหน้าเคร่งเครียด ส่าปันสีหน้าโกรธ “สั่งสอนมัน”
ชายคนหนึ่งเข้ามากระแทกเอกภพด้วยฝักดาบทั้งตีทั้งฟาดเอกภพหลบพอประมาณไม่อยากแสดงฝีมือ แต่แล้วทันใดนั้นหอกปลิวเข้ามาปักอกของชายสมุนส่าปันตึบมันทรุด เอกภพกราดสายตากลับไปก็พบชายฉกรรจ์นับสิบกำลังวิ่งเข้ามาจากราวป่า จู่โจมขบวนของแม่นางพิม นางรับใช้สองสามนางร้องกันกรี๊ดกร๊าด
พวกชายฉกรรจ์นับสิบวิ่งเข้าใส่ขบวนของแม่นางพิม ต่างเข้าต่อสู้กัน ส่าปันโดดลงจากหลังม้า เข้ามาระวัง
แม่นางพิมพ์ พวกมันคนหนึ่งวิ่งเข้าหาเอกภพ ฟันฉับเข้าให้ เอกภพหลบเอาเชือกเข้ารับ เชือกขาดผึง แล้วเตะโครมเข้าให้มันกระเด็นไป เอกภพยกมือขึ้นสูง
“ดาบพิชิตมาร”
มีดสั้นที่ติดอยู่ตรงต้นไม้สั่นไหวแล้วพุ่งทะลุต้นไม้ออกไปเข้าไปในราวป่า เอกภพยกมือ ส่งเสียงเรียกดาบอีกครั้ง
“ดาบพิชิตมาร”
แต่แล้วมีเงาวาบมาทางด้านหลัง เอกภพหันกลับมาเป็นส่าปันยืนอยู่ตรงหน้า
“แก...แกเป็นสายของพวกโจร”
ส่าปันฟันดาบตวัดไปมาไม่ยั้ง เอกภพหลบถอยพ้นไปได้ แต่สะดุดกับร่างของคนที่ถูกหอกนอนขวางอยู่ เสียหลักล้มลงไป ส่าปันได้โอกาสวิ่งเข้ามากระชากหอกจากอกของชายคนนั้นขึ้นมา
“ลงนรกซะเถอะ”
ส่าปันยกหอกสูงหมายพุ่งใส่เอกภพ แต่ทันใดนั้นมีมีดสั้นวิ่งเข้ามาปักอกมันตึบ มันตาค้างมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“มีด...ของ...เอ็ง...เป็นไป ไม่ได้...”
ส่าปันหงายตึง เอกภพดีดตัวขึ้นมามองอย่างคาดไม่ถึง
“ดาบพิชิตมาร”
“ลุย ยึดขบวน”
เอกภพหันไปชายฉกรรจ์สองคนพรวดเข้ามาเงื้อดาบฟัน เอกภพหลบวูบ เอาตัวกระแทกมันออกไป อีกคนเข้ามา เอกภพถีบโครม มันกระเด็นไป เอกภพหันยื่นมือไปทางมีดสั้นที่ปักอกของส่าปันอยู่
“ดาบพิชิตมาร”
มีดสั้นหลุดจากอกของส่าปันเข้าสู้มือของเอกภพ ทันใดนั้นมีดสั้นส่งรังสีจ้าเชือกขาดผึงหลุดจากมือเอกภพ ชายสองคนมองเห็น มันตาเหลือกลุกขึ้นวิ่งหนีไป เอกภพกราดตามองเห็นคนของส่าปันกำลังได้เปรียบ พวกโจรกำลังถอย แต่แล้วเอกภพได้ยินเสียงสาวรับใช้ร้องกรี๊ด หันไปก็พบว่าชายคนหนึ่งกำลังลากตัวแม่นางพิมออกไป
“แม่นางพิม”
ปาระนัง ราเชนและทายาททั้งสี่นั่งรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“พี่รู้ว่าเรื่องของแม่มดยังไม่จบ แต่หน้าที่ของพวกเราคือต้องออกเดินทาง”
“แต่ว่าพวกเด็กๆ จะทำยังไงคะ”
ทุกคนต่างมองหน้ากันไม่มีคำตอบ
“แม่มดแห่งทิศปัจฉิมใช่ว่าจะขาดฝีมือ การตามค้นหาและกำจัด ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
“เราแบ่งกำลังกันได้มั๊ยคะ กลุ่มหนึ่งเดินทางต่อไป กลุ่มหนึ่งตามล่าพวกแม่มด” นาฬิกาเสนอ
“ได้มั๊ยครับ สงสารเด็กๆ”
บีมกับปิงปองเป็นห่วงเด็กๆ เพราะตัวเองก็เป็นเด็กอยู่เช่นกัน
“ถูกของบีมครับพวกพ่อแม่คงไม่มีปัญญาป้องกันลูกๆ หรอกครับ”
ปาระนังสบตากับราเชนสีหน้าหนักใจ สุดท้ายราเชนก็ตัดสินใจ
“พี่ตามล่าพวกแม่มดเอง น้องปาระนังนำพวกที่เหลือเดินทางตามแผนเดิม”
“ผมไปกับพี่ราเชน”
“พี่ไปคนเดียวดีกว่า ทายาทควรจะอยู่รวมกัน”
“เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินทางต่อ”
ทายาททั้งสี่สีหน้าผิดหวัง แต่ก็ต้องตัดใจทำตาม ภารกิจข้างหน้าสำคัญแต่แล้วทันใดนั้นผงสีชมพูกระจายเต็มตรงหน้า ร่างของนาชะยิ้มระรื่นปรากฏ
“พี่นาชะ”
นาชะยืนส่งยิ้มมายังทุกคน
“ดีใจที่เห็นทุกคนสบายดี นึกว่าโผล่มาเจอกำลังบู๊อยู่ซะอีก”
“พี่นาชะมาช้าไปหน่อยเดียว ไม่ยังงั้นเจอบู๊เต็มๆ”
บีม ปิงปองต่างลุกวิ่งมาหานาชะ
“ดีใจจริงๆ ที่พี่นาชะมา”
“ปิงปองด้วย”
“โอเค...โอเค เสียใจด้วยไม่มีของฝาก”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำมุขของนาชะ
“พี่ณัชชากับพี่เอกเป็นยังไงบ้าง”
“เอ้อ...ครั้งสุดท้ายที่รู้ ทั้งสองคนสบายดี”
ปาระนังกับราเชนต่างลอบสบตากัน
“กามเทพนาชะช่วยเล่าเรื่องให้ละเอียดด้วย”
นาชะรู้ว่าปาระนังจับพิรุธได้ นาชะถอนใจ
“องค์หญิงพลาดถูกมนต์เก้าภูตสังหาร”
“แย่แล้ว”
ทุกคนมองหน้ากันสีหน้ากังวล
ชายฉกรรจ์ลากตัวแม่นางพิมมุ่งสู่ราวป่า เอกภพกราดตามองเห็นคนของส่าปันติดพันต่อสู้อยู่ เอกภพจึงดีดตัว
ตามไปอย่างรวดเร็ว
ชายฉกรรจ์ลากแม่นางพิมวิ่งไป แต่แล้วร่างของเอกภพก็ขวางหน้าอยู่ ชายฉกรรจ์ไม่ฟังเสียงปล่อยแม่นางพิม
แล้วถือดาบควงใส่ แล้วฟันโครม เอกภพยกมีดสั้นขึ้นรับ มีดสั้นกลายเป็นดาบพิชิตมารส่องรังสีจ้ารับไว้ เสียงดังแคร๊ง ดาบชายฉกรรจ์หัก เอกภพตวัดดาบจ่อที่คอหอยของชายฉกรรจ์
“อย่า” ร่างของแม่นางพิมพ์วิ่งเข้ามาบังร่างของชายฉกรรจ์ไว้ เอกภพดึงดาบถอยออกมา “อย่า ชายคนนี้คือคนรักของข้า”
เอกภพคาดไม่ถึง แต่แล้วคนของส่าปันสามสี่คนพรวดเข้ามาพอดี เอาดาบจ่อชายฉกรรจ์ไว้
“แม่นางพิม ท่านปลอดภัย”
แม่นางพิมถอยออกมามองเอกภพ อึดใจก็พยักหน้า ชายฉกรรจ์หันมาทางเอกภพ”
“เจ้าทำได้ดีมาก”
เอกภพได้แต่มองแม่นางพิมและชายคนรัก
ร่างของชายคนรักของแม่นางพิมถูกมัดไพล่หลัง แม่นางพิมนั่งอยู่บนแคร่ สาวรับใช้สามนางอยู่ข้างๆ เอกภพยืนอยู่ข้างๆ แคร่
“เจ้ามีฝีมือ เดินทางไปกับเราท่านสังกานายเราย่อมตกรางวัลให้ท่านอย่างงาม”
เอกภพชำเลืองมองแม่นางพิม เห็นสายตาขอร้อง เอกภพจึงพยักหน้า
“ดี ออกเดินทาง”
ขบวนเริ่มเดินทางต่อ ศพของส่าปันถูกพาดไว้บนหลังม้า เอกภพมองแม่นางพิมแล้วออกเดินตาม
“องค์หญิงครับ ถ้าผมไม่อยู่ช่วยแม่นางพิมปริศนาของแผนที่อาจเปลี่ยนไป”
เอกภพถอนใจสีหน้าเคร่งเครียด
ทางด้านปาระนังกับทายาททั้งสี่ นาชะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับณัชชาให้ทุกคนรู้
ไม่แย่หรอก ใจเย็นๆ คือตอนแรกก็เกือบแย่ แต่แม่มดสาวันนามาช่วยไว้ได้”
“อะไรนะ แม่มดสาวันนานะเหรอ”
“ใช่ แม่มดสาวันนา เป็นคนกำจัดเทพซ้าย ช่วยองค์หญิงไว้”
“บางอย่างไม่ถูกต้องซะแล้วแม่มดสาวันนาเป็นพี่น้องของสามแม่มดแห่งทิศปัจฉิม ต้องการหัวใจหรือเลือดของเทพหรือนางฟ้าเพื่อให้ตัวเองดำรงความสวยและสาว”
“โอย...นาชะคิดแล้วว่าไม่น่าไว้ใจนาชะเตือนองค์หญิงเท่าไหร่ไม่ยอมฟัง”
“เราต้องรีบตามหาตัวองค์หญิงให้พบเร็วที่สุด”
ที่ซ่อนตัวลับของแม่มดสาวันนา ณัชชายังคงนั่งอยู่ที่แท่นหลับตาสมาธิอยู่ ทุกอย่างเงียบสงบ แต่แล้วก็ลืมตาขึ้นเพราะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว
ทางด้านหน้ามีพวกตองกอยขี่ไม้กวาดร่อนลงมาสองสามตัว มันสอดส่ายสูดกลิ่นหาเหยื่อ ตัวหนึ่งเห็นทางเข้าไปในถ้ำพวกมันคำรามเรียกกัน แล้วต่างพากันเดินเข้าไปในถ้ำ
พวกตองกอยเดินเข้าไปถ้ำ มันถือไม้กวาดคอยระวัง แต่แล้วพวกมันก็หยุดเมื่อเห็นณัชชาอยู่ตรงหน้า มันคำรามส่งเสียงแล้วบุกเข้าใส่ ณัชชาหลบหลีกต่อสู้ประชิดตัวกับพวกมัน คว้าไม้กวาดของพวกมันได้ฟาดใส่พวกมันด้วยชั้นเชิง จนพวกมันทรุดจนหมด ณัชชาเซเล็กน้อย กระอักเลือดออกมาจากมุมปาก แต่เอาไม้กวาดยันไว้ได้ ณัชชากราดตาดูพวกตองกอย
“พวกตองกอย ทาสของพวกแม่มดแห่งทิศปัจฉิมที่แท้สาวันนา เป็นแม่มดแห่งทิศปัจฉิม”
ณัชชาสายตาครุ่นคิดเคร่งเครียด
ทางด้านปาระนัง ราเชน ทายาททั้งสี่และนาชะ
“ครั้งสุดท้าย องค์หญิงอยู่กับผู้กองกำลังจะบุกไปเอาดาบที่รังของเทพอาคิน” นาชะบอก
“องค์หญิงไม่มีดาบและถูกมนต์เก้าภูตสังหารแบบนี้องค์หญิงกับผู้กองไม่มีทางต้านเทพอาคินได้เลย”
“องค์หญิงไม่มีทางเลือก มีแต่ดาบพิชิตมารเท่านั้นที่จะทำลายมนต์ภูตสังหารได้”
“เราต้องกลับไปช่วยพี่ณัชชา”
“ไม่ได้หรอก สวนกันไปสวนกันมาวุ่นวายแน่”
“ใช่...ที่สำคัญองค์หญิงสั่งมาว่าให้ทุกคนเดินทางต่อไปจนกว่าจะถึงจุดนัดพบ”
ทุกคนต่างสีหน้าไม่ดี ปาระนังถอนใจ
“สถานการณ์ของพวกเราไม่สู้ดีซะแล้ว”
ทุกคนต่างมองหน้ากันสีหน้าเคร่งเครียด
ธิดาพญายม ตอนที่ 11 (ต่อ)
แม่มดสาวันนารู้สึกตัวขึ้นมารีบลุกขึ้น กราดสายตามองรอบๆ เริ่มลำดับเหตุการณ์ได้
“องค์หญิงณัชชา”
แม่มดสาวันนารีบเคลื่อนกายออกไปนอกถ้ำ หลับตาเรียกพลังอึดใจก็แวบหายไป แต่แล้วร่างของแม่มดการานะก็ก้าวออกมาจากราวป่า มองตามแม่มดสาวันนาอย่างสงสัย
“สาวันนา เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
แม่มดการานะสะบัดมือ ไม้กวาดปรากฏ แม่มดการานะนั่งบนไม้กวาดพุ่งตามแม่มดสาวันนาไป
ปาระนังเดินไปเดินมาครุ่นคิด มีราเชนยืนอยู่ ถัดไป ที่เหลือต่างอยู่ตรงหน้าตั้งใจฟัง
“พี่ราเชน ไกรยุทธ์ นาฬิกา เดินทางตามหาตัวแม่มดสาวันนา สอบถามเรื่องราวตามหาตัวองค์หญิงให้พบเร็วที่สุด”
ราเชนและทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ว่า องค์หญิงสั่งให้” นาชะขัด
“พี่นาชะ พวกเราจำเป็นต้องทำอะไรซักอย่างจะปล่อยให้พี่ณัชชาเป็นอันตรายไม่ได้” นาฬิกาบอก นาชะนิ่งอึดใจก็พยักหน้า
“นาชะ ก็ห่วงองค์หญิงเหมือนกัน”
“น้องปาระนัง เชิญ”
ปาระนังพยักหน้ารับ บรรยายแผนการต่อ
“บีม ปิงปอง นาชะ ร่วมทางไปกับเรา ยังจุดนัดพบ ถ้าโชคดีองค์หญิงกับผู้กองถึงตามนัด นาชะก็จะส่งข่าวให้พี่ราเชน ทุกคนทราบ”
“พี่ว่าเป็นความคิดที่ดีที่สุด ต่อสถานการณ์ในขณะนี้”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนการ
“บีมดูแลปิงปองให้ดีนะ”
นาฬิกาบอกขณะยืนอยู่หน้าหุบเหว
“แน่นอนอยู่แล้วครับ”
“พี่นาฬิการะวังตัวด้วย แล้วก็ดูแลพี่ไกรยุทธ์ให้ดี” ปิงปองแซว ทั้งหมดต่างยิ้ม
“เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว อย่าชักช้า” นาชะบอก
“แล้วเจอกันทุกคน”
นาฬิกากับไกรยุทธ์เดินออกไป นาชะ บีม ปิงปองต่างมองตาม
“ฝากทายาทด้วย ท่านพี่” ปาระนังบอกราเชน
“ทายาทต้องปลอดภัย นอกจากว่าพี่จะมีอันเป็นไป”
“ปาระนังจะรอที่จุดนัดพบตามหาองค์หญิงให้ได้”
“แน่นอนที่สุด”
นาฬิกากับไกรยุทธ์เดินเข้ามาหาปาระนังกับราเชน นาฬิกากอดปาระนัง
“อย่าซนมากล่ะ”
“ค่ะ”
“แล้วพี่จะรีบตามไปให้เร็วที่สุด”
ราเชนกับไกรยุทธ์และนาฬิกาหันเดินไปอีกทางหนึ่ง ปาระนัง นาชะ บีม ปิงปอง มองตาม
“เรารีบพาพวกเด็กๆ ไปส่งบ้านก่อน”
เด็กๆ วิ่งนำหน้า ปาระนัง บีม ปิงปอง เข้าไปในหมู่บ้าน พ่อแม่ของเด็กต่างพากันวิ่งออกมารับ เด็กๆ ซึ่งเป็นลูกของตนอยู่ในอ้อมกอด ปาระนัง บีม ปิงปอง ต่างมองด้วยความชื่นใจ
“เราไปกันได้แล้ว หนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงจุดนัดพบ”
“เราจะไม่ให้โอกาสชาวบ้านเลี้ยงข้าวขอบคุณเราก่อนเหรอครับ” บีมถามขึ้นมา
“หิวทั้งปี เราไปกันดีกว่าพี่ปาระนัง ขอพี่ณัชชาจะรอเราอยู่ที่นั่นทีเถอะ เพี้ยง”
ปิงปองจูงมือปาระนังออกไปจากหมู่บ้าน บีมกับนาชะ ยืนมองพวกเด็กๆ กับพ่อแม่ ดีใจที่เด็กๆ ได้กลับบ้าน เด็กๆ หลายคน ต่างหันมาโบกมือให้บีม บีมยิ้มโบกมือให้เด็กๆ
“ไปกันเถอะบีม”
บีมหันมา แล้วเดินไปกับนาชะ ตามปาระนังกับ ปิงปองไป
ขบวนของแม่นางพิมมาถึงหมู่บ้านของสังกา สังกากับชายฉกรรจ์สิบคนออกมายืนรอรับ สังกาเดินมาดูร่าง
ของส่าปันที่อยู่บนหลังม้า สีหน้าเคร่งเครียด แล้วโบกมือให้ชายฉกรรจ์นำม้าออกไป สังกาเดินมาหาแม่นางพิม
“ได้ข่าวว่ามีพวกโจรบุก ดีใจที่เจ้าปลอดภัย”
“โชคดีที่ท่านผู้นี้ช่วยข้าไว้”
สังกามองเอกภพสีหน้าเคร่งเครียด หันมามองชายฉกรรจ์คนของส่าปัน ชายฉกรรจ์พยักหน้า
“ท่านผู้นี้นับว่ามีฝีมือ”
สังกาเดินเข้ามาใกล้เอกภพ กราดสายตามอง ทันใดนั้นสังกาชกเอกภพเข้าที่ใบหน้า แต่เอกภพหลบวูบได้
ทันท่วงที สังกาเข้าตามติดต่อสู้ประชิดตัว ทุกคนต่างตกใจคาดไม่ถึงได้แต่มองดู เอกภพหลบหลีกกันไว้ได้ทุกหมัดมีตอนหนึ่งได้เปรียบแต่ยั้งมือ สุดท้ายปล่อยให้สังกากระแทกหนึ่งหมัดเซถอยไป สังกาหยุดมือหัวเราะชอบใจ
“เจ้านับว่ามีฝีมือใช้ได้ เอ็งชื่อว่ากระไร”
“ข้าชื่อ เอ้อ...ภพ”
“ไอ้ภพ ข้าจะเลี้ยงเอ็งไว้”
เอกภพลอบสบตากับแม่นางพิมซึ่งถอนใจอย่างโล่งอก
“ขอบใจท่านสังกา”
“เฮ้ย เอาไอ้โจรนี่ไปขังไว้ก่อน”
ชายฉกรรจ์ต่างพาร่างของชายคนรักของแม่นางพิมออกไป แม่นางพิมมองสีหน้ากังวล สังกาสังเกตเห็น
“เจ้ากังวลใจอันใดรึ”
“ข้า...ข้า...เพียงแต่ยังตกใจอยู่”
“เจ้าอย่าได้ตกใจ พรุ่งนี้ข้าจะจัดการมันอย่างสาสม” แม่นางพิมฝืนยิ้ม เอกภพลอบสังเกต “เชิญแม่นางในบ้านข้าก่อน”
แม่นางพิมพยักหน้าแล้วเดินไปกับสังกา เอกภพมองตามสีหน้าเคร่งเครียด
“เสร็จเรื่องนางพิมแล้ว ผมจะรีบตามหาองค์หญิงทันที”
แม่มดสาวันนาปรากฏร่างที่ซ่อนลับ แล้วกราดสายตาไปมา พอเห็นว่าไม่มีอะไรจึงเคลื่อนกายเข้าไปในถ้ำ แม่มดสาวันนาเคลื่อนกายเข้าไปด้านในก็คาดไม่ถึง เพราะแท่นที่ณัชชานอนอยู่นั้นว่างเปล่า แม่มดสาวันนากราดสายตาไปมา
“แย่แล้ว องค์หญิงไปไหน”
“ข้าอยู่นี่”
แม่มดสาวันนาหันไป ก็เห็น ณัชชาก้าวออกมาจากซอกถ้ำ ในลักษณะเตรียมพร้อม
“เรานึกว่ามีใครบุกเข้าม...”
แต่แล้วแม่มดสาวันนาทรุดลงกระอักเลือดออกมา ณัชชารีบเข้ามาประคอง
“เจ้าบาดเจ็บ”
“ไม่เป็นไรเพคะ องค์หญิง”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้ามาอยู่ที่นี่ ผู้กองหายไปไหน”
“คือว่า เทพอาคินบุกมาตอนทำพิธี ผู้กองนำดาบพิชิตมาร ล่อให้เทพอาคินตามไป ส่วนเราพาองค์หญิงหนีมาที่นี่”
“อืม...นับว่าเป็นแผนที่ดี เพราะดาบพิชิตมารสามารถนำทางผู้กองกลับมาหาเราได้”
“แล้วอาการขององค์หญิง” ณัชชาส่ายหน้า
“มนต์เก้าภูตสังหารยังไม่หมดสิ้น”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก้อง ณัชชากับแม่สาวันนาหันไป ก็พบแม่มดการานะกับแม่มดนายาวายืนอยู่ พร้อมด้วยพวกตองกอยอีกสามสี่ตัว
“สาวันนา ที่แท้เจ้าไม่คิดแบ่ง หัวใจองค์หญิงให้ใคร”
แม่มดสาวันนาหันกลับไปเห็นแม่มดการานะและแม่มดนายาวายืนอยู่ แม่มดสาวันนามีสีหน้าตกใจคาดไม่ถึง ณัชชากราดสายตาจ้องแม่มดสาวันนา ด้วยความระมัดระวัง
“องค์หญิงอย่าได้หลงเชื่อ” แม่มดสาวันนาก้าวพรวดมาข้างหน้า บังร่างของณัชชาไว้ “เจ้าสองคนรีบใสหัวออกไป ก่อนที่ข้าจะปลิดชีวิตของพวกเจ้า”
“อย่าโอหัง สาวันนา ข้ารู้ว่าเจ้าบาดเจ็บส่วนองค์หญิงณัชชา ข้าไม่รู้แน่ชัดแต่ย่อมไม่ปกติแน่ ถ้าตกอยู่ในมือของเจ้า”
“เจ้า”
แม่มดสาวันนาปล่อยพลังแสงออกมาเป็นประกาย แม่มดการานะกับแม่มดนายาวาร่วมมือกันปล่อยพลังแสงออกมาพร้อมๆ กัน ร่างของแม่มดสาวันนากระเด็นไปกระแทกผนังถ้ำทรุดลงแน่นิ่งไป แม่มดการานะกับแม่มดนายาวา หัวเราะก้องหันมาทางณัชชา สายตาจ้องเหมือนฝูงหมาในจ้องเหยื่อ ณัชชาขยับตัวเตรียมพร้อม สถานการณ์คับขัน
ณัชชามีสีหน้าเยือกเย็น
“เจ้าทั้งสองรู้จักข้าดี หากไปซะตอนนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า...”
แม่มดการานะกับแม่มดนายาวา ต่างหัวเราะ
“หลังจากที่ได้ลิ้มรสหัวใจขององค์หญิงแล้วอย่าหวังว่าจะมีใครทำอะไรพวกเราได้”
แม่มดการานะพูดจบก็ปล่อยลำแสงจ้าใส่ณัชชา ณัชชาสะบัดมือต้านออกไป ลำแสงของแม่มดการานะถูกตรึงไว้ก่อนจะถึงตัวณัชชา แล้วค่อยๆ ถอยกลับไปทางด้านแม่มดการานะ แม่มดการานะหน้าเสียเร่งพลังเพิ่มแต่ก็พลังก็ไม่ได้ขยับ
“นายาวา นังโง่ เจ้ามัวทำอะไรอยู่”
แม่มดนายาวารู้ตัวสะบัดมือปล่อยพลังใส่ณัชชาทันที ณัชชาอ่อนแอไม่สามารถต้านได้ กระเด็นตกไปบนแคร่โครม ร่างนิ่งสงบ แม่มดการานะกับ แม่มดนายาวาคาดไม่ถึง ต่างหัวเราะกันอย่างดีใจ แล้วย่องเข้ามาจ้องร่างของณัชชาที่ยังหมดสติอยู่
“เรารีบพาองค์หญิงณัชชาไปจากที่นี่จะดีกว่า”
แม่มดนายาวาพยักหน้า ทั้งสองหัวเราะก้องเหมือนบ้า ร่างของณัชชาหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว
เอกภพตกใจพรวดนั่งขึ้นมา
“องค์หญิง”
เอกภพกราดสายตามองรู้ว่าตนกำลังฝันอยู่ เลื่อนมือลงไปแตะที่มีดสั้นแล้วกระชากขึ้นมาดูเห็นมีดสั้นส่องรังสีเป็นประกายอยู่อึดใจแล้วดับลง
“ตราบใดที่ยังมีรังสีอยู่ องค์หญิงคงยังไม่เป็นอะไร”
เสียงเคาะประตู เอกภพมีสีหน้าสงสัยเคลื่อนตัวไปที่ประตูแล้วเปิดออก ร่างของแม่นางพิมแทรกตัวเข้ามา เอกภพคาดไม่ถึง
“แม่นางพิม”
“ช่วยเราด้วย ช่วยคนรักของเราด้วย”
เอกภพกราดสายตามองลอดประตู ไม่เห็นใครจึงรีบปิดประตู
“เชิญนั่งก่อนครับ” แม่นางพิมขยับตัวไปนั่งลงที่แคร่นอน เอกภพนั่งห่างออกไป “เรื่องเป็นยังไง”
แม่นางพิมมองเอกภพพิจารณา
“จากสำเนียงของท่านเรารู้ว่าท่านไม่ใช่คนของสังกาเราจึง เอ้อ...”
“ไม่ต้องกลัว ผมยินดีจะช่วยคุณ”
“เราถูกท่านสังกาบีบบังคับข่มขู่ ถ้าเราไม่ยอมสังกาจะใช้กำลังเข่นฆ่าคนในหมู่บ้านเรา แล้วก็คนในหมู่บ้านของคนรักของเรา”
“ได้ เราจะช่วยท่าน”
“ขอเพียงท่านพาคนรักของข้าให้ไกลจากท่านสังกา บอกว่าให้ลืมข้าเสีย”
“ท่านยอมรับทุกข์ เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย”
“เราไม่มีทางเลือก เราไม่มีวันหนีท่านสังกาพ้น” เอกภพรับฟังด้วยความเห็นใจ พยักหน้า แม่นางพิมฝืนยิ้ม แล้วลุกขึ้น “พวกเราเป็นหนี้บุญคุณท่าน”
แม่นางพิมพูดจบก็รีบขยับตัวขึ้น เอกภพลุกตาม แม่นางพิมรีบออกจากห้องไป เอกภพถอนใจ
“ท่านองค์รักษ์ทั้งสี่ จะให้เดินทางสบายๆ หน่อยก็ไม่ได้ ต้องมีเรื่องทดสอบทุกที”
เอกภพเดินเข้ามาที่คุมขังนักโทษ แล้วกราดสายตาไปรอบๆ เห็นส่วนที่เป็นกรงถูกสร้างขึ้นด้วยกิ่งไม้ ไม่มีหลังคาเหมือนกรงสัตว์ ตั้งเรียงรายอยู่สองสามกรง มีกรงหนึ่งที่ชายคนรักของแม่นางพิมถูกขังอยู่ มีชายฉกรรจ์สองสามคนยืนอยู่ใกล้ๆ เอกภพเดินเข้าไปใกล้ๆ ชายสองสามคนหันมา
“เอ็งมาทำอะไรแถวนี้”
“ข้าอยากมาดูหน้ามันหน่อย มันชกคางข้ายังปวดอยู่เลย”
ชายสามคนต่างหัวเราะ
“ดูได้แต่อย่าห้ามทำอะไรมันนะเว๊ย ท่านสังกาจะจัดการมันพรุ่งนี้”
เอกภพพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปหาชายคนรักของแม่นางพิมซึ่งมีท่าทางอ่อนแรง แต่สายตาแค้นเคืองจ้องมา
“แม่นางพิมให้ข้ามาหาเจ้า” ชายคนรักแม่นางพิมยังคงจ้องนิ่ง “เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อ เหล็ก”
“เหล็ก แม่นางพิมให้ข้าพาเจ้าหนีไปและให้เจ้าลืมนางซะ”
“บอกแม่นางพิม ข้าไม่ไปไหนทั้งสิ้น”
เหล็กมองหน้าเอกภพนิ่ง
“คืนนี้ เจ้าเตรียมตัว ข้าจะมาปล่อยเจ้า เจ้าจะไปหรือไม่ไปเป็นเรื่องของเจ้า”
เอกภพเดินออกไป เหล็กมองตามถอนใจ
คืนนั้นขณะที่ชายสามคนเดินไปมาเฝ้าเหล็กอยู่ เงาดำแวบเข้ามาระหว่างมันสามคน เสียงตึบๆๆ ดังขึ้น พวกมันทรุด เอกภพพรวดเข้ามาที่กรงขังของเหล็ก ตวัดมีดสั้นขึ้นมาตรงหน้า
“ถอยไป”
เหล็กถอยไป เอกภพตวัดมีดสั้นไปมาหลายครั้งแล้วเหน็บไว้อย่างเดิม เหล็กมองอย่างสงสัยเพราะกรงไม้ยังคงเหมือนเดิม เหล็กมองยิ้มเยาะ แต่แล้วก็ตื่นเต้น เพราะกรงไม้ก็แยกพังลงเป็นชิ้นๆ
“ตามข้ามา”
เอกภพนำเหล็กออกไปโดยไม่สนใจว่าเหล็กจะตามไปหรือไม่ สุดท้ายเหล็กตัดสินใจตามไป
เอกภพนำเหล็กมาถึงราวป่า รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวตามหลังมาจึงหยุดกราดสายตา
“พวกมันกำลังตามมา เจ้ารีบไป”
เหล็กยืนนิ่งสีหน้าคับแค้นใจ
“ข้ามันไร้ฝีมือ แม้คนรักก็ปกป้องไม่ได้”
“เจ้าไปก่อน แล้วค่อยคิดหาทางที่หลัง”
“ไม่...ข้าไม่หนีแล้ว ข้าจะยอมแลกกับไอ้สังกา ข้าต้องกำจัดมันให้ได้”
“เอางี้ เจ้ากลับไปรวบรวมกำลังแล้วรอที่ชายป่าด้านโน้น ข้าจะนำตัวแม่นางพิมมาให้เจ้า” เหล็กส่ายหน้า
“ไอ้สังกามันจะต้องเผาหมู่บ้านข้า หมู่บ้านแม่นางพิม ผู้คนจะต้องล้มตายนับไม่ถ้วนแล้วมันต้องตามล่าข้ากับแม่นางพิม”
“มันทำไม่ได้หรอก ถ้ามันตาย”
เหล็กมองหน้าเอกภพคาดไม่ถึง
“ท่านคิดจะ...”
“ทำตามที่ข้าบอก”
เอกภพหันหลังแล้วพรวดออกไป เหล็กมอง ยังไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
รุ่งเช้า ขณะที่เอกภพนอนอยู่ในห้อง ประตูเปิดโครมเข้ามา ชายฉกรรจ์ สามคนยืนตรงหน้า
“ท่านสังกาให้ไปพบ”
เอกภพงัวเงีย พยักหน้า
ที่ลานหมู่บ้าน ชายที่เฝ้าเหล็กสามคน ตอนนี้นอนแผ่อยู่กลางลานกำลังถูกสังกาเฆี่ยนด้วยแส้ แม่นางพิมกับสาวใช้อยู่ด้วย พร้อมชายฉกรรจ์ของสังกา แม่นางพิมลอบสบตากับเอกภพ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี แต่พยายามกลบเกลื่อน เอกภพเดินเข้าไปกราดสายตามอง สังกาหันมาเห็นเอกภพ หยุดแส้
“ไอ้ภพ ไอ้สามตัวนี่มันบอกว่าเมื่อคืนเอ็งมาเยี่ยมนักโทษของข้า” เอกภพพยักหน้ารับ “เอ็งรู้มั๊ยว่านักโทษของข้าอยู่ที่ไหน”
“หนีไปแล้วกระมัง”
สังกาโยนแส้เข้าใส่เอกภพ เอกภพรับไว้ได้
“ข้าไม่อยากจะโทษเอ็งแต่เป็นความผิดของไอ้สามตัวนี่ เอ็งช่วยโบยพวกมันให้ข้าหน่อย”
เอกภพกราดตามองชายสามคน ที่ร่างกายเต็มด้วยรอยแส้
“ท่านจะให้ข้าโบยอีกกี่ครั้ง”
“โบยจนกว่าพวกมันจะตาย”
แม่นางพิมหน้าเสีย เอกภพกราดสายตามองทุกคนแต่พวกสังกากับชายฉกรรจ์มีสีหน้าเฉยเยือกเย็น เอกภพเดินเข้าไปตรงหน้าของชายสามคน แส้ในมือถูกยกขึ้น แม่นางพิมเบือนหน้าไม่มองสังกายิ้มโหดเหี้ยม เอกภพกราดมองอีกครั้ง
สายตาทุกคนจ้องที่เอกภพ สังกายิ้มสีหน้าเครียด
“เอ็งจะรอให้พวกมันแห้งตายก่อนหรือไง”
ทันใดนั้นเอกภพสะบัดแส้ แต่ไม่ใช่ที่ชายสามคน แต่เข้าที่หน้าของสังกา เสียงดังสนั่น สังกาไม่ทันระวังตัวถูกแส้เข้าเต็มหน้าเป็นรอยแผลวิ่งผ่านจากคิ้วขวาไปยังแก้มซ้าย ทุกคนคาดไม่ถึง แต่สังกายืนเฉย หัวเราะก้อง
ทันใดนั้นใบหน้าของสังกากลับกลายเป็นผีดิบเช่นเดียวกับลูกน้องของมันอีกห้าคน สังกาคำรามลั่น แม่นางพิมร้องด้วยความตกใจพวกชาวบ้านต่างวิ่งกันอลหม่าน เอกภพคาดไม่ถึง สังกายืนจ้องเอกภพคำรามลั่น
“เฮ้ย ใจเย็นพี่ โมโหมากเดี๋ยวไม่หล่อ”
สังกาคำรามก้อง หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว
เอกภพกราดสายตามองไปมาเห็นแม่นางพิมนั่งตะลึงอยู่บนแคร่ เอกภพกราดตามาที่ชายสามคน
“หนีไป”
ชายสามคนที่ถูกเฆี่ยนพยายามหนี แต่ลูกน้องสังกาห้าตัวเข้ามาฟันด้วยดาบดิ้นไป สังกาพรวดเข้าหาเอกภพ เอกภพฟาดด้วยแส้ สังกาจับไว้ได้ กระชากแส้หลุดจากมือเอกภพแล้วตบโครมเอกภพกระเด็นกลิ้งไป สังกาตามติด คว้าเอกภพโยนโครมไปข้างแคร่แม่นางพิม
“ท่าน ท่าน”
“รีบไปจากที่นี่”
แม่นางพิมขยับตัวแต่สังกาเข้ามาถึงพอดี คว้าแม่นางพิมตบโครม แม่นางพิมกระเด็นไปที่พื้นกลิ้งสลบไป สังกาคว้าคอเสื้อเอกภพขึ้นมา แล้วเหวี่ยงโครมกระเด็นไปกระแทกพื้น เอกภพมึนตึบสะบัดหัวไล่ความมึนงง
“ฆ่ามัน”
ชายฉกรรจ์ผีดิบห้าคนก้าวเข้าหาเอกภพ เอกภพขยับตัวยืนขึ้นตวัดมือขึ้นมามีมีดสั้นปรากฏในมือ เอกภพตวัดมีดสั้นไปมา ชายห้าคนบุกตะลุยเข้ามาฟันด้วยดาบ เอกภพตวัดมีสั้นออกไปรับเสียงดังสนั่น มันกระเด็นออกไป
“ดาบพิชิตมาร”
ทันใดนั้นมีดสั้นกลายเป็นดาบพิชิตมารส่งรังสี เอกภพตวัดไปมาเสียงดัง สังกาใบหน้าโกรธคำรามลั่น ชายห้าคนบุกเข้ามา เอกภพฟันด้วยดาบพิชิตมารส่งรังสีกระจายพุ่งออกไป ชายผีดิบห้าคนกระเด็นหายฟุบเป็นฝุ่นไปหมด เอกภพมองดาบอย่างคาดไม่ถึง สังกาคำรามลั่น มันพุ่งเข้าใส่เอกภพ เอกภพสะบัดดาบพุ่งออกไปดาบพิชิตมารวิ่งทะลุร่างของสังกาออกไป สังกาหยุดมองเอกภพแล้วร่างของมันก็แตกกระจายหายไป เอกภพถอนหายใจยกมือขึ้นรับดาบที่พุ่งกลับเข้ามา เอกภพมองดาบอย่างทึ่ง
“โว่ว...สุดยอด”
เอกภพสะบัดมือกลายเป็นมีดสั้นพกไว้ที่เอวเช่นเดิม
“ท่าน”
เอกภพหันไป เห็นแม่นางพิมยืนมือชี้ไปทางหมู่บ้าน เอกภพหันไปมอง หมู่บ้านสังกาค่อยๆ กลายเป็นฝุ่นหายไปจนหมดเหลือแต่นางพิมพ์ยืนอยู่ เอกภพเดินเข้าไป
“ที่แท้ท่านสังกาไม่ใช่คน”
“พวกมันไม่ใช่คนทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เห็นคือพวกที่ถูกจับมาทั้งหมด”
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน นึกไม่ถึง
แม่นางพิมกับเหล็กยืนอยู่ตรงหน้าเอกภพ พร้อมชายฉกรรจ์สิบคน
“ขอให้แม่นางจงมีความสุข” เอกภพบอก
“ขอบใจท่านมากที่อยู่ช่วยเหลือ” เอกภพพยักหน้ารับ
“สังกาไม่มีทางมารบกวนพวกท่านได้อีก”
เหล็กและแม่นางพิมต่างยิ้มให้กันอย่างดีใจ เอกภพถอนใจโล่งอก แม่นางพิมจ้องไปทางด้านหลังของเอกภพ
“นั่นคงเป็นเส้นทางของท่านกระมัง”
เอกภพหันกลับไปก็เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งมีประกายแสงออกมา เอกภพยิ้มพยักหน้า
“โชคดีทุกคน”
เอกภพหันหลังเดินไปที่ต้นไม้แล้วเดินเข้าไป แม่นางพิมกับเหล็กมองตาม ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“เรากลับบ้านกันเถอะ”
แม่นางพิมกับเหล็กและทุกคนหันหลังเดินกลับไป ต้นไม้เรืองแสงอยู่อึดใจแสงก็หายไป
เอกภพโผล่วูบออกมาจากต้นไม้ กราดสายตารอบๆ พลางตวัดมือดึงมีดสั้นขึ้นมา
“องค์หญิงอยู่ที่ไหนกันแน่” ทันใดนั้นมีดสั้นส่งรังสีเป็นเส้นพุ่งไปยังแนวป่าตรงหน้าของเอกภพ อึดใจก็ดับวูบ “องค์หญิง”
เอกภพเก็บมีดสั้นแล้วดีดตัวพรวดไปข้างหน้า
ราเชนเดินนำไกรยุทธ์กับนาฬิกาออกมาจากราวป่า แล้วหยุดพักตรงลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง
“เราจะตามหานางแม่มดสองตัวที่จับพวกเด็กๆ ไปก่อนแล้วสาวไปถึงแม่มดสาวานาเค้นหาความจริงให้ได้”
“ได้เหรอครับ ป่านนี้มันหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ตอนที่สู้กัน พี่ปล่อยมนต์ไว้ที่พวกมันแล้วถ้าเราเข้าใกล้มันเมื่อไหร่พี่ก็สามารถสัมผัสมันได้”
“พวกเราจะทำได้อย่างพี่ราเชนมั๊ยคะ”
“แน่นอนที่สุด แต่ต้องใจเย็นของแบบนี้ต้องใช้เวลา” ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างมองหน้ายิ้มให้กัน แต่แล้วราเชนขยับตัวกราดตารอบเหมือนสัมผัสอะไรบางอย่าง “นางแม่มดอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ทุกคนตามพี่มา”
ราเชนพุ่งออกไป นาฬิกากับไกรยุทธ์ พุ่งตามออกไป
ภายในถ้ำลึกลับ พวกตองกอยเดินผ่านไปมาหน้ากรงขัง ในกรงขังเห็นณัชชาลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในกรงขัง ณัชชาผุดลุกขึ้นนั่ง กราดสายตามองเห็นพวกตองกอยสามสี่ตัวเดินไปมาอยู่หน้ากรง ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดังขึ้น ร่างของแม่มดการานะกับแม่มดนายาวาโผล่มายืนตรงหน้ากรง
“องค์หญิงณัชชา”
“ฉายา เทพธิดาพญายม”
ทั้งสองหัวเราะเสียงดัง
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ดังนั้นข้าต้องกำจัดเจ้า”
“พวกข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
“เจ้าอ่อนแรง ไม่มีน้ำยา”
“พวกข้าจะรอให้เจ้าหมดแรง แล้วจะกินหัวใจของเจ้า”
สองแม่มดหัวเราะเสียงดังแสบแก้วหู แล้วพากันเดินออกไป ณัชชากราดสายตามองพวกตองกอย แล้วนั่งหลับตาสมาธิ
ราวป่าทึบปกคลุมถ้ำ ร่างของราเชนเดินเข้ามา ตามด้วยนาฬิกาและไกรยุทธ์
“ระวังตัวให้ดี เราใกล้ตัวมันแล้ว”
ราเชนกราดสายตามองรอบๆ แล้วก้าวนำไปอย่างระมัดระวัง ไกรยุทธ์ นาฬิกาก้าวตาม เตรียมพร้อม
แม่มดสาวันนารู้สึกตัวขึ้นมา กระอักเลือดออกมาหนึ่งกอง แล้วค่อยๆ เซโซหยิบไม้เท้าหัวกะโหลกลุกขึ้นมา
“องค์หญิง”
แม่มดสาวันนาโซเซออกไปนอกถ้ำ แต่แล้วก็คาดไม่ถึงเมื่อเห็น ราเชน ไกรยุทธ์และนาฬิกายืนอยู่
“ไม่น่าเชื่อ ข้าหาแม่มดสองตัว กลับเจอตัวที่สาม เจ้าต้องเป็นแม่มดสาวันนา”
“พวกเจ้าเอาตัวองค์หญิงไปไว้ที่ไหน”
แม่มดสาวันนากราดสายตาไปมามองทั้งสามคน
“ถ้าเจ้าไม่ตอบ อย่าหวังว่าจะรอดไปได้”
แม่มดสาวันนาสะบัดไม้เท้าหัวกะโหลกเกิดเป็นแสงวาบขึ้นมา
“ระวัง”
ราเชนสะบัดมือปล่อยพลังไฟออกไปสกัด พลังไฟพุ่งผ่านพลังแสงของแม่มดสาวันนาออกไปอย่างง่าย ระเบิดตูมแสงจางลงร่างของแม่มดสาวันนาหายไปแล้ว
“แปลก แม่มดใช้แค่พลังแสงเพื่อหนีเท่านั้น”
“หรือว่าแม่มดสาวันนาคิดช่วยพี่ณัชชาจริงๆ”
“ทางนี้ครับ”
ทั้งหมดหันไปก็พบไกรยุทธ์กำลังชี้ให้ดูรอยเลือด ราเชนกับนาฬิกาเดินเข้าไป
“นางแม่มดได้รับบาดเจ็บ จากใคร”
“หรือว่าพี่ณัชชาหนีไปได้”
ทั้งหมดสายตาเคร่งเครียด
“ไม่ต้องห่วง พี่สัมผัสพวกมันได้อยู่แล้ว ยังไงมันก็หนีไม่พ้น จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างนั่งพักกินเสบียงกันอยู่ ราเชนนั่งอยู่ตรงข้าม
“หนูสงสัยพี่สัมผัสพวกแม่มดได้ยังไง”
“วิญญาณบางตัวไม่ยอมลงนรก ต่อสู้และหลบหนี เป็นหน้าที่ของพี่ต้องจับกุมเวลาเผชิญหน้ากันพี่จะปล่อยมนต์ไว้ที่ตัวของพวกมันเพื่อให้ง่ายต่อการติดตาม”
“พี่ปล่อยมนต์ไว้ที่ร่างของแม่มดสองคนนั่น”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง”
“แต่นางแม่มดสาวันนาไม่ใช่คนที่พี่ต่อสู้ด้วยนี่คะ”
“แต่เป็นพวกแม่มดเหมือนกัน มนต์พี่ราเชนก็ต้องจับได้ซิจ๊ะ”
“โห...เก่งนี่ ใครถามจ๊ะ” นาฬิกาแกล้งลอยหน้าล้อ ไกรยุทธ์ยิ้ม “จริงหรือคะพี่ราเชน”
“ประมาณนั้น”
“งั้นผมก็เก่งใช่มั๊ยจ๊ะ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน ราเชนมองทั้งสองอย่างเอ็นดู
พวกตองกอยเดินไปเดินมาเฝ้าอยู่หน้าห้องขัง ณัชชาหลับตาสมาธิอยู่ในกรง ทันใดนั้นร่างของแม่มดสาวันนาปรากฏขึ้น พวกตองกอยหันมาเห็นคำรามก้อง แล้วพุ่งเข้าใส่แม่มดสาวันนา แม่มดสาวันนาใช้ไม้ตะพดหัวกะโหลกฟาดพวกมันตูมๆๆ ตองกอยสามตัวกระเด็นทรุดไป แม่มดสาวันนาหันไปทางกรงขัง
“องค์หญิง”
ณัชชาลืมตาขึ้นมา
“สาวันนา เจ้า...”
“องค์หญิงอย่าเข้าใจเราผิด เราไม่ต้องการหัวใจของท่าน”
“ข้ารู้”
“แต่พวกเราต้องการ”
แม่มดสาวันนาหันไปก็พบแม่มดการานะและแม่มดนายาวายืนอยู่ มีพวกตองกอยห้าตัวยืนอยู่ด้านหลังของแม่มดสองตัว ณัชชากราดสายตามอง
ราเชน ไกรยุทธ์ นาฬิกาเดินมาด้วยกัน ราเชนอยู่ตรงกลาง นาฬิกาและไกรยุทธ์ขนาบข้างซ้ายขวา
“งั้นถ้าพี่ปล่อยมนต์ไว้ที่พวกทายาท พี่ก็หาพวกเราพบน่ะซิคะ”
“พี่ปล่อยไว้ตั้งแต่เจอพวกเราแล้ว ปัญหาก็คือถ้าอยู่คนละกาลเวลาพี่ก็สัมผัสไม่ได้ บางครั้งบางสถานที่บางกาลเวลามีกฎที่ยมทูตอย่างพี่ไม่สามารถผ่านได้”
“แต่ผมก็เห็นพี่ผ่านได้ทุกกาลเวลานี่ครับ”
“นั่นเป็นเพราะพี่ร่วมทางกับท่านธิดากับองค์หญิงณัชชา ขนปีกของกามเทพนาชะที่พวกเธอมีเป็นเครื่องบอกทางได้ดีกว่า ที่สำคัญกามเทพนาชะสามารถเดินทางผ่านได้ทุกกาลเวลา ขนปีกของกามเทพนาชะจะเวิร์คกว่า”
“แบบสัญญาณ 3G เหรอคะ”
ราเชนพยักหน้าทั้งสามต่างยิ้มให้กัน
“เดี๋ยวก่อน พี่จับพลังได้ เราต้องรีบเดินทาง”
นาฬิกากับไกรยุทธ์รีบลุกพรวดขึ้นมา ราเชนพรวดออกไป ไกรยุทธ์กับนาฬิกาพรวดตามไป
ที่ถ้ำของแม่มดการานะกับนายาวา
“เจ้าสองคนกำลังเล่นกับความตาย”
แม่มดสาวันนาบอก ขณะเผชิญหน้ากับสองแม่มด
“ไร้สาระ”
แม่มดการานะปล่อยพลังแสงใส่ แม่มดสาวันนากระเด็นไป แม่มดสาวันนาขยับตัวลุกขึ้น แม่มดการานะกับ แม่มดนายาวา ก้าวเข้ามา
“ความเป็นพี่น้องร่วมสาบานเราสิ้นสุดกัน ณ บัดนี้”
แม่มดการานะกับแม่มดนายาวายกมือขึ้น แต่แล้วมีพลังแสงเข้ามากระแทก แม่มดการานะกับแม่มดนายาวา กระเด็นไป ทั้งหมดหันมาก็พบกับราเชน ไกรยุทธ์ นาฬิกา ยืนอยู่ตรงหน้า
“พี่ณัชชา”
“ในที่สุดก็พบเจ้าทั้งสามตัวจนได้”
แม่มดการานะกับแม่มดนายาวาดีดตัวลุกขึ้นมา เช่นเดียวกับแม่มดสาวันนา
“ท่านราเชน จัดการกับแม่มดสองตัวนั่น” ณัชชาบอก
“ทาสของเรา ฆ่ามัน”
พวกตองกอยพรวดเข้าหา ราเชน ไกรยุทธ์ นาฬิกา
“นาฬิกา องค์หญิง”
“ได้เลย”
พวกตองกอยวิ่งเข้าใส่ นาฬิกาตีลังกาข้ามหัวไปหน้ากรงขังที่ขังณัชชาอยู่ ประจันหน้ากับแม่มดสาวันนาที่ลุกขึ้นมาพอดี นาฬิกาจ้องแม่มดสาวันนาเขม็ง
จบตอนที่ 11