ธิดาพญายม ตอนที่ 2
เอกภพกับณัชชาเดินคุยกันมาในสวนสาธารณะ
“คุณพ่อผมก็จากไปตั้งแต่ผม 3 ขวบคุณแม่ก็เดินทางบ่อย แทบจะไม่ได้เจอกัน ลำพังผมไม่เป็นไรสงสารก็แต่คุณนาฬิกา”
“คุณนาฬิกาโชคดีที่มีพี่ชายคอยดูแลอยู่”
“ครับ แกเลยรู้สึกผิด”
“ผิดเรื่องอะไรคะ” เอกภพหยุดเดิน
“เรื่องที่ผมไม่มีแฟนไงครับ ถึงได้พยายามจับคู่ให้ผม”
“อ้อ...จำได้แล้ว แย่จัง ตอนนี้ดิฉันไม่มีเพื่อนจะแนะนำให้รู้จักด้วยซิคะ”
“ไม่มีเลยหรือครับ เอ...ไม่น่าเชื่อ”
“เอ้อ..คือมีค่ะ แต่อยู่เมืองนอกหมด”
“คุณนาชะบอกว่าคุณยังไม่มีแฟน คนสวยอย่างคุณ ไม่มีแฟนได้ยังไง ไม่น่าเชื่อ หรือว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงจริงๆ”
“บ้าน่ะซิ” เอกภพยิ้ม ณัชชารู้ว่าถูกยั่วเลยยิ้มออก “คงเป็นเพราะผู้ชายดีหายากมากกว่า”
“เฮ้อ ผู้หญิงบอกว่าผู้ชายดีหายาก ผู้ชายก็บอกว่าผู้หญิงดีหายาก เลยไม่ได้...”
เอกภพพูดยังไม่ทันจบเพราะณัชชาพุ่งชนเอกภพกลิ้งล้มม้วนลงไปในสนามหญ้าซึ่งเป็นเนิน ในขณะที่รถเก๋งคันหนึ่งวิ่งมามือปืนออกมาจากหน้าต่างทั้ง 4 สาดกระสุนเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว กระสุนเฉี่ยวถูกพื้นดินกระจุยกระจายขณะร่างของทั้งสองม้วนจนมาหยุดด้านล่าง ร่างของณัชชาอยู่ด้านบนร่างของเอกภพ
มือซ้ายเอกภพถือปืนจ้องมาทางด้านหน้า มือขวากอดร่างณัชชาไว้ ส่วนณัชชา มือขวาถือปืนจ้องมาทางด้านบน รถจอดเอี๊ยด พวกมือปืน 3 คนต่างกรูลงเนินมา แต่ถูกเอกภพกับณัชชากราดยิงพวกมันจนกระทั่งเสียงปืนสงบลง ร่างของพวกมันนอนตายกองกันห่างจากทั้งสองแค่ 5 ก้าว เสียงรถบึ่งออกไป ทั้งสองต่างมองหน้ากันสายตาประสาน กันอยู่อึดใจ
“ดิฉันว่าพวกมันไปหมดแล้วค่ะ”
“ผมว่าเรายังไม่ควรขยับ จนกว่าจะแน่ใจอาจจะมีพวกนายอำนาจซุ่มอยู่แถวนี้อีกก็ได้”
“ไม่ดีหรอกค่ะ สบายเกินเหตุ ดิฉันอาจจะเผลอหลับไปก็ได้”
“ตามสบายครับ ผมจะคอยดูพวกมันเอง”
ณัชชายิ้มประสานสายตา รู้สึกถึงพลังเทพจากเอกภพแผ่ออกมา
“ผู้กองเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3-4 คน ยืนอยู่ เอกภพกับณัชชาต่างยิ้ม
“ผมหิวแล้ว คุณล่ะ” เอกภพถามณัชชา
“หิวด้วย”
ร้านอาหารเล็กๆ ในสวนสารธารณะ ณัชชานั่งอยู่ที่โต๊ะที่จัดไว้ด้านนอก เอกภพยกถาดพร้อมแฮมเบอร์เก้อร์และน้ำดื่มมาวางลงแล้วจัดแจงแบ่งกัน ทั้งสองต่างกัดกินและคุยกันไป
“แปลกนะครับ”
“อะไรคะ”
“ผม...คุณ...”
“ยังไงคะ”
“ผู้ชาย ผู้หญิง ส่วนมากจะเจอกัน ในบาร์ ผับ ร้านอาหาร หรือไม่ก็ศูนย์การค้า แต่คุณกับผมเจอกันท่ามกลางกระสุนปืน”
“กำลังคิดว่าดิฉันนำโชคร้ายมาให้เหรอคะ”
“นั่นน่ะซิครับ รู้สึกว่า” เอกภพแกล้งหันซ้ายหันขวา เห็นคนแก่ชายหญิงคู่หนึ่ง “คนแก่สองคนนั่นอาจจะเป็นมือปืนมาเฟียที่พวกนายอำนาจส่งมาอีกก็ได้นะครับ”
ณัชชาขำ เอกภพจ้อง ณัชชาทำหน้าใส่ว่าจ้องอะไร
“ผมไม่อยากคิดมากหรอกครับ แต่จำได้ว่าคุณณัชชาช่วยผมไว้สองครั้งแล้ว”
“เหรอคะ”
“ครับ ชนผมทั้งสองครั้ง แรงมาก ยังระบมอยู่เลย”
“ใจเสาะเกินไปหรือเปล่า”
“หรือว่า คุณเป็นเทพธิดาประจำตัวผมคอยคุ้มครองผม”
“คุณเชื่อเรื่องนี้ด้วยหรือคะ”
“เชื่อครับ”
“จริงเหรอคะ”
“ครับ เชื่อครับว่าไม่จริง” ณัชชาเหล่หน้าขุ่น เอกภพยิ้ม “โทษครับ ผมแค่ล้อคุณเล่น คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้”
ณัชชายิ้มตอบ ไม่พูดอะไร
รถของเอกภพแล่นเข้ามาจอดที่คอนโดของณัชชา ประตูเปิดทั้งสองคนลงจากรถ
“ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ตื่นเต้นดีค่ะ”
“ถือว่าเป็นการวอมอัพ ก่อนเริ่มงานจริง” ณัชชายิ้มพยักหน้า “แล้วพบกันพรุ่งนี้ครับ ห้ามสาย”
ทั้งสองต่างสบตากัน เอกภพขึ้นรถขับออกไป ณัชชามองตามสีหน้ากังวล
ที่ห้องโถงภายในองค์กรของอาคิน
“ท่านคงเห็นแล้วว่าผู้กองเอกภพ แกร่งแค่ไหน ท่านเองยังต้องถอย”
อำนาจบอก อาคินยกมือขวาขึ้น อำนาจพูดไม่ออกเหมือนคนถูกบีบคอ หน้าเริ่มเขียว อาคินเอามือลง อำนาจทรุดลงกับพื้นไอคอกแคกสูดอากาศหายใจถี่ยิบ
“เจ้ารีบออกไปก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”
อำนาจค่อยๆ ลุกขึ้น โค้งแล้วค่อยๆ หันหลังเดินออกไป
“เราเชื่อว่าท่านสามารถสัมผัสพลังเทพจากมนุษย์ผู้กองนั่น เช่นเดียวกับเรา” เทพขวาบอก อาคินพยักหน้า
“ทายาทเทพองค์รักษ์ทั้ง 4”
“เราจะไปนำตัวมันมาให้ท่าน”
“อย่าเพิ่งประมาทข้ามั่นใจว่าองค์หญิงต้องเฝ้าดูอยู่แล้ว ท่านอาจจะก้าวไปสู่คมดาบขององค์หญิง”
“ไม่ยาก ถ้าเราให้ภูตทั้งเก้าคอยสกัดองค์หญิงไว้”
อาคินตวัดมือใส่ เทพซ้าย เทพขวากระเด็นลอยไปกระแทกพื้นเลือดกบปาก
“ทันทีที่ภูตทั้งเก้าห่างจากเรา ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้องค์หญิงมาสังหารเราเมื่อนั้น”
เทพขวาค่อยขยับตัวขึ้นมา
“ข้าโง่เขลาไม่ทันคิดสมควรตาย”
“สั่งพวกมนุษย์ออกคอยตามดูอย่างใกล้ชิด”
“ข้าจะรีบจัดการทันที”
“หาสถานที่เงียบสงบเตรียมไว้เราจะนั่งสมาธิ ระหว่างนี้ท่านทั้งสองคอยระวังอย่าให้ใครรบกวนเรา”
เทพซ้ายขวาโค้งรับแล้วถอยตัวออกไป อาคินสายตาเคร่งเครียด
อีกด้านหนึ่งที่คอนโดของณัชชา นาชะกำลังคุยกับณัชชาเรื่องที่เธอปลอมตัวเป็นตำรวจ
“โห...ร้ายมากเลยพี่ณัชชา พ่อเป็นมือปราบขั้นเทพตอนนี้อยู่สวรรค์ ท่านเทพปราบมารคงสะดุ้งไปแล้ว”
“อย่างน้อยพี่ก็ไม่ได้โกหก”
“ถ้าคุณเอกภพรู้ว่า องค์หญิงเป็นธิดาเทพปราบมารมาจากสวรรค์จริงๆ ละก็ ช็อกซีนีม่าแน่ๆ”
“คุณเอกภพคงโกรธมาก”
“เราทำเพื่อมวลมนุษย์ไม่ต้องกลัวค่ะ โกรธมากนาชะยิงศรปึกเข้าให้ก็หมดเรื่อง เอามั้ยคะ”
“เจ้าอย่าเหลวไหล”
“แค่ล้อเล่นน่า แล้วองค์หญิงจะเริ่มงานเมื่อไหร่เพคะ”
“พรุ่งนี้”
คืนนั้นขณะที่เอกภพนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ” นาฬิกาเปิดประตูเข้ามา “คุณนาฬิกา ยังไม่นอน”
นาฬิกายิ้มส่ายหน้า
“ยังไม่ง่วงคะ นาฬิกามีเรื่องอยากจะถามพี่เอก”
“เรื่องคุณพ่อ” นาฬิกาพยักหน้า “นั่งก่อนซิครับ” นาฬิกาเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามจ้องพร้อมฟัง “ทำไมอยู่ๆ ถึงถามล่ะครับ”
“พอดีคุยกับพี่ณัชชาวันก่อน จิปาถะ จนมาถึงเรื่องคุณพ่อก็เลยแค่อยากรู้ค่ะ”
“พี่ณัชชาถามถึงคุณพ่อ”
“ค่ะ”
“เรื่องคุณพ่อ คุณแม่กับพี่ไม่ได้ปิดบังอะไร พี่ก็รู้เท่าที่คุณนาฬิการู้ อยู่แล้ว ไม่มีมากกว่านั้น”
นาฬิกาพยักหน้าสีหน้าเซ็ง
“ไม่มีก็ไม่มี”
“พี่มีข่าวที่จะบอก อาจจะทำคุณให้นาฬิกาแฮปปี้ขึ้น”
“โอเค”
“พี่ได้คู่หูคนใหม่”
“เย” นาฬิกาบอกเสียงเบาอย่างเสียไม่ได้
“ชื่อณัชชา” เอกภพบอกยิ้มๆ นาฬิกาตาโต
“หา”
“บอกแล้วไงว่าคุณนาฬิกาต้องแฮปปี้”
“แล้ว พี่เอกจะทำยังไงกับพี่ณัชชา”
“ทำอะไรยังไงครับ”
“ฮ้า...ทำไก๋แบบนี้ต้องสนแน่นอน ไม่เป็นไรนาฬิกาจะช่วย” นาฬิกายิ้มอย่างตื่นเต้น เอกภพยิ้ม “กู๊ดไนท์ค่ะ”
นาฬิกาเข้ามาหอมแก้มเอกภพแล้วปรู๊ดออกไป เอกภพดีใจที่นาฬิกามีความสุขขึ้นมา
ที่ลานจอดรถของคอนโด ภายในรถณัชชา ณัชชาแวบเข้ามาในชุดหนังสีดำรัดกุมอยู่ในรถที่นั่งคนขับ เอามือหมุนวนที่หน้าพวงมาลัย รถติดขึ้นมา ทันใดนั้นร่างของนาชะแวบเข้ามานั่งตรงข้างๆ
“องค์หญิง จะไปไหนเพคะ ดึกๆ ดื่นๆ”
“ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย”
“โน โน โน คราวที่แล้วเกือบหนีไม่ทัน”
“ใช่ แต่มีพลังบางอย่างปรากฏ นิ่งอย่างน่าสงสัยเหมือนกับว่า มันกำลังเข้าสมาธิอยู่”
“สมาธิ องค์หญิงจะฉวยโอกาสตอนนี้ฆ่าเทพอาคิน”
“ตอนนี้เหมาะที่สุด”
“แต่เทพซ้ายขวาต้องคอยป้องกันอย่างเข้มแข็ง”
“เราถึงต้องใช้วิธีเดินทางอย่างมนุษย์ไม่ให้มันจับพลังได้”
“งั้นนาชะไปด้วย ยังไงมันก็จับพลังของนาชะ ไม่ได้อยู่แล้ว”
“อันตรายเกินไป” นาชะหน้ามุ่ย “เราไปคนเดียว คล่องตัวกว่า เจ้าไม่เชื่อมือเราหรือไง”
นาชะถอนใจร่างค่อยๆ จางหายไป ณัชชายิ้มแล้วขับรถออกไป
กลางดึกคืนนั้นที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ณัชชาแฝงตัวแนบอยู่กับกำแพงแล้วดีดตัวข้ามกำแพงเข้าไปแล้วเคลื่อนตัวไปยังคลับเฮ้าส์ตรงหน้า
ด้านหน้าของคลับเฮ้าส์ ร่างของมือปืนสองคนคอยระวังอยู่ แต่แล้วร่างของณัชชาก็พรวดเข้ามา พวกมันขยับตัวแต่ช้าไป ณัชชาปล่อยหมัดอย่างรวดเร็วพวกมันฟุบ ณัชชารีบเข้าไปด้านใน
ณัชชาเข้ามาด้านใน เห็นบันไดขึ้นไปด้านบน ณัชชาขยับตัวอย่างช้าๆ แต่แล้วทันใดนั้นณัชชาพุ่งตัวหลบไปกับพื้นขณะที่แสงพลังพุ่งผ่านไปอย่างหวุดหวิด ณัชชาดีดตัวขึ้นมาประจันหน้า เทพซ้ายขวา ปรากฏที่เชิงบันได พร้อมด้วยมือปืนนับสิบ
“ดูเหมือนว่าข้างบนจะมีสิ่งที่เราสนใจ”
“เสียดายท่านไม่มีโอกาสจะได้เห็น”
“ที่แท้อาคินนายของท่านนั่งสมาธิอยู่จริงๆ”
“จัดการมัน”
มือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ ณัชชาหมุนตัวหลบกระสุนที่ยิงมาไม่ขาดสายวิ่งผ่านตัวไป ณัชชาตวัดปืนยิงพวกมันล้มกลิ้งระนาว เทพซ้ายขวาปล่อยพลังเข้าใส่ ณัชชาตีลังกาข้ามหัวทุกคนไปยืนบนบันได พวกมันหันควับแต่ช้าไป ณัชชากราดกระสุนใส่พวกมันจนคว่ำไปหมด เหลือแต่เทพซ้ายขวา
“พวกท่านหยุดเราไม่ได้หรอก”
เทพซ้ายขวาคำรามกระชากดาบแล้วพุ่งเข้าหาณัชชา แทงเข้าที่คอหอยพร้อมกัน ดาบพุ่งเข้ามา ณัชชาย่อตัวหลบวูบปล่อยพลังเข้าใส่หน้าอกของเทพซ้ายขวาจนลอยลิ่วตกบันไดไปข้างล่างโครม ณัชชาดีดตัวพุ่งออกไปทันที
ที่หน้าห้องๆ หนึ่งมีรังสีแสงกระจายออกมา ร่างของณัชชาเข้ามายืนอยู่หน้าห้อง ณัชชาตวัดมีสั้นขึ้นมา “ดาบพิชิตมาร”
ดาบสั้นกลายเป็นดาบยาวเรืองแสง ณัชชาควงดาบแล้วพุ่งเข้าหาประตู ฟันโครมประตูแยกเปิดออกจากกันณัชชาพรวดเข้าไปในห้องก็เห็นอาคินนั่งอยู่บนแท่นตรงกลาง ตรงหน้ามีภูตทั้งเก้านั่งล้อมหันหลังเข้าหาอาคินหันหน้าออกในลักษณะครึ่งวงกลม ณัชชาจ้องอาคินเขม็ง ทันใดนั้นอาคินลืมตาขึ้นมา
“มอบชีวิต”
ณัชชาสะบัดดาบเข้าหาอาคินปักเข้าที่หัวใจของอาคินอย่างแม่นยำ ปลายดาบโผล่ทะลุอีกด้านหนึ่ง อาคินจ้องที่ดาบไม่มีแม้กระทั่งเสียงร้อง แต่แล้วอาคินหัวเราะก้อง
“องค์หญิงช้าไปก้าวเดียว หัวใจไม่ได้อยู่ที่ตัวข้าซะแล้ว”
“วิชาถอดหัวใจ”
อาคินหัวเราะก้อง ณัชชาสะบัดมือออกไปด้านหน้า ดาบหลุดจากอกของอาคินกลับเข้ามาอยู่ในมือกลายเป็นมีดสั้นเหมือนเดิม
“ไม่มีใครหยุดข้าได้อีกต่อไป”
“งั้นต้องลองใหม่”
ณัชชาสะบัดมือดาบพุ่งเข้าหาหัวใจของภูตสังหารตัวหนึ่งทางด้านขวาของอาคินที่ยังนั่งล้อมวงอยู่ มีดปักตึบเข้าที่โล่กลมขนาดคืบกว่าๆ ที่ปิดตรงส่วนหัวใจพอดี แต่ไม่ผ่านไปได้ อาคินหัวเราะ
“โล่ป้องกันหัวใจของภูตสังหารทำด้วยเหล็กจากเขาพระสุเมรุที่เจ้าสวรรค์ประทานให้ยังไม่มีอาวุธใดผ่านได้”
ณัชชาสะบัดมือมีดสั้นถอยกลับมาอยู่ในมือเช่นเดิม “ในไม่ช้าทายาทเทพทั้งหมด ก็ต้องอยู่ในกำมือของเรา”
อาคินหัวเราะก้อง พลันภูตสังหารที่นั่งนิ่งอยู่กลายเป็นกลุ่มควันดำลอยเข้าหาณัชชา ณัชชาพุ่งตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ร่างของณัชชาวูบเข้ามาที่รถ มือแตะที่พวงมาลัยเสียงรถกระหึ่มดังขึ้น ขณะที่ควันดำปรากฏรอบตัวรถเต็มไปหมด แต่แล้วรถของณัชชาก็พุ่งพรวดออกไปจากกลุ่มควันดำ กลุ่มควันดำค่อยๆ สลายตัวไปในที่สุด
ร่างของณัชชาแวบเข้ามาในห้อง ไฟสว่างพรึบ นาชะรออยู่ตรงห้องรับแขก
“โล่งอกไปทีองค์หญิงกลับมาได้”
“เกือบไปเหมือนกัน” ณัชชาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา นาชะรีบไปเปิดตู้เย็น เอาน้ำผลไม้มาให้
“เกิดอะไรขึ้นเพคะ”
“อาคินถอดหัวใจของมันไว้ที่ภูตทั้งเก้า”
“ถอดหัวใจ ผู้มีพลังสูงเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่หมายถึงจะไม่มีทายาทสืบสกุลและอายุเทพจะสั้นลงถึงหนึ่งร้อยปี”
“เทพอาคินไม่สนใจชีวิตตัวเอง แค่ก่อสงครามปลดปล่อยเทพผู้เป็นบิดายึดครองโลกทั้งสี่ได้ก็พอใจแล้ว”
“โอย ตายแล้ว มีตั้งเก้าตัวใครจะไปรู้ว่าอยู่ที่ตัวไหน”
“ที่สำคัญไม่มีอาวุธใดผ่านโล่ป้องกันหัวใจของภูตสังหารได้”
“เทพอาคิน แน่มาก” นาชะมีสีหน้าแค้นเคือง “ตอนนี้เราจะทำยังไงเพคะ จะกำจัดภูตสังหารต้องกำจัดอาคินแต่จะกำจัดอาคิน ต้องกำจัดภูตสังหาร เราจบเห่แน่ๆ”
ณัชชาผลุดลุกขึ้น
“อาคินต้องลงมือในไม่ช้า”
“งั้นเราต้องรีบบอกความจริง”
“บอกตอนนี้ผู้กองก็ไม่เชื่อ”
“เราจะทำยังไงดีเพคะ”
“ตอนนี้เราทำได้แต่รอ รอจนกว่าอาคินจะลงมือ”
“หวังว่าคงไม่สายเกินไปก่อนที่ผู้กองจะเชื่อ”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด นาชะมีสีหน้ากังวล
ที่องค์กรของอาคิน
“เราขอรับผิดทุกประการ”
“องค์หญิงณัชชามีฝีมือเราไม่อาจต้านได้”
เทพซ้ายขวาบอกอย่างรู้สึกผิด
“เอาล่ะ ไม่ใช่ความผิดของเจ้าที่มีฝีมืออ่อนด้อย”
“เราจะไปจับพวกทายาทมาให้ท่าน”
“เราต้องมีกำลังมนุษย์ยิ่งมากยิ่งดี ถึงเวลาแล้วที่พวกมาเฟียทั้งหลายต้องมาก้มหัวให้เรา”
อาคินบอกด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“ท่านต้องการสถานที่พำนักใหม่หรือไม่”
“ไม่จำเป็น เราไม่ต้องหนีองค์หญิงอีกต่อไป องค์หญิงต่างหากที่ต้องหนีเรา”
เช้าวันรุ่งขึ้นที่กรมบังคับการตำรวจ เอกภพกับณัชชาเดินลงมาที่รถของเอกภพ
“ผมเป็นคนที่มีศัตรูเยอะ คุณต้องระวังตัว”
“คุณยังไม่เชื่อว่าดิฉันมีฝีมือพอ”
“วันนี้คุณได้โชว์แน่”
เอกภพขึ้นรถ ณัชชาเหล่แล้วขึ้นรถตาม แต่แล้วก็คาดไม่ถึงเมื่อเอกภพยื่นช่อดอกไม้สวยให้หนึ่งช่อ ยิ้มสายตาสดใส
“คุณนาฬิกาเป็นคนจัดให้ครับ”
ณัชชาสบตาเอกภพ
“งั้นคุณนาฬิกาก็น่ารักที่สุด”
ณัชชายิ้มสดใสตาเป็นประกาย เอกภพมองแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“ครับ”
“ตกลงภารกิจแรกคืออะไรคะ”
“เรายังมีเวลา คุณคงไม่ว่าผมจะไปเยี่ยมเจนศักดิ์ก่อน”
“ดีค่ะ”
เอกภพเคลื่อนรถออกไป
ภายในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล ร่างของเจนศักดิ์ที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางและเครื่องช่วยหายใจ เอกภพและณัชชายืนมองอยู่ หมอยืนอยู่ข้างๆ
“ผมไม่คิดว่าคนไข้จะรอด”
หมอเดินออกไป เอกภพกับณัชชามองหน้ากันต่างถอนใจ เอกภพขยับตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“มีรายงาน โทษนะครับ”
เอกภพเดินออกไปเพื่อพูดสายโทรศัพท์ ณัชชามองตามแล้วกราดสายตาไปมาระวังแล้วยกมือขึ้นผ่านร่างของเจนศักดิ์ ปรากฏเป็นแสงเรืองออกมาจากฝ่ามือฉาบไปทั่วร่างของเจนศักดิ์ เจนศักดิ์ไอออกมาเบาๆ ณัชชายิ้มรีบเดินออกไป
ณัชชาเดินออกมาซึ่งเอกภพวางสายพอดี
“ภารกิจแรก คอนเฟิร์มแล้วครับ”
“ได้เลย”
ธิดาพญายม ตอนที่ 2 (ต่อ)
ที่โกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ภายในโกดัง มีโต๊ะจีนจัดไว้สามตัวนายดำรงนั่งอยู่กับไอ้ก้องและมือปืนระดับหัวหน้า โต๊ะจีนที่เหลือมีพวกมือปืนนั่งกันอยู่เต็ม และมียืนระวังอยู่อีก 5 คน
“พวกนายอำนาจคิดว่าตัวเองใหญ่ ให้พวกเรายอมก้มหัวให้พวกมัน อย่างนี้ต้องสั่งสอน” พวกมือปืนต่างส่งเสียงงึมงำเห็นด้วยแสดงอารมณ์แค้น ดำรงยกมือทุกคนเงียบ “นายอำนาจคงฟั่นเฟือนไปหน่อย”
พวกมือปืนต่างหัวเราะกัน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของลูกน้องดำรงสองสามคนปลิวเข้ามาตายอนาถ ที่เหลือถอยเข้ามาพร้อมกราดปืนใส่เงาร่างของคนสองคน คนสองคนปล่อยพลังไปยังลูกน้องที่ตวัดปืนใส่ตายอนาถไปอีกสอง
อำนาจก้าวนำร่างของคนๆ หนึ่งเข้ามา พวกมือปืนต่างลุกจากโต๊ะจีนกันวุ่นวายเตรียมพร้อม
“คุณอำนาจ คุณคิดจะก่อสงครามยังงั้นเหรอ”
“คุณดำรง นี่คือ ท่านอาคิน”
“เราจะมาเป็นหัวหน้าของทุกคนที่นี่”
“ท่านฝันไปแล้ว”
ทันใดนั้นอาคินปล่อยพลังกระแทกดำรงร่างของดำรงหงายไปทั้งเก้าอี้โต๊ะระเบิดกระจาย ตายสนิท
“ฆ่ามัน”
ก้องตะโกนสั่ง พวกมือปืนของดำรงต่างสาดกระสุนเข้าใส่อาคินกับเทพซ้ายขวา อาคินสะบัดมือออกไปพลังแสงพุ่งไปยังกลุ่มมือปืนเกิดเป็นแสงจ้าลูกใหญ่ท่วมพวกมือปืนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พอแสงจางก็เห็นร่างของก้องและมือปืนส่วนหนึ่งนอนระเกะระกะตายหมด
“ใครภักดีต่อเราจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย”
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน อาคินยิ้มอย่างเยือกเย็น
รถของเอกภพเข้ามาจอดที่ตงาดแห่งหนึ่ง เอกภพกับณัชชาลงจากรถ
“พร้อม”
“อยู่แล้ว แต่สงสัย”
“เรื่อง”
“คุณตามเรื่องพวกมาเฟียอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้มาจับแค่พวกมือปืน”
“มือปืนคนนี้เกี่ยวข้องกับมาเฟีย ทางผู้ใหญ่ขอให้ช่วย ผมเห็นว่างานนี้เหมาะสำหรับ...”
“มือใหม่อย่างดิฉัน”
เอกภพยิ้มยักไหล่ล้อ ณัชชาพยักหน้าโอเคทีใครทีมัน
“คุณรอผมอยู่ที่นี่ เผื่อมันหลุดผ่านผมออกมา”
“ถ้าดิฉันเป็นผู้ชายคุณคงให้ไปดักอีกทางหนึ่งแล้ว”
“เราไม่รู้ว่ามันมีพวกซุ่มอยู่มากน้อยแค่ไหน ผมเข้าไปต้อนพอพวกมันออกมาคุณค่อยจัดการ”
“เยส เซ่อ”
“ระวังตัวด้วย วันนี้เป็นวันแรก ผมไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาด”
ณัชชาพยักหน้า เอกภพขยับตัวเข้าไปในชุมชน
“ผู้ชาย”
ร่างของนาชะโผล่มา
“โธ่...ก็ผู้กองเค้าเป็นห่วงนี่นา น่ารักออก”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“แวะมาดู คู่กิ๊กมหากาฬ แป๊บเดียวเพคะ”
“เจ้าไปทำตามคำสั่งคอยดูคุณนาฬิกาให้ดี”
“เจ้าค่ะ เพคะ องค์หญิงระวังตัวนะเพคะ”
นาชะวูบหายไป ณัชชายิ้มขำ
เอกภพเดินผ่านผู้คนเข้ามาในตลาดแล้วเดินทะลุไปหลังตลาด กราดสายตาไปตามห้องแถวหลังตลาดที่สงสัย
แล้วเดินผ่านไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ห้องแถวหลังหนึ่ง มือปืนคว้าหมับ
“เออ...พวกเอ็งประจำที่ ข้าจะล่อมันไปทางนั้น”
มือปืนวางสาย ตวัดปืนขึ้นมา
ณัชชารออยู่ที่ลานจอดรถหน้าตลาด ยืนกราดสายตาไปรอบๆ ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มออกมาเพราะเห็นพวกมือปืน 3-4 คน ซุ่มอยู่ในตึกที่ก่อสร้างรกร้างด้านหลังของชุมชุม ณัชชายิ้มรีบออกไปทันที
เอกภพเดินมาหยุดที่หน้าห้องๆ หนึ่งกราดสายตามองว่าเป็นห้องตามที่ได้รับรายงานมาจึงตวัดปืนขึ้น เตรียมพร้อม ทันใดนั้นเงาแวบของมือปืนโผล่มาสาดกระสุนใส่เอกภพ เอกภพหลบได้ทัน มันเผ่นแวบหายไป เอกภพดีดตัวตามไปอย่างรวดเร็ว
ในตึกก่อสร้างร้างหลังตลาดมีร่างของมือปืน 3 คนซุ่มอยู่ พร้อมที่จะเก็บคนที่ผ่านมาตามแผน แต่แล้วทันใดนั้นร่างของณัชชาก็แวบเข้ามา มือปืนต่างหันปืนเข้าใส่ แต่ณัชชาตวัดมือใส่เป็นแสงพุ่งออกจากมือ ไปยังพวกมัน อย่างรวดเร็ว พวกมันฟุบก่อนที่จะทันได้เหนี่ยวไก แล้วร่างของณัชชาก็แวบหายไป
มือปืนวิ่งมาตรงจุดนัดหมาย ร่างของเอกภพหย่อนตัวลงมาดักหน้ามัน มันเบรกกึก
“แกหนีไม่พ้นหรอก”
“แกตะหากที่หนีไม่พ้น”
เอกภพขยับปืนในมือ มือปืนกรอกสายตาไปมา รอเพื่อนมาสมทบ
“ถ้าเพื่อนแกอยู่ฉันก็ต้องรู้” มือปืนขยับมือ แต่เอกภพจ่อที่มันก่อน “ปืนจริงกระสุนจริง”
มือปืนโยนปืนทิ้ง เอกภพยิ้มอย่างพอใจ
เอกภพคุมมือปืนออกมาที่ลานจอดรถหน้าตลาดจึงเห็นณัชชายืนพิงรถกอดอกรออยู่
“ทำไมเร็วจัง”
“โชคดีที่พวกมันหนีไปซะก่อนเลยไม่ต้องเสียเวลา”
ณัชชายิ้มอย่างพอใจ เพราะแท้จริงแล้วเป็นฝีมือเธอเอง แต่แล้วเสียงมอเตอร์ไซด์ดังกระหึ่มมาสามสี่คัน ณัชชาตวัดปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเอกภพ ในขณะที่พวกมือปืนหมุนรถหันมาคนที่ซ้อนท้ายสาดกระสุนเข้าใส่ เอกภพกับณัชชาสาดกระสุนปืนเข้าใส่พวกมันพร้อมๆ กัน พวกมันดิ้นไปไม่รอดซักคน ทั้งสองหันไปก็พบว่ามือปืนถูกกระสุนปืนดับไปเรียบร้อย
“ต้องสำคัญเหมือนกันถึงมีคนจ้องเก็บทันที” ณัชชาบอก
“เป็นมือปืนยิงหัวคะแนน คนสั่งคงกลัวว่าจะสาวถึงตัว”
“เด็กอมมือก็รู้ว่าใครเป็นคนสั่ง น่าเสียดายตอนนี้ไม่มีพยานซะแล้ว”
“ที่แท้เราถูกหลอก จับตัวมือปืนมาใส่พานให้พวกมันปิดปากนี่เอง”
“ที่สำคัญจะปิดปากเราด้วย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอกภพรับสาย ฟังอยู่อึดใจก็วางสาย
“มีพวกมาเฟีย ถล่มกันเอง”
รถของเอกภพขับเข้ามาทางด้านหน้าโกดังเก็บของของนายดำรง เอกภพกับณัชชาก้าวออกมาจากรถ
“เงียบแบบนี้ไม่ชอบเลย”
“ผมเจอเงียบแบบนี้มาแล้ว ระวังตัว”
เอกภพเดินนำเข้าไป ณัชชาตามติด
ภายในโกดังร่างของพวกมือปืนยังนอนระเกะระกะอยู่ เอกภพกับณัชชาเดินเข้ามา เอกภพปราดเข้าไปที่ร่างของนายดำรง แล้วกราดปืนไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
“ต้องเป็นพวกนายอำนาจ นายอำนาจต้องการให้ทุกคนก้มหัวให้กับองค์กรของมัน”
ทันใดนั้นณัชชาตวัดปืนไปอีกทางหนึ่ง เอกภพตวัดตาม ร่างของเทพซ้ายขวากับอาคิน อำนาจ พร้อมด้วยสมุนนับสิบ ก้าวเข้ามา ณัชชาถึงกับคาดไม่ถึง
“อาคิน”
“องค์หญิงคงอยู่ใกล้มนุษย์มากเกินไปเลยจับพลังของเราไม่ได้” อาคินจ้องเอกภพ “เราเคยเจอกันแล้วผู้กองเอกภพ”
“ที่รังของนายกำจร”
“ผู้กองเอกภพ ผมขอแนะนำให้รู้จักองค์หญิงณัชชา”
อาคินบอก เอกภพมองณัชชาอย่างสงสัยแล้วหันกลับมาทางอาคิน
“ผมต้องขอเชิญคุณอาคินไปที่กรมบังคับการ”
“ผมไม่ค่อยชอบสถานที่ราชการเท่าไหร่ ไปทีไรง่วงนอนทุกที” อาคินและพวกพากันหัวเราะ “เชิญผู้กองกับองค์หญิงไปที่องค์กรของผมจะดีกว่า”
เอกภพยิ้มกราดปืนไปมา
“ได้เวลากู๊ดบายแล้ว” ณัชชากระซิบบอกเอกภพ
“คุณไปก่อนผมตาม”
เอกภพพูดจบณัชชาก็สาดกระสุนเข้าใส่อาคินกับเทพซ้ายขวา แล้วดีดตัวออกไป เอกภพสาดกระสุนแล้วดีดตัวตามออกไป
“ภูตสังหาร”
อาคินสั่งให้ภูตสังหารตามไปจัดการกับเอกภพและณัชชา
ณัชชากับเอกภพถอยหลังออกมา พลางกราดยิงพวกมือปืนที่ตามมาร่วงไปหมด ทั้งสองหันหน้ามองกัน
“มันบอกว่าคุณเป็นองค์หญิง”
“แล้วจะเล่าให้ฟัง”..
ทั้งสองออกวิ่งมาทางด้านหน้า แต่แล้วควันดำก็ลอยลงมาขวาง ร่างของภูตดำทั้งเก้าปรากฏ
“โว่ว...มีเล่นกลด้วย”
เอกภพเหนี่ยวไกสาดกระสุนใส่ภูตสังหารแต่กระสุนทำอะไรไม่ได้ ทันใดนั้นร่างของอาคินกับเทพซ้ายขวาแวบปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของภูตทั้งเก้า
“เอฟเฟคเยี่ยม”
“องค์หญิง มอบตัวทายาทมา”
“ได้”
ทันใดนั้นณัชชาสะบัดมือเข้าใส่อาคินเป็นพลังแสงพุ่งเข้าใส่เสียงดังสนั่น แล้วณัชชาก็พุ่งกอดเอกภพแวบหายไป
“ส่งคนออกตามล่า จับตัวมาให้ได้”
ร่างของณัชชากับเอกภพปรากฏขึ้นในรถ ณัชชาอยู่ที่คนขับ ณัชชาเอามือแตะพวงมาลัย เสียงรถติดฉึ่ง ณัชชาบึ่งรถพรวดออกไปทันที
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นนาฬิกาซ้อมเทควันโดอยู่ที่โรงยิม นาฬิกาหมุนตัวเตะคู่ซ้อมลงไปนอนที่พื้น คู่ซ้อมดีดตัวขึ้นมายืนโค้งกัน นาฬิกาวิ่งมาหานาชะที่นั่งรออยู่ แล้วทรุดตัวนั่งลง
“ดีจังเลยที่นาชะแวะมา”
“นาชะชอบบรรยากาศของสถาบันการศึกษารู้สึกว่าได้เรียนรู้ ฉลาดขึ้นมาทันตาเห็น”
“น่าเสียดาย นักศึกษาบางคนบอกว่าน่าเบื่อ ไปศูนย์การค้าสนุกกว่า”
“อืม...น่าเสียดาย”
เสียงโทรศัพท์ของนาฬิกาดัง นาฬิการับสาย
“ว่าไงพี่เอก”
“คุณนาฬิกาไปที่กรมบัญชาการตำรวจเร็วที่สุด”
“ค่ะ” นาฬิกาวางสาย แล้วหันมาบอกนาชะ “พี่เอกให้ไปเจอที่ทำงาน”
“งั้นไปเลย”
นาชะคว้ามือนาฬิกาวิ่งออกไป
ขณะนั้นเอกภพนั่งอยู่ในรถที่มีณัชชาเป็นคนขับ
“โอเค เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเราถึงทะลุกำแพงออกมาได้”
“เอาไว้รอเล่าให้ฟังพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ มีเรื่องอีกเยอะที่คุณกับคุณนาฬิกาต้องรู้”
ณัชชาบึ่งรถผ่านไป
นาชะพานาฬิกาไปที่ลานจอดรถ แต่แล้วเจอพวกมือปืนมาเฟีย 5 คนขวางอยู่
“โอ๊ะ โอ”
นาฬิกาดีดตัวไปยืนตั้งท่าเตรียมพร้อม
“คิดว่าจะผ่านพวกเราไปได้เหรอ”
พวกมือปืนกรูกันเข้ามาหานาฬิกา นาฬิกาโชว์ฟอร์มเตะพวกมันกระเด็นไปหนึ่ง ชกไปหนึ่ง ถีบอีกหนึ่ง อีกคนสองคนเข้ามารุมนาฬิกาทางด้านหลัง นาฬิกาหมุนตัวกลับชกออกไปพลันมีพลังกระแทกมือปืนลอยลิ่วไปไกล
“หา”
นาฬิกามองหมัดตัวเอง พวกมือปืนกระโดดเข้ามารวบ นาฬิกาถอย ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็โดดถีบมันคนหนึ่งกระเด็นปึ่งก็คือไกรยุทธ์นั่นเอง พวกมือปืนตั้งตัวได้กรูกันเข้ามาอีก
“ไกรยุทธ์พานาฬิกาไปที่รถ”
นาชะบอก ไกรยุทธ์คว้ามือนาฬิกาวิ่งไป พวกมือปืนรีบตามแต่นาชะปล่อยผงสีชมพูฟุ้งเต็มไปหมดครอบคลุมพวกมือปืน พวกมือปืนต่างยืนยิ้มหวานกันไปมา นาชะยิ้มขำแล้วแวบหายไป
ไกรยุทธ์จูงนาฬิกาวิ่งมาที่ลานจอดรถ ก็มีรถเข้ามาจอดเทียบเป็นนาชะนั่นเอง
“เร็วขึ้นมา”
ไกรยุทธ์กับนาฬิกาต่างแยกกันเปิดประตูด้านหลังรถคนละด้านแล้วรีบขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกมือปืนวิ่งตามกันมา นาชะขับรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องประชุมที่กรมบัญชาการตำรวจ เอกภพ นาชะ นาฬิกา ไกรยุทธ์ฟังสิ่งที่ณัชชาบอกอย่างสนใจ
“อาคินต้องการกุญแจไขคุกนิลกาล เพื่อปล่อยกองทัพภูตดำมาทำสงครามกับทั้งสี่โลกคือ สวรรค์ มนุษย์ โลกสมุทร และ ยมโลก”
“และพี่ณัชชาคือธิดาของเทพปราบมารจากสวรรค์ ที่มาตามล่าอาคิน”
“คาดไม่ถึง อาคินนำเก้าภูตสังหารมาคอยป้องกันตัวมันยากต่อการกำจัด วิธีเดียวคือหากุญแจให้ได้ก่อนมันแล้วทำลายเสีย”
“โห ไม่น่าเชื่อเลย ยังกะในหนัง”
นาฬิกาบอก ไกรยุทธ์ยิ้มกับนาฬิกา
“มิน่าถึงบอกว่าคุณพ่ออยู่บนสวรรค์”
“กุญแจถูกนำมาซ่อนไว้ที่เมืองมนุษย์สืบมาถึงทายาทขององค์รักษ์ทั้ง 4 กับมนุษย์ เป็นครึ่งเทพครึ่งมนุษย์”
“แล้วคุณคิดว่าผม นาฬิกาและไกรยุทธ์คือทายาท”
“ใช่ เพียงแต่ยังไม่แน่ว่าจะเป็นทายาทที่ถือความลับของกุญแจหรือเปล่า”
“ตกลงทายาทมีกี่คนกันแน่”
“เราไม่รู้”
นาฬิกากับเอกภพ และไกรยุทธ์ต่างมองหน้ากันสีหน้าตื่นเต้น
ที่องค์กรของอาคิน อาคินนั่งอยู่บนบังลังก์ มีเทพซ้ายขวาและอำนาจ ยืนอยู่ตรงหน้า
“ส่งคนออกไปดักทุกทิศทางเหนือใต้ออกตกเอาตัวผู้กองเอกภพมาให้ได้ ใครขวางเก็บให้เรียบ”
อำนาจโค้งคำนับแล้วออกไป เหลือเทพซ้ายขวาคอยรับคำสั่งอยู่
“แต่พวกนี้คงต้านองค์หญิงณัชชาไม่ได้”
“องค์หญิงณัชชาใช้พลังสังหารออกมาเมื่อไหร่ เก้าภูตสังหารจะไปจัดการกับองค์หญิงทันที”
ส่วนที่กรมบัญชาการตำรวจกลุ่มของเอกภพยังอยู่ที่ห้องประชุม
“ผู้กองหรือนาฬิกามีอะไรที่ติดตัวมาจากคุณพ่อหรือเปล่า” ณัชชาถาม
“นาฬิกามี คุณแม่ให้ไว้บอกว่าเป็นของคุณพ่อ”
นาฬิการีบปลดสร้อยที่คอออกมาส่งให้เอกภพ เอกภพรับมาพิจารณาดูเป็นรูปหนึ่งในสี่ของเหรียญ มีทับทิมเม็ดเล็กสีแดงอยู่ตรงกลาง
“เหมือน ¼ ของเหรียญ”
“ใช่แล้ว มาต่อกันเป็นรูปเหรียญพอดี บนเหรียญจะมีปริศนาแผนที่พาไปสู่ที่เก็บกุญแจ”
“ของผมก็มีเหมือนกันครับ” ทุกคนหันไปมองไกรยุทธ์ “แต่ผมเก็บไว้ที่บ้าน”
“เราต้องรีบไปเอามา”
เสียงโทรศัพท์ของนาฬิกาดังขึ้น นาฬิการับสาย
“คุณแม่”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“เราต้องหาที่ซ่อนตัวเร็วที่สุด”
ณัชชาบอก เอกภพยื่นมือออกมา นาฬิกาส่งโทรศัพท์ให้.
“คุณแม่ครับ ให้ลุงสมและป้าอร พาคุณแม่ไปที่บ้านพักของเราที่ต่างจังหวัดเร็วที่สุด อย่าให้ใครรู้ ผมกับนาฬิกาจะไปพบคุณแม่ที่นั่นครับ ครับ ครับ” เอกภพส่งมือถือคืนให้นาฬิกา “บางทีคุณแม่อาจจะ ทราบอะไรบ้าง”
“คุณเอกภพรีบพานาฬิกาไปที่จุดหมายก่อน ดิฉันกับไกรยุทธ์จะรีบไปเอาสร้อย”
“บ้านพักอยู่ในหุบเขา ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์คุณจะตามไปได้ยังไง”
“นาชะไปกับผู้กอง นาชะจะกลับมานำดิฉันไปได้”
“แล้วเก้าภูตสังหาร”
“ตราบใดที่องค์หญิงไม่ใช้พลังสังหาร อาคินกับเก้าภูตสังหารไม่มีทางพบเรา”
ทั้งหมดต่างเตรียมตัว
“ผู้กอง ทุกอย่างต้องเป็นความลับจะให้มนุษย์คนใดรู้ไม่ได้”
“โอเค”
“ไปคุณไกรยุทธ์”
ณัชชาเดินนำไป ไกรยุทธ์มองทุกคนแล้วเดินตามไป
รถของณัชชาค่อยๆ แล่นเข้ามาจอดที่คอนโดของไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์จะลงจากรถ
“เดี๋ยว” ไกรยุทธ์หยุดกึก ณัชชากราดสายตาไปรอบเห็นพวกมือปืนซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ เกือบ 10 คน “พวกมันคอยดูอยู่แล้ว”
“เราจะทำยังไงดีครับ”
“ขืนลุยเข้าไปตอนนี้ เละแน่”
“แย่แล้ว คุณอาผม คุณอาผมกำลังจะกลับบ้าน พวกมันต้องเล่นงานคุณอาผมแน่ๆ”
“ใจเย็นๆ พวกมันไม่สนคุณอาไกรยุทธ์หรอก โทรหาคุณอา ให้คุณอาเอาสร้อยออกมาจะดีที่สุด”
“ครับ”
ไกรยุทธ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
รถของเอกภพวิ่งไปตามถนน เอกภพเป็นคนขับ นาชะกับนาฬิกานั่งข้างหลัง เอกภพชำเลืองมองกระจกหลัง
“มีคนตามมา”
“พวกมันรู้ได้ยังไง”
“พวกมาเฟีย หูตากว้าง สายมันเยอะ มันคงรู้ตั้งแต่เราออกมาจากกรมแล้ว”
“เฮ้อ...มนุษย์ มีแต่คอร์รัปชั่นกันทั้งนั้น แล้วจะไม่ให้น้ำท่วมโลกได้ยังไง”
“จริงเหรอนาชะ ที่น้ำจะท่วมโลก”
“เจ้าสวรรค์เบื่อนิสัยมนุษย์เต็มที แค่รอให้พวกเทพลงเสียงเท่านั้น ตามหลักประชาธิปไตย”
“จริงเหรอ”
“จริงซิ”
“แล้วพวกเทพมีเดินขบวนเหมือนพวกมนุษย์หรือเปล่า”
“มีเหมือนกัน”
“หา แล้วแบบว่ามีการยึดสวรรค์อะไรมั่งมั๊ย”
“ไม่กล้าหรอก ขืนบังอาจละก็...เทพองครักษ์เก็บเรียบ”
“โว่ว...สุดยอด”
เอกภพยิ้มขำ ขับรถแล่นตะบึงไป
ธิดาพญายม ตอนที่ 2 (ต่อ)
รถคันหนึ่งแล่นเข้าไปในคอนโดของไกรยุทธ์ ขณะที่รถของณัชชาจอดฝั่งตรงข้าม
“นั่นรถคุณอาผมเอง เข้าไปแล้ว”
ณัชชากราดสายตามองรอบๆ อย่างระวัง
รถของเอกภพแล่นไปตามถนน รถตู้ของพวกมือปืนใกล้เข้ามาทุกที
“พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว”
“เราต้องหาทางหลบออกนอกเส้นทาง” ทันใดนั้นเอกภพเห็นทางแยกออกไปจากถนนใหญ่ เอกภพหักเลี้ยวเข้าไปอย่างรวดเร็ว “นาชะ นาฬิกา ผมจะจอดให้ลง แล้วผมจะล่อพวกมันให้ตามไป นาฬิกาพาคุณนาชะไปที่จุดนัดพบ”
“ค่ะ”
“ผู้กองไม่ต้องจอด โชคดี”
นาชะเข้ากอดนาฬิกาแล้วแวบหายไปจากรถ
“ฟิ้ว...มีแวบอย่างนี้ค่อยมันหน่อย”
เอกภพยิ้มอย่างชอบใจแล้วขับลุยเข้าไปหารถตู้ที่เลี้ยวตามเข้ามา
รถของอาไกรยุทธ์แล่นออกมาจากคอนโด
“คุณอาออกมาแล้วครับ”
ณัชชาค่อยๆ ออกรถตามไป
รถของณัชชาแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง ประตูรถเปิดออก ณัชชากับไกรยุทธ์ก้าวออกมาจากรถ อาของไกรยุทธ์เดินเข้ามาที่รถอย่างรีบร้อน
“ขอบคุณมากครับคุณอา นี่คุณณัชชาครับ”
“ยินดีครับ” อาไกรยุทธ์ส่งสร้อยให้ไกรยุทธ์ “นี่สร้อย”
ไกรยุทธ์รับไว้
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ผมฝากไกรยุทธ์ด้วยนะครับ หน้าที่ผมหมดแค่นี้”
“หมายความว่ายังไงครับหน้าที่”
ทันใดนั้นกระสุนสาดเข้ามาที่รถ ทั้งสามหลบข้างรถอย่างรวดเร็ว ณัชชากระชากปืนออกมา เช่นเดียวกับ อาของไกรยุทธ์ รถของพวกมือปืนขับเข้ามาจอดห่างออกไปพวกมันกรูกันลงมาจากรถแล้วสาดกระสุนเข้าใส่ ณัชชาสาดกระสุนออกไปพวกมันล้มคว่ำ อาไกรยุทธ์สาดกระสุนออกไปถูกพวกมันคว่ำไปหนึ่งเช่นกัน
“คุณอา”
“รีบไปให้เร็วที่สุด ผมจะสกัดไว้เอง”
“คุณคือ”
“ครับ...ผมไม่ใช่อาแท้ๆของไกรยุทธ์ แต่เป็นผู้พิทักษ์ทายาท รีบไปเร็วเข้า”
“ไกรยุทธ์ขึ้นรถ”
ณัชชาโผล่ขึ้นไปยิง ไกรยุทธ์รีบขึ้นรถทางด้านหลัง อาไกรยุทธ์โผล่ขึ้นไปยิงสกัดพวกมัน
“คุณณัชชา เชิญ”
ณัชชาขึ้นรถทางด้านหน้าไปยังที่คนขับ สตาร์ทรถแล้วจ้องหน้าอาไกรยุทธ์ อาไกรยุทธ์พยักหน้า
“ไปเร็ว”
ณัชชาพยักหน้าให้สายตาหดหู่ เพราะรู้ว่าถ้าถอยหลังรถออกไปจะทำให้อาไกรยุทธ์ไม่มีที่กำบัง ณัชชาถอยพรวด ทางเปิดโล่ง อาไกรยุทธ์วิ่งเข้าหาพวกมือปืนยิงสาดใส่พวกมัน ไกรยุทธ์หันกลับมาเห็นอาถูกกระสุนล้มลง
“คุณอา” ไกรยุทธ์ขบกราม ในมือกำสร้อยแน่น
“ผู้พิทักษ์เสียสละชีวิตเพื่อคุ้มครองเธอ อย่าให้เสียเปล่า เธอต้องเข้มแข็ง”
ณัชชาหักพวงมาลัยออกจากลานรถพุ่งไปตามเส้นทาง
ร่างของนาชะกับนาฬิกาแวบมายืนตรงถนน
“ใช้พลังแล้วพวกภูตจะไม่ตามมาเหรอ”
“ลืมบอกไปว่าพลังของนาชะเป็นพลังแห่งความรัก พวกมันสัมผัสไม่ได้...นาชะเป็นกามเทพ”
“หา จริงเหรอ”
“จริงซิ ปิ๊งใครก็บอกนะ ยิงศรปักอกปึกเดียวอยู่”
“ซี ศิวัฒน์ได้ปะ”
“เดี๋ยวก็เจอเอมมี่หรอก”
ทั้งสองหัวเราะระหว่างนั้นเห็นรถตู้โดยสารประจำทางวิ่งมา ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน นาชะยกมือให้หยุด รถตู้โดยสารหยุด ทั้งสองต่างขึ้นรถตู้ไป
เอกภพบึ่งเข้ามาในสวนแต่แล้วยางรถแตกดังสนั่นจากลูกปืนของพวกมือปืนที่ยิงมา รถปัดออกข้างทาง เอกภพจอดรถพรวดข้างทาง แล้วรีบหนีเข้าไปในสวน รถตู้จอดพรืด พวกมือปืนโดดลงมาจากรถเกือบสิบ
“เอ็งรออยู่นี่”
“ได้พี่”
“เข้าไปลากตัวมันมา”
พวกมือปืนต่างกระจายกำลังออกหาเอกภพ
พวกมือปืนกระจายกันล้อมวงเข้าไป พวกมันคนหนึ่งเดินกราดปืนอย่างระวังผ่านพุ่มไม้เข้ามา ทันใดนั้นร่างของเอกภพโผล่มาทางด้านหลัง ตวัดมือบิดคอมันร่วงไป
พวกมือปืนอีกสองคนเดินกราดปืนมาคู่กันอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นร่างของเอกภพวูบมาจากด้านบนตรงหน้าของมันสองคน ปล่อยหมัดซ้ายขวาไปอย่างรวดเร็ว พวกมันสองคนทรุด
พวกมือปืนกราดปืนเข้ามากันอีกสาม ผ่านพุ่มไม้ ทันใดนั้นมันหยุดกราดสายตาไปที่พุ่มไม้หนึ่ง เห็นร่างเคลื่อนไหว พวกมันสาดปืนเข้าใส่ทันที เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ร่างเคลื่อนไหวทรุด
“เสร็จ เข้าไปดูซิ”
พวกมันโผล่พรวดเข้าไปปรากฏว่าเป็นร่างของพวกมันเอง เอกภพก้าวเข้ามาทางด้านหลังของพวกมัน
“ฮัลโหล ทิ้งปืนซะ”
พวกมือปืนนิ่ง แต่แล้วหันขวับตวัดปืนเข้าใส่ เอกภพสาดกระสุนเข้าใส่ พวกมันล้มคว่ำไปจนหมด
“ทิ้งปืน” เอกภพหันไปก็เจอหัวหน้ามันกับลูกน้อง 3 คน ยืนจ่อปืนมาที่เอกภพ เอกภพยิ้ม โยนปืนทิ้ง “นี่เหรอวะทายาทเทพ แน่จริงแวบหายไปซิวะ”
“อืม ลองดูก็ดีเหมือนกัน” เอกภพหลับตา
“มันจะหายตัวว่ะ” หัวหน้าบอกแล้วพากันหัวเราะ “เฮ้ย...ไปที่รถ เร็วเข้า”
ทันใดนั้นร่างของเอกภพแวบหายไปต่อหน้าพวกมัน พวกมันตาเหลือก
ที่รถตู้คนหนึ่ง คนขับนั่งฟังเพลงอยู่ เปิดประตู้ถ่างไว้รับลม ทันใดนั้นร่างของเอกภพแวบเข้ามานั่งข้างๆ คนขับ
“เฮ้ย”
คนขับร้องออกมาอย่างตกใจ เอกภพปล่อยหมัดโครมคนขับกระเด็นกระแทกประตูที่เปิดอยู่แล้วกระเด็นไปที่พื้นทรุดนิ่งไป เอกภพตรวจดูตัวเองอย่างตื่นเต้นแล้วหัวเราะชอบใจ
“วู้...เวิร์กเหมือนกันสุดยอด”
เอกภพสตาร์ทรถ ถอยแล้วกลับรถ ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นเข้ามาเป็นหัวหน้ากับสมุนสองคน วิ่งมาที่รถสาดกระสุนเข้ามา
“ลาก่อนนะพวก”
เอกภพขับรถออกไป พวกมันวิ่งมาถึงสาดกระสุนอย่างโกรธแค้น
รถตู้โดยสารขับมาจอดที่ตลาดชานเมืองแห่งหนึ่ง นาชะกับนาฬิกาลงมาจากรถ
“เราหาอะไรกินก่อนดีกว่า เดี๋ยวผู้กองคงตามมา”
“แต่พวกมัน”
“โอย ฝีมืออย่างผู้กองสบายมาก ผ่านฉลุย ไปเหอะหิว”
ทั้งสองเดินเข้าไปในตลาด ขณะนั้นรถตู้ของพวกมาเฟียเข้ามาจอดพอดี พวกมันลงจากรถมา 4-5 คน
รถของณัชชาจอดอยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณัชชากับไกรยุทธ์นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงหน้ามีน้ำอัดลม ไกรยุทธ์นั่งเงียบ มือกำสร้อยแน่น
“เธอคงไม่เคยพบคุณพ่อ”
จู่ๆ ณัชชาก็ถามขึ้นมาไกรยุทธ์หันมามองอย่างสงสัย
“ครับ คุณพ่อผมเสียชีวิตตั้งแต่ผม 3 เดือน คุณแม่ก็...”
“เดินทางบ่อย ไม่ได้พบกัน คุณอยู่กับคุณอา”
“ครับ”
“คุณพ่อคุณยังมีชีวิตอยู่”
ไกรยุทธ์ตื่นเต้นดีใจ
“จริงเหรอครับ แต่ทำไม...”
“เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง ตอนนี้คุณต้องทำหน้าที่ของทายาทให้ดีที่สุด เรื่องอื่นไว้รู้ที่หลัง” ไกรยุทธ์พยักหน้า “นอกจากคุณนาฬิกาแล้ว มีใครอีกมั้ยที่ทำให้เธอ เอ้อ...”
“สัมผัสพลังได้เหรอครับ”
“อืม”
“ไม่มีครับ”
“เราต้องหาอีกสองคนให้พบเร็วที่สุด”
ที่สนามบาสของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ปิงปองจับลูกบาสขึ้นมาเลี้ยงจนมาถึงบีม
“รอนานมั้ย” ปิงปองถามบีม
“ไม่หรอก”
“สองคนนี่ แอบมาจีบกันอีกแล้ว”
เพื่อนแซว บีมกับปิงปองหันไปก็เห็นเพื่อนชายอีก 3-4 คน ปิงปองโยนบาสใส่เพื่อน เพื่อนรับ
“อย่าพูดมาก พร้อมหรือยัง”
“พร้อมอยู่แล้ว นายสองคน สู้กับพวกเรา 5 คน ตามเดิม”
“ใครแพ้ต้องบริจาคเงินให้มูลนิธิเด็ก 100 บาทตามเดิม”
“200 ไปเลย”
“แน่ใจนะเพื่อน คราวก่อนก็แพ้ไปแล้ว”
“ไม่ต้องพูดมาก ใครชู้ตได้ถึง 11 ก่อนชนะ”
ปิงปองกับบีมยิ้มให้กัน อย่างมั่นใจ
นาชะกับนาฬิกาเดินออกมาจากร้านอาหาร นาชะเอามือปัดลมที่ปากเพราะเผ็ด
“โอ๊ย เผ็ดน่าดู อะไรก็ไม่รู้”
“ส้มตำจ้ะ”
นาฬิกาบอกยิ้มๆ แต่แล้วนาชะก็หยุดกึก นาฬิกามองตามเห็นพวกมือปืนมาเฟียยืนอยู่ตรงหน้า 3 คน
“โอ๊ะ โอ”
นาชะคว้านาฬิกาแวบหายไปทันที
“แยกกันหาพวกมัน”
พวกมือปืนต่างแยกย้ายกันออกไป
ที่สนามบาสบีมเลี้ยงลูกไปอย่างรวดเร็ว พวกทีมเพื่อนต่างเข้ามาล้อมบีม บีมหันกลับส่งย้อนมาให้ ปิงปองที่ยืนอยู่ใต้แป้นทางด้านของตนเห็นลูกวิ่งเร็วแวบผ่านพวกนั้นมาอยู่ในมือของปิงปองอย่างรวดเร็ว ปิงปองรับลูกยิ้มแล้วชู้ตในระยะไกล ลูกบาสลอยลิ่วลงห่วงอีกด้านหนึ่งอย่างแม่นยำ
“เย้”
บีมชูมืออย่างดีใจ พวกทีมเพื่อนต่างยืนเสียอารมณ์ ปิงปองเดินเข้ามาหาบีม ทั้งสองยกมือตีกัน
“11 ต่อ 0 อย่าลืมเงินมา 200 บาท”
ปิงปองแบมือ
“ไม่ให้ นายเล่นโกง นายเล่นเทคนิค”
“เฮ้ นายคิดจะเบี้ยวเหรอ เงินทำบุญแท้ๆ”
“เออ” เพื่อนก้าวเข้ามาผลักอกบีม
ปิงปองโมโหยกมือผลักเพื่อน แต่ก่อนที่มือจะถึงกลับมีพลังดันเพื่อน กระเด็นไปไกลกองอยู่ที่พื้นแถมยังกลิ้งไปอีกไกลทุกคนต่างตกใจ ปิงปองก็คาดไม่ถึงมองมือตัวเอง
“ถ้าจะโกงก็ไม่ต้องคบกันอีกต่อไป” บีมบอก พวกเพื่อนต่างเดินเข้ามา เพื่อนคนหนึ่งส่งเงินให้ 200 บาท
“อนุโมทนาสาธุ ไปบีมไปทำบุญกัน”
ปิงปองกับบีมเดินออกไป เพื่อนๆ ต่างมองตามปิงปองกับบีม แล้วหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่บนพื้นห่างออกไปสีหน้าแตกตื่น
บีมกับปิงปองเดินมารอคุณอาที่ลานจอดรถของโรงเรียน
“ปิงปอง ทำได้ยังไงผลักทีเดียว ไอ้โจ๊กกระเด็นไปตั้งไกล” บีมถามอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเป็นอย่างที่เค้าว่าคนเราเวลาตกใจจะมีแรงขึ้นมาเอง”
“ขอบใจนะที่ ช่วยบีม”
“สบายมากอยู่แล้ว”
สองคนต่างหัวเราะกัน
รถตู้ของเอกภพแล่นเข้ามาจอดที่ตลาด เอกภพลงจากรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เอกภพครับ”
“ได้สร้อยมาแล้ว กำลังเดินทางสู้เป้าหมาย” ณัชชาบอก
“ถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ผมจะโทรไป” เอกภพวางสายกราดสายตาไปรอบๆ ทันใดนั้นหันขวับปืนอยู่ในมือที่แท้เป็นนาชะกับนาฬิกา “คุณนาฬิกา”
นาฬิกาวิ่งมากอดเอกภพด้วยความดีใจ..
“เราต้องรีบไป พวกมันเพียบ”
ทั้งสามรีบขึ้นรถ รถตู้ถอยออกแต่แล้วรถตู้พวกมือปืนเข้ามาจอดขวาง พวกมันกรูกันออกมาจากรถล้อมรถตู้ไว้ ทุกคนมีปืนในมือกราดจ้องที่รถตู้ของเอกภพ
“พี่เอกทำไง”
“ใจเย็น คุณนาชะเตรียมพร้อม เราจะเปลี่ยนรถ”
“สุดยอด”
พวกมือปืนค่อยๆ ย่องกันใกล้เข้ามา นาชะเอื้อมมือมาโอบที่ไหล่ของนาฬิกาและเอกภพ
“พร้อม”
ทันใดนั้นร่างของทั้งสามแวบหายไป แล้วไปโผล่ที่รถตู้ของพวกมันแทนกุญแจยังค้างอยู่ที่เดิม เอกภพสตาร์ทรถแล้วขับออกไป พวกมือปืนหันมามองอย่างคาดไม่ถึง รีบวิ่งตามรถตู้
“วู้...เย้...”
“พวกมันจะตามมาทันหรือเปล่า”
เอกภพชูกุญแจรถตู้อีกคัน
“โนเว”
“ผู้กองเจ๋งมาก”
“นาชะก็เจ๋ง” นาฬิกาตีมือกับนาชะ
“เราเจ๋งกันหมด”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน รถตู้วิ่งตะบึงไป
รถตู้ของเอกภพวิ่งมาตามทางที่คดเคี้ยวจนมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง นาฬิกากับนาชะลงมาจากรถ ทันใดนั้นนาฬิกาก็มีสีหน้าตื่นเต้น
“คุณแม่”
นาฬิกาวิ่งเข้าไปหากอดมารดาอย่างดีใจ นาชะมองอย่างมีความสุข เอกภพเดินเข้ามา
“เชิญครับ คุณนาชะ”
บีมกับปิงปองถือไอศครีมกันมาคนละถ้วย ต่างนั่งลงที่ม้านั่งแล้วตักกินไปคุยไป
“มีเพื่อนเฟซบุ๊คกี่คนแล้ว”
“เยอะมาก ของบีมล่ะ”
“เพียบ วันก่อนมีคนส่งเพลงที่บีมชอบมาให้ บีมหาตั้งนาน”
“ดีนะ เดี๋ยวนี้ใครจะหาใคร หาอะไร ส่งข่าวทางโซเชียลเน็ตเวิร์กแป๊บเดียวก็เจอ บีม...ยังจัดการพวกเว็บสิบแปดมงกฎอยู่หรือเปล่า”
“อืม ส่งไวรัสไปถล่มหลายเว็บแล้ว”
“เก่งมาก สมน้ำหน้าพวกนี้เลวจริงๆ ไม่ยอมทำมาหากินโดยเฉาะไอ้พวกที่หลอกให้คนโอนเงิน”
“วันหลังบีมจะสอนให้ กดที่เดียวเว็บมันล่มทันที”
“เย้”
ทั้งสองเอาหมัดชนกัน
“เฮ้ สร้อยปิงปองโผล่มาแนะ”
ปิงปองก้มดูจับ
“สงสัยตอนชู้ตบาส” ปิงปองจะจับยัดเข้าเสื้อ
“เดี๋ยว เหมือนของบีมเลย”
บีมรีบเอาสร้อยออกมาดู ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ต่างยกสร้อยของตนขึ้นมาเทียบกันดู ทันใดนั้นสร้อยเหมือนมีแม่เหล็กดูดเข้าหากัน
“เฮ้ย”
ทั้งสองรีบแยกสร้อยออกจากกัน ต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น ต่างยกสร้อยขึ้นมาดูอีกแต่ระวังระยะไม่ให้ใกล้กันจนเกินไป
สร้อยของบีมกับปิงปองเป็นสร้อยแบบเดียวกับของนาฬิกากับไกรยุทธ์ไม่ผิดเพี้ยน
เอกภพเดินไปเดินมาภายในบ้านพัก นาฬิกานั่งอยู่กับมารดาที่โซฟา
“ใจเย็นน่าพี่เอก เดี๋ยวนาชะก็พาพี่ณัชชากับคุณไกรยุทธ์มาถึงเองล่ะน่า”
“นั่งก่อนก็ได้นะเอก” มารดาบอก เอกภพยิ้มหยุดเดินแล้วยกข้อมือขึ้นดูเวลา
“เป็นถึงธิดาสวรรค์ น่าจะมาได้เร็วกว่านี้”
“พี่ณัชชาไม่ได้ใช้พลัง เพราะไม่อยากให้พวกมันตามได้”
“คุณแม่เห็นหรือยังครับ ว่าคุณนาฬิกาปลื้มคุณณัชชาแค่ไหน”
ทันใดนั้นนาชะแวบเข้ามา
“มากันแล้วค่ะ”
ขาดคำร่างของณัชชากับไกรยุทธ์ก็ก้าวเข้ามา
“ได้สร้อยมั้ยครับ”
“ได้ค่ะ”
“นี่คุณแม่ผมครับ นี่องค์หญิงณัชชาครับคุณแม่”
ณัชชาย่อตัวไหว้อย่างสวยงาม เอกภพมองด้วยความชื่นชม
“คุณแม่พอทราบเรื่องสร้อยบ้างมั๊ยคะ”
“เพื่อความปลอดภัยของทุกคน คุณพ่อไม่เคยบอกอะไรเลย บอกแต่เพียงว่าเมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะปรากฏ”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
สร้อยทั้งสองเส้นที่วางต่อกันตรงส่วนที่เป็นเหรียญได้แค่ครึ่งเหรียญ ยังขาดอีกสองส่วน ทุกคนต่างยืนล้อมอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“คงต้องรอให้ครบก่อน ถึงจะได้เรื่อง”
“ที่สำคัญเราต้องหาทายาทอีกสองคนให้เร็วที่สุด”
“องค์หญิงไม่มีตาทิพย์หรือพลังพิเศษอะไรที่จะส่องปุ๊บเจอปั๊บเลยหรือครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะถือเป็นการก้าวก่ายมนุษย์”
“อ้าว แล้วจะลงโทษคนเลวได้ยังไงครับ”
“อ๋อ ด้วยข้อมูลค่ะ ต้องรู้ข้อมูลก่อนว่าใครเลว อย่างผู้กองเนี่ย นาชะเปิดบันทึกสวรรค์กดปุ่มปุ๊บเจอปั๊บว่าอยู่ที่ไหนคุณนาฬิกากับคุณไกรยุทธ์ก็เหมือนกัน เพราะนาชะสัมผัสมือทุกคนเอาข้อมูลมาแล้ว”
“หรือไม่ทายาทต้องใช้พลังเทพอย่างต่อเนื่องดิฉันถึงจะจับพลังได้”
“ซึ่งถ้าองค์หญิงจับพลังได้ อาคินก็จับพลังได้เหมือนกัน”
“ยังงั้นก็ไม่ดีแน่”
“เดี๋ยว นึกออกแล้ว อินเตอร์เน็ต โซเชียลเน็ตเวิร์ก”
“ใช่เลย เราแค่ถามว่าใครมีสร้อยเหมือนเราแล้วรอคำตอบ”
ธิดาพญายม ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างมีความหวัง มารดาเอกภพยกสำรับเข้ามาพร้อมกับป้าอร
“ทานอะไรกันก่อนดีกว่าค่ะ”
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วทุกคนมาชุมนุมกันอีกครั้งที่ห้องรับแขก
“พรุ่งนี้ลุงสมไปส่งคุณแม่แต่เช้าที่สนามบิน บินไปที่ไหนก่อนก็ได้ขอให้ไปจากที่นี่” เอกภพบอกมารดา
“ได้จ้ะ”
“ที่นี่ไม่มีสัญญาณ เราต้องออกไปในเมือง นาฬิกากับไกรยุทธ์จัดการเรื่องอินเตอร์เน็ต”
นาฬิกากับไกรยุทธ์พยักหน้า
“อืม...เสี่ยงอยู่เหมือนกัน แต่เราไม่มีทางเลือก”
“นาชะไปกับคุณนาฬิกากับคุณไกรยุทธ์ มีอะไรเกิดขึ้นนาชะสามารถพาหลบหนีได้ทันท่วงที”
“ตกลงตามนี้”
ทุกคนต่างลุกขึ้นเดินออกไป เอกภพเดินเข้ามาหาณัชชา
“เราต้องจัดเวรคอยเฝ้าระวัง” ณัชชาบอก
“ผมรับหน้าที่เอง”
“เราแบ่งช่วงกันดีกว่า หรือคิดว่าผู้หญิงทำไม่ได้”
“เชิญครับ เลือกเอาได้เลยว่าจะอยู่ช่วงไหน”
“ช่วงแรกก็แล้วกัน”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
คืนนั้นณัชชาเดินตรวจรอบๆ บ้านแล้วมาหยุดอยู่ด้านหลัง สายตามองไปรอบๆ ท่ามกลางความมืดด้านนอก
“ยังไม่ถึงเวรคุณเลย”
ณัชชาบอกเมื่อเอกภพเดินเข้ามา
“นอนไม่ค่อยหลับ เลยตื่นดีกว่า เชิญครับ”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ค่ะ” เอกภพมองณัชชาแล้วยิ้ม “อะไรคะ”
“ขำที่คุณปลอมตัวเป็นตำรวจ คู่หูผมได้เนียนมาก”
“หลักฐานปลอมทุกอย่างเป็นฝีมือของนาชะค่ะ” ทั้งสองต่างยิ้ม “บ้านหลังนี้ทำเลดีมาก มีทางเข้าทางเดียวใครเข้ามาก็จะเห็นทันที แต่ด้านหลังมีทางออกพรางสายตาอยู่หลายทาง”
“คำนวณจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณพ่อคงเตรียมการไว้”
“คุณพ่อคุณรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึง” เอกภพพยักหน้า
“นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่สวรรค์ก็มีเทพที่คิดจะเป็นใหญ่”
“ความโลภไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกันหมด แม้แต่สวรรค์ก็เลี่ยงไม่ได้”
“แล้วความรักล่ะครับ เหมือนกันหรือเปล่า”
“เหมือน” เอกภพตาโต
“จริงหรือครับ”
“แต่อาจจะมีกฎเกณฑ์ที่ต่างกัน”
“ยังไงครับ”
“เทพไม่สามารถรักกับมนุษย์ได้”
“อ้าว แล้วที่คุณพ่อผมกับคุณแม่ผมละครับ”
“เป็นข้อยกเว้น เพราะเป็นภารกิจที่สำคัญ”
เอกภพถึงกับนิ่งไป
ที่องค์กรของอาคิน อาคินนั่งอยู่บนบัลลังก์ เทพซ้ายขวา อำนาจ และมือปืน 3-4 คนยืนอยู่เพื่อรอรับคำสั่งจากอาคิน
“ส่งคนออกไปตามหาให้เจอ ใครปล่อยให้หลุดไปเราจะปลิดชีวิตมัน”
พวกมือปืนที่ปล่อยให้เอกภพหนีไปได้นอนตายระเกะระกะอยู่ อำนาจนึกแค้นอาคินที่ฆ่าลูกน้องเขาแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มรับคำสั่งแล้วเดินนำพวกมือปืนทั้งหมดออกไป
“องค์หญิงณัชชา ไม่ยอมใช้พลังสังหารออกมาภูตสังหารไม่สามารถจับสัมผัสได้” เทพซ้ายบอก อาคินส่งสายตาดุจนเทพซ้ายขวาไม่กล้าสบตาได้แต่ก้มหน้า อาคินสีหน้าแค้นเคือง
เอกภพเดินไปมาคอยเฝ้าระวัง แล้วก็หยุด หยิบสร้อยจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเกตออกมา มองดูสร้อยที่อยู่ในฝ่ามือ
“สร้อยอะไรกันแน่”
ทันใดนั้นมีแสงออกมาจากสร้อยเป็นใบหน้าของเทพองครักษ์
“ลูกพ่อ เจ้าเป็นครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ เจ้ามีพลังเทพเช่นเรา เมื่อถึงเวลาพลังจะปรากฏ เจ้าต้องปกป้องทายาททั้ง 4 และแผนที่อย่าให้ตกอยู่ในมือของเทพชั่ว”
แสงดับวูบเอาภพพลิกสร้อยไปมา แต่ไม่เกิดผลอะไรขึ้นอีกเอกภพกำสร้อยแน่น
“ทุกอย่างเป็นความจริงหรือเนี่ย”
เช้าวันรุ่งขึ้น ณัชชายืนอยู่บนเนินมองไปทางด้านหน้าบ้านเห็นเอกภพยืนอยู่หน้าบ้าน นาฬิกากำลังกอดมารดา
ครู่หนึ่งก็แยกออก ลุงสมเปิดประตูด้านหลังให้มารดาเอกภพเข้าไป ลุงสมกลับขึ้นรถแล้วขับออกไปนาฬิกาเดินมายืนข้างๆ เอกภพ เอกภพส่งสร้อยให้น้องสาว
“พี่ว่าคุณนาฬิกาเก็บไว้ดีกว่า”
“พี่เอกเก็บเถอะค่ะน่าจะปลอดภัยกว่า”
“คุณพ่อเป็นคนให้คุณนาฬิกา ท่านรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเก็บไว้เถอะครับ”
นาฬิกายิ้มรับสร้อยมาสวมไว้ในคออย่างเดิม
รถของนาชะแล่นเข้ามาจอดที่ตลาด นาชะ นาฬิกา ไกรยุทธ์ ลงมาจากรถ ไกรยุทธ์สะพายแลปท็อปมาด้วย
“ไปนั่งตรงร้านกาแฟกันดีกว่า”
นาฬิกาเดินนำไปร้านกาแฟร้านหนึ่ง ทั้งหมดเข้าไปข้างใน ไกรยุทธ์เอาแลปท็อปออกมาวาง หยิบแอร์การ์ด
สำหรับอินเตอร์เน็ตออกมาเสียบแล้วกดเปิดเครื่อง นาชะตะโกนสั่งเครื่องดื่ม
“กาแฟเย็นสาม”
“เป็นไง” นาฬิกาถามไกรยุทธ์
“เรียบร้อย ติดแล้ว”
ไกรยุทธ์กดแป้นคีย์บอร์ดไปมาอย่างคล่องแคล่ว นาฬิกากับนาชะต่างมองหน้ากัน ยิ้มอย่างพอใจ
ณัชชานั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านกราดสายตาไปรอบๆ เอกภพเดินเข้ามา
“องค์หญิง ผมมีอะไรจะให้ดู”
เอกภพพาณัชชามายืนอยู่หน้าตู้หนังสือในห้องทำงาน เอกภพกดไปที่หนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือยุบเข้าไป ตู้หนังสือเลื่อนเปิดออก ณัชชายิ้มออกมาอย่างพอใจเพราะภายในตู้ มีอาวุธปืนนานาชนิด แขวนอยู่ทั้งปืนสั้น,ปืนกล,ปืนลูกซอง หลายขนาดเต็มไปหมดพร้อมกล่องกระสุนเรียงเป็นตับ
“คุณพ่อผมเตรียมทุกอย่างให้พร้อม”
“แน่นอน ท่านเป็นเทพองค์รักษ์นี่”
ทั้งสองมองหน้ากันต่างยิ้ม
“เอ้อ องค์หญิงมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับอาวุธของมนุษย์บ้างมั้ยครับ”
“ผู้กองจะสอนดิฉันเหรอคะ”
“ถ้าองค์หญิงมีข้อสงสัย”
“อืม...มีหลายชิ้นที่ไม่เคยเห็น”
ณัชชายิ้มเดินเข้าไปตรวจดูที่แผงอาวุธ เอามือยกปาดผ่านอาวุธทั้งหมดอย่างช้าๆ มีแสงออกมาจากฝ่ามือสาดที่อาวุธบนแผง แล้วผ่านมือไปที่กล่องกระสุนต่างๆ เอกภพมองอย่างสงสัย ณัชชาปาดจนหมดครบทุกอย่างที่อยู่ในตู้..
“อย่าบอกนะครับว่าตอนนี้องค์หญิงรู้กลไกการทำงานแล้วหมดทุกชิ้น”
“ประมาณนั้น”
“ดีครับ ถ้าเสกออกมาได้ด้วยก็ดีนะครับ”
“แบบนี้เหรอคะ” ณัชชาสะบัดมือปรากฏเป็นปืนอยู่ในมือ เอกภพตาโต
“หมายความว่าองค์หญิงแสกนปืนทุกชิ้นเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ประมาณนั้น”
เอกภพได้พยักหน้าอย่างตื่นเต้น
ปิงปองนั่งทานอาหารอยู่กับเพื่อนหญิง 2-3 คน ที่โรงอาหารของโรงเรียน แต่แล้วจู่ๆ บีมก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับไอแพดในมือ
“ปิงปอง บีมมีอะไรให้ดู”
“โห ๆๆ” เพื่อนๆ ทำเสียงล้อแล้วหัวเราะกัน
“กินข้าวก่อนได้ปะ” ปิงปองถามบีม
“ตอนนี้เลยดีกว่า” บึมบอกอย่างร้อนรน
“โห ๆๆ” เพื่อนๆ หัวเราะกันอีก
“ก็ได้ แล้วเจอกันนะเธอ”
“โห ๆๆ”
“มาเร็วปิงปอง”
บีมเดินนำออกไป ปิงปองยิ้มแล้วเดินตามไป เพื่อนๆ ต่างหัวเราะชอบใจ
บีมพาปิงปองมาที่ห้องสมุด ทั้งคู่กำลังจ้องไอแพดที่มีรูปของสร้อยปรากฏอยู่อย่างชัดเจน
“เหมือนของเราเลย”
“ใช่...ใครมีสร้อยเส้นนี้ติดต่อด่วน อยากแชทด้วย”
ทั้งสองมองหน้ากัน
“เอาไงดี”
“รอก่อนดีกว่า ไม่รู้พวกสิบแปดมงกุฎหรือเปล่า”
“อืม...แปลกมาก ปิงปองไปถามคุณอาก่อนดีกว่าว่ายังไงกันแน่”
“ก็ได้ บีมก็จะถามอาบีมเหมือนกัน”
“งั้นปิงปองไปหม่ำต่อดีกว่า หิว”
“บีมก็หิว ไป”
ทั้งสองลุกไปพร้อมกัน
รถของนาชะแล่นกลับมาจอดที่บ้านพักที่ใช้ซ่อนตัว ไกรยุทธ์กับนาฬิกาลงจากรถแล้ววิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน
ปล่อยให้นาชะนั่งอยู่ในรถคนเดียว
“สองคนนี่ ไม่รอเลย นึกว่าจะเร็วกว่าเรา เชอะ”
นาชะแวบหายไปจากรถ
ร่างของนาชะโผล่วูบเข้ามาในห้องหนังสือ ทันใดนั้นเอกภพกับณัชชาต่างหันกลับมาตวัดปืนเข้าใส่นาชะ
“เฮ่ นาชะเอง”
“เกิดอะไรขึ้น”
“เปล่านี่” ณัชชากับเอกภพต่างแขวนปืนกลับที่เดิม “แต่ได้เรื่องทายาทแล้ว จากอินเตอร์เน็ต”
เอกภพกับณัชชาถึงกับตื่นเต้น
นาชะ ณัชชา เอกภพออกมาสมทบกับนาฬิกาและไกรยุทธ์ที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“มีคนตอบมาว่ามีสร้อยอย่างเดียวกันแต่ไม่ยอมพูดทางโทรศัพท์ ให้แต่ที่ติดต่อมา” นาฬิกาบอก
“ดีแล้ว พวกนายอำนาจมีสายเยอะทันทีที่เราใช้โทรศัพท์พวกนี้อาจจะรู้ตำแหน่งเราก็ได้”
“นี่ครับผมเซฟไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ดิฉันจะไปเอง”
“ผมไปดีกว่าครับ”
“คุณจะเป็นเป้ามากกว่าดิฉัน”
“เหมือนกันน่ะครับ ป่านนี้พวกมันรู้จักองค์หญิงกันหมดแล้วอย่างน้อยผมก็ไม่มีพลังดึงดูดพวกภูตสังหารเหมือนองค์หญิง”
“ผมไปด้วยก็ได้ครับ จะได้เอาสร้อยไปเทียบดูว่าเหมือนกันหรือเปล่า”
“ตกลงเอาตามนี้” เอกภพสรุป ณัชชาพยักหน้าในที่สุด “พรุ่งนี้ผมกับไกรยุทธ์จะออกเดินทางแต่เช้า”
ปิงปองเดินไปมาใต้ต้นไม้มีม้านั่ง บีมรีบเดินมาหา
“โห กว่าจะมาได้” ปิงปองต่อว่า
“ว่าไง”
“เดี๋ยวคุณอาจะมารับ คุณอาจะไปส่งบีมที่บ้าน จะได้เจออาของบีมด้วย”
“ทำไมเหรอ”
“ไม่รู้ คุณอาไม่ได้บอก”
ทั้งสองต่างเดินกันไปที่หน้าโรงเรียน..
เย็นวันนั้นที่บ้านของบีม ทุกคนเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของอาบีม ที่หน้าจอไอแพดของบีมเป็นรูปสร้อย อาของ บีมกับอาของปิงปองต่างมองหน้ากัน โดยมีบีมกับปิงปองนั่งอยู่ด้วย
“บีมกับปิงปอง ไปหาอะไรดื่มดูทีวีกันก่อนลูก”
บีมกับปิงปองมองหน้ากัน แล้วพากันออกไป
“ในที่สุดก็ถึงเวลาจนได้” อาปิงปองบอกออกมา
“คุณแน่ใจนะ ว่าใช่ทายาทที่ติดต่อมา”
“มีแต่ทายาทเท่านั้นที่มีสร้อยเส้นนี้”
“เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าทายาทปลอดภัย”
“เราต้องเสี่ยงเอา”
อาบีมพยักหน้าสีหน้าเป็นกังวล
นาชิ นาฬิกา เอกภพ ณัชชานั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว ทั้งหมดทานเสร็จแล้ว ป้าอรเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณค่ะป้าอร”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ป้าอรเดินออกไป ณัชชามองตามป้าอรอย่างสังเกต
“เมื่อไหร่ลุงสมจะกลับมาซักที”
“ป่านนี้คุณแม่คงบินออกนอกประเทศไปแล้ว ลุงสมคงถึงบ้านค่ำนี้ เป็นอย่างช้า”
“พี่ณัชชาเริ่มชินกับอาหารมนุษย์หรือยังคะ”
“อร่อยดีจ้ะ”
“อาหารบนสวรรค์เป็นยังไงเหรอครับ”
“พอหิว นึกอยากทานอะไรก็อิ่มเลย”
“โห ดีจัง ไม่ต้องทำกับข้าว ไม่ต้องล้างจาน” ทั้งหมดหัวเราะกัน
“แล้วไม่มีไปดินเน่อร์กันเหรอครับ”
“แบบมนุษย์เดทกันเหรอคะ”
“ครับ”
เอกภพกับณัชชาต่างจ้องกัน นาชะเหลือบมองนาฬิกา ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กัน
“ไปดูทีวีกว่า”
นาฬิกาลุกออกไป นาชะยิ้มแล้วแวบหายไป เอกภพกับณัชชายิ้ม
“ตกลงมีเดทกันหรือเปล่าครับ”
“มีค่ะ แต่ไม่มีร้านอาหารให้ไปเหมือนมนุษย์”
“ผมรู้แล้ว นัดกันไปเจอกันที่ก้อนเมฆ เสกไวน์มาดื่ม แล้วก็มีนางฟ้าเล่นพิณให้ฟัง”
ณัชชายิ้มขำ ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
นาฬิกากับนาชะนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก
“องค์หญิงมีแฟนหรือยัง” นาฬิกาถามนาชะ นาชะยิ้ม
“ไม่มีใครกล้ามาจีบ องค์หญิงเก่งแล้วก็เด็ดขาดไม่มีเทพชั่วรอดจากคมดาบขององค์หญิง”
“ไม่มีมนุษย์ชั่วรอดจากกระสุนของพี่เอกเหมือนกัน น่าเสียดายพี่ณัชชาไม่น่าเป็นเทพอยู่สวรรค์เลย พี่เอกเลยอด”
“ไม่แน่หรอก ผู้กองก็เป็นเทพเหมือนกัน”
“หาจริงเหรอ”
“อีกอย่าง ไม่เคยได้ยินเหรอ ความรักมีอานุภาพเหนือสิ่งใด”
ณัชชาออกมายืนหน้าบ้านแล้วมองไปรอบๆ เอกภพเดินเข้ามา ส่งกาแฟให้ ณัชชารับมา
“ขอบคุณค่ะ”
“มาอยู่กับมนุษย์หลายวันแล้ว คิดถึงสวรรค์บ้างมั้ยครับ”
“ยังหรอกค่ะ”
“ถ้าภารกิจจบแล้ว จะคิดถึงโลกมนุษย์ หรือเอ้อ...มนุษย์บ้างมั้ยครับ”
“ถ้ากลับสวรรค์เมื่อไหร่ก็จะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับโลกมนุษย์ทันที”
“ลืมหมดเลยเหรอครับ”
“ค่ะ เพื่อไม่ให้เทพมีความหลังอยากจะกลับมาโลกมนุษย์อีก ไม่ให้ข้ามเส้นของกันและกัน” เอกภพถึงกับเงียบไป ทั้งสองได้แต่จ้องกัน ทันใดนั้นณัชชาขยับตัว “มีคนมา”
ทั้งสองหันไปก็เห็นแสงไฟหน้ารถวิ่งขึ้นมา
“ลุงสม” รถแล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว “เอ๊ะ มีบางอย่างผิดปกติซะแล้ว”
ลุงสมลงจากรถก็เห็นเอกภพวิ่งมากับณัชชา
“มีอะไรเหรอ”
“มีพวกมันตามผมมา ผมวนหลบอยู่แถวนี้หลายรอบแล้วครับ ได้โอกาสก็เลยรีบพรวดเข้ามา”
เอกภพกราดสายตาไปรอบ
“ลุงสมไปพักก่อน เดี๋ยวผมจะตรวจดูเอง”
“เราย้อนไปคอยดูพวกมันดีกว่าค่ะ”
รถตู้สองคันจอดอยู่ตรงเชิงเขา พวกมือปืนนับสิบต่างออกมาสำรวจรอบๆ เอกภพกับณัชชาค่อยๆ ปรากฏตัวในพุ่มไม้
“พวกมันตามลุงสมมาจริงๆ”
“พวกมาเฟีย มีเครือข่ายทั่วไปหมด มันคงตามรอยคุณแม่จากสนามบิน”
“เราต้องจัดการพวกมัน ก่อนที่มันจะพบที่ซ่อนของเรา”
“จัดการพวกมันที่นี่.พวกมันต้องแห่กันมาอีก เราล่อพวกมันออกไปไกลๆ จะดีกว่า ยิ่งไกลยิ่งดี”
“ดิฉันจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
“คุณต้องตื่นแต่เช้าไปกับคุณไกรยุทธ์ อย่าห่วงเลยค่ะสบายมาก”
ณัชชาแวบหายไป เอกภพได้แต่ยิ้ม
พวกมือปืนแยกย้ายกันสำรวจร่องรอย ทันใดนั้นพวกมันคนหนึ่งเห็นแสงไฟหน้ารถวูบผ่านลงเขาไป
“รถไอ้แก่อยู่นั่น”
พวกมันต่างแห่กันวิ่งขึ้นรถตู้ ตีวงตามแสงไฟรถที่เห็นไปอย่างรวดเร็ว
รถลุงสมวิ่งไปตามเส้นทางโดยมีณัชชาเป็นคนขับ พวกมือปืนตามติด ณัชชาชำเลืองมองกระจกหลังเห็นพวกมือปืนตามมาก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น
รถตู้ของพวกมือปืนวิ่งมาตามเส้นทางภายในรถพวกมือปืน 4-5 คน
“พี่ดูนั่น”
พวกมือปืนมองไปเห็นรถของลุงสม จอดตะแคงอยู่ข้างทาง
“ฮะฮ้า สมน้ำหน้า”
รถตู้ค่อยๆ ชะลอจอดพวกมือปืนลงมาจากรถ ต่างรีบลงไปล้อมรถของลุงสมไว้ พวกมือปืนเข้าไปในรถเห็นลุงสมนอนสลบอยู่ในรถ
“เอายังไงพี่”
“ลูกพี่สั่งให้จับเป็นแต่ผู้กอง คนอื่นเก็บให้หมดจัดการไอ้แก่นี่ซะ” พวกมือปืนถอยห่างออกจากรถ ต่างรัวกระสุนเข้าใส่ รถของลุงสมระเบิดไฟลุกท่วม “ไปโว้ย”
พวกมือปืนต่างเดินกลับไปยังรถตู้ ทันทีที่พวกมันขึ้นรถ รถของลุงสมก็ระเบิดตูมไฟลุกท่วม รถตู้พุ่งพรวดลับสายตาไป ทันใดนั้นร่างของณัชชาแวบปรากฏ ยืนอยู่ ยิ้มเคร่งเครียด
จบตอนที่ 2
อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.